ต้องผ่านคืนนี้ให้ได้
ฉันรู้สึกปวดหัวมากราวกับมีอะไรมากระแทก พอลืมตาขึ้นกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง ก็พบว่าฉันไม่ได้อยู่ในห้องนอนตัวเองจึงรีบหยัดกายลุกขึ้น
"ที่นี่ไม่ใช่ห้องฉัน..โอ๊ะ..ปวดหัวชะมัดเลย"ฉันใช้มือทั้งสองกุมที่ศีรษะ แล้วค่อย ๆ ลงจากเตียงนอน จากนั้นก็เดินตรงไปที่ประตู กำลังจะเอื้อมมือไปเปิด แอ๊ดดดด แต่ทว่าก็มีคนเปิดเข้ามาพอดี พร้อมกับร่างชายหนุ่มตัวสูงใบหน้าเรียบนิ่ง ฉันเบิกตาโตด้วยความตกใจแฝงความดีใจ ที่ได้เจอเขาอีกครั้ง
"คุณนั้นเอง เอ่อ..."ฉันหันไปที่เตียงเพื่อดูว่ามีกระเป๋าของฉันอยู่ด้วยไหม เพื่อจะคืนเงินให้เขา
"นี่นะเหรอของแถมของฉัน"ฉันหันขวับกลับมายังคนพูด
"เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ..."ฉันขมวดคิ้วจนเป็นปมด้วยสีหน้าสงสัยกับคำพูดของเขา
"...ของแถมอะไรกัน"ชายร่างสูงเอามือสอดเข้าไปในกางเกงแล้วแสยะยิ้มร้าย
"หึ"
"นับเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ และก็ไม่ได้เป็นของแถมบ้าบออะไรทั้งนั้น"ฉันตวาดใส่อย่างไม่สบอารมณ์แล้วเบือนหน้าไปทางอื่นภาพที่ฉันน้าออยและพี่เอิงเอยที่นั่งดื่มไวน์กันก่อนหน้าก็ผุดเข้ามาในหัว.หรือว่า 'ฉันโดนสองแม่ลูกวางยา'
"กล้าดียังไงมาตวาดใส่ฉัน"
"ขอทางด้วยค่ะนับจะกลับ"ฉันไม่สนใจชายตรงหน้าในหัวคิดแต่ว่าจะต้องไปคุยกับสองแม่ลูกให้รู้เรื่อง พวกเธอร้ายกาจมากวางยาใส่ในไวน์ให้ฉันดื่ม แล้วพาฉันมาที่นี่ มาเป็นของแถมให้ใครก็ไม่รู้โดยที่ฉันไม่ได้ยินยอม
"กลับ?"
"ใช่ นับจะกลับไปคุยกับแม่เลี้ยงให้รู้เรื่องเพราะนับไม่...ว้าย"ยังพูดไม่จบประโยคมือหนาก็คว้าแขนฉันแล้วบีบอย่างแรงจนฉันเจ็บ
"เธอจะไปไหนไม่ได้เพราะตอนนี้เธอเป็นของแถมของฉันแล้ว"
"ปล่อยนะ! คุณจะบ้าไปแล้วเหรอนับบอกแล้วไงว่า...."
"ปล่อยนะ กรี๊ด"คนตัวโตลากฉันมาที่เตียงนอนแล้วผลักฉันไปกองอยู่บนนั้น ฉันจึงกรีดร้องเสียงดังก็เพราะเผื่อจะมีใครได้ยินแล้วมาช่วยฉัน แต่ทว่า...
"อย่ามาเล่นตัวหน่อยเลย"มือหนาก็ปิดที่ริมฝีปากฉันแล้วเอ่ยเสียงเข้มดุสีหน้าเรียบนิ่ง ฉันพยายามดึงมือเขาออกแล้วสั่นหัวพรืด
"นับไม่ได้เต็มใจมา..นับยังไม่รู้เลยว่าที่นี่ที่ไหน"เมื่อชายหนุ่มหล่อหน้านิ่งปล่อยมือออกจากปากแล้วยืนเต็มความสูงพลางปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด ฉันรีบหยัดกายขึ้นแม้จะยังปวดหัวแล้วบอกกับเขาทันที
"หึ คิดว่าฉันจะเชื่อ?"เขาไม่เชื่อแถมยังส่งสายตามองฉันอย่างเหยียด ๆ
"คุณต้องเชื่อนับ...นับโดนแม่เลี้ยงกับลูกสาวของเธอวางยา..."ฉันลงจากเตียงแล้วคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มด้วยสีหน้าอ้อนวอน
"...แล้วพานับมาที่นี่ เรื่องของแถมอะไรนั้นนับไม่ได้เต็มใจเลย"พอฉันพูดจบคนตัวโตก็หลุบตามองลงมาที่ฉันด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วลอบหายใจเบา ๆ
"ปล่อยนับไปเถอะนะ"ฉันอ้อนวอนสุดฤทธิ์เพื่อจะไปจากตรงนี้ รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก
"....."ชายหนุ่มค่อย ๆ หันกลับมาแล้วแสยะยิ้มร้าย
"คะ คุณปล่อย..."
"คิดว่าฉันโง่มากเลยหรือไง!.."ฉันสะดุ้งแล้วขมวดคิ้วเงยหน้าจ้องมองชายหนุ่มที่มีสีหน้าเย็นชา เขาไม่เชื่อฉัน?
"...อยากจะไปจากที่นี่?"ฉันผงกหัวหงึก ๆ แล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ
"ถ้าเธอผ่านคืนนี้ได้โดนที่ไม่สลบซะก่อน ฉันจะปล่อยเธอไป"ว่าจบ พรึ่บ! เสื้อเชิ้ตราคาแพงก็ถูกโยนกองไปที่พื้น ฉันรู้สึกตกใจกับคำพูดของเขามาก อีกทั้งยังดึงฉันขึ้นจากพื้นแล้วเหวี่ยงร่างฉันไปนอนกองอยู่บนเตียง.
"คุณ นับขอร้องปล่อยนับไปเถอะ..."ฉันกำลังจะหยัดกายลุกแต่ก็โดนผลักกลับไปนอนหงายเหมือนเดิม
"...อย่าทำอะไรนับเลย..นับกลัว"ฉันยกมือพนมพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ในขณะที่ร่างใหญ่ขึ้นคร่อมร่างฉัน
"หึ..อยากให้ฉันปล่อย เธอก็ต้องทนฉันให้ได้"แคว่ก!
"กรี๊ดดดด"ฉันกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อชายบนร่างกระชากเสื้อฉันจนขาดติดมือก่อนที่จะโยนทิ้งที่ข้างเตียง มือทั้งสองของฉันรีบปิดที่หน้าอกทันที
"จะปิดเพื่อ?"เขาเลิกคิ้วถามหน้านิ่ง ระหว่างที่ล้วงมือไปด้านหลังแล้วปลดตะขอบราเซียร์ฉันแล้วดึงมาออกมาอย่างชำนาญ
"ฮึก..อยะ อย่าทำอะไรนับเลย"ฉันใช้มือทั้งสองปิดที่เต้าอกแล้วปล่อยน้ำตาออกมาเพื่อเรียกความสงสาร
"...."ชายหนุ่มจ้องหน้าฉันแล้วแสยะยิ้มร้าย ก่อนจะปลดกางเกงฉันแล้วกระชากออกทั้งชั้นในอย่างง่ายดาย และในที่สุดฉันก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าต่อหน้าชายหนุ่มที่เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว รู้สึกอับอายและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จึงร้องไห้โฮออกมา
"ฮึก ฮืออออ ฮือออ"
"อย่าร้อง!"เขาตวาดเอ็ดฉันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ในขณะที่กำลังปลดเข็มขัดถอดกางเกงตัวเองออก ฉันต้องรีบขยับตัวหนีเมื่อเห็นความใหญ่โตที่เผยออกมาผงาดต่อหน้าฉัน เจ้าของใบหน้าหล่อนิ่งเอื้อมไปหยิบถุงยางอนามัยขึ้นมาสวมใส่
"จะหนีไปไหน ยังไงเธอก็หนีฉันไม่พ้นหรอก"พอสวมใส่เกราะป้องกันเรียบร้อยคนตัวโตดึงขาฉันแล้วอ้าขามันออกกว้างจากนั้นก็คุกเข่าที่ระหว่างขาเขาจับลำรักขนาดใหญ่รูดเข้าออกแล้วจ่อมาที่ร่องคับแคบ
"....."เขาหลุบตามองแล้วขมวดคิ้วสีหน้าสงสัย มือหนายังคงกำท่อนเอ็นตัวเองอยู่
"อยะ ทำอะไรนับเลย ฮืออออ"ฉันยังคงร้องขอความเห็นใจ
"ขนาดนี้แล้วยังจะให้ฉันหยุด?"สวบ!
"กรี๊ดดดด เจ็บนับเจ็บ ฮืออออ"
"เชี้ย!"คนบนร่างสบถด้วยสีหน้าเหยเก แล้วช้อนตามองฉันที่น้ำตาอาบแก้มเพราะความเจ็บที่มีสิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่เข้ามาในร่องคับแคบ
"อย่าเกร็ง..ซี๊ดดด"เขาบอกกับฉันเสียงเข้ม แล้วครางด้วยน้ำเสียงกระเส่า แล้วก็กระแทกเอวสอบเข้าออกอย่างช้า ๆ เนิบ ๆ
"ฮืออออ เจ็บ"ฉันยังคงร้องไห้ไม่หยุดเพราะมันเจ็บและแสบตรงส่วนนั้นมากราวกับมีมีดมากรีด
"ถ้าขืนเธอยังเกร็ง มันจะเจ็บกว่านี้ อ่า"เขาขบกรามแน่นแล้วช้อนตามองฉันดุดัน ในขณะที่ท่อนร่างยังคงตอกเข้ามาไม่หยุด
"นับเจ็บ ฮืออออ"
"บอกว่าอย่าร้องไงว่ะ!..."คนบนร่างตวาดใส่อย่างไม่สบอารณ์
"....ถ้ายังร้องเธอได้ตายคาเตียงแน่"
ฉันต้องนอนกัดฟันไม่ให้เสียงดังออกมาข่มความเจ็บเพราะกลัวคำพูดที่ดูจริงจังของเขา
ชายหนุ่มหน้านิ่งยังคงโยกเอวเข้า ๆ ออก ๆ ถึงแม้จะไม่แรงมากแต่ด้วยขนาดของเขามันก็ยังคงให้ฉันเจ็บและแสบมาก เขายกขาฉันขึ้นพาดบ่าข้างนึงแล้วกดขาอีกข้างฉันไว้ แล้วกระแทกสะโพกเข้ามารัว ๆ หนัก ๆ
"....."ฉันนอนนิ่งน้ำตาคลอเบ้ายอมให้เขาทำเรื่องอย่างว่ากับร่างกายตัวเอง
"อ่า..."เขาเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นจนร่างฉันสั่นคลอน
"..ซี๊ดดด แน่นฉิบ"เขาตอกสะโพกเข้ามาระรัว ยิบ ๆ
ปึก! ปึก! ปึก! ฉันหลับตากำผ้าปูแน่น พยายามเก็บกดความรู้สึกที่มีเอาไว้ เพราะถ้าฉันผ่านคืนนี้ไปได้ เขาจะปล่อยฉัน
_______________
ของแถมที่มีค่า ตอนจบตอนนี้ฉันนั่งรถมากับคุณรณและมีลูกนั่งตักอยู่เพื่อจะไปดูงานที่บ่อนหลังจากที่ได้พากันไปเลือกชุดแต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว พอมาถึงสามีของฉันก็รีบลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่ฉันนั่ง แล้วคว้าลูกชายของเขาไปอุ้ม"เติร์ดมากับพ่อ"เจ้าตัวน้อยฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้อยู่บนอ้อมแขนคนเป็นพ่อ ส่วนฉันก็ปลดเบลล์แล้วลงจากรถเดินตามสองพ่อลูกเข้าไปในบ่อน ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ฉันเคยได้อาศัยอยู่อาจจะไม่นานแต่ก็คุ้นเคยดี"สวัสดีครับคุณรณ คุณนับ"เป็นผู้จัดการที่ดูแลบ่อนกล่าวทักทายเมื่อเราสองคนก้าวขาเข้าไปในออฟฟิศ"ที่นี่เรียบร้อยดีไหม"คุณรณเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ"เรียบร้อยดีครับ"ผู้จัดการหนุ่มตอบในขณะที่เจ้าของบ่อนอุ้มลูกไปนั่งที่โซฟา ก่อนที่ฉันจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ"เอาเอกสารมาให้ผมดูหน่อย""ครับ"สิ้นเสียงผู้จัดการก็เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วยกหูโทรศัพท์ก่อนจะพูดเข้าไปในสาย"ให้คนเอาน้ำมาเสิร์ฟคุณรณกับภรรยา และขนมให้คุณเติร์ดหน่อย"พูดจบ ผู้จัดการก็วางสายแล้วหยิบแฟ้มเอกสารสองสามแฟ้มมาวางไว้ที่โต๊ะกระจกตรงหน้าคุณรณ แล้วนั่งบนโซฟาตรงข้าม"อุ้มลูก..พี่ตรวจงานแปบ"สามียื่นลูกชายมาให้ ฉันก็รีบลูก
มันถึงเวลาแล้วตอนนี้ทุกคนต่างพากันรุมกันอุ้มเจ้าเทวดาตัวน้อยของฉันกันด้วยความเอ็นดู"หน้าเหมือนรณตอนเด็กเป๊ะ"เป็นคำพูดของแม่คุณรณที่ในขณะที่ฉันหยัดกายลุกขึ้นหลังโดยมีสามีหน้านิ่งคอยพยุงขึ้นแล้วเอาหลังพิงที่หัวเตียง ระหว่างนั้นก็มีการรับขวัญหลาน ต่างคนมีของมารับขวัญหลานกันทั่วหน้า แม้แต่หญิงสาวปริศนาที่อยู่ข้างพี่ทอยตลอด ฉันรู้สึกสงสัยว่าเธอเป็นใคร จึงเอ่ยถามคุณรณเบา ๆ"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ"คุณพ่อป้ายแดงก็หันไปที่ผู้หญิงคนนั้นก่อนจะหันกลับมาบอกว่า"แฟนใหม่ไอ้ทอยเห็นว่าชื่อ ไผ่""แฟนใหม่พี่ทอย? ไปมีตั้งแต่ตอนไหนนะ"ประโยคสุดท้ายฉันได้พึมพำออกมาเบา ๆ พอได้ยิน"มันก็คบ ๆ เลิก ๆ มาหลายคนแบบนี้แหละ บางคนพี่ยังไม่เคยเห็นหน้าเลย มันก็เลิกไปซะก่อน"คุณรณหันไปที่พี่ชายแล้วบ่นพึมพำ"นินทาอะไรพี่ทอย"นั้นเป็นเสียงของเทมโปที่เดินล้วงกระเป๋ามาที่เตียงฉัน"เหอะ"คนเป็นพี่กลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ"พี่รณ รู้หรือยังว่าพี่ต้องรัก กลับมาอยู่ที่ไทยแล้ว"เทมโปเข้ามากระซิบเบา ๆ ที่กลางวง ต้องรัก? เป็นใครกัน ในขณะที่คุณรณสั่นหัวพรืด"แล้วพี่ชายมึงรู้ยัง"คุณรณคงจะหมายถึงพี่ทอย เทมโปผงกหัว"รู้...แต่ไม่เห็นมี
น้องเติร์ดมาแล้วตอนนี้อายุครรภ์ฉันได้แปดเดือนแล้ว อีกเดือนเดียวฉันก็จะได้เห็นหน้า น้องเติร์ด หรือ ด.ช.รัชชนันท์ แล้ว นั้นเป็นชื่อที่ฉันกับสามีสุดหล่อหน้านิ่งช่วยกันตั้ง.คุณรณดูแลฉันเป็นอย่างดี เขาทำงานแค่ที่คาสิโนตรงกันข้ามบ้านที่เราอยู่รวมถึงไปดูแลโรงแรมที่สร้างโดยที่ดินพ่อฉันที่เขาได้ซื้อไป แต่ตอนนี้โอนมาเป็นของฉันแล้ว โรงแรมที่สร้างนั้นก็เพื่อเอาไว้ให้นักเล่นพนันที่มาจากต่างชาติได้พัก ในส่วนที่ตรงนั้นทำเล และวิวดีมาก ไม่ใช่แค่นักเล่นพนัน ยังมีนักท่องเที่ยวมาพักด้วย ส่วนบ่อนคุณรณก็ขอให้พี่ทอยเข้าไปดูแลให้ก่อน เพราะต้องคอยดูแลฉันฉันอยู่บ้านก็ไม่ได้เหงาอะไรเพราะมีพี่นุชมาอยู่เป็นเพื่อน ส่วนลูกซุบ คุณรณเอาไปฝากไว้ที่บ้านแม่ของเขาไว้ พี่นุชจะอยู่กับฉันจนคุณรณเลิกงาน เธอถึงจะกลับ"คุณรณมาแล้ว"ฉันหันไปที่ประตูบ้านก็เห็นว่าที่คุณพ่อเดินเข้ามา พี่นุชลุกจากโซฟาไปช่วยถือสูทและกระเป๋าทำงานของเขา ส่วนฉันนั่งพุงพุ้ยอยู่บนโซฟา ลุกแทบไม่ขึ้นเนื่องจากว่าฉันเป็นคนตัวเล็กแล้วลูกในครรภ์ค่อนข้างตัวใหญ่สมบูรณ์ หมอจึงแนะนำให้ทำการผ่าคลอด ชายหนุ่มหน้านิ่งปลดเน็กไทหลวม ๆ แล้วเดินมานั่งข้างฉัน ก่อนที่จะ
จดทะเบียน"อืม พี่มั่นใจแล้วล่ะว่าเธอนั้นแหละที่พี่จะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย"พอสิ้นเสียงหัวใจฉันก็เต้นโครมครามอย่างไม่มีจังหวะ และรู้สึกว่าดวงตาเกิดเห่อร้อนขึ้นราวกับกำลังจะหลั่งน้ำใส ๆ ออกมา"พะ พี่รณ..."ฉันเอ่ยเรียกชื่อว่าที่พ่อของลูกด้วยน้ำเสียงสั่นเทา"...ที่พี่พูดหมายความว่า""พี่เลือกเธอ"เจ้าของใบหน้าหล่อหันมาแล้วเผยยิ้มบาง ๆ จากนั้นหยดน้ำตาฉันก็ไหลออกมาทันที มือหนาเอื้อมมาเช็ดหยดน้ำตาให้ฉันอย่างเบามือ"นับ ดีใจที่สุดที่พี่เลือกนับ"ฉันพูดออกไปอย่างสะอึกสะอื้น น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลไม่หยุด"ไม่ร้องนะครับ"น้ำเสียงทุ้มแฝงความอบอุ่นทำให้หัวใจฉันสั่นระรัว"ค่ะ"ฉันรีบปาดน้ำตาแล้วคลี่ยิ้มหวานให้ คุณรณยกมือมาลูบหัวฉัน"จะเป็นแม่คนแล้วต้องไม่งอแงนะครับ"ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่จะมีคนคอยดูแลอย่างคุณรณคุณรณขับมาถึงบ้านหลังนึง ซึ่งใหญ่โตมาก ฉันรู้สึกตื่นตาและประหม่านิด ๆ กว่าคุณรณจะขับรถไปถึงที่จอดก็เกือบกิโล พื้นที่กว้างขวางสุด พอมาถึงที่จอดรถคุณรณก็ดับเครื่องยนต์แล้วหันมามองฉัน ตุ่บ ตุ่บ หัวใจฉันเต้นแรงมากด้วยอาการตื่นเต้น"ไม่ต้องตื่นเต้น พ่อแม่พี่ใจดี"ราวกับว่าจะรู้ว่าตอนนี้ฉันตื่นเต้นมา
มั่นใจRONระหว่างผมเดินออกมาจากโต๊ะอาหาร ผมก็เผยยิ้มออกมาโดยไม่มีใครเห็น เพราะผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่รุ่นน้องคนที่เป็นรักแรกของผมคือ 'นับตังค์' ผมรู้สึกมีความสุขมากที่รู้ว่ารักแรกของผมตอนนี้กำลังจะเป็นแม่ของลูกอีกด้วยพอขึ้นมาบนห้องปิดประตูเรียบร้อยแล้ว นึกอะไรบางอย่างที่จะต้องทำให้เร็วที่สุด จึงคว้าโทรศัพท์แล้วโทรหาไอ้ทอยพี่ชายต่างมารดาทันที ตื๊ด ตื๊ด(ว่าไง)"นับตังค์ท้อง"นั้นแหละคือสิ่งที่ผมจะทำ และไม่ได้จะบอกแค่ไอ้ทอยคนเดียว พรุ่งนี้หลังจากตรวจครรภ์เสร็จผมจะพาเธอไปเปิดตัวกับครอบครัว ที่ผมบอกกับทุกคนที่โต๊ะอาหารว่า มีคนที่จะใช้ชีวิตด้วยแล้ว นั้นก็คือนับตังค์ ผมมั่นใจแล้วล่ะ 'ผมรักเธอ'(อย่าบอกนะว่าแกทำนับท้อง)ไอ้ทอยพูดเข้ามาในสายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแฝงความกังวล มันคงกลัวผมจะไม่รับผิดชอบนับตังค์แน่"อืม"ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ(แกต้องรับผิดชอบนะ ไม่งั้นเรื่องนี้ถึงหูน้าเรอากับพ่อแน่)มันทำมาเป็นขู่ผม"งั้นฝากบอกด้วยนะว่าพรุ่งนี้จะพาลูกสะใภ้ไปไหว้"ทำไมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมานะ เขินกับคำพูดตัวเอง?(ฮั่นแน่...สุดท้ายก็ตกหลุมรักของแถมแล้วสินะ)ไอ้พี่ชายตัวดีก็แซวผมขึ้นทันที
ไม่สำคัญ"แม่..."พี่เอิงเอยอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะพาแม่ของเธอนั่งลงที่เก้าอี้"...พี่รณช่วยแม่เอยด้วย"เธอเอาฝ่ามือพัดที่หน้าแม่แล้วหันมาบอกกับคุณรณที่มองอยู่ด้วยสายตาเย็นชา ในขณะที่ฉันเองกับพี่นุชกำลังจะลุกจากเก้าอี้เพื่อจะไปดูด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเธอจะร้ายกับฉัน แต่พอเห็นเธอเป็นอะไรต่อหน้าแบบนี้ก็อดที่จะสงสารและเป็นห่วงไม่ได้"นับตังค์เธอไม่ต้อง...."แล้วเสียงทุ้มก็ดังขึ้นมาที่ฉัน"...ไปเอายาดมมา"ก่อนจะหันไปที่พี่นุชแล้วออกคำสั่งเสียงเรียบ"ค่ะ"พี่นุชเดินไปในทันที"พี่รณ..เอยคิดว่าแม่อาจจะต้องไปโรงพยาบาลนะคะ""ทำไมต้องไป แค่เป็นลมไม่ใช่เหรอ"ชายหนุ่มหน้านิ่งสวนกลับ"เอ่อ...ช่วงหลังมานี้แม่เอยทำงานหนักมักจะเป็นลมบ่อย ๆ แล้ววันนี้ยังต้องมาขนของให้นับอีก แม่คงจะเหนื่อยมาก"หันมามองขวางที่ฉัน ในขณะเดียวกันที่พี่นุชก็ถือแก้วร้อนที่มีควันขึ้นมา พร้อมกับยาดมมาด้วย"อะไรน่ะ"พี่เอิงเอยถามด้วยสีหน้าสงสัย"ยาหอมไง..พี่เห็นว่าน้าออยเป็นลมก็เลยต้มมาให้"พี่เอิงเอยไม่รับมองหน้าน้าออยที่นอนหลับตาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ฉันรู้ว่าเพราะอะไร"เอาให้แม่กินสิ"พี่นุชยื่นแก้วให้อึกครั้ง"แม่เอยไม่ชอบกินยาหอม
ขโมยมา?หลังจากพี่เอิงเอยออกไป ฉันก็หันไปถามคุณรณด้วยความสงสัยต่อ"พี่เอยบอกว่าออกจากโรงเรียนเพราะนับ?""อืม"ชายหนุ่มหน้านิ่งตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ฉันได้ยินแบบนั้นก็ลอบหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่ใช่เรียนสำคัญ แต่ก็อดคิดไม่ได้เลยว่าทำไมพี่เอิงเอยจะพูดเอาความดีเข้าตัวแบบนี้"หิวหรือยัง"นั้นเป็นเสียงของคุณรณที่เอ่ยถาม"นิดหน่อยค่ะ""งั้นเราลงไปทานข้าวกันเถอะ"พูดจบ คุณรณก็ลุกขึ้นจากโซฟา"ไม่รอทานพร้อมพี่เอยเหรอคะ"ฉันบอกออกไปด้วยความที่ยังน้อยใจ"ไม่ล่ะ ฉันหิว"พอสิ้นเสียงคุณรณก็เดินออกไปจากห้อง ส่วนฉันก็ต้องลุกเดินตามเขาไป ก็ได้สวนเข้ากับพี่เอิงเอย และน้าออย พอเห็นฉันก็พากันรีบคว้าแขนไปในห้องนอนเล็ก"มีอะไรกัน""แกบอกอะไรกับพี่รณหรือเปล่า"พี่เอิงเอยถามด้วยสีหน้าดูร้อนใจ"เรื่องที่พี่ไปโกหกเขาว่าออกจากโรงเรียนเพราะนับ?"ฉันรู้เลยจึงพูดขึ้น เธอคงจะกลัวว่าฉันจะไปบอกความจริงแน่ ๆ แต่ฉันไม่บอกหรอกเพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"ใช่ แกได้ไปพูด....""นับไม่สนใจหรอกนะ นับก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย"ฉันแทรกพูดขึ้นแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ"เพราะแกท้องใช่ไหมพี่รณถึงได้เอาใจแก..บอกฉันมา!.""นับตังค์
ใครสั่งให้ย้ายตอนนี้ฉันกำลังจัดเรียงข้าวของที่ขนย้ายมาจากห้องนอนใหญ่อยู่คนเดียวเพราะพี่นุชแยกตัวไปทำมื้อเย็นแล้ว ส่วนพี่เอิงเอยก็ถือวิสาสะพาน้าออยเข้าไปในห้องนอนใหญ่ ซึ่งก็ไม่มีใครพูดห้ามอะไรเพราะถึงพูดไปเธอก็คงไม่ฟัง.ฉันเองก็ไม่อยากจะไปต่อล้อต่อเถียงด้วยปัง! ปัง! ฉันสะดุ้งโหย่งเมื่อได้ยินเสียงทุบประตูห้อง ตามด้วยเสียงของสองแม่ลูก"นังนับ!""เปิดประตูสิ!"เฮ้อ..ฉันพ่นลมหายใจพรืดใหญ่แล้ววางมือเดินไปเปิดประตู"มีอะไรคะ"ฉันเอ่ยอย่างเอือมระอา"ทำไมแกถึงยังหน้าด้านอยู่ที่นี่"นั้นเป็นคำถามของแม่เลี้ยง"..."ฉันไม่ตอบได้แต่ยืนจ้องหน้าเธอกัดฟันแน่น"แกมองฉันแบบนี้หมายความว่าอะไร""แกจะทำอะไรแม่ฉัน!"คนเป็นลูกสาวแทรกตัวมายืนตรงหน้าฉันด้วยสีหน้าเอาเรื่อง"...."ฉันเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วลอบหายใจเบา ๆ"แกจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอก...ฉันจะให้พี่รณไล่แกออกจากบ้านนี้ไปแน่""ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม...นับจะได้ไปจัดของต่อ"ฉันไม่สนใจคำพูดของลูกสาวแม่เลี้ยง แล้วพยายามจะหลีกเลี่ยงทั้งคู่ ระหว่างที่กำลังจะเอื้อมไปปิดประตู"เอ๊ะ..นังนับนี่แกอ้วนขึ้น?"พี่เอิงเอยเป็นคนทักเธอได้หลุบตามองที่หน้าท้องของฉันที่มีนูน ๆ ออ
ต้องรู้ให้ได้หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จพอเปิดประตูออกมาก็พบกับความว่างเปล่าไร้ตัวตนพ่อของลูก จึงรีบสวมใส่เสื้อผ้าแล้วรีบลงมาจากห้อง.แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ ไม่รู้ทำไมฉันรู้สึกเจ็บที่หัวใจราวกับมีคนเอามีดมาทิ่งแทง"นับไปทานข้าวสิ พี่ตักข้าวต้มไว้ให้แล้ว"พี่นุชเดินเข้ามาสะกิดที่ไหล่จนทำให้ฉันสะดุ้งรีบยกมือปาดน้ำตาที่มันคลอเบ้า"ให้พวกเขาทานกันไปก่อนดีกว่า...เดี๋ยวนับค่อยไปทานทีหลัง""เฮ้อ...ไม่รู้ว่ายัยเอยทำของใส่คุณรณหรือเปล่าทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนไปแบบนี้..."เธอถอนลมหายใจแล้วหันไปมองชายหญิงที่นั่งทานมื้อเช้าอย่างกะหนุงกะหนิงราวกับคนรักกัน"....ไม่แคร์นับบ้างเลยทั้งที่กำลังจะเป็นพ่อของลูกในทัองนับ""ช่างเขาเถอะพี่ นับคงไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับเขาและที่เขาดีกับนับก็เพราะ...ลูก"ฉันเอามือลูบที่ท้องแล้วก้มลงมองอย่างสะเทือนใจ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าคุณรณจะดูแลและดีลูกฉันหรือเปล่าถ้าหากเขาจะเลือกพี่เอิงเอยเป็นคู่ชีวิต แต่กับฉันแล้วไม่ว่าจะยังไงลูกก็คือสิ่งที่มีค่าและเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับฉัน"นับขึ้นไปบนห้องก่อนนะ ถ้าพวกเขาไปแล้วช่วยไปตามนับด้วย""จ๊ะ"พี่แม่บ้านตอบรับสั้น ๆ แต่ส