ตอนที่ 18 ทบทวน
“หนูพราวเริ่มเมาแล้ว กูกลับก่อนนะ แล้วน้องสองคนเอาไงจะให้พี่ไปส่งไหม” ธนัทเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมองเพื่อนสนิทของพราวฟ้า
“พวกหนูกลับไหวค่ะพี่ธันย์ สบายมากพี่พาพราวกลับก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวตังเมกับกอบัวก็จะกลับแล้ว”
“โอเค งั้นขับรถกันดีๆนะ”
คล้อยหลังธนัทไม่นานรมย์รวินท์ก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะหันมาบอกกับเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งอยู่ “กลับกันเหอะ”
“เห้ย กอบัวกลับเลยเหรอ” ตังเมฉุดแขนเรียวอีกครั้งแล้วกระซิบบอกเสียงเบา “อยู่ต่ออีกนิดนะ”
“กลับเหอะ ขอร้อง” เพราะถ้านั่งนานกว่านี้น้ำตาที่กลั้นไว้ได้พังทลายไหลลงมาแน่นอน
“แต่คนที่ฉันเล็งไว้ กำลังจะเดินเข้ามาอยู่แล้วนะ”
รมย์รวินท์มองไปตามสายตาเพื่อนสนิทก็เห็นรุ่นพี่วิศวกรรม สาขายานยนต์ กลุ่มเพื่อนสนิทพายุเดินเข้ามา แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าเพื่อนเล็งคนไหนไว้ เพราะตอนนี้เธออึดอัดจนจะเปิดตัวเองออกมาอยู่แล้ว
“งั้นฉันกลับก่อน แกก็อยู่...”
“ไม่ๆ” ตังเมเอ่ยแทรกขึ้นมาพร้อมกับส่ายหน้าไปมา “โอกาสเจอชายในฝันเมื่อไรก็ได้ เดี๋ยวฉันกลับพร้อมแกเลยดีกว่า” ตังเมรีบพูดตัดบท เมื่อเห็นแววตาที่ดูเศร้าๆของเพื่อนสนิท
“กระซิบอะไรกันสองสาว” มุกตาภาเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทีอึกอักของทั้งสองคน
“พวกหนูสองคนขอตัวก่อนนะคะ” ตังเมเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนจะโอบเอวบางของรมย์รวินท์ที่กำลังก้มหน้าอ่านข้อความในโทรศัพท์อยู่
“โอเค ขับรถได้นะทั้งสองคน” มุกตาภาถามซ้ำ
“ได้ค่ะ สบายมาก ไปกันกอบัว”
“อือ” รมย์รวินท์ปรายตามองกรภัคเล็กน้อยก่อนจะเดินตามหลังเพื่อนสนิทออกไป
“อ้าวน้องจะกลับกันแล้วหรอ”
“ใช่ค่ะพี่คริส” ตังเมเอ่ยตอบคิรากรแต่สายตากลับมองคนที่เล็งเอาไว้
“แกชอบใครตังเม” รมย์รวินท์เอ่ยถามทันทีเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ แต่อีกฝ่ายกลับยืนยิ้มแป้น บิดตัวม้วนด้วยความเขินอายอยู่คนเดียว
“ตังเม”
“หื้ม อะไรหรอ”
“ถามทำไมไม่ตอบ เอาแต่ยืนยิ้ม บิดจนตัวจะเป็นเกลียวอยู่แล้วนั่น หรือเขินผีในผับ”
“ใครให้พูดเรื่องผีในที่มืดเนี่ยกอบัว” ดวงตาคู่สวยกรอกกลิ้งมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง
“สรุปว่าชอบใคร”
“คิดว่าใคร”
“พี่พายุเหรอ”
“นั่นแฟนพี่ชะเอมไหม ฉันไม่ยุ่งกับคนมีแฟนแล้วจ้า เพราะฉันไม่ชอบปีนต้นงิ้วในนรก” ตังเมเอ่ยตอบอย่างรวดเร็วพร้อมกับยกยิ้มทะเล้นหันมองเพื่อนสนิท
“แล้วชอบใคร?”
“ให้ทาย”
“เหลือช้อยแค่สามตัวเลือก” รมย์รวินท์ยกปลายนิ้วแตะคางอย่างใช้ความคิด “พี่คริส คาสโนว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ ไม่ใช่สเปคแกแน่นอน ส่วนพี่ภูผา เป็นนักแข่งรถ เจ้าเล่ห์ ยิ้มเก่ง คนนี้มีโอกาศขอทดไว้ก่อน และคนสุดท้ายพี่เติร์ด เป็นคนเงียบๆขรึมๆ ดูนิ่งๆ ดูแล้วคนเฮฮาแบบแกน่าจะไม่ชอบเพราะกลัวเล่นมุขแล้วไม่มีคนตบมุขให้ และคนที่เป็นไปได้มากที่สุดก็น่าจะเป็นพี่ภูผาใช่ไหม”
“ไม่รู้สินะ ฉันไม่บอกแกดีกว่าปล่อยให้แกงงต่อไป ถึงเวลาเดี๋ยวแกก็รู้เอง แต่เรื่องฉันเอาไว้ก่อนเถอะ มาเรื่องแกดีกว่า เป็นอะไร ฉันเห็นนะว่าแกดูซึมๆลงไปตอนที่เห็นพี่เกมส์กับแม่นางจีจี้อี๋อ๋อกันอะ บางครั้งแกก็จ้องเขาอย่างกับเมียหึงผัว บางทีก็ซึมเป็นไก่ป่วยและตอนที่เขาบอกว่าไม่คิดอะไรกับแก สีหน้าแกที่แสดงออกมาดูโคตรผิดหวัง”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่มองไปเรื่อยๆไหม ไปๆกลับกันเหอะ”
“เปลี่ยนเรื่องเก่ง ฉันว่าใช่ชัวส์ มีอะไรในกอไผ่ใช่ไหม”
“ในกอไผ่ ก็ต้องมีหน่อไม้สิ”
“อย่ามาเล่นมุข มันฝืดค่ะ”
“เออ ไม่มีอะไรหรอก ไปๆ”
“เก็บไว้คนเดียวอกแตกตายฉันไม่รู้กับแกด้วยนะ”
“เออ”
ครืด ครืด ครืด
ขณะที่กำลังเดินไปที่รถเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าสะพายดังขึ้น เธอจึงหยิบออกมาดู พอเห็นว่าเป็นชื่อใครจึงรีบกดล็อคหน้าจอทันที แต่พอเงยหน้าก็เห็นตังเมมองอยู่ก่อนแล้ว จะเห็นไหมวะเนี่ย
เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของเพื่อนสนิท ตังเมจึงอดที่จะถามไม่ได้ “ใครโทรมาเหรอ แล้วทำไมไม่รับสายล่ะ”
พอได้ยินคำถามก็โล่งอก อย่างน้อยความลับที่ปิดบังเอาไว้ก็ยังไม่ถูกเปิดเผย
“คอลเซ็นเตอร์มั้ง”
“คลอเซ็นเตอร์ทำงานกลางคืนด้วยเหรอวะ” ตังเมถามด้วยความงุนงง
“ขนาดพวกเรายังเที่ยวกลางคืนเลย แกไม่คิดว่าคอลเซ็นเตอร์จะเที่ยวเสร็จแล้วไปทำโอทีต่อบ้างเหรอ”
“เออวะ มีความเป็นไปได้สูง”
“ตังเม”
“ว่า”
“คืนนี้ขอนอนด้วยนะ”
“มาแปลก ปกติเป็นพวกติดห้องจะตาย ทำไมวันนี้มาขอนอนด้วยได้ละ”
“เบื่อ”
“เป็นอะไร”
“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก”
“เออ พร้อมแล้วค่อยมาเล่าละกัน”
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเธอทิ้งตัวนอนลงบนเตียงกว้าง ยกมือเกยหน้าผาก คิ้วเรียวได้รูปขมวดเป็นปม
“แกคิดมากเรื่องอะไร” ตังเมเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยเสียงจริงจัง “และอย่าบอกนะว่าไม่ได้คิดอะไร เพราะหน้าแกแสดงออกชัดขนาดนั้น”
ฉันถอนหายใจออกมายาวเหยียด ก่อนจะลุกขึ้นนั่งและมองเพื่อนสนิทพลางชั่งใจเล็กน้อย
“มีอะไรก็พูดมา” ตังเมเอ่ยบอกเมื่อเห็นรมย์รวินท์อึกอักเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่ยอมพูดสักทีจนคนฟังนั่งลุ้นจนตะคริวกินมาถึงสะโพกแล้ว
“แกว่ามีใครทนเจ็บได้เพราะความรักไหม”
“มีสิ เยอะแยะ”
“แล้วแกว่าแปลกป่ะ”
“ในความคิดฉันนะ ไม่แปลกหรอก คนมีความรักก็อยากอยู่ใกล้ๆคนที่รัก แต่ถ้าวันหนึ่งคนๆนั้นทนไม่ไหว ฉันว่าเขาก็ต้องเดินออกมาได้เองแหละ ต่อให้ทนได้มากแค่ไหนคนเราก็มีขีดจำกัดอยู่ดีป่ะวะ...อยู่ที่ว่าจะทนได้ในระดับไหน”
“ก็คงจะจริง”
“ถามทำไม แกไปแอบรักใครมาหรือเปล่า”
“ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมบอกอะ ถ้าฉันพร้อมเมื่อไรจะเล่าให้แกฟังคนแรกเลย”
“อือ ฉันเข้าใจแก งั้นก็นอนได้แล้ว”
@มหาลัยรัฐชื่อดัง
สองวันต่อมา
“วันนี้ไปเพื่อนหาพี่ธันย์ที่ลานเขียวหน่อยสิ”
“แฟนใครก็ไปหาเองดิ”
“เพื่อนพี่เขาชอบแซว ทำตัวไม่ถูก ไปเพื่อนหน่อยนะ”
“แกไปกับตังเมนะวันนี้ฉันไม่ว่างอะ”
“ธุระแกเยอะทุกวันเลยนะกอบัว เห็นแกไม่ว่างทุกเย็นเลย” ตังเมเปรยถามด้วยความสงสัย เพราะเลิกเรียนเมื่อไหร่เธอจะรีบตรงดิ่งกลับห้องก่อนทุกที
“แกหนีหน้าใครหรือเปล่ากอบัว”
“จะให้หนีใครล่ะ พราว” ฉันตอบเฉไฉไปมาไม่ยอมรับความจริง
“งั้นก็ไปเป็นเพื่อนพราวมันหน่อย วันนี้ฉันรับงานเป็นพริตตี้ในสนามแข่งรถ”
“ไปหาพวกพี่ภูผาว่างั้นเหอะ”
“ประมาณนั้น ฉันรับงานนี้เพราะไปส่องผู้โดยเฉพาะ”
“เรื่องเงินน่ะเป็นรอง เรื่องส่องผู้ชายคืองานหลัก” พราวฟ้าเอ่ยเย้า
“ถูกจ้า” ตังเมยิ้มรับก่อนจะหันมาทางเพื่อนสนิทอีกคน “วันนี้แกก็ไปเป็นเพื่อนพราวแล้วกันนะกอบัว”
“ทำไมต้องทำหน้าอึดอัดแบบนั้นล่ะ”
“เฮ้อ”
“ถ้าจะหนักใจขนาดนี้ก็เล่ามาเถอะจ้า”
“ที่ฉันไม่อยากไปเพราะ...”
“เพราะอะไร จะเว้นทำไมให้ตื่นเต้นเนี่ย” ตังเมเอ่ยขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเว้นวรรคไปนานไม่ยอมพูดสักที คนฟังก็ลุ้นจนปากเกร็ง
“ฉันแอบคุยกับพี่เกมส์”
“ห๊ะ! อะไรนะ” ทั้งพราวฟ้าและตังเมอุทานขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน
“เบาๆสิพวกแก”
“แกพูดว่าอะไรนะกอบัว แอบคุยกับใครนะ ขออีกที ชัดๆ”
“ฉันแอบคุยกับพี่เกมส์”
“แกไม่รู้หรือไงว่าพี่เขาเจ้าชู้” ตังเมร้องถามด้วยความตกใจ
“ก็รู้ไง เพราะอึดอัดเลยมาเล่าให้พวกแกฟังนี่ไง”
“ขั้นไหน ถึงขั้นเข้าโรงเรียนพี่เกมส์ไหม”
“อือ ถึง”
“ไปทำอีท่าไหนถึงเสร็จพี่เกมส์ได้เนี่ย”
“เมา”
“โอ้ย อกอีตังเมจะระเบิด” ตังเมยกมือทาบอกโอดครวญเสียงแผ่วก่อนจะพูดต่อ “ฉันก็เคยบอกแกแล้วว่าเวลาแกเมาแล้วฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนแกมันพุ่งสูงขึ้นไง”
“ก็วันนั้นฉันเมา แล้วบังเอิญไปเจอพี่เขาพอดี”
“แกเป็นแบบนี้กับทุกคนป่ะเนี่ยกอบัว” พราวฟ้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เป็นแค่กับพี่เกมส์คนเดียว”
“ปกติแกเมาก็จะนอนหลับตลอด นอกจากอีเฟียก็มีพี่เกมส์ที่ทำให้ฮอร์โมนแกพุ่งพล่านได้มากขนาดนี้ ร่างกายแกเลือกพี่เกมส์เจาะไข่แดง นาทีนี้คงเป็นเนื้อคู่แล้วแหละ”
“ตังเมแกก็พูดไปเรื่อย วันนั้นมันอาจจะผิดพลาดนิดหน่อยก็ได้”
“เดี๋ยวนะ ใครวะ อีเฟีย” พราวฟ้าเอ่ยถาม ใบหน้าสวยขมวดคิ้วเป็นปม
“ตอนมัธยมต้นมีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งชื่อมาเฟีย พวกเราสามคนแอบไปกินเหล้าด้วยกัน แล้ววันนั้นกอบัวมันเมามาก ก็เลยสร้างตำนานจับอีเฟียปล้ำ”
“หา!” พราวฟ้าอุทานเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“พราว แกไม่ต้องตกใจเบอร์นั้น มันไม่มีอะไรเลย เพราะอีเฟียมันเป็นเก้ง ไม่ชอบหญิง” รมย์รวินท์เอ่ยบอกอย่างรวดเร็ว
“อ้าวหรอ”
“ใช่จ้า” ฉันกระแทกเสียงตอบก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับ
“ฉันว่ายังไงๆพี่เกมส์ต้องเป็นเนื้อคู่แกชัวร์ ฉันคอมเฟิร์ม คนนี้แหละใช่แน่ๆ”
“จะใช่ทั้งทีทำไมฟ้าต้องเลือกคนเจ้าชู้มาให้ฉันด้วยวะ”
“แล้วแซ่บป่ะล่ะ”
“ตังเม มันใช่เวลามาถามไหมเนี่ย”
“ก็อยากรู้อ่ะ งั้นเอาใหม่เปลี่ยนคำถาม แล้วแกชอบพี่เขาไหม”
“ก็ชอบ”
“ไม่แปลก เพราะคนใกล้ชิดกัน มันก็ต้องมีมุมที่ดีๆที่ทำให้แกเผลอไปรักเขาบ้าง ถ้าแกไม่มีความรู้สึกสิหัวใจแกคงเป็นหุ่นยนต์ไปแล้ว”
“แล้วพี่เขาล่ะ” พราวฟ้าถามต่อ
“ไม่รู้สิตอนนั้นเขาบอกอยากรับผิดชอบฉัน แต่ฉันดันปฏิเสธไปเพราะไม่ไว้ใจพี่เขา แล้วก็ตามที่พวกแกเห็น พี่เขายังใช้ชีวิตแบบเดิม ปิดเรื่องของฉันไว้เป็นความลับ บางทีเขาอาจจะคิดหรือไม่คิดจริงจังด้วยเลยก็ได้ เลยเก็บเรื่องให้เงียบที่สุดเพราะเขาก็เคยบอกว่าไม่เคยคิดที่จะรักใคร”
“เฮ้อ เอาไงต่อล่ะที่นี้”
“ฉันจะค่อยๆถอยออกมาดีไหม”
“กอบัวแกจะถอย และยอมง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ แล้วไอ้เรื่องราวที่ผ่านมาล่ะ”
“ต่อให้มันดีมากขนาดไหน มันก็แค่ช่วงหนึ่งของชีวิตป่ะ เพราะสุดท้ายมันก็มีกำหนดอยู่ดีว่าจะจบลงตอนไหน”
“แกจะยอมเสียเปรียบคนเดียวหรือไงกอบัว”
“เสียเปรียบอะไร ก็แฟร์ๆ” ฉันเลิกคิ้วขึ้นมองเพื่อนสนิททั้งสองคนสลับไปมา
“แกจะยอมให้เขาฟันแล้วทิ้งง่ายหรือไง”
“พี่เขาก็บอกตั้งแต่เริ่มแล้วป่ะ ว่าห้ามรัก ห้ามรู้สึก แล้วจะให้ฉันอยู่ในสถานะอะไรล่ะ”
“ไม่อยากเอาชนะคนเจ้าชู้แบบพี่เขาเหรอกอบัว” ตังเมเอ่ยถามเสียงทะเล้น มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“ชนะแล้วได้อะไร” ฉันเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“สมหวังในความรักไง”
“คงยาก”
“เอางี้ ถามตรงๆเลยนะ แกรักพี่เขาไหม”
“...” รักไหมงั้นเหรอ ถ้าทุกช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมีความสุข จนอยากให้เวลายืดยาวออกไป ชอบตัวเองเวลาอยู่กับเขา อยากนอนกอดเขาทุกคืน อยากตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดเขาทุกเช้า แบบนี้มันเรียกว่ารักไหม
“ว่าไง”
“รัก”
“งั้นก็ทำให้เขาหลงรักแกกลับสิ อย่าปล่อยให้เรารู้สึกคนเดียวสิกอบัว เกมนี้มันต้องเสมอเท่านั้น ห้ามมีคนแพ้หรือคนชนะ”
แปะๆๆ
พราวฟ้าปรบมือพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย “ความคิดดีว่ะตังเม อันนี้ฉันเห็นด้วยนะกอบัว มันเลยเถิดมาขนาดนี้แล้ว ลองสักตั้งจะเป็นไร”
“ครั้งนี้มันขึ้นอยู่กับตัวแกแล้วล่ะกอบัว ว่าจะเอายังไง”
“แต่ถ้าฉัน...แพ้”
“อย่างน้อยแกก็ได้รักคนที่แกรักรึเปล่าวะ อนาคตเป็นยังไงไม่มีใครรู้หรอก แต่วันนี้ถ้าแกรักพี่เขา แกก็แค่ทำให้ดีที่สุด ถึงจะแพ้อย่างน้อยแกก็สู้เต็มที่แล้วป่าววะ มีอะไรต้องเสียดายอีก”
“ใช่ คิดในแง่บวกอย่างน้อยก็ทำให้เรามีประสบการณ์ในเรื่องความรักนะ”
“ถ้าเสียใจครั้งนี้อีก คงไม่กล้ามีความรักแน่เลย” ฉันเปรยออกมาเสียงแผ่วด้วยความคิดไม่ตก
“งั้นก็ทำให้ดีที่สุดสิ”
“อือ ขอบใจนะ แต่เรื่องนี้ต้องเป็นความลับก่อนนะ”
“ทำไม” ทั้งพราวฟ้าและตังเมเอ่ยถามเป็นเสียงเดียวกัน
“ก็อยากจีบให้ติดก่อน ส่วนแกพราว ห้ามเล่าให้พี่ธันย์ฟังเด็ดขาด”
“เออ ไม่เล่าหรอก แต่ฉันว่าเรื่องนี้พวกพี่เขาก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ไม่งั้นพี่มุกไม่ถามหรอก ว่าแกมีแฟนไหม”
“ยังไงก็ห้ามบอกพวกพี่เขานะ เพราะสุดท้ายถ้าไปต่อไม่ได้ ฉันคงไม่กล้าสู้หน้าใครต่อใครแน่”
“อือ สัญญาว่าจะรูดซิบปากให้แน่นที่สุดเลย”
ตอนที่ 43 คู่หมั้นสามเดือนต่อมา@บ้านเพชรปกรณ์บ้านทรงไทยประยุกต์สองชั้นหลังใหญ่ผสานไปกับสไตล์โมเดิร์น อย่างลงตัว ผนังข้างนอกตกแต่งด้วยโทนสีขาวสลับกับโทนสีน้ำตาล ให้บรรยากาศที่อบอุ่น บริเวณหน้าบ้านปลูกดอกไม้ประดับที่ออกดอกชูช่ออวดความสวยบานสะพรั่งราวกับต้อนรับแขกผู้มาเยือนในวันสำคัญของลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพิธีหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายมีเพียงแขก ญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้นแต่งานก็ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกรียติ สมหน้าสมตาทั้งสองฝ่าย เมื่อเศรษฐีนีเจ้าของตลาดวัฒนาขนเงิน ขนทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ แหวนเพชรสิบกระรัตและที่ดินมาหมั้นว่าที่สะใภ้ในอนาคตให้กับลูกชายเพียงคนเดียว“ว่าที่คู่หมั้นมาแล้วค่ะ” ตังเมและพราวฟ้าเอ่ยบอกขณะพา รมย์รวินท์อยู่ในชุดเดรสคอวีขาวผ้าชีฟองอัดพลีส ยาวคลุมข้อเท้าเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านกรภัคยกยิ้มให้อย่างอ่อนโยนขณะเดินไปจูงมือคู่หมั้นเดินเข้ามาในห้องรับแขก“วันนี้หนูสวยมาก พี่คิดว่านางฟ้าที่ไหนลงมาเดินเล่น”รมย์รวินท์หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเจอคำพูดหวานเลียน ยืนยิ้มหน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อเขาจูบที่แก้มแล้วผละออกอย่างรวมเร็วเพราะกลั
ตอนที่ 42 งอนอยู่นะ“พี่เมฆา พี่เมฆา”“...”“เมฆา”“ครับ คุณเกมส์” เมฆาที่เดินกลับมาถึงโต๊ะทำงานได้ยินเสียงผู้บริหารหนุ่มโวยวายเสียงดังจึงรีบเข้ามาในห้องทำงาน"ไปไหนมา"“ผมปวดหนัก ผมขอโทษนะครับ”เมฆาเอ่ยบอกอย่างสำนึกผิดเมื่อปล่อยเจ้านายสัมภาษณ์งานเลขาคนใหม่เพียงลำพัง“คราวหน้าผมไม่เอาแล้วนะเลขาผู้หญิงอ่า เอาผู้ชายเท่านั้น ผู้ชายเท่านั้นนะพี่”“ครับผม แล้วเธอ...ทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ”“ผมเกือบโดนสวบแล้วไหมล่ะ”“อาบน้ำก่อนไหมครับ กลิ่นน้ำหอมเธอแรงมาก ถ้าไปรับคุณกอบัวในสภาพนี้ คุณเกมส์จะโดนโกรธเอาได้นะครับ”“ก็คงโดนอยู่แล้ว เพราะผมต้องเล่าให้เธอฟังทุกเรื่อง”“อนาคตไม่มีโอกาสเป็นพ่อบ้านใจกล้านะครับคุณเกมส์”“ยังไง?”“กลัวเมีย”“เขาเรียกให้เกียรติครับ และที่สำคัญผมไม่พูดโกหก”“ครับๆ” เมฆายกยิ้มให้เจ้านายก่อนจะเดินออกมา อยากจะแซวคนกลัวเมียให้นานกว่านี้ แต่เขายังไม่พร้อมหางานใหม่หลังจากร
ตอนที่ 41 เอาแต่ใจ2 ปีต่อมา@มหาลัยรถอาวดี้คันหรูจอดสนิทข้างตึกคณะวิศวกรรมก่อนจะดึงร่างบางมาสวมกอดแล้วหอมแก้มนุ่มอย่างเช่นทุกวัน“ตั้งใจเรียนนะ เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับ”“โอเคค่ะ”“พี่เกมส์ก็ตั้งใจทำงานนะคะ” รมย์รวินท์โน้มตัวไปหอมที่แก้มเขากลับคืนแล้วก้าวลงจากรถแต่ถูกเขาดึงไว้อีกครั้ง“คะ พี่เกมส์”“ฝึกงานเมื่อไหร่”“อีกสองเดือนค่ะ”“พี่ว่าหนู...”“ค่อยคุยกันเรื่องนี้ได้ไหมคะพี่เกมส์” รมย์รวินท์เอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อเขาถามเรื่องฝึกงานอีกครั้ง คุยกันทีไรจบด้วยการเถียงกันและงอนกันทุกครั้งไป“โอเคครับ หวังว่าตอนเย็นพี่มารับหนูจะมีคำตอบให้พี่นะ”“รับทราบค่ะ”ฟู่ว!รมย์รวินท์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ในโรงอาหาร“เป็นอะไรกอบัว”“เครียด เรื่องฝึกงาน”“มีปัญหาหรอ เรื่องเกรดหรือติดกิจกรรมล่ะ ไปปรึกษาอาจารย์ไหม เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”
ตอนที่ 40 คบกันนะหลังจากเรื่องราวทุกอย่างเคลียร์จบเรียบร้อย ผมจึงพาเธอกลับมาที่คอนโดเพื่อเปลี่ยนชุด ก่อนจะพามาที่ร้านอาหารบนตึกสูงใจกลางเมืองรมย์รวินท์ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีชมพูพิ้งค์โกลด์สั้นเหนือเข่าเดินเคียงข้างเขาในชุดสูทสีดำไม่ทางการ พอมองไปที่มือนุ่มก็ถูกเขากุมไว้ตลอดเวลาจนเธอต้องสลับมองหน้าเขาด้วยแววตาเป็นประกาย“มองแบบนี้พี่เขินนะ”“ก็พี่หล่อนี่คะ”“ไปเอาความปากหวานมาจากไหนหนอ”“พี่มุกกับพี่ชะเอมเคยบอกไว้ค่ะ ว่าพี่ชอบคนอ้อนๆ”“ไปเชื่อพวกมันสองคน โดยต้มจนเปื่อยแล้วมั้ง”“อ้าวไม่ชอบหรอคะ” รมย์รวินท์เอียงคอถามอย่างน่ารักจนกรภัคหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเหวอของคนตัวเล็กกว่าแล้วโอบเอวดึงเธอมากอดแนบชิด“ชอบ แต่คนที่อ้อนพี่ ต้องเป็นเราเท่านั้นนะ ถ้าเป็นคนอื่นพี่ไม่ชอบ”“ไม่คุยด้วยแล้ว” รมย์รวินท์หันหน้าหนีซ่อนรอยยิ้ม แต่ลืมไปว่าเป็นกระจกซึ่งเห็นเงาที่สะท้อนออกมาเห็นเขายืนกลั้นขำจนหน้าแดง“อยากยิ้มก็ยิ้ม ไม่ต้องแอบหรอก พอโดนเอาคืนบ้าง ไปไม่เป็นเลยนะเรา”
ตอนที่ 39 คืนเกิดเหตุตึกคณะบริหารจีจี้เดินเล่นโทรศัพท์ลงมาจากตึกในช่วงห้าโมงเย็น ก่อนจะเดินไปนั่งรอคนขับรถที่บ้านมารับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอร่างสูงใบหน้าหล่อที่ทำท่าถมึงทึง คนที่เธอพยายามพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆและตามจีบมานานนับเดือน แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธออยากวิ่งหนีไปให้ไกลๆ ถ้ามีวิชาหายตัวได้ก็คงจะดี“หยุดเลยนะจีจี้”“พี่เกมส์” จีจี้พูดเสียงสลดใบหน้าสวยซีดเผือด “จีจี้ขอโทษ”“รู้ไหมว่าสิ่งที่จีจี้ทำมันทำให้พี่วุ่นวายมากแค่ไหน”“แต่หมอบอกว่าพี่ไม่ถึงตายนะคะ แพ้แต่ไม่รุนแรง แล้วจีจี้ก็ไม่ได้ตั้งใจ จีจี้ขอโทษ”“ใครว่าพี่ไม่ตาย”“นี่จีจี้คุยกับวิญญาณพี่หรอคะ ฮือ จีจี้ขอโทษนะคะขนาดตายไปแล้วยังเป็นผีมาหลอกมาหลอนจีจี้อีก” จีจี้ตีโพยตีพายยกมือปิดหน้าปิดตาร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความกลัว แถวนี้ยิ่งไม่มีคนอยู่ด้วย“พี่ยังไม่ตาย แต่ที่บอกตายเพราะพี่ทรมานใจที่จีจี้ก่อเรื่องจนทำให้พี่กับกอบัวผิดใจกันต่างหาก”“อึกฮือ”“จีจี้ตั้งสติก่อน เลิกร
ตอนที่ 38 หวานต่อไม่รอแล้วนะไม่นานรถอาวดี้คันหรูจอดสนิทที่หน้าร้านอาหารริมชายหาด ภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นกรุกระจกล้อมรอบ และยังมีโซนด้านนอกริมหาดที่ตกแต่งด้วยไฟสีเหลืองนวล และเสียงเพลงจากนักร้องยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรวมช่างโรแมนติก“นั่งตรงไหนดี หืม” กรภัคโอบไหล่คนตัวเล็กแล้วโน้มมาถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“ตรงโซนริมหาดดีกว่าค่ะ บรรยากาศกำลังดีเลย” สายลมพัดเอื่อยๆพัดกลิ่นอายทะเลขึ้นมาจนทำให้ร่างบางที่หน้าบึ้งตึงยิ้มกว้างออกมา นี่สินะกลิ่นอายทะเลบ้านเกิดที่ไม่ได้สัมผัสมานานหลังจากที่ย้ายไปเรียนในเมืองหลวง“ชอบไหม” ผมเอ่ยถามเสียงนุ่มพร้อมกับเกลี่ยปอยผมที่ปลิวไปตามแรงลมขึ้นทัดหูให้อย่างอ่อนโยน“ชอบมากค่ะ”“เห็นเรายิ้มได้พี่ก็ดีใจแล้ว”“ไม่ได้หลอกว่าอะไรหนูอยู่ใช่ไหมคะ”“เปล๊า ใครจะกล้า แล้วเราอยากกินอะไร สั่งเลยนะ วันนี้ป๋าเลี้ยงไม่อั้น” กรภัคเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดูแววตายามมองคนตรงหน้าก็เปี่ยมไปด้วยรัก“จะเอาให้ขนหน้าแข้งป๋าร่วงเลย”“คงยากหน่อยนะ เพราะพี่รวยมาก”“จ้