แค้นใจ
Nuptang
ฉันตื่นแต่เช้าลุกจากเตียงนอนก็ล้างหน้าล้างตาแล้วลงมาในครัวทำอาหารเช้าให้สองแม่ลูกก่อนที่จะไปทำงาน เป็นแบบนี้ทุกวัน แม้จะเหนื่อยจากการทำงานขนาดไหนกลับมาถึงบ้านก็ต้องลุยกับงานบ้านและทำอาหารเย็นถึงจะได้พัก เหนื่อยแต่มันชินแล้วแหละ เพื่อที่ฉันจะได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ บ้านพ่อแม่ของฉัน เพราะความไว้ใจพ่อจึงได้ตัดสินใจยกที่ดินและบ้านหลังนี้ให้น้าออยเป็นคนดูแล
ฉันไม่ได้โกรธอะไรพ่อหรอกนะ แต่ที่ฉันโกรธก็คือน้าออย เธอไม่ยอมทำตามสัญญาที่ให้กับพ่อฉัน คำพูดของเธอเป็นแค่ลมปากฉันแค้นใจที่สุด เธอไม่ได้ส่งฉันเรียนด้วยเงินของพ่อฉันที่ฝากฝังให้เงินก้อนนั้นไว้สำหรับให้ฉันเรียนจนจบ แต่เธอกลับใช้เงินก้อนนั้นกับลูกสาวของตน ไปซื้อของฟุ่มเฟือย กินอาหารหรู เที่ยวต่างประเทศ จนเงินหมดก็ไปหายืม เป็นหนี้ไปทั่ว แล้วยังคิดจะขายบ้านขายที่ดินอีก .
ฉันอยากจะใส่ยาพิษลงไปในอาหารให้สองแม่ลูกกินซะจริง ๆ แต่ก็กลัวติดคุก ปล่อยให้เวรกรรมทำหน้าที่ของมันดีกว่า หลังจากทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย ฉันก็ขึ้นมาบนห้องแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน
ฉันทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง.รับหน้าที่เป็นทั้งเสิร์ฟชงกาแฟ ชงเครื่องดื่มก็ทำทุกอย่างในร้านนั้นแหละ พอเปิดประตูร้านเข้ามา
"มาเร็วจัง ทานอะไรมาหรือยังครับ"ฉันหยุดชะงักแล้วรีบยกมือไหว้เจ้าของร้านด้วยความตกใจและประหม่านิด ๆ เพราะไม่คิดว่าจะเจอกับเขา ปกติคุณเรย์ เจ้าของร้านหนุ่มหล่อจะไม่ได้เข้าร้านมาเป็นอาทิตย์แล้ว
"สวัสดีค่ะคุณเรย์ นับทานมาแล้วค่ะ"ฉันตอบกลับแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะหันกลับไปที่ประตูเพราะมีเสียงคนเปิด
"นับตังค์...."เป็นการ์ตูนเพื่อนที่ทำงานฉันเอง
"....คุณเรย์"เธอตวัดสายตาไปที่เจ้าของร้านแล้วทำสีหน้าตกใจก่อนจะยกมือไหว้สวัสดี
"เหอะ ๆ ทำไมดูเหมือนเห็นผมราวกับเห็นผี..ทั้งนับตังค์..."มองมาที่ฉันแล้วสลับหันไปที่การ์ตูน
"....การ์ตูน"
"เอ่อ/เอ่อ"ฉันกับเพื่อนก้มหน้างุดพูดอะไรไม่ออก
"แยกย้ายกันไปทำงานเถอะ"เสียงทุ้มเอ่ย
"ค่ะ/ค่ะ"เราสองคนขานรับแล้วพากันแยกย้ายกันทำหน้าที่
งานที่ฉันทำก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ต้อนรับลูกค้ารับออเดอร์ ทำเครื่องดื่ม เสิร์ฟ พอลูกค้าออกจากร้านก็เก็บโต๊ะเช็ดโต๊ะ
"นับ เดี๋ยวพักเบรคเราไปกินส้มตำกันไหม"การ์ตูนเดินเข้ามาที่ฉันแล้วพูดขึ้น
"อืม เอาสิอยากกินพอดี"ฉันตอบตกลงทันที ปกติแล้วพนักงานในร้านจะผลัดกันไปพักทานข้าวเที่ยง ซึ่งฉันกับการ์ตูนจะได้พักพร้อมกัน ฉันจึงสนิทกับการ์ตูนมากกว่าคนอื่น
พอถึงช่วงพักทานมื้อเที่ยงฉันกับการ์ตูนออกมาจากร้านมุ่งไปยังร้านส้มตำร้านประจำไม่ไกลจากร้านกาแฟที่ฉันทำงานอยู่
"นับตังค์ การ์ตูน"มีเสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง เราสองคนจึงหยุดเดินแล้วหันไปตามเสียง.
"คุณเรย์"ฉันพึมพำเบา ๆ แล้วหันไปมองหน้าเพื่อน เราสองคนแสดงสีหน้าแปลกใจ พอคุณเรย์เดินมาถึง.
"จะไปทานข้าวกันเหรอ"สิ้นเสียงเราสองคนก็ผงกหัวรับ.
"แล้วทานอะไรกัน"
"ส้มตำค่ะ แหะ ๆ "การ์ตูนเป็นคนตอบแล้วกลั้วหัวเราะออกมา
"อืม...ผมขอไปด้วยสิ"ฉันกับการ์ตูนหันมองหน้ากันทันที
"เอ่อ..."
"คิดว่าผมจะทานไม่ได้?"ฉันยังไม่พูดอะไรคุณเรย์ก็แทรกพูด เหมือนจะรู้ว่าฉันกำลังจะพูดอะไร
"ถ้ากินได้ก็ไปเลยค่ะ"การ์ตูนเอ่ยพร้อมกับจับมือฉันพาเดินนำหน้าเจ้าของร้านไปที่ร้านส้มตำประจำของพวกเรา
ระหว่างรออาหาร คุณเรย์ก็ชวนพวกเราพูดคุยเรื่องในร้าน ไม่ได้เป็นเรื่องซีเรียสอะไร แล้วยังบอกอีกว่าที่เขาไม่ค่อยได้เข้าร้านเพราะติดธุระ แต่ตอนนี้ธุระจัดการเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ก็จะเข้าร้านบ่อย ๆ
ตอนแรกก็คิดว่าคุณเรย์จะกินส้มตำธรรมดา ๆ ไม่ได้ซะอีก เพราะท่าทางบุคลิกไฮโซแบบนั้น แต่ฉันคิดผิด เขากินได้ทุกอย่างเลย แค่ขอไม่เผ็ดเพราะเขากินเผ็ดไม่เก่ง.พอกินอิ่มเรียบร้อย คุณเรย์ก็เป็นคนจ่ายเงินทั้งหมด ฉันกับการ์ตูนพากันขอบคุณอย่างดีใจ ที่มื้อนี้สบายกระเป๋าไม่ต้องจ่าย
กลับมาถึงร้านลูกค้าก็เข้าอย่างไม่ขาดสาย ฉันกับการ์ตูนก็ลุยงานต่อ จนกระทั่งถึงเวลาเลิกร้าน พนักงานทุกคนต่างพากันเก็บกวาดเช็ดล้างอุปกรณ์ ถ้วยกาแฟ จนเสร็จเรียบร้อย
"ตูน ฉันเอาขยะไม่ทิ้งก่อนนะ"ฉันบอกกับเพื่อนก่อนที่จะหิ้วถุงขยะออกมาจากร้านเพื่อนำมันไปทิ้ง. ซึ่งห่างจากร้านไม่กี่เมตร พอมาถึงถังขยะฉันที่กำลังจะเปิดฝาถัง.จู่ ๆ ก็มีรถยนต์คันหรูขับเข้ามา
"ว้าย.."ฉันอุทานเสียงดังพร้อมกระโดดหนีน้ำขังที่กระเด็นมาโดนขากางเกงฉัน
"...ขับรถยังไงเนี่ยไม่ดูเลยว่ามีน้ำขัง"ฉันบ่นพึมพำแล้วก้มปัดน้ำออกที่กางเกง..โดยไม่รู้เลยว่ารถยนต์คันนั้นจอดแล้วมีคนลงมาจากรถ ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าหนักเดินเข้าฉันจึงแหงนหน้าแล้วหันไปมอง ก็พบกับชายหนุ่มร่างสูงแต่งตัวดูดี หน้าตาหล่อเหลานะแต่สีหน้าเย็นชาเรียบนิ่งมาก
"เท่าไหร่"เขามายืนตรงหน้าฉันแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบทุ้ม ฉันแหงนมองหน้าเขาแล้วขมวดคิ้วแทบจะเป็นปม
"หมายความว่าอะไรคะ"ฉันถามเพราะไม่รู้ความหมายที่เขาพูดจริง ๆ
"กางเกงเธอน่ะ เท่าไหร่"คนหน้าหล่อหลุบตาลงมองที่กางเกงฉันซึ่งมันเปียกน้ำที่ปลาย ๆ ขา
"ถามทำไมคะ"
"เท่าไหร่ แค่บอกมาจะตายหรือไง!..."เขาตวาดใส่ฉันแล้วยกมือท้าวเอวหลวม ๆ แล้วเบือนหน้าไปลอบหายใจราวกับฉันกำลังทำให้เขาหงุดหงิด
"....ฉันจะชดใช้ค่ากางเกงที่ทำของเธอเปื้อนน้ำสกปรกนั้น"
"อ๋อ ไม่เป็นไรคะ"ฉันพูดพร้อมกับคลี่ยิ้มเจื่อน ๆ แค่ขอโทษก็พอแล้วไหม ฉันคิดในใจ
"...."แต่ทว่าชายหนุ่มล้วงไปที่กระเป๋ากางเกงคว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นแล้วหยิบแบงค์พันสองใบยื่นมาให้ฉัน
"ไม่เป็นไรจริง ๆ"ฉันโบกไม้โบกมือไม่รับ.
"เอาไป!"
"มะ ไม่..."คนหน้าหล่อคว้ามือฉันแล้วยัดเงินใส่มือก่อนจะเดินไป
"คะ คุณ..."เขาขายาวชะมัดเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงรถเขาแล้ว
"คุณ คุณ"กว่าฉันจะไปถึงเขาก็ขับรถไปแล้ว ฉันยืนมองก็เห็นว่ารถคันหรูคันนั้นขับเข้าไปในร้าน จึงรีบทิ้งขยะแล้วจะเดินเข้าไปคืนเงินเขา ทว่าการ์ตูนก็เดินออกมาแล้วขวางฉันไว้
"นับ แกจะไปไหน"
"ฉันจะ..."
"นี่กระเป๋าแก คุณเรย์ให้พวกเรากลับไปกันเลย พอดีเขามีแขก..."ฉันรับกระเป๋ามาแต่สายตาจ้องไปในร้าน ก็เห็นแต่แผ่นหลังเขาคนนั้นยืนคุยกับคุณเรย์ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในห้องทำงาน.
"...มีอะไรหรือเปล่า"ฉันหันมาที่เพื่อน
"ไม่มีอะไร"
"งั้นกลับกันเถอะ"
"อืม"ฉันคงไม่ได้คืนเงินเขาในวันนี้ แต่จะเก็บไว้ก่อนเจอตอนไหนค่อยคืน ท่าทางเขาน่าจะเป็นเพื่อนคุณเรย์ อาจจะได้เห็นเขามาที่นี้อีก
พอมาถึงบ้าน ก็พบกับสองแม่ลูกนั่งอยู่หน้าทีวี ตัวลูกสาวนั่งทาเล็บส่วนคนเป็นแม่จ้องไปที่จอทีวี ฉันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ้านต้องถอนหายใจ เพราะบ้านรกมาก ถ้วยชามกินไว้ก็ไม่เก็บ
"รีบไปทำกับข้าวสิ ฉันหิวจะแย่แล้ว"เป็นเสียงแม่เลี้ยงของฉัน
"น้าออยหิว ทำไมถึงไม่ทำกินล่ะคะ"ฉันบอกเธอด้วยน้ำเสียงเรียบสีหน้าเอือมระอา
"นี่แก ย้อนฉันเหรอนังนับ"
"นับแค่ถาม"ฉันพูดขึ้นแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น หมั่บ! น้าออยคว้าที่แขนฉันแล้วบีบอย่างแรง
"ปีกกล้าขาแข็งนักเหรอ! มานี่"เธอลากฉันไปที่กลางบ้าน
"โอ๊ยน้าออย..นับเจ็บ"แล้วผลักฉันจนล้มลงไปกองกับพื้น
"กล้าต่อปากต่อคำกับฉันงั้นเหรอ"น้าออยย่อตัวลงมาดึงผมฉันแล้วง้างมือขึ้น
"เอาเลยแม่ ตบมันเลย"เพียะ! สิ้นเสียงลูกสาวแม่เลี้ยงก็ใช้ฝ่ามือฟาดลงที่ใบหน้าฉันอย่างแรง.
"น้าออย ปล่อยนับนะ"ฉันยกมือขึ้นพยายามดึงมือเธอที่ดึงจิกผมฉันแล้วสะบัดให้หลุด
"ปล่อยงั้นเหรอ"เพียะ! เธอตบฉันอีกครั้ง.
"แม่พอเถอะ เอยหิวข้าวแล้วให้นังนับไปทำกับข้าวได้แล้ว"พอสิ้นเสียงลูกสาว.
"ได้ยินแล้วใช่ไหม! รีบไปทำซะ"น้าออยยอมปล่อยฉันแล้วลุกขึ้นเดินไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม
ฉันหยัดกายลุกขึ้นกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น น้ำตาฉันไม่ได้ไหลออกมาเพราะความเจ็บ แต่มันไหลออกมาเพราะความแค้น
______________________
ของแถมที่มีค่า ตอนจบตอนนี้ฉันนั่งรถมากับคุณรณและมีลูกนั่งตักอยู่เพื่อจะไปดูงานที่บ่อนหลังจากที่ได้พากันไปเลือกชุดแต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว พอมาถึงสามีของฉันก็รีบลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่ฉันนั่ง แล้วคว้าลูกชายของเขาไปอุ้ม"เติร์ดมากับพ่อ"เจ้าตัวน้อยฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้อยู่บนอ้อมแขนคนเป็นพ่อ ส่วนฉันก็ปลดเบลล์แล้วลงจากรถเดินตามสองพ่อลูกเข้าไปในบ่อน ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ฉันเคยได้อาศัยอยู่อาจจะไม่นานแต่ก็คุ้นเคยดี"สวัสดีครับคุณรณ คุณนับ"เป็นผู้จัดการที่ดูแลบ่อนกล่าวทักทายเมื่อเราสองคนก้าวขาเข้าไปในออฟฟิศ"ที่นี่เรียบร้อยดีไหม"คุณรณเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ"เรียบร้อยดีครับ"ผู้จัดการหนุ่มตอบในขณะที่เจ้าของบ่อนอุ้มลูกไปนั่งที่โซฟา ก่อนที่ฉันจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ"เอาเอกสารมาให้ผมดูหน่อย""ครับ"สิ้นเสียงผู้จัดการก็เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วยกหูโทรศัพท์ก่อนจะพูดเข้าไปในสาย"ให้คนเอาน้ำมาเสิร์ฟคุณรณกับภรรยา และขนมให้คุณเติร์ดหน่อย"พูดจบ ผู้จัดการก็วางสายแล้วหยิบแฟ้มเอกสารสองสามแฟ้มมาวางไว้ที่โต๊ะกระจกตรงหน้าคุณรณ แล้วนั่งบนโซฟาตรงข้าม"อุ้มลูก..พี่ตรวจงานแปบ"สามียื่นลูกชายมาให้ ฉันก็รีบลูก
มันถึงเวลาแล้วตอนนี้ทุกคนต่างพากันรุมกันอุ้มเจ้าเทวดาตัวน้อยของฉันกันด้วยความเอ็นดู"หน้าเหมือนรณตอนเด็กเป๊ะ"เป็นคำพูดของแม่คุณรณที่ในขณะที่ฉันหยัดกายลุกขึ้นหลังโดยมีสามีหน้านิ่งคอยพยุงขึ้นแล้วเอาหลังพิงที่หัวเตียง ระหว่างนั้นก็มีการรับขวัญหลาน ต่างคนมีของมารับขวัญหลานกันทั่วหน้า แม้แต่หญิงสาวปริศนาที่อยู่ข้างพี่ทอยตลอด ฉันรู้สึกสงสัยว่าเธอเป็นใคร จึงเอ่ยถามคุณรณเบา ๆ"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ"คุณพ่อป้ายแดงก็หันไปที่ผู้หญิงคนนั้นก่อนจะหันกลับมาบอกว่า"แฟนใหม่ไอ้ทอยเห็นว่าชื่อ ไผ่""แฟนใหม่พี่ทอย? ไปมีตั้งแต่ตอนไหนนะ"ประโยคสุดท้ายฉันได้พึมพำออกมาเบา ๆ พอได้ยิน"มันก็คบ ๆ เลิก ๆ มาหลายคนแบบนี้แหละ บางคนพี่ยังไม่เคยเห็นหน้าเลย มันก็เลิกไปซะก่อน"คุณรณหันไปที่พี่ชายแล้วบ่นพึมพำ"นินทาอะไรพี่ทอย"นั้นเป็นเสียงของเทมโปที่เดินล้วงกระเป๋ามาที่เตียงฉัน"เหอะ"คนเป็นพี่กลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ"พี่รณ รู้หรือยังว่าพี่ต้องรัก กลับมาอยู่ที่ไทยแล้ว"เทมโปเข้ามากระซิบเบา ๆ ที่กลางวง ต้องรัก? เป็นใครกัน ในขณะที่คุณรณสั่นหัวพรืด"แล้วพี่ชายมึงรู้ยัง"คุณรณคงจะหมายถึงพี่ทอย เทมโปผงกหัว"รู้...แต่ไม่เห็นมี
น้องเติร์ดมาแล้วตอนนี้อายุครรภ์ฉันได้แปดเดือนแล้ว อีกเดือนเดียวฉันก็จะได้เห็นหน้า น้องเติร์ด หรือ ด.ช.รัชชนันท์ แล้ว นั้นเป็นชื่อที่ฉันกับสามีสุดหล่อหน้านิ่งช่วยกันตั้ง.คุณรณดูแลฉันเป็นอย่างดี เขาทำงานแค่ที่คาสิโนตรงกันข้ามบ้านที่เราอยู่รวมถึงไปดูแลโรงแรมที่สร้างโดยที่ดินพ่อฉันที่เขาได้ซื้อไป แต่ตอนนี้โอนมาเป็นของฉันแล้ว โรงแรมที่สร้างนั้นก็เพื่อเอาไว้ให้นักเล่นพนันที่มาจากต่างชาติได้พัก ในส่วนที่ตรงนั้นทำเล และวิวดีมาก ไม่ใช่แค่นักเล่นพนัน ยังมีนักท่องเที่ยวมาพักด้วย ส่วนบ่อนคุณรณก็ขอให้พี่ทอยเข้าไปดูแลให้ก่อน เพราะต้องคอยดูแลฉันฉันอยู่บ้านก็ไม่ได้เหงาอะไรเพราะมีพี่นุชมาอยู่เป็นเพื่อน ส่วนลูกซุบ คุณรณเอาไปฝากไว้ที่บ้านแม่ของเขาไว้ พี่นุชจะอยู่กับฉันจนคุณรณเลิกงาน เธอถึงจะกลับ"คุณรณมาแล้ว"ฉันหันไปที่ประตูบ้านก็เห็นว่าที่คุณพ่อเดินเข้ามา พี่นุชลุกจากโซฟาไปช่วยถือสูทและกระเป๋าทำงานของเขา ส่วนฉันนั่งพุงพุ้ยอยู่บนโซฟา ลุกแทบไม่ขึ้นเนื่องจากว่าฉันเป็นคนตัวเล็กแล้วลูกในครรภ์ค่อนข้างตัวใหญ่สมบูรณ์ หมอจึงแนะนำให้ทำการผ่าคลอด ชายหนุ่มหน้านิ่งปลดเน็กไทหลวม ๆ แล้วเดินมานั่งข้างฉัน ก่อนที่จะ
จดทะเบียน"อืม พี่มั่นใจแล้วล่ะว่าเธอนั้นแหละที่พี่จะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย"พอสิ้นเสียงหัวใจฉันก็เต้นโครมครามอย่างไม่มีจังหวะ และรู้สึกว่าดวงตาเกิดเห่อร้อนขึ้นราวกับกำลังจะหลั่งน้ำใส ๆ ออกมา"พะ พี่รณ..."ฉันเอ่ยเรียกชื่อว่าที่พ่อของลูกด้วยน้ำเสียงสั่นเทา"...ที่พี่พูดหมายความว่า""พี่เลือกเธอ"เจ้าของใบหน้าหล่อหันมาแล้วเผยยิ้มบาง ๆ จากนั้นหยดน้ำตาฉันก็ไหลออกมาทันที มือหนาเอื้อมมาเช็ดหยดน้ำตาให้ฉันอย่างเบามือ"นับ ดีใจที่สุดที่พี่เลือกนับ"ฉันพูดออกไปอย่างสะอึกสะอื้น น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลไม่หยุด"ไม่ร้องนะครับ"น้ำเสียงทุ้มแฝงความอบอุ่นทำให้หัวใจฉันสั่นระรัว"ค่ะ"ฉันรีบปาดน้ำตาแล้วคลี่ยิ้มหวานให้ คุณรณยกมือมาลูบหัวฉัน"จะเป็นแม่คนแล้วต้องไม่งอแงนะครับ"ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่จะมีคนคอยดูแลอย่างคุณรณคุณรณขับมาถึงบ้านหลังนึง ซึ่งใหญ่โตมาก ฉันรู้สึกตื่นตาและประหม่านิด ๆ กว่าคุณรณจะขับรถไปถึงที่จอดก็เกือบกิโล พื้นที่กว้างขวางสุด พอมาถึงที่จอดรถคุณรณก็ดับเครื่องยนต์แล้วหันมามองฉัน ตุ่บ ตุ่บ หัวใจฉันเต้นแรงมากด้วยอาการตื่นเต้น"ไม่ต้องตื่นเต้น พ่อแม่พี่ใจดี"ราวกับว่าจะรู้ว่าตอนนี้ฉันตื่นเต้นมา
มั่นใจRONระหว่างผมเดินออกมาจากโต๊ะอาหาร ผมก็เผยยิ้มออกมาโดยไม่มีใครเห็น เพราะผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่รุ่นน้องคนที่เป็นรักแรกของผมคือ 'นับตังค์' ผมรู้สึกมีความสุขมากที่รู้ว่ารักแรกของผมตอนนี้กำลังจะเป็นแม่ของลูกอีกด้วยพอขึ้นมาบนห้องปิดประตูเรียบร้อยแล้ว นึกอะไรบางอย่างที่จะต้องทำให้เร็วที่สุด จึงคว้าโทรศัพท์แล้วโทรหาไอ้ทอยพี่ชายต่างมารดาทันที ตื๊ด ตื๊ด(ว่าไง)"นับตังค์ท้อง"นั้นแหละคือสิ่งที่ผมจะทำ และไม่ได้จะบอกแค่ไอ้ทอยคนเดียว พรุ่งนี้หลังจากตรวจครรภ์เสร็จผมจะพาเธอไปเปิดตัวกับครอบครัว ที่ผมบอกกับทุกคนที่โต๊ะอาหารว่า มีคนที่จะใช้ชีวิตด้วยแล้ว นั้นก็คือนับตังค์ ผมมั่นใจแล้วล่ะ 'ผมรักเธอ'(อย่าบอกนะว่าแกทำนับท้อง)ไอ้ทอยพูดเข้ามาในสายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแฝงความกังวล มันคงกลัวผมจะไม่รับผิดชอบนับตังค์แน่"อืม"ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ(แกต้องรับผิดชอบนะ ไม่งั้นเรื่องนี้ถึงหูน้าเรอากับพ่อแน่)มันทำมาเป็นขู่ผม"งั้นฝากบอกด้วยนะว่าพรุ่งนี้จะพาลูกสะใภ้ไปไหว้"ทำไมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมานะ เขินกับคำพูดตัวเอง?(ฮั่นแน่...สุดท้ายก็ตกหลุมรักของแถมแล้วสินะ)ไอ้พี่ชายตัวดีก็แซวผมขึ้นทันที
ไม่สำคัญ"แม่..."พี่เอิงเอยอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะพาแม่ของเธอนั่งลงที่เก้าอี้"...พี่รณช่วยแม่เอยด้วย"เธอเอาฝ่ามือพัดที่หน้าแม่แล้วหันมาบอกกับคุณรณที่มองอยู่ด้วยสายตาเย็นชา ในขณะที่ฉันเองกับพี่นุชกำลังจะลุกจากเก้าอี้เพื่อจะไปดูด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเธอจะร้ายกับฉัน แต่พอเห็นเธอเป็นอะไรต่อหน้าแบบนี้ก็อดที่จะสงสารและเป็นห่วงไม่ได้"นับตังค์เธอไม่ต้อง...."แล้วเสียงทุ้มก็ดังขึ้นมาที่ฉัน"...ไปเอายาดมมา"ก่อนจะหันไปที่พี่นุชแล้วออกคำสั่งเสียงเรียบ"ค่ะ"พี่นุชเดินไปในทันที"พี่รณ..เอยคิดว่าแม่อาจจะต้องไปโรงพยาบาลนะคะ""ทำไมต้องไป แค่เป็นลมไม่ใช่เหรอ"ชายหนุ่มหน้านิ่งสวนกลับ"เอ่อ...ช่วงหลังมานี้แม่เอยทำงานหนักมักจะเป็นลมบ่อย ๆ แล้ววันนี้ยังต้องมาขนของให้นับอีก แม่คงจะเหนื่อยมาก"หันมามองขวางที่ฉัน ในขณะเดียวกันที่พี่นุชก็ถือแก้วร้อนที่มีควันขึ้นมา พร้อมกับยาดมมาด้วย"อะไรน่ะ"พี่เอิงเอยถามด้วยสีหน้าสงสัย"ยาหอมไง..พี่เห็นว่าน้าออยเป็นลมก็เลยต้มมาให้"พี่เอิงเอยไม่รับมองหน้าน้าออยที่นอนหลับตาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ฉันรู้ว่าเพราะอะไร"เอาให้แม่กินสิ"พี่นุชยื่นแก้วให้อึกครั้ง"แม่เอยไม่ชอบกินยาหอม
ขโมยมา?หลังจากพี่เอิงเอยออกไป ฉันก็หันไปถามคุณรณด้วยความสงสัยต่อ"พี่เอยบอกว่าออกจากโรงเรียนเพราะนับ?""อืม"ชายหนุ่มหน้านิ่งตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ฉันได้ยินแบบนั้นก็ลอบหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่ใช่เรียนสำคัญ แต่ก็อดคิดไม่ได้เลยว่าทำไมพี่เอิงเอยจะพูดเอาความดีเข้าตัวแบบนี้"หิวหรือยัง"นั้นเป็นเสียงของคุณรณที่เอ่ยถาม"นิดหน่อยค่ะ""งั้นเราลงไปทานข้าวกันเถอะ"พูดจบ คุณรณก็ลุกขึ้นจากโซฟา"ไม่รอทานพร้อมพี่เอยเหรอคะ"ฉันบอกออกไปด้วยความที่ยังน้อยใจ"ไม่ล่ะ ฉันหิว"พอสิ้นเสียงคุณรณก็เดินออกไปจากห้อง ส่วนฉันก็ต้องลุกเดินตามเขาไป ก็ได้สวนเข้ากับพี่เอิงเอย และน้าออย พอเห็นฉันก็พากันรีบคว้าแขนไปในห้องนอนเล็ก"มีอะไรกัน""แกบอกอะไรกับพี่รณหรือเปล่า"พี่เอิงเอยถามด้วยสีหน้าดูร้อนใจ"เรื่องที่พี่ไปโกหกเขาว่าออกจากโรงเรียนเพราะนับ?"ฉันรู้เลยจึงพูดขึ้น เธอคงจะกลัวว่าฉันจะไปบอกความจริงแน่ ๆ แต่ฉันไม่บอกหรอกเพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"ใช่ แกได้ไปพูด....""นับไม่สนใจหรอกนะ นับก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย"ฉันแทรกพูดขึ้นแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ"เพราะแกท้องใช่ไหมพี่รณถึงได้เอาใจแก..บอกฉันมา!.""นับตังค์
ใครสั่งให้ย้ายตอนนี้ฉันกำลังจัดเรียงข้าวของที่ขนย้ายมาจากห้องนอนใหญ่อยู่คนเดียวเพราะพี่นุชแยกตัวไปทำมื้อเย็นแล้ว ส่วนพี่เอิงเอยก็ถือวิสาสะพาน้าออยเข้าไปในห้องนอนใหญ่ ซึ่งก็ไม่มีใครพูดห้ามอะไรเพราะถึงพูดไปเธอก็คงไม่ฟัง.ฉันเองก็ไม่อยากจะไปต่อล้อต่อเถียงด้วยปัง! ปัง! ฉันสะดุ้งโหย่งเมื่อได้ยินเสียงทุบประตูห้อง ตามด้วยเสียงของสองแม่ลูก"นังนับ!""เปิดประตูสิ!"เฮ้อ..ฉันพ่นลมหายใจพรืดใหญ่แล้ววางมือเดินไปเปิดประตู"มีอะไรคะ"ฉันเอ่ยอย่างเอือมระอา"ทำไมแกถึงยังหน้าด้านอยู่ที่นี่"นั้นเป็นคำถามของแม่เลี้ยง"..."ฉันไม่ตอบได้แต่ยืนจ้องหน้าเธอกัดฟันแน่น"แกมองฉันแบบนี้หมายความว่าอะไร""แกจะทำอะไรแม่ฉัน!"คนเป็นลูกสาวแทรกตัวมายืนตรงหน้าฉันด้วยสีหน้าเอาเรื่อง"...."ฉันเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วลอบหายใจเบา ๆ"แกจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอก...ฉันจะให้พี่รณไล่แกออกจากบ้านนี้ไปแน่""ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม...นับจะได้ไปจัดของต่อ"ฉันไม่สนใจคำพูดของลูกสาวแม่เลี้ยง แล้วพยายามจะหลีกเลี่ยงทั้งคู่ ระหว่างที่กำลังจะเอื้อมไปปิดประตู"เอ๊ะ..นังนับนี่แกอ้วนขึ้น?"พี่เอิงเอยเป็นคนทักเธอได้หลุบตามองที่หน้าท้องของฉันที่มีนูน ๆ ออ
ต้องรู้ให้ได้หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จพอเปิดประตูออกมาก็พบกับความว่างเปล่าไร้ตัวตนพ่อของลูก จึงรีบสวมใส่เสื้อผ้าแล้วรีบลงมาจากห้อง.แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ ไม่รู้ทำไมฉันรู้สึกเจ็บที่หัวใจราวกับมีคนเอามีดมาทิ่งแทง"นับไปทานข้าวสิ พี่ตักข้าวต้มไว้ให้แล้ว"พี่นุชเดินเข้ามาสะกิดที่ไหล่จนทำให้ฉันสะดุ้งรีบยกมือปาดน้ำตาที่มันคลอเบ้า"ให้พวกเขาทานกันไปก่อนดีกว่า...เดี๋ยวนับค่อยไปทานทีหลัง""เฮ้อ...ไม่รู้ว่ายัยเอยทำของใส่คุณรณหรือเปล่าทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนไปแบบนี้..."เธอถอนลมหายใจแล้วหันไปมองชายหญิงที่นั่งทานมื้อเช้าอย่างกะหนุงกะหนิงราวกับคนรักกัน"....ไม่แคร์นับบ้างเลยทั้งที่กำลังจะเป็นพ่อของลูกในทัองนับ""ช่างเขาเถอะพี่ นับคงไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับเขาและที่เขาดีกับนับก็เพราะ...ลูก"ฉันเอามือลูบที่ท้องแล้วก้มลงมองอย่างสะเทือนใจ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าคุณรณจะดูแลและดีลูกฉันหรือเปล่าถ้าหากเขาจะเลือกพี่เอิงเอยเป็นคู่ชีวิต แต่กับฉันแล้วไม่ว่าจะยังไงลูกก็คือสิ่งที่มีค่าและเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับฉัน"นับขึ้นไปบนห้องก่อนนะ ถ้าพวกเขาไปแล้วช่วยไปตามนับด้วย""จ๊ะ"พี่แม่บ้านตอบรับสั้น ๆ แต่ส