เธอคือสาวสวย มาดมั่น วัย 30 ปี ที่ปากจัดสุดๆ ส่วนเขาเป็น CEO หนุ่มหล่อ มาดแมน วัย 27 ปี ที่เธอไม่ชอบขี้หน้าเอาซะเลย เพราะเขาคอยแต่จับผิดและชอบใช้งานเธอผิดหน้าที่อยู่บ่อยๆ ยัสซันรีบขยับกายตั้งท่าลุกขึ้นอย่างหัวเสีย วิ่งตามหญิงสาวฝีเท้าหนักที่ทำเอาเขาวูบไปชั่วขณะเพราะแรงของมัน เธอมันร้ายได้ทุกสถานที่จริงๆ ขนาดอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ยังกล้าลงมือ ถ้าทำกันขนาดนี้ก็อย่าหวังว่าจะรอดออกไปได้ง่ายๆ “กรี๊ดดดด..” สองเท้าของเธอตะกุยอยู่ในอากาศ เพราะถูกร่างที่สูงใหญ่กว่าโอบอุ้มจากข้างหลังจนตัวลอย “ปล่อยฉันนะไอ้เลว ไอ้ระยำ แกจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้” เธอยังดีดดิ้นเพื่อให้หลุดจากการโอบกอด “ใครกันแน่ที่ต้องเสียใจ กล้าถีบหน้าผมก็ต้องชดใช้ให้สาสม” จมูกโด่งเป็นสันแตะที่ขมับของหญิงสาว กระซิบที่หูขณะหิ้วเธอกลับไปที่เตียงนอน เหวี่ยงเธอลงไปบนเตียงหลังใหญ่อีกครั้ง แล้วรีบโถมกายตามไปติดๆ จัดการลงโทษตคำโปรยหลังามแบบที่ต้องการ
View Moreบทที่ ๑ ปะทะคารม
ปิ๊นนนน!!!…
“เกิดอะไรขึ้นชาลี” เสียงเข้ม ๆ ของชายหนุ่มถามผู้จัดการใหญ่ ที่เป็นเสมือนอาจารย์คอยสั่งสอนเรื่องการทำงานให้ เมื่อคนขับรถเหยียบเบรกกะทันหันพร้อมบีบแตรค้างเอาไว้
“รถขายผลไม้ตัดหน้าครับคุณยัสซัน” ชาลีตอบเจ้านายหนุ่ม ที่จะมารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของบริษัทผลิตเสื้อผ้าส่งออกแห่งนี้
ชายหนุ่มที่มีนามว่ายัสซันขยับผ้าม่านข้างรถให้เปิดออกเล็กน้อย มองผ่านกระจกที่ติดฟิล์มมืดไว้อีกชั้นออกไปนอกรถเมื่อได้ยินดังนั้น
“ทำไมหน้าบริษัทถึงเหมือนตลาดสดแบบนี้” ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มแบบชาวอาหรับ ตามแก้มและคางรกไปด้วยไรเคราไรหนวดเขียวครึ้มถามขึ้น เมื่อเห็นรถขายของห้าหกคันจอดเรียงรายอยู่หน้าบริษัทของตัวเอง
“ตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวันครับคุณยัสซัน บรรดารถของกินต่างๆ จึงมาจอดขายของให้พนักงานของบริษัทมากเป็นพิเศษ พอใกล้เวลาเข้างานเข้าพวกเขาก็จะทยอยจากไป”
“ไม่มีระเบียบเอาซะเลย” คิ้วเข้มดกดำขมวดมุ่นขณะเอ่ยปากบ่น เมื่อเห็นหญิงสาวบุคลิกดีเยี่ยม หน้าตาสวยใสไร้ที่ติคนหนึ่งเดินหน้าบึ้งมาทางนี้
ประกอบถอนหายใจยาว เตรียมตัวเตรียมใจเต็มเมื่อเห็นหญิงสาวที่สวยและปากจัดที่สุดที่ในบริษัทเดินหน้าบึ้งมาทางตน กดกระจกเลื่อนลงเมื่อเธอเดินมาถึงโดยไม่ต้องรอให้เคาะเรียก
“ขอโทษครับคุณป่าน” รีบเอ่ยปากกล่าวขอโทษก่อนที่เธอจะพูดออกมา
“ป่านบอกพี่ประกอบกี่ครั้งแล้วเรื่องขับรถเนี่ย จำได้บ้างหรือเปล่าคะ” สาวเจ้าต่อว่าคนขับรถของบริษัทโดยไม่สนใจว่าจะมีใครนั่งอยู่ในรถด้วย
“จำได้จ้ะ เวลาขับรถมาถึงบริษัทช่วงเที่ยงให้ขับช้า ๆ เพราะพนักงานจะออกมาซื้อของกินที่หน้าบริษัทกันเยอะ อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เพราะไม่ทันระวังจ้ะ” ประกอบบรรยายให้หญิงสาวคนสวยนามว่าอินทิราฟัง
“ก็จำได้นี่ แต่ทำไมไม่ทำ ถ้าเกิดเมื่อกี้พี่ชนถูกลุงเขาเข้าพี่จะทำยังไง”
“ขอโทษจ้ะ คราวหน้าพี่จะระวังให้มากกว่านี้”
“รับปากแล้วก็จำไว้ด้วยล่ะ ไปได้แล้ว” อินทิราโบกมือไล่ชายหนุ่ม หมุนตัวกลับไปตามทางเดิมที่เดินมา
ยัสซันหันไปมองหน้าผู้จัดการใหญ่ ทุกสิ่งที่เธอพูดเขาฟังเข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่าง แต่เขาอยากรู้ว่าเธอเป็นเดือดเป็นร้อนแทนลุงคนนั้นทำไม
“เธอคือใคร” เขาเลือกที่จะใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยที่ได้ร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็กจนโต จากอาจารย์ส่วนตัวที่เป็นคนไทย แต่ถึงกระนั้นสำเนียงก็ยังไม่ชัดเจนเท่ากับการรับฟังที่เข้าใจดี จึงเลือกใช้ภาษาที่ถนัดมากกว่า
“เธอเป็นผู้จัดการการตลาดฝ่ายต่างประเทศครับ ชื่ออินทิรา จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนปากร้ายแต่ใจดีครับ รักความถูกต้องและเป็นคนขี้สงสาร อย่าไปถือสาเธอเลยนะครับ” ชาลีอธิบายให้เจ้านายหนุ่มฟัง พร้อมกับออกตัวปกป้องหญิงสาวเจ้าอารมณ์ที่สุดในบริษัทที่ทุกคนต่างก็เกลียดไม่ลง
“ยังเด็กอยู่เลย เป็นผู้จัดการแล้วเหรอ” ชายหนุ่มตั้งข้อสงสัย
“เธออายุสามสิบแล้วนะครับชีค” มันไม่ใช่เรื่องยากที่คนรุ่นนี้จะได้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งสูง ๆ แบบนี้ ถ้ามีความรู้ความสามารถเต็มร้อย สมัยนี้เขาไม่ได้มองกันที่ประสบการณ์เหมือนแบบเก่าแล้ว
“หือ” แว่นกันแดดถูกดึงออกจากใบหน้า สายตาคมเข้มมองหน้าผู้จัดการใหญ่อย่างไม่อยากเชื่อ ถ้าบอกว่าเธออายุยี่สิบเจ็ดเหมือนเขา ยังฟังน่าเชื่อมากกว่าซะอีก
“ไม่ผิดแน่ครับ เธอมาฝึกงานที่นี่พร้อมกับเพื่อน และบริษัทก็จองตัวพวกเธอเอาไว้เลย พอเรียนจบพวกเธอก็เริ่มมาทำงานที่นี่ ตอนนั้นผมยังเป็นเลขาของคุณแม่ชีคอยู่เลย” หนุ่มใหญ่วัยสามสิบเก้าปีอธิบายให้เจ้านายคนใหม่รับฟัง
“ถ้ายังอยากทำงานด้วยกันนาน ๆ โดยที่ฉันยังอารมณ์ดีอยู่ก็อย่าเรียกฉันว่าชีคเลยนะชาลี ฉันไม่ชอบคำนี้เลย” ยัสซันกล่าวอย่างหงุดหงิด ตั้งแต่จำความได้คนที่ดูแลเขามาตลอดคือมารดาชาวไทย กับบิดาชาวฝรั่งเศสที่ถือสัญชาติอเมริกันต่างหาก ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ของรัฐหนึ่งในประเทศตะวันออกกลางคนนั้น ดังนั้นตำแหน่งนำหน้าชื่อจึงไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการแม้แต่นิดเดียว
“ครับท่าน” ชาลีรู้ดีว่าเจ้านายคนนี้ไม่ชอบให้เรียกเขาว่าชีค แต่เมื่อกี้เขาก็ลืมตัวไปเหมือนกัน
“ไม่ต้องท่านก็ได้ แค่ชื่อเฉย ๆ ก็พอ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลนะ”
“ครับคุณยัสซัน” ชาลีตอบรับอย่างนอบน้อม เป็นไปไม่ได้ที่ผู้จัดการอย่างเขาจะตีตัวเสมอเจ้านาย ถึงแม้ฝรั่งมังค่าเขาจะไม่ถือในเรื่องแบบนี้ แต่ความเป็นคนไทยที่มีอยู่ในสายเลือด ทำให้เขาทำแบบนั้นได้ไม่สะดวกปากเท่าไหร่นัก ถึงแม้ตามความเป็นจริงแล้ว จะเกี่ยวดองเป็นญาติสนิททางฝ่ายมารดาของชายหนุ่มก็ตาม จึงเรียกอีกฝ่ายด้วยคำว่าคุณนำหน้าก่อนตามด้วยชื่ออย่างที่เขาร้องขอ เพราะไม่อยากให้คนในบริษัทมาแอบนินทาลับหลัง...
ดวงตาคมเข้มของยัสซันเหลือบมองหญิงสาว ที่เข้ามาในห้องประชุมช้ากว่ากำหนดเกือบสิบนาทีด้วยแววตาติดตำหนิ เธอมาสายตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มมาทำงานวันแรกเลยเหรอนี่
“ขอโทษค่ะ บังเอิญว่าติดสายด่วนบริษัทลูกค้าที่เยอรมัน ก็เลยไม่สามารถเข้ามาประชุมได้ตามเวลา”
“นั่นเป็นข้ออ้างของคนที่ไม่ตรงต่อเวลาหรือเปล่า” ยัสซันตำหนิเธอด้วยภาษาอังกฤษต่อหน้าผู้ร่วมประชุมคนอื่น
“ไม่เป็นไรหนูป่าน เชิญนั่งสิจ๊ะ” วารีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดเหน็บแนมของลูกชายที่ต่อว่าหญิงสาว
“ฉันไม่เคยผิดเวลาถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินค่ะ” อินทิราตอบชายหนุ่มเป็นภาษาไทยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผิดกับในใจที่อยากยันอีกฝ่ายให้ร่วงลงจากเก้าอี้ซะบัดนี้ โทษฐานที่พูดจาไม่เข้าหู ทำเป็นอวดเบ่งใส่ตนต่อหน้าเพื่อนร่วมงานคนอื่น “ขออนุญาตนั่งนะคะ”
“เชิญ” ยัสซันมองหญิงสาวที่ส่งสายตาอวดดีมาให้ก่อนกล่าวเชื้อเชิญแบบแกน ๆ
“ในเมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้วผมก็ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ” ชาลีเห็นสายตาของเจ้านายหนุ่มแล้วรู้สึกหายใจไม่ค่อยทั่วท้องเท่าไหร่นัก จึงรีบเข้าเรื่องก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ “วันนี้ที่ท่านประธานเรียกประชุม ก็เพื่อแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ท่านจะให้คุณยัสซันซึ่งเป็นลูกชายมาบริหารงานแทน และตัวท่านจะรับตำแหน่งประธานอาวุโสของบริษัทคู่กับคุณเรย์มองด์ ดังนั้นตั้งแต่วันที่หนึ่งเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ทุกท่านจะได้เริ่มทำงานกับผู้บริหารคนใหม่ของเราอย่างเป็นทางการ” ชาลียื่นเอกสารการเปลี่ยนแปลงระบบงานในบริษัท และประวัติเบื้องต้นของซีอีโอคนใหม่ให้ทุกคนที่ร่วมเข้าประชุม
“อีกเรื่องที่ต้องการให้ทุกท่านช่วยดำเนินการต่อ ก็คือเรื่องงานเลี้ยงรับรองซีอีโอคนใหม่ ขอให้ทุกท่านช่วยกระจายข่าวไปยังบุคคลในแผนกของท่านด้วยนะครับ”
ผู้จัดการฝ่ายต่าง ๆ ที่อยู่ในห้องต่างตอบรับโดยพร้อมเพรียง เมื่อเสร็จเรื่องแล้วจึงแยกย้ายกันกลับไป...
บทที่ 5 นางมารร้าย“เด็กบ้านี่” อินทิราคลี่ยิ้ม กอดตอบเด็กหนุ่มที่รักเสมือนน้องชาย ลูบหลังเขาเบา ๆ ไปมา “รู้ได้ยังไงว่าพี่จะกลับวันนี้”“ผมติดต่อพี่ไม่ได้ ก็เลยไปถามพี่แก้วที่บริษัทมาครับ” เขาไม่ได้บอกหญิงสาวว่าต้องไปถึงสามวันติด ๆ ถึงได้เจอเธอ และคราวนี้เขาก็ถือโอกาสขอเบอร์โทรศัพท์มือถือของเธอไว้เรียบร้อยแล้ว“สนิทกับเขามากนักเหรอถึงกล้าไปหา” ต่อว่าชายหนุ่มหลังจากผละจากอ้อมกอด เดินออกไปขึ้นรถด้วยกัน“ไม่สนิทแต่ก็เคยคุยกันนี่ครับ แต่ตอนนี้ผมกับพี่แก้วเริ่มสนิทกันแล้วนะ” ชินวุฒิคุยอวด“เหรออออ.. แล้วนี่ตั้งใจมารับพี่ หรือว่าไปเที่ยวกับเพื่อนเสร็จแล้วค่อยเลยมา”“ไม่ได้เที่ยวนะครับ ปอออกจากบ้านตอนเที่ยงคืนครึ่ง มาถึงนี่ตอนตีหนึ่งกว่า ๆ ก็มาดื่มกาแฟรอพี่นี่แหละครับ ผมจะไปเที่ยวได้ยังไงก็ในเมื่อพี่ป่านไม่ชอบคนเที่ยว” อะไรที่เธอไม่ชอบ เขาก็ไม่เคยคิดจะทำบ่อย ๆ ให้เธอไม่พอใจ“พี่ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบคนเที่ยว แต่พี่อยากให้เราสนใจเรื่องการเรียนให้มาก ๆ ก่อนในตอนนี้ เวลาเที่ยวของปอยังมีอีกเยอะ เมื่อเริ่มทำงานหาเงินใช้เองได้ค่อยเที่ยว”“ครับผม” ชายหนุ่มยิ้มรับหน้าทะเล้น ตื้นตันใจกับความห่วงใยที่หญิง
บทที่ 4 นางจิ้งจอกสายตาคมที่ถูกล้อมไว้ด้วยแพขนตาหนา สำรวจมองไปทั่วห้องประชุม ก่อนจะสิ้นสุดที่ผู้จัดการใหญ่ “เข้าประชุมครบแล้วใช่ไหม”“ครับ” ชาลีตอบ บอกให้ผู้ช่วยเริ่มแจกเอกสารให้ผู้จัดการฝ่ายทุกแผนก“แต่ฉันว่ายังขาดนะ” อย่างน้อยก็สาวมั่นคนนั้นแหละหนึ่งชาลีเริ่มไล่มองผู้เข้าร่วมประชุมทีละคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนรักของเขาร่วมอยู่ด้วย “ไม่ขาดนะครับ ครบทุกแผนกตามที่ท่านสั่ง” เขาบอกกับเจ้านายเมื่อไล่เรียงครบทุกคนแล้ว“ขาดสิ ฉันมองปราดเดียวก็รู้แล้ว” คิ้วเข้มดำสนิทที่ยาวรับกับดวงตาขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ “ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศคนนั้นไง เธอชื่ออะไรนะ.. คุณอินทิราใช่ไหม” บอกกับชาลี ทำเหมือนจำเธอไม่ค่อยได้ ผิดกับความเป็นจริงที่จำได้แม่นยำ“อ๋อ คุณป่านเธอเดินทางไปติดต่อเรื่องงานที่ดูไบสามวันแล้วครับ วันนี้ผู้ช่วยของเธอมาเข้าประชุมแทน” ชาลีชี้แจงเมื่อรู้ว่าเป็นใคร“ไปดูงานที่ดูไบเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย เธอไม่ต้องขออนุมัติจากฉันแล้วเหรอ” ใบหน้าหล่อเหลานั้นเคร่งเครียดขึ้นยิ่งกว่าเก่า เมื่อรู้ว่าเธอเดินทางไปตั้งสามวันแล้ว โดยที่ตนไม่รู้เรื่องเลย“เรื่องนี้อนุมัติไว้ตั้งแต่ท่านประธานคนก่อ
บทที่ 3 มองหายัสซันเหลือบสายตาคมเข้มที่ประดับด้วยขนตาดำงอนเป็นแพหนา มองหญิงสาวที่เปิดประตูเข้ามาหลังจากเคาะให้สัญญาณเรียบร้อยแล้ว“คุณเรย์มองด์ชอบทานอาหารร้านไหนเป็นพิเศษคุณพอจะรู้ไหม” ยิงคำถามใส่เธอโดยที่ยังไม่ได้เชิญให้นั่งให้ตายสิ นี่มันบ้าอะไรวะ! มันเกี่ยวกับงานของฉันตรงไหนเนี่ย.. เธอพยายามแค่คิดอยู่ในใจ แต่สุดท้ายก็อดรนทนไม่ไหว“ขอโทษนะคะบอส ตั้งแต่คุณมาเริ่มงานที่นี่จนถึงวันนี้ก็เกือบครึ่งเดือนแล้ว คุณเรียกให้ฉันมาหาทุกวัน แต่คำถามที่คุณถามฉันมันแทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับสายงานของฉันเลยนะคะ แต่ไหน ๆ มันก็ผ่านมาแล้ว เราไม่ต้องพูดถึงมันดีกว่า เรามาคุยกันเฉพาะเรื่องวันนี้ดีไหมคะ”คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าตอบรับช้า ๆ ขณะสบสายตากับดวงตากลมโตมีแววหงุดหงิดคู่นั้นของหญิงสาว“ดี ผมก็ไม่ชอบคุยเรื่องที่ผ่านมาแล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่จะรื้อฟื้น ตกลงจะตอบคำถามผมได้หรือยัง”“ทำไมฉันต้องตอบคำถามแบบนี้กับคุณด้วยคะ คุณเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณไม่ทราบหรือว่าพ่อตัวเองชอบกินอะไร” ถึงแม้ท่านประธานอาวุโสจะเป็นแค่พ่อเลี้ยง แต่เขาสองคนก็สนิทสนมรักใคร่กันดี เรื่องแค่นี้ทำไมจะถามกันเองไม่ได้“ผมไม่
บทที่ 2 อยากมีสามี ไม่ใช่อยากมีลูกสามวันต่อมาภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองย่านถนนธุรกิจ มีสาวสวยสองคนกำลังเดินดูเสื้อผ้าที่แขวนไว้ตามราวในห้องเสื้อยี่ห้อหรูอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ปากก็ยังพูดคุยกันไม่หยุด“ป่านเบื่อพ่อกับแม่มาก ๆ เลยแก้ว พวกเขาจะให้ป่านกลับไปดูตัวอีกแล้ว”“ก็รีบ ๆ หาลูกเขยให้ท่านสิ พวกท่านจะได้เลิกเซ้าซี้” ปัทมาบอกกับเพื่อนรักพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่ทาบชุดในไม้แขวนเข้ากับตัวและมองไปที่กระจกบานใหญ่“ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีสามีนะแก้ว แต่มันยังไม่ถูกใจใครเป็นพิเศษนี่นา” อินทิราตอบกลับฉะฉานตามสไตล์ของเธอเอง“ก็น้องปอไง” ปัทมาซึ่งเป็นคนที่นิสัยเรียบร้อยมาก แต่ชาชินกับปากร้าย ๆ ของเพื่อนดี จึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับคำพูดเหล่านั้น“ป่านอยากมีสามีนะแก้ว ไม่ใช่อยากมีลูก” สาวสวยรูปร่างสมส่วนกล่าวกับเพื่อนสนิทที่รูปร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบด้วยสีหน้าสุดเซ็ง“ห่างกันแค่เก้าปีเอง เดี๋ยวนี้เขาไม่ถือกันแล้ว อีกอย่างป่านก็ดูอ่อนกว่าอายุจริงตั้งเยอะ ให้น้องเขาไว้หนวดไว้เคราหน่อยก็ดูแก่กว่าแล้ว” ปัทมาเม้มปากกลั้นยิ้มเมื่อพูดจบ“ป่านอยากได้คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า สุขภาพดี เอาอกเอาใจเรา โอ๋เราเวล
บทที่ ๑ ปะทะคารมปิ๊นนนน!!!…“เกิดอะไรขึ้นชาลี” เสียงเข้ม ๆ ของชายหนุ่มถามผู้จัดการใหญ่ ที่เป็นเสมือนอาจารย์คอยสั่งสอนเรื่องการทำงานให้ เมื่อคนขับรถเหยียบเบรกกะทันหันพร้อมบีบแตรค้างเอาไว้“รถขายผลไม้ตัดหน้าครับคุณยัสซัน” ชาลีตอบเจ้านายหนุ่ม ที่จะมารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของบริษัทผลิตเสื้อผ้าส่งออกแห่งนี้ชายหนุ่มที่มีนามว่ายัสซันขยับผ้าม่านข้างรถให้เปิดออกเล็กน้อย มองผ่านกระจกที่ติดฟิล์มมืดไว้อีกชั้นออกไปนอกรถเมื่อได้ยินดังนั้น“ทำไมหน้าบริษัทถึงเหมือนตลาดสดแบบนี้” ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มแบบชาวอาหรับ ตามแก้มและคางรกไปด้วยไรเคราไรหนวดเขียวครึ้มถามขึ้น เมื่อเห็นรถขายของห้าหกคันจอดเรียงรายอยู่หน้าบริษัทของตัวเอง“ตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวันครับคุณยัสซัน บรรดารถของกินต่างๆ จึงมาจอดขายของให้พนักงานของบริษัทมากเป็นพิเศษ พอใกล้เวลาเข้างานเข้าพวกเขาก็จะทยอยจากไป”“ไม่มีระเบียบเอาซะเลย” คิ้วเข้มดกดำขมวดมุ่นขณะเอ่ยปากบ่น เมื่อเห็นหญิงสาวบุคลิกดีเยี่ยม หน้าตาสวยใสไร้ที่ติคนหนึ่งเดินหน้าบึ้งมาทางนี้ประกอบถอนหายใจยาว เตรียมตัวเตรียมใจเต็มเมื่อเห็นหญิงสาวที่สวยและปากจัดที่สุดที่ในบริษัทเดินหน้าบึ้งมาทางต
Comments