ยัสซันกระตุกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นไฟในห้องเปิดเอาไว้ เดินดิ่งไปยังห้องนอนรับรองแขก เปิดประตูเข้าไปโดยไม่เคาะขออนุญาต ในห้องไร้ตัวตนของหญิงสาวที่ได้ตกลงนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า มีเพียงเสื้อและชั้นในที่วางไว้บนหมอนใบใหญ่ ทำให้รู้ว่าเธอกำลังอาบน้ำอยู่
และเพื่อไม่ให้เสียเวลา จึงจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง คว้าผ้าขนหนูสีขาวบนเตียงมาพันปกปิดท่อนล่างเอาไว้ลวก ๆ เดินออกไปหยิบบรั่นดีชั้นเยี่ยมพร้อมแก้วทรงสูงสองใบ
บานประตูแบบกระจกถูกผลักออกอย่างเบามือกว่าเดิม เพราะกลัวของที่ถือมาด้วยจะกระทบโดนจนเกิดความเสียหาย.. แต่แล้วใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ของยัสซันก็ต้องตะลึงค้าง.. เมื่อมองเห็นแผ่นหลังขาวผุดผาดของสตรีนางหนึ่งที่กำลังขยับเสื้อในตัวสวยให้เข้าที่
เพียงแค่เห็นด้านหลังเขาก็นึกไปถึงอินทิราทันที นางแบบคนนี้กับเธอคนนั้นช่างเหมือนกันราวกับแกะ รูปร่าง ทรงผม สีผิว.. เขารีบดึงสติให้กลับมาอยู่กับความเป็นจริงตรงหน้า ไม่ยอมให้หญิงร้ายคนนั้นมามีอำนาจกับความคิดของตน
“จะใส่กลับเข้าไปทำไมให้เสียเวลา เดี๋ยวเราก็ต้องถอดมันออกอยู่ดี” เขาพูดกับเธอแล้วก้าวเท้าเข้าไปหา หวังประทับริมฝีปากบนแผ่นหลังขาวนวลเนียนนั้น
อินทิราสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับใจที่หายวาบ รีบคว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นมาบดบังส่วนหน้าเอาไว้ “อย่าเข้ามานะ!” เธอตะคอกเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงเกินอัตรา ไม่กล้าหันไปมองอีกฝ่าย
เสียงตวาดที่ดังกลับมาทำเอาคิ้วหนาเข้มขมวดมุ่นเข้าด้วยกัน สองเท้าที่ย่างกรายเข้าไปหาชะงักอยู่กับที่ตามคำสั่ง
“อินทิรา!” นอกจากรูปร่างจะเหมือนแล้ว แม้แต่เสียงก็ยังเหมือนกันอีก “ฉันกำลังจะมีความสุข ทำไมคุณต้องตามมาหลอกหลอนให้เสียอารมณ์ด้วย ทำไม..” เขาต่อว่าภาพหลอนนั้นเสียงดัง
“ไอ้บ้านี่! ฉันบอกให้ออกไปไม่ได้ยินเหรอ! มายืนพร่ำหาพระแสงอะไรอีกล่ะ!” อินทิราตะคอกด่าออกไปอย่างเหลืออดบ้าง
“อินทิรา!” ชายหนุ่มเบิกตากว้าง หายมึนเป็นปลิดทิ้ง เอ่ยชื่อเธอออกมาคล้ายละเมอ
“ใช่ฉันเอง!” หญิงสาวเหลียวไปมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าบึ้งตึง ลืมตัวไปชั่วขณะว่าตัวเองอยู่ในสภาพเป็นรอง “พอใจหรือยัง ถ้าพอใจแล้วก็ออกไปซะที อย่ามายืนทำตัวเสียมารยาทแบบนี้” ต่อว่าด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
การกระทำของหญิงสาวทำให้ยัสซันรู้สึกหมั่นไส้มากกว่าเห็นใจ เขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาอยู่ในคอนโดส่วนตัวของเขาได้อย่างไร และไม่สนใจจะรู้ด้วยในตอนนี้ แต่เธอเสียเปรียบเขาอยู่ก็น่าจะอ่อนน้อมต่อเขา ไม่ใช่มาทำอวดดีแบบนี้
“ที่นี่ห้องผม ทำไมผมต้องออกไปด้วย คุณนั่นแหละที่ต้องออกไป”
ถ้าเธอไม่ได้อยู่ในสภาพล่อแหลม ดูเหมือนให้ท่าแบบนี้ เธอจะหันไปถีบใส่ผู้ชายปากดีคนนี้ให้ล้มหงายไม่เป็นท่าเลย แต่เพราะเป็นรองเขาอยู่จึงต้องทนข่มอารมณ์เอาไว้กึ่งหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเป็นฝ่ายออกไปเอง เชิญคุณอยู่ในนี้ตามสบาย” เธอพูดกับเขา หมุนกายวิ่งออกไปในสภาพกึ่งเปลือยแบบนั้น
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวยเฉี่ยวที่มองมาด้วยสายตาคมดุวิ่งออกไป กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของครีมอาบน้ำยี่ห้อโปรดของเขาก็ลอยเข้ามาปะทะจมูก
“คุณเป็นโจรหรือไง”
“โจรอะไร ฉันเปิดประตูเข้ามานะ ไม่ได้งัดแงะมันแม้แต่น้อย” เธอถลึงตาใส่เขาพร้อมกับชี้นิ้วไปทางหนึ่ง กล่าวท้าทาย “ไม่เชื่อก็ไปสำรวจดูได้เลย” เธอเถียงอยู่ที่หน้าประตู
ขณะที่เธอยกแขนขึ้นสูงเพื่อชี้นำออกไปทางด้านนอก ผิวกายที่ถูกปกปิดอยู่ภายใต้ผ้าขนหนูก็โผล่ล่อตาล่อใจให้เห็น ทำให้ยัสซันหายใจผิดจังหวะไปเลยทีเดียว ตอนไม่เมาเขาก็ชอบเรื่องบนเตียงพอตัวอยู่แล้ว แล้ววันนี้ได้ดื่มน้ำเมาเพื่อเตรียมตัวเคล้านารีเต็มที่ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพยายามฝืนความรู้สึกส่วนลึกเอาไว้ โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ถูกใจไปทุกส่วนสัดแบบนี้
“ในเมื่อเต็มใจเข้ามาเองแบบนี้..” เขามองหน้าเธอ แทรกจังหวะการพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมแววตาวาวระยับ “เราก็น่าจะหาอะไรสนุก ๆ ทำกันสักหน่อยดีกว่า”
“ฉันไม่ได้มาหาความสนุก ฉันมาเพราะเรื่องงาน” คำพูดและแววตาของชายหนุ่มตีความหมายออกมาชัดเจนจนอินทิราเริ่มกลัว
“หึ ๆ” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ จงใจมองไปที่การแต่งตัวของเธอ “ผมคิดว่าคุณมีเจตนาแฝง”
หญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยสายตาดูถูก แสยะยิ้มออกมาอย่างจงใจให้เขาโมโห
“หึ! คุณไม่ใช่สเป็คฉันหรอก”
ดวงตาสีดำนิลไหววูบด้วยความไม่พอใจ เมื่อได้ยินและได้เห็นอาการที่เธอแสดงออกมา
“สเป็กของคุณคงต้องเป็นยอดหญ้าอ่อน ๆ เลยล่ะสิ” เขานึกถึงนักศึกษาหนุ่มคนนั้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ไหล่บอบบางไหวขึ้นเล็กน้อยตามที่เจ้าของสั่งการ เลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมรอยยิ้ม จงใจพูดใส่โดยไม่สนกับความคิดผิด ๆ ของเขา
“มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว จะแก้ก็คงยาก ขอตัวไปกินยอดหญ้าอ่อน ๆ ก่อนนะคะบอส”
ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดแสลงหูของเธอ หงุดหงิดที่หัวใจอย่างไร้เหตุผล สองเท้าก้าวออกไป คว้าแขนของหญิงสาวที่กำลังผลักบานประตูกระจก ลากเธอกลับไปที่เตียงหลังใหญ่
“ปล่อยฉันนะ” อินทิราฝืนกายเอาไว้สุดแรง สะบัดแขนสู้กับแรงของชายหนุ่ม จะใช้มืออีกข้างตีแขนเขาให้หลุดจากข้อมือของตนก็ทำไม่ได้เพราะต้องจับผ้าเอาไว้ “เป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย ปล่อยฉันนะ ตุบ!”
ยัสซันมองหญิงสาวที่กำลังขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างร้อนรน หลังจากโดนเขาเหวี่ยงลงไป
“วันนี้ก็ลองกินส่วนอื่นของหญ้าบ้างก็แล้วกัน รับรองว่าคุณต้องติดใจจนลืมยอดหญ้าอ่อน ๆ เลยแหละ” เขาพูดจบพร้อม ๆ กับผ้าที่หลุดออกจากเรือนกาย คืบคลานไปบนเตียง คว้าข้อเท้าของหญิงสาวที่ตะกายหนีแล้วกระชากเข้าหาตัว
“ปล่อยฉันนะไอ้เลว ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้นะ” อินทิราสะบัดขาสุดแรงหนีการเกาะกุมของเขาถึงแม้จะยังไร้ผล
“แต่ผมต้องการ และผมก็เป็นคนที่เอาแต่ใจ ถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ดังนั้นอย่าหวังว่าผมจะใจอ่อนยอมปล่อยคุณไปง่าย ๆ” ขนาดเป็นแบบนี้เธอยังกล้าด่าเขา จะต้องสั่งสอนให้หลาบจำซะบ้างแล้ว
“ท่านพ่อครับ ผมขอคุยกับคุณป่านตามลำพังนะครับ ช่วยจัดการกับทางนี้ให้เรียบร้อยด้วยนะครับ” ยัสซันบอกกับบิดาแล้วช้อนร่างของคนรักขึ้นมาไว้ในวงแขน พาเธอออกไปจากห้องทันทีอินทิราไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ได้แต่ซบหน้าปล่อยน้ำตาไปกับอกอุ่นของเขา เพื่อจดจำสัมผัสนี้เอาไว้“จะไปไหน อยู่คุยกับลุงก่อน” ชีคอัมรานคว้าแขนของฟารีดาไว้ทันท่วงที เมื่อเธอทำท่าจะเดินตามคู่รักออกไป“ปล่อยหนูนะคะคุณลุง หนูจะไปถามมันว่าที่ปล่อยให้ท้องเนี่ยจงใจจะจับยัสซันทำสามี จะให้เขาแต่งงานด้วยใช่ไหม” ฟารีดาพยายามชักแขนออก“เลิกบ้าได้แล้วฟารีดา เธอจงใจหรือไม่ฉันรู้ดีที่สุด”“คุณลุงพูดเหมือนจะปกป้องมันเลยนะคะ เริ่มหลงนางสะใภ้โลโซคนนั้นแล้วเหรอคะคุณลุง หนูอยากรู้จริง ๆ ว่ามันมีดีอะไรถึงทำให้ชีคอัมรานเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้” ฟารีดามองชีคอัมรานด้วยสายตาดูถูก หมดความนับถือเหมือนก่อน เพราะความโกรธกำลังครอบงำจิตใจ“เมื่อก่อนฉันก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันเริ่มคิดได้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นมีดีอะไร”“ตรง
ยัสซันยิ้มพอใจเมื่อเห็นเธอกินได้เยอะ ตักเนื้อในจานตัวเองแบ่งให้เธออีกเกือบครึ่ง “กินเยอะ ๆ นะครับ”“เอาของพ่อไปกินสิ พ่อไม่ค่อยชอบกินสเต็กสักเท่าไหร่” ชีคอัมรานยื่นจานสเต็กที่ยังไม่ได้แตะต้องแม้แต่นิดให้ลูกชาย รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเมื่อเห็นอินทิราเริ่มกินได้มากขึ้น ไม่มีอาการเบื่ออาหารเหมือนหลายวันที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเธอรู้สึกสบายใจที่เห็นลูกชายของตน สำหรับคนท้องแล้วการมีสามีอยู่ใกล้ ๆ คงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสินะ“ท่านทานเถอะครับ ผมก็ไม่ค่อยชอบทานเนื้อเหมือนกัน”“เผื่อเธอไม่อิ่ม” ชีคอัมรานมองไปทางหญิงสาว“ฉันอิ่มแล้วค่ะ ขอบคุณ” อินทิราโค้งศีรษะให้เล็กน้อยขณะกล่าว หยิบผลไม้ทำสลัดมากินล้างปากอีกสองสามชิ้นแทนของหวานที่ถูกจัดเตรียมไว้ชีคอัมรานวางจานสเต็กลงที่เดิมเมื่อถูกปฏิเสธ แล้วตักไส้กรอกรมควันใส่ไปในจานของลูกชาย “ลูกชอบกินไส้กรอกแบบนี้มากเมื่อตอนยังเด็ก จำได้ไหม กินเยอะ ๆ นะลูก”“ขอบคุณครับ..ท่านพ่อ” คำพูดของบิดาทำให้ยัสซันรู้สึกตื้นตันใจมาก เพราะท
“ไปเอายาแก้แพ้ให้ฉันหน่อยสิไลลา” อินทิราบอกกับหญิงสาวที่คอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ“นอนพักสักหน่อยดีกว่าไหมคะ”“ไม่เป็นไร แค่เอายามาให้ฉันก็พอ” เพราะเธออยากให้พ่อกับลูกได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันนาน ๆ จึงยอมฝืนสังขารตนเอง“คุณเป็นอะไรทำไมต้องทานยาด้วยล่ะ” ยัสซันเดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงถามด้วยความเป็นห่วง “คุณแพ้อะไรเหรอครับคุณป่าน” เขาถามย้ำอีกครั้งเมื่อทั้งสองคนไม่ยอมตอบคำถาม ได้แต่มองหน้ากัน“คุณยังไม่ได้บอกท่านอีกเหรอคะ” ไลลาถามอย่างแปลกใจต่อหน้าชายหนุ่ม“คุณบอกผมแทนเธอก็ได้” เขาหันไปซักไซ้กับไลลาแทนเมื่อได้ยินดังนั้น รู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย“ป่านไม่ได้เป็นอะไร แค่แพ้ผงขมิ้นแต่ก็ไม่ได้รุนแรงมาก กินยาก็หาย” อินทิราบอกกับคนรักพร้อมรอยยิ้มเนือย ๆ ส่งสายตาให้ไลลารีบออกไป “กลับไปหาพ่อคุณเถอะค่ะ ท่านคงนั่งคอยเราอยู่”“ผมว่าคุณน่าจะกลับไปพักก่อนนะ สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”“ป่านสบายดีค่ะ กินยาเดี๋ยวก็หาย ไปกันเถอะค่ะ” เธอคล้องแขนเขาเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยกัน“คุณแพ้ขมิ้นก็น่าจะบอกผม ผมจะได้ไม่ให้คุณกินเนื้อแกะ เพราะเครื่องเทศที่ใช้หมักมีส่วนผสมของขมิ้นอยู่ด้วย” เขายังรู้สึกกังวลกับอาการของเธอ“ไม่เป็นไรหรอก
“ลูกต้องลืมเขาให้ได้เท่านั้น” ชีคคาริมโอบกอดลูกสาวด้วยความสงสารจับใจ ยิ่งเธอร้องไห้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเจ็บปวดใจมากขึ้น“ลูกอยากแก้แค้นมันค่ะพ่อ ที่บังอาจมาแย่งเขาไปจากลูก” เธอหมายถึงอินทิรา“อย่าทำนะลูก การแก้แค้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีหรอกนะ มันจะกลายเป็นบาปที่ติดตัวเราไปตลอดชีวิตเลยนะลูก” ชีคอัมรานเอ่ยเตือนเสียงเครียด“ลูกไม่คิดจะฆ่ามันหรอกค่ะ ก็แค่เอาให้เจ็บเท่ากับที่ลูกเจ็บอยู่ตอนนี้เท่านั้น”“ความเจ็บของลูกไม่สามารถทดแทนได้ด้วยการทำร้ายคนอื่นหรอก ต่อให้ฆ่าเธอตายลูกก็ยังเจ็บเหมือนเดิมถ้าลูกไม่ยอมทำใจ”“ทำไมพ่อต้องเข้าข้างนางผู้หญิงคนนั้นด้วยคะ ลูกเป็นลูกสาวของท่านพ่อนะคะ ท่านพ่อต้องเข้าข้างลูกสิ” ฟารีดาเริ่มไม่พอใจบิดา“พ่อยอมรับว่าเข้าข้างเธอ แต่ที่พ่อทำแบบนี้ก็เพื่อต้องการปกป้องลูกสาวของพ่อเท่านั้น”“ยิ่งท่านพ่อทำแบบนี้ ลูกก็ยิ่งอยากแก้แค้นมันค่ะ”“ถ้าลูกทำร้ายเธอ ชีคอัมรานต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเราแน่ ความรักความเอ็นดูที่ท่านมีให้ลูกก็คงจะไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว”“ไม่จริงค่ะ ท่านพ่ออย่ามาขู่ให้ลูกกลัวเลยค่ะ ถึงยังไงคุณลุงก็รักลูกมากกว่านางผู้หญิงคนนั้นแน่”“ระหว่างลูกของเ
“ทางนี้ค่ะท่าน” หัวหน้าแม่บ้านผายมือนำทางแขกผู้มาเยือนอย่างนอบน้อมจนไปถึงหน้าห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านาย“ส่งของนั่นมาให้เรา เราจะเข้าไปหาเขาเอง” ชีคอัมรานรับตะกร้าของฝากคืนมาจากหัวหน้าแม่บ้านเขารอให้หัวหน้าแม่บ้านเดินจากไป ทำใจอยู่สักพักแล้วจึงเคาะประตูให้สัญญาณคนที่อยู่ข้างในก๊อก ๆ ๆชีคอัมรานเปิดประตูเข้าไป ส่งยิ้มให้สหายรักที่มองมา “สหายรักมาหาถึงบ้านทั้งที ทำไมเจ้าของบ้านถึงไม่ยอมออกไปต้อนรับเหมือนทุกครั้งล่ะ” วางของฝากลงบนโต๊ะรับแขกแล้วนั่งลงโดยไม่ต้องรอคำเชื้อเชิญ“เพราะเราต้องปลอบใจลูกสาวที่เอาแต่ร้องไห้ จึงไม่มีอารมณ์ไปต้อนรับใครทั้งนั้น” ชีคคาริมโต้กลับไม่ไว้หน้า“...นายพูดแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกลำบากใจนะ นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากให้มันลงเอยแบบนี้” หลังจากอ้ำอึ้งอยู่สักพักเขาก็พูดออกไปอย่างสำนึกผิด“ลูกชายนายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ลูกผู้ชายเขาไม่ทำให้ผู้หญิงต้องเสียน้ำตาแบบนี้หรอก”“อย่ามาว่าลูกชายฉันแบบนั้นนะคาริม ลูกชายของฉันเป็
“เธอมันคนเห็นแก่ตัว เธอมันคนใจแคบ เธอก็รู้ว่าผู้ชายประเทศนี้มีเมียได้หลายคน แต่เธอก็ยังไม่ยอมรับ” ฟารีดาเริ่มพาลเมื่อไม่สมหวังดั่งใจ“ทำไมฉันต้องยอมรับในสิ่งที่ฝืนใจตัวเองด้วยล่ะ ขนาดคุณยังทำตามใจตัวเองเลย เราก็เห็นแก่ตัวไม่ต่างกันหรอกค่ะคุณฟารีดา แล้วฉันก็ให้เขาเป็นคนตัดสินใจเองตั้งแต่แรกคุณก็เห็น คุณจะมาต่อว่าฉันว่าใจแคบก็ไม่ถูกนะคะ”“แต่ต้นเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้คือเธอ ถ้าไม่มีเธอเขาคงเลือกฉันไปแล้ว”“ต่อให้ไม่มีคุณป่านคำตอบของฉันก็ยังเหมือนเดิมฟารีดา” ยัสซันออกโรงปกป้องคนรัก “หยุดพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว นับตั้งแต่วินาทีนี้ขอให้เธอลืมฉันซะ ถ้าเธอลืมไม่ได้ก็ขอให้เธอเกลียดฉันไปเลยก็ได้”“พอได้แล้วฟารีดา ลุงไม่ต้องการให้หนูแต่งงานกับยัสซันอีกแล้ว ลุงจะไปคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ของหนูเอง ลุงจะขอให้หนูแต่งงานกับบันติแทน”“ไม่ค่ะ! ได้โปรดอย่าทำอย่างนั้นนะคะคุณลุง” ฟารีดาส่ายหน้าปฏิเสธเสียงดังลั่น สติค่อย ๆ ลางเลือน ทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น“คุณฟารีดา” อินทิ