ชื่อของผู้มาใหม่หลุดออกมาอย่างแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงลมพัดผ่าน อิงดาวจึงรีบหันกลับมาจ้องตู้กระจกผลไม้ทันที ในขณะที่หัวใจเต้นราวกับกลองตี เหมือนว่าแข้งขาจะอ่อนแรงขึ้นมาโดยฉับพลัน
“เอาอะไรคะ”
เสียงแม่ค้าเรียกสติ อิงดาวจึงรีบบอกออกไปอย่างร้อนรนว่า
“มะม่วงเปรี้ยว สาลี่ กับแตงโมค่ะ”
หญิงสาวบอกแม่ค้าเสร็จก็ยืนเงียบนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะเหล่ตามองคนข้าง ๆ หัวใจเธอเต้นแรงจนได้ยินเสียงของมันก้องอยู่ในหู พร้อมกับเสียงหนึ่งที่ตะโกนสั่งเธอในใจว่า
- ทักอาจารย์สิ บอกขอบคุณอาจารย์สิ ที่วันนั้นช่วยเธอไว้ –
- เอาผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นคืนอาจารย์ แล้วบอกขอบคุณสิ –
- บอกขอบคุณไปเลย กล้า ๆ หน่อย –
และแล้วในที่สุดอิงดาวก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดเท่าที่มี เอ่ยทักอาจารย์ออกไปว่า
“อะ อาจารย์ธาวินคะ”
“ได้แล้วจ้า”
เสียงแม่ค้าผลไม้ดังกลบเสียงเบา ๆ ของอิงดาวจนหมด หญิงสาวหน้าแดงก่ำ รีบรับถุงผลไม้มาจากมือของแม่ค้า พร้อมกับจ่ายเงินให้แล้วเดินออกมาจากร้านผลไม้ ในขณะที่อาจารย์ธาวินกำลังสั่งผลไม้กับแม่ค้า
อิงดาวเหลียวมองอาจารย์ธาวินอีกครั้ง พร้อมกลับถอนหายใจออกมา หากจะเดินกลับไปทักอาจารย์ใหม่อีกครั้ง เธอก็อายเกินกว่าที่จะทำเช่นนั้น อีกทั้งเมื่อสักครู่เขาไม่มีท่าทีว่าจะจำเธอได้แม้แต่น้อย หรืออาจจะไม่ได้สนใจเธอด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เขาตรงนั้น
หญิงสาวเม้มปากสนิท ก่อนตัดใจเดินออกมาจากโรงอาหาร ระหว่างนั้นเธอเดินผ่านกลุ่มนักศึกษาชายที่สวมเสื้อช็อปสีแดง ซึ่งเป็น เสื้อ ช็อปของภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ฯ ประโยคสนทนาของนักศึกษาชายกลุ่มนั้นก็ทำให้เธอต้องชะลอฝีเท้าลง
“เฮ้ย มึง ! นั่นมันอาจารย์ธาวินนี่ !”
“เอ่อ กูจำได้ขึ้นใจ ไอ้คนที่มันบ้าอำนาจ คิดว่าตนเองวิเศษวิโสกว่าคนอื่น จนทำให้กูต้องลงเรียนซ้ำอีกเทอม”
“นั่นดิ ก็แค่ลากอีแตะเข้าห้องสอบ ทำเป็นเรื่องราวใหญ่โตไปได้”
“อย่าว่าแต่อีแตะเลยมึง แค่กูนั่งดูดบุหรี่ข้างตึก ยังเดินเข้ามาด่าสั่งสอนกูอีก หน้าก็ไม่เหมือนพ่อกูสักนิด”
เธอได้ยินถ้อยคำรุนแรงของนักศึกษาเหล่านั้นชัดเจนจนอดเหลียวหลังมองนักศึกษาชายกลุ่มนั้นไม่ได้ ร่างสูงใหญ่กำยำของพวกเขาเดินหายลับเข้าไปในโรงอาหารปะปนกับนักศึกษากลุ่มอื่น ๆ สิ่งที่เธอได้ยินเมื่อสักครู่รบกวนจิตใจไม่น้อย
หลังเลิกงานอิงดาวแวะเข้าร้านยาของมหาวิทยาลัย เพื่อซื้อยาแก้ปวด และยาคลายกล้ามเนื้อให้กับแม่ เธอจะลองเอาไปให้แม่กินก่อน หากยังไม่ดีขึ้นเธอจะต้องหาทางให้แม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลให้ได้
อิงดาวเก็บยาลงกระเป๋าเป้ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินออกจากร้าน ระหว่างที่เธอมองซ้ายขวาเพื่อที่จะข้ามถนนไปรอรถเมล์ สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นรถยุโรปสีเงินวาวขับมาด้วยความเร็วไม่มากนักเพราะเป็นถนนภายในมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาพลุ่งพล่าน จึงทำให้เธอมองเห็นคนขับอย่างชัดเจน
- อาจารย์ธาวิน –
หญิงสาวเอ่ยชื่อชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของรถคันงามราคาหลายล้าน ดวงตากลมโตมองรถคันนั้นวิ่งผ่านจนหายไปลับตา เธอจำสีรถ จำทะเบียนรถคันนั้นได้อย่างแจ่มชัดในใจ เธอเองก็ไม่รู้ทำไมว่า อะไรที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ ทำไมเธอต้องใส่ใจเป็นพิเศษ และมีความรู้สึกกับเขามากมายนัก ทั้ง ๆ ที่เจอกันเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง และทุกครั้งก็เหมือนกับว่าเขาจะไม่เห็นหล่อนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
จากฤดูร้อน เข้าสู่ฤดูฝน
แสงแดดที่เคยแผดแสงแรงกล้า กลับกลายเป็นสายฝน ในแต่ละวันมนุษย์ที่อยู่ใต้แผ่นฟ้าไม่อาจคาดเดาใจฟ้าได้เลยว่าฝน จะเทลงมาเมื่อใด
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด เจ้าหน้าที่ภายในสำนักงานส่วนใหญ่จึงพยายามเร่งมือกันทำงานกันอย่างเคร่งเครียด เพื่อให้ได้กลับบ้านได้ทันทีที่ถึงเวลาเลิกงาน
เมฆสีดำเริ่มตั้งเค้ามาตั้งแต่ตอนบ่าย เจ้าหน้าที่หลายคนเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ เพราะเกรงว่าพายุใหญ่กำลังจะมา หากกลับไม่ทันอาจจะต้องติดฝนอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน ด้วยเหตุนี้พี่ ๆ เพื่อน ๆ ในสำนักงานจึงเร่งฝีเท้าออกจากสำนักงานทันทีที่นาฬิกาบนฝาผนังห้องบอกเวลาเลิกงาน
“ใหม่เก็บของเสร็จรึยัง ให้รอไหม”
อิงดาวเอ่ยขึ้นขณะที่ร่างเล็กเดินมาถึงโต๊ะของเพื่อนสาว ทั้งสำนักงานเหลือเพียงแค่เธอสองคน
“รอสิยะ ! ฉันไม่กล้าอยู่ที่สำนักงานคนเดียวหรอกนะ ยิ่งฝนใกล้จะตก ฟ้าก็มืดแล้วด้วย ฉันกลัวผี”
ใหม่รีบปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็หันไปเก็บแฟ้มเสนองานเข้าที่ ปกติแล้วงานธุรการจะไม่ค่อยมีงานมาก เธอจึงเป็นคนแรก ๆ ที่กลับบ้านก่อนเพื่อน ยกเว้นวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเสนอขอทุนวิจัย ที่ทางคณะต่าง ๆ จักต้องส่งเอกสารให้ท่านรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยลงนาม ผ่านสำนักงานวิจัย เมื่อลงนามเสร็จแล้ว ฝ่ายธุรการก็มีหน้าที่ออกเลขหนังสือจากนั้นจึงจะสามารถยื่นขอทุนวิจัยจากแหล่งต่าง ๆ ได้
“ได้ ๆ”
อิงดาวยิ้มน้อย ๆ ให้กับคนกลัวผี ที่กุลีกุจอรีบเก็บของเตรียมกลับบ้าน
“อ๊ายยยยย”
คนกลัวผีกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง ใบหน้าซีดเผือด ทำให้คนที่ไม่เคยกลัวอะไรอย่างอิงดาวตกใจไปด้วย
“อะไร เป็นอะไรใหม่”
อิงดาวละล่ำละลักถาม มองซ้ายขวาด้วยความหวาดระแวง
“ฉันเอาเอกสารขอทุนให้อาจารย์ธาวินไม่หมด”
หญิงสาวบอก น้ำเสียงคล้ายคนจะร้องไห้ มือที่ถือเอกสารอยู่สั่นระริก
“พุทโธ่... ฉันละตกใจหมดนึกว่าเธอเห็นผีซะอีก”
อิงดาวลูบอกของตนเองเบา ๆ เพื่อปลอบขวัญของตน
“มันยิ่งกว่าเห็นผีอีกนะอิงดาว ฉันตายแน่ ๆ เพราะเอกสารชุดนี้ด่วนมาก อาจารย์ธาวินต้องส่งให้แหล่งทุนพรุ่งนี้ โครงการนี้อาจารย์ธาวินเป็นหัวหน้าทีม ร่วมกับท่านรองอธิการเพื่อขอทุนวิจัยให้กับมหาวิทยาลัยงบประมาณตั้งยี่สิบล้าน !”
ใหม่อธิบายให้เพื่อนฟังด้วยความร้อนใจ
“พรุ่งนี้ค่อยส่งไปที่คณะวิศวะฯ ก็ได้นี่”
อิงดาวออกความเห็น
“ไม่ได้สิ ฉันกลัวว่าอาจารย์ธาวินจะไม่รู้ว่าเอกสารหายไปหนึ่งชุด แล้วส่งไปที่แหล่งทุนเลย หากเป็นแบบนั้น แหล่งทุนก็จะไม่รับพิจารณา ทำให้มหาวิทยาลัยเราชวดเงินตั้งหลายล้าน เพราะฉันเป็นต้นเหตุ จากนั้น ทั้งท่านรองอธิการ อาจารย์ธาวิน โดยเฉพาะหัวหน้าฯ ต้องไล่ฉันออกแน่ ๆ”
ใหม่เริ่มเบะปาก เสียงสั่นเครือคล้ายคนจะร้องไห้
ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู
ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก
ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ
จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ
ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู
ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ