ログインยัสซันหัวเราะออกมาเบา ๆ พยักหน้ายอมรับที่อีกฝ่ายพูดออกมา “คนสมัยนี้มันน่ากลัวนะ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ผู้หญิงยอมเป็นเมียน้อยเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีเงิน ส่วนผู้ชายก็ยอมมีเมียแก่รุ่นแม่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีเงิน สรุปแล้วมีแต่คนหาเกาะใหญ่ ๆ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยของกินดี ๆ กันทั้งนั้น ไม่มีใครยอมอยู่เกาะที่รกร้างว่างเปล่ากันหรอก ต่อให้เกาะนั้นมีธรรมชาติที่งดงามเพียงไหนก็ตาม”
“ฮา ๆ ๆ มันก็จริงอย่างที่นายว่านั่นแหละ สมัยนี้เงินเท่านั้นที่บันดาลความสุข ไม่ใช่ความรักหรอก”
“มาดื่มกันดีกว่า อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องที่ยังเป็นไปไม่ได้เลย” ยัสซันยื่นแก้วเหล้าขอชนกับอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม
“ดื่ม”...
อินทิราบอกลากับเด็กหนุ่มหลังจากดูหนังเสร็จ เพื่อไปทำงานตามที่รับปากกับชาลีเอาไว้
“ให้ปอไปเป็นเพื่อนนะครับพี่ป่าน”
“ไม่ต้องหรอกปอ กลับบ้านไปอ่านหนังสือเถอะ กว่าพี่จะกลับคงดึก”
“แต่ปอเป็นห่วงพี่ป่านนี่ครับ พี่ป่านสายตาสั้นด้วย ขับรถตอนกลางคืนมันอันตรายนะครับ” ชินวุฒิยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง เพราะต้องการไปกับเธอด้วย
“พี่ใส่คอนแทคเลนส์อยู่ย่ะ แว่นก็มีอยู่ในรถ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก กลับบ้านได้แล้ว อย่าเถลไถลที่ไหนล่ะ ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยเข้าใจไหม” หญิงสาวทำเป็นตีหน้าดุใส่เด็กหนุ่ม
“ครับผม” ชายหนุ่มรับปากหญิงสาวรุ่นพี่หน้าสลด เดินคอตกแยกจากไป
แยกจากชินวุฒิแล้วหญิงสาวก็ขับรถไปที่บริษัท เอาแฟ้มงานบนโต๊ะทำงานของชาลีแล้วจึงขับไปที่คอนโดหรูย่านลาดพร้าว ที่อยู่ไกลคนละโยชน์กับบริษัท
“กลัวไม่รู้ว่ารวยหรือไงถึงได้ซื้อยกชั้น แน่จริงน่าจะซื้อยกตึกไปเลย” เธอนินทาเจ้านายหนุ่มที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกันนัก ขณะมองตัวอาคารสูงสุดลูกตา “โอ๊ะ.. จะห้าทุ่มแล้วเหรอ”
สาวสวยหน่วยก้านดีหยิบกระเป๋าเอกสารที่เตรียมไว้ลงจากรถ เดินตรงเข้าไปในตัวอาคารอย่างรีบเร่ง..
“บอกผมมา ว่าผู้หญิงคนนี้มาหาใครที่นี่”
“ฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ เพราะฉันก็เพิ่งเจอเธอมากับคุณนี่แหละ” พนักงานสาวที่ยืนทำท่าจะร้องไห้อยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตอบออกไปด้วยสีหน้ากริ่งเกรงอีกฝ่าย
“คุณจงใจช่วยเธอปิดบังใช่ไหม”
“ดิฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ คุณคนนี้เพิ่งมาถึง ยังไม่ทันได้ถามอะไรคุณก็เดินเข้ามาพอดี” พนักงานหญิงปฏิเสธเสียงสั่น
“จริง ๆ ครับ ผมเป็นพยานได้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนยันช่วยเพื่อนร่วมงานด้วยอีกคน
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ มาหาใครที่นี่ ผู้ชายใช่ไหม” เมื่อคนอื่นไม่ยอมตอบคำถาม ชายหนุ่มเจ้าสำอางจึงหันไปถามหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ใกล้ ๆ แทน
“แล้วมันเรื่องอะไรของเธอล่ะ เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้”
“เธอคงจะลืมไปกระมังว่าฉันเป็นผัวเธอ”
“พูดจาให้มันดี ๆ นะ เราเป็นสามีภรรยากันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อะไรนะ! เธอกล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอติ๊นา ฉันนอนอยู่กับเธอเป็นเดือน ถ้าฉันไม่ใช่ผัวเธอแล้วจะเรียกว่าอะไร” นายแบบหนุ่มหน้าใหม่ของวงการเดินแบบเมืองไทย ตะคอกถามนางแบบสาวชื่อดัง
ติ๊นาหรือรัตนาภรณ์กำมือแน่น ระงับโทสะที่วิ่งพล่านอยู่ในกาย โมโหชายหนุ่มที่มาขัดขวางเงินก้อนโตของตนไว้
“กลับไปซะเถอะตั้น ฉันมาที่นี่เพราะต้องทำงาน”
“ตอแหล! มาหาผู้ชายล่ะสิ”
“ไอ้ตั้น!”
อินทิราหันไปมองทางต้นเสียงที่ตวาดใส่กันเสียงดัง บ่งบอกความโมโหสุดขีดนั้น
ซ่า..
คิ้วเรียวที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมกระตุกเข้าหากันอย่างหัวเสีย มองไปที่กลุ่มคนทั้งสี่ ก่อนจะหยุดลงที่สาวสวยรูปร่างสูงโปร่ง
“พวกคุณกำลังเล่นอะไรกันอยู่มิทราบ” เธอไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยสักนิด ทำไมต้องโดนสาดด้วยล่ะเนี่ย
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ” รัตนาภรณ์รีบเปิดกระเป๋าหยิบทิชชู่มาเช็ดให้หญิงสาวที่โดนลูกหลงจากตัวเอง
“ไม่ต้อง” อินทิราแย่งทิชชู่ในมือของเธอมาถือไว้เองด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วซับลงไปบนเสื้อตัวสวยที่เพิ่งใส่เป็นครั้งแรก
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ” เพราะความโมโหที่โดนชายหนุ่มด่าว่าตอแหล เธอจึงคว้าแก้วน้ำหวานที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ หวังจะสาดใส่เขา คาดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะหลบทัน น้ำหวานแก้วใหญ่ทั้งแก้วจึงถูกสาดใส่คนที่เดินเข้ามาเต็ม ๆ
“ขอโทษแทนเธอด้วยนะครับคุณ นี่นามบัตรของผม ถ้าต้องการค่าชดใช้เรื่องเสื้อผ้าให้ติดต่อมานะครับ” นายแบบหนุ่มที่ยังอยู่ในอาการหัวเสีย ยื่นนามบัตรให้หญิงสาวที่รับเคราะห์แทนตน แล้วคว้าข้อมือคนรัก กระชากออกไปอย่างไม่ถนอม “กลับบ้าน เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
อินทิราเหลือบหางตาคมมองตามหนุ่มสาวที่ต่างก็แข็งขืนใส่กัน กำลังจะอ้าปากด่าออกไป
“พวกเราต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้วยนะคะ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ฉันขอรับผิดชอบด้วยการเอาเสื้อผ้าส่งไปซักที่ร้านให้นะคะ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเอามาส่งให้ฉันได้เลยค่ะ”
อินทิราหันกลับมาให้ความสนใจกับหญิงสาว ที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับชายหญิงคู่นั้น มองไปที่ยามสูงอายุที่ทำหน้าสลดอยู่ใกล้ ๆ มันไม่ใช่ความผิดของสองคนนี้ เธอจะให้พวกเขารับผิดชอบได้อย่างไร
“ไม่เป็นไร ฉันจ้างเขาซักเป็นรายเดือนอยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่คุณผู้หญิงอย่าเอาเรื่องนี้ไปแจ้งกับเจ้านายของเราก็พอค่ะ เพราะถ้าโดนร้องเรียน เราอาจจะโดนไล่ออก”
อินทิราคลี่ยิ้มบางเบา มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่อ่อนโยนขึ้น ถึงแม้จะมีความโมโหอยู่ในใจ “ฉันไม่บอกหรอก หายห่วงได้” เธอบอกเพียงแค่นั้นแล้วเดินจากไป ขยำนามบัตรที่รับมาโยนทิ้งถังขยะ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชายหญิงคู่นั้นคือใคร ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยได้ดูข่าวบันเทิงสักเท่าไหร่ แต่สำหรับเวทีนางแบบนายแบบแล้ว เธอค่อนข้างจะรู้จักดี เพราะงานที่ทำมันต้องยุ่งเกี่ยวกับวงการนี้
หญิงสาววางแฟ้มงานลงบนโต๊ะทำงานของยัสซัน เรียบร้อยแล้วตั้งใจจะเดินทางกลับทันที แต่เพราะทนต่อความเหนียวของน้ำหวานไม่ไหว จึงคิดจะล้างเนื้อตัวและเสื้อให้สะอาดก่อน เธอมองเวลาที่ผนัง.. “คงยังไม่กลับตอนนี้หรอก” คิดดังนั้นจึงเดินหาห้องนอนที่คิดว่าไม่ใช่ห้องนอนของเขา เพื่อจัดการกับเสื้อผ้าและร่างกายที่เหนียวหนึบหนับของตน
หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าท่อนบนออกทั้งชั้นนอกและชั้นใน จัดการซักในส่วนที่เลอะให้สะอาด ใช้ไดร์เป่าผมช่วยเป่าจนแห้งหมาด เสร็จกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อล้างตัวท่อนบนของตัวเอง..
ห้าปีผ่านไป “คุยเรื่องงานกันไปแล้ว ตอนนี้เราจะขอคุยเรื่องครอบครัวของคุณยัสซันบ้างนะครับ คุณยัสซันเจอกับภรรยาที่ไหน แล้วประทับใจอะไรในตัวเธอถึงได้ขอแต่งงาน ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยครับ” “ผมเจอเธอครั้งแรกที่หน้าบริษัทครับ เธอสวยสะดุดใจผมมากแต่ผมก็ไม่ได้แสดงออก และเธอก็ไม่ชอบผมเอาซะเลย เมื่อก่อนเธอร้ายกับผมมาก แต่เธอยิ่งร้ายผมก็ยิ่งรัก รุกจนเธอใจอ่อนยอมรับรัก ผมก็เลยขอเธอแต่งงาน” “เป็นที่รู้กันทั่วในกลุ่มไฮโซว่าคุณรักภรรยามาก คุณจะต้องพาเธอออกงานด้วยตลอดจริงไหมครับ” “ถ้าเขาไม่เห็นเขาก็คงไม่พูดกันหรอกครับ” ยัสซันตอบพร้อมกับหัวเราะในลำคอ หันไปมองภรรยาที่กำลังยุ่งอยู่กับการเลือกชุด “กว่าผมจะได้เธอมาเป็นภรรยา ผมต้องผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย ผมจะไม่รักเธอมากได้ยังไงล่ะครับ”
“พ่อบอกว่าการอยู่ไฟจะทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว และจะทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรงด้วยค่ะ” “ภูมิปัญญาชาวบ้านของคนไทย เชื่อถือได้ในหลาย ๆ เรื่องนะหนูป่าน” เรย์มองด์เห็นดีเห็นงามด้วย “ค่ะคุณพ่อ” “คุณพ่อตายังแอบกระซิบบอกผมด้วยนะครับ” “บอกอะไรเหรอคะ” อินทิราถามสามีด้วยความอยากรู้ “บอกให้ผมรีบปั้นหลานให้ท่านสักครึ่งโหล” พูดจบก็ยิ้มบานแฉ่ง “พูดอะไรแบบนั้นคะ” เธอตีแขนสามี ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ผมพูดจริง ๆ นะครับป่าน ไม่เชื่อก็โทรไปถามคุณพ่อท่านดูสิครับ” ยัสซันยืนยันด้วยท่าท
“ฉันจะกลับญี่ปุ่นให้เร็วที่สุด” เคียวโกะพูดแทรกขึ้น รู้แล้วว่าอินทิราน่ากลัวแค่ไหน เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่สมควรต่อกรด้วยสักนิด ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า“ถ้าอย่างนั้นฉันก็หมดเรื่องจะคุยกับพวกเธอแล้ว ฉันกลับล่ะนะ อ้อ! แล้วอย่าคิดบิดพลิ้วล่ะ อย่าลืมว่าฉันกำความลับของพวกเธอไว้มากแค่ไหนด้วย” พูดจบก็เกาะแขนเพื่อนรักเดินออกไป“ป่าน เธอเจ๋งมาก” ปัทมาชื่นชมเพื่อนรักเมื่อกลับมานั่งอยู่ในรถด้วยกันแล้ว“ถ้ามีผู้หญิงมายุ่งกับพี่ชาลี แก้วก็จะเป็นแบบป่านนี่แหละ”“แก้วคงไม่กล้าแบบป่านหรอก คงเอาแต่กอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียว” ปัทมาตอบกลับด้วยความมั่นใจ“เมื่อเวลานั้นมาถึงแก้วจะเปลี่ยนความคิดทันที” อินทิราบอกกับเพื่อนรักพร้อมรอยยิ้ม “แก้วไปส่งป่านที่บริษัทหน่อยสิ แล้วค่อยกลับไปพักผ่อนต่อ”“พอหมดธุระก็เฉดหัวส่งเลยนะคุณเพื่อน” ปัทมาประชดเพื่อนรัก“ป่านอยากให้แก้วพักผ่อนต่างหาก วันนี้ลากมาด้วยก็เกรงใจจะแย่”“แก้วจะแกล้งเชื่อก็แล้วกันนะ&rdq
แผ่นหลังขาวอมชมพูนวลเนียนไร้ที่ติของภรรยาทำให้ยัสซันอดใจไม่ไหว ต้องแนบหน้าลงไปคลอเคลียพิสูจน์ความหอมจนทั่ว ลามไปจนถึงสะโพกกลมกลึงและต้นขาเรียวยาว แล้วจึงวกกลับมาตามทางเดิม หยุดอยู่ที่ซอกคอระหง ขยับกายให้แนบชิดกับเธอแล้วจึงสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปในกายเธออย่างนุ่มนวลเรียวขายาวของอินทิรากระหวัดเกี่ยวต้นขาแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของสามี เพื่อเปิดทางให้เขานำความสุขเข้ามาวิ่งพล่านอยู่ในตัวเธอได้สะดวก สอดมือข้างหนึ่งประสานกับเขาเพื่อใช้ยึดเหนี่ยว มืออีกข้างลูบหน้าท้องโหนกนูนเอาไว้คล้ายปลอบประโลมไม่ให้ลูกน้อยตกใจ คอยรับจังหวะรักอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่รีบร้อน สะสมความสุขไปด้วยกันจนถึงฝั่งฝันหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอินทิราพาปัทมาเดินเข้าไปในร้านอาหารของโรงแรมชื่อดังย่านสุวรรณภูมิด้วยมาดดั่งนางพญา กวาดสายตามองหาตำแหน่งตามที่ได้รับรายงาน“อยู่นั่นไงแก้ว” เมื่อเห็นเป้าหมายแล้วจึงจูงมือเพื่อนสาวเดินเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล“ใจเย็น ๆ นะป่าน” ปัทมาที่ถูกชวนมาเป็นเพื่อนหลังจากเพิ่งกลับจากฮันนีมูนเพียงคืนเดียวเตือนเพื่อนรัก“รู้แ
“ป่านถึงบอกให้คุณคอยดูไงคะ ป่านจะส่งเธอออกนอกประเทศในไม่ช้านี้แหละ ป่านคิดว่าป่านรู้ตัวคนบงการด้วยค่ะ ป่านคงต้องสั่งสอนเธออีกสักหน่อย ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้คงคลอดลูกไม่สงบ”โอ้ว! ภรรยาของเขานี่น่ากลัวจริง ๆ ถ้าเขามีเมียน้อยคงถูกเธอจับได้ตั้งแต่วันแรกเลยกระมัง“คุณไม่โกรธป่านใช่ไหมคะ ถ้าป่านจะตามสืบเรื่องนี้”“ทำไมต้องถามผมแบบนั้นด้วยล่ะครับ คุณทำเหมือนผมยังรักเธออยู่อย่างนั้นแหละ” เขารู้สึกแปลก ๆ กับคำถามของเธอ“ก็แค่คิด”“เลิกคิดเรื่องนั้นไปเลยนะคุณป่าน ผมรักผู้หญิงได้แค่ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น และตอนนี้คนที่ผมรักก็คือคุณคนเดียว แต่ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหานะครับ” เขาแย้งและเตือนด้วยความเป็นห่วง“ถ้าใช้อารมณ์เป็นใหญ่ความรุนแรงก็เกิดขึ้นแน่นอน แต่ป่านเป็นคนมีสติค่ะ ป่านจึงใช้สติแก้ปัญหา คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ป่านจะแก้ปัญหาเรื่องนี้เอง คุณไม่ต้องเข้ามายุ่งเด็ดขาด ไม่งั้นป่านจะคิดว่าคุณยังมีใจให้เธอ” เธอขู่เพราะไม่อยากให้เขามาก้าวก่าย เรื่องแบบนี้ผู้หญ
“นั่นสิคะ” วารีก็สงสัยไม่ต่างจากสามี แต่ก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งในตอนนี้ ให้พวกเขาปรับความเข้าใจกันเองก่อนดีกว่า ถ้าไม่ได้ผลแล้วค่อยยื่นมือเข้าไปช่วย“หวังว่าเธอจะหายงอนก่อนที่เรากลับมานะ” เรย์มองด์พูดยิ้ม ๆ“เราไปเป็นอาทิตย์เลยนะคะที่รัก” วารีค้อนใส่สามี “เดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ คนท้องก็อารมณ์แปรปรวนง่ายแบบนี้แหละ”“หวังว่าเธอจะหายงอนก่อนเราออกเดินทางนะ” เรย์มองด์เปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ จึงเห็นรอยยิ้มพอใจของภรรยา…อินทิราถอดเสื้อคลุมเดินลงสระน้ำทันทีที่เหลือบไปเห็นสามีกำลังเดินมา ลอยคอเล่นอยู่ในน้ำหันหน้าไปทางตรงข้ามกับที่เขายืน“อยากว่ายน้ำทำไมไม่บอกผมล่ะครับที่รัก ผมจะได้มาว่ายเป็นเพื่อน” คำถามของเขาไร้การตอบรับโดยสิ้นเชิง เหมือนกำลังพูดอยู่กับอากาศ“ขนมปังกับนมได้แล้วค่ะคุณป่าน” สาวใช้คนเดิมบอกนายหญิง“วางไว้ตรงนั้นแหละจ้ะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปกินเอง ขอบใจนะ”“แป้งไปทำงานบ้านก่อนนะคะคุณป่าน” สาวใช้ขออนุญาตเมื่อเห็นสามีของเธอมาคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ แล้ว“เธอไปแล้วใครจะดูแลฉันล่ะ เจ้านายของเธอต้องไปทำงานแล้ว” อิน







