อาทิตย์ต่อมา ที่สตูดิโอบริษัทมีการถ่ายภาพนิ่ง โปรโมทเครื่องประดับเพชรเซ็ทแรก
รสสิกาสวมเดรสเกาะอกแบรนด์ดังสีขาว ชายกระโปรงมีลวดลายดอกไม้เล็กๆสีชมพู ผมสีน้ำตาลดัดลอน ปล่อยสยายยาวถึงกลางหลัง เครื่องประดับเพชรครบชุด ทั้งสร้อยคอ ตุ้มหู และข้อมือ ระยิบระยับอยู่บนตัวเธอ ยามที่เธอขยับร่างกายไปมาด้วยท่วงท่าต่างๆ ดูงดงามราวกับเทพธิดา
เธอไม่คิดเลยว่าเครื่องประดับที่เธอออกแบบ จะต้องไปอยู่บนตัวของรสสิกา คนรักของสามีเธอ ก่อนหน้านี้เธอได้แรงบันดาลใจในการออกแบบ มาจากพิชญา เมื่อเห็นเธอในละครที่รับบทเจ้าหญิง เธอจึงได้ออกแบบ เครื่องประดับเพชรเซ็ท รอยัล ไดมอนด์ ขึ้นมา เป็นเครื่องประดับครบเซ็ท ทั้งสร้อยคอ ตุ้มหู และกำไล เพชรสีชมพู อ่อนหวาน แต่ให้ความรู้สึกหรูหราเหมือนเจ้าหญิง เพราะแบบนี้เธอถึงได้ เจาะจงว่าพรีเซนเตอร์ต้องเป็นพิชญา แต่สุดท้าย อัครพลกลับทำตามใจตัวเอง เอาคนรักของเขามาเสียบแทน
ทำยังไงได้ในเมื่อเขาเป็นประธานใหญ่ เขาพูดคำไหนก็ต้องคำนั้น
เธอมองไปที่อัครพลซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล เขากำลังมองรสสิกาอยู่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหล ต้องยอมรับว่าวันนี้รสสิกาสวยมาก แม้แต่ผู้หญิงด้วยกัน ยังยากจะละสายตา
" พักแล้ว พี่วิไปกินข้าวกัน "
" อือ"
มาณวิกามองดูอัครพล ที่เดินไปหารสสิกา เธอไม่รู้หรอก ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่อัครพล ยิ้มแย้มตลอดเวลา เธอเมินหน้าหนีเดินออกไปพร้อมกับอิงอร
" พี่วิ วันนี้เป็นวันเกิดพี่ดิน จัดเลี้ยงที่ซี๊ดซ๊าดผับ พี่จะไปด้วยไหม "
มาณวิกาครุ่นคิด เธอไม่ค่อยชอบไปที่แบบนั้น อีกอย่างตอนนี้เธอท้องอยู่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ แต่ถ้าไม่ไป ก็จะดูไม่ให้เกียรติผู้กำกับคนเดียวของบริษัท
" พี่จะไป แต่ไปแป๊ปเดียวนะ คงอยู่นานไม่ได้ ไม่ค่อยสบายหน่ะ "
" พี่ไม่สบายเหรอ เป็นอะไรมากรึเปล่า แล้วไปหาหมอรึยัง ถ้าอย่างงั้นพี่ไม่ต้องไปหรอก กลับไปพักดีกว่า เดี๋ยวฉันบอกพี่ดินให้เขาไม่ว่าอะไรหรอก "
" ไม่เป็นไร พี่แค่เวียนหัวนิดหน่อย ไปร่วมงานสักพักแล้วค่อยกลับ "
zeedzadผับ
หัสดินผู้กำกับหนุ่มวัย27จัดเลี้ยงวันเกิด คนในบริษัทหลายคน ทั้งที่สนิทและไม่สนิท ต่างพากันมาร่วมงาน อัครพลให้เงินพิเศษมาก้อนหนึ่ง ให้ทุกคนกินดื่มกันให้เต็มที่ มาณวิกามาพร้อมกับอิงอร พวกเธอมาช้าเพราะมัวแต่เลือกของขวัญกันอยู่
อิงอรผลักประตูห้องvip6 เข้าไป มาณวิกาเดินตาม ทุกคนมากันหมดแล้ว เมื่อเห็นคนมาใหม่ก็ต่างหันมา จ้องพวกเธอเป็นตาเดียว จนอดประหม่าไม่ได้
" คือพวกฉันมัวแต่เลือกซื้อของขวัญอยู่ เลยมาช้าไปหน่อย นี่ค่ะ สุขสันต์วันเกิดนะคะ "
มาณวิกาพูดจบก็ยื่นของขวัญให้หัสดิน อิงอรก็ยื่นให้ตาม
" ไม่เป็นไรครับ มาช้าดีกว่าไม่มา ผมดีใจนะที่คุณวิมา ขอบคุณสำหรับของขวัญครับ อิงอรด้วยนะขอบคุณมาก ที่จริงไม่ต้องมีของขวัญก็ได้นะครับ แค่มาผมก็ดีใจแล้ว "
" ได้ไงคะวันเกิดทั้งทีก็ต้องมีของขวัญสิ งานเลี้ยงทั้งทีอรไม่พลาดแน่ ไปค่ะพี่วิไปนั่งตรงนู้นกัน "
อิงอรจูงมือมาณวิกาไปนั่งตรงที่ว่าง
ประตูเปิดออกอีกครั้ง อัครพลเดินเข้ามามีรสสิกาตามมาติดๆ
"เฮอะ ตัวติดกันเหลือเกินนะ ห่างกันไม่ได้เลยรึไง "
อิงอรพูดด้วยความหมั่นไส้
" ก็เขาเป็นคนรักกันนี่ ก็ต้องอยากอยู่ด้วยกันตลอด เป็นเรื่องธรรมดา "
" คู่รักอะไร แบบนี้เขาเรียกว่าชู้ พี่วิต่างหากที่เป็นภรรยามีทะเบียนสมรส "
อิงอรเบ้ปากสายตาฉายความรังเกียจ
มีทะเบียนสมรสแล้วยังไง ในเมื่อใจเขาไม่ได้อยู่ที่เธอ มาณวิกามองดูรสสิกาที่นั่งเคียงข้างอัครพล ส่งยิ้มให้กันไม่แคร์สายตาคนอื่น
เธอกับอัครพล จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยา ทั้งบริษัทรู้แค่ไม่กี่คน อิงอรก็เป็นอีกคนที่รู้ เขาไม่อยากเปิดเผย เธอก็ไม่ว่าอะไร และไม่คิดที่จะประกาศตัวด้วย เธอรู้ดีว่าเขา ไม่อยากให้ใครรู้ เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเขา เพราะวันนึงเราทั้งคู่จะต้องหย่ากันอยู่ดี เพียงแต่ตอนนี้ เธอกับเขายังไม่ได้หย่า เขาก็อยากจะประกาศตัวคนใหม่ซะแล้ว
" คุณดินคะ แก้วนี้ฉันดื่มให้คุณค่ะ ขอโทษด้วยนะ ฉันพึ่งจะรู้จากอัคเมื่อกี้ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณ เลยไม่ได้เตรียมของขวัญมาให้ "
" โอ้ ไม่เป็นไรครับ คุณโรส มาครับชนแก้ว "
" แหมบอสอัคกับคุณโรสนี่ เหมาะสมกันจริงๆนะ คนหนึ่งก็หล่ออีกคนก็สวย "
" ใช่ๆ ที่ข่าวลือว่า2คนเป็นแฟนเก่ากันแล้วกลับมาคบกันอีก นี่เรื่องจริงใช่ไหม "
" ก็เห็นๆอยู่ บอสเทคแคร์คุณโรสดีเวอร์ซะขนาดนั้น ยิ่งกว่าเรื่องจริงอีก "
" ถ้าอย่างงั้น ต่อไปคุณโรสก็อาจจะมาเป็นนายใหม่ของพวกเราอีกคนงั้นสิ "
" ชัวร์เลย อย่างงั้นฉันก็ต้องทำดีกับคุณให้มากหน่อย ไปแกไปชนแก้วกับคุณโรสกัน "
มาณวิกาได้ยินที่ทั้ง2คุยกัน เธอก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา พยายามไม่คิดมากแต่ก็อดไม่ได้ หลายคนเข้าไปขอชนแก้วกับรสิกา พูดประจบประแจงเธอ เพราะรู้ว่าเธอคือคนรักของอัครพล
อัครพลก็ยิ้มแย้มตลอดเวลา ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันสนุกสนาน พูดจากระเซ้าเย้าแหย่ อัครพลกับรสสิกา ไม่มีใครสนใจเธอที่นั่งอยู่มุมห้อง เหมือนว่าเธอไม่มีตัวตน อิงอรเห็นท่าไม่ดี หลังจากผ่านไปสักพักจึงชวนมาณวิกากลับ
" แล้ว พ่อของคุณหล่ะ "ปวรุจจูงมือเธอมานั่งลงหน้าหลุมศพ" นี่คือพ่อของผม และนั่นคือแม่ของผม "มาณวิกามองไปที่หลุมศพที่อยู่ข้างๆกัน มิน่าทำไมเขาถึงพาเธอมาที่นี่ เมื่อวานเขาไปหาเธอ และพาเธอบินตรงมาที่นี่มาถึงก็เกือบค่ำ ที่แท้ก็พาเธอมาไหว้หลุมศพพ่อกับแม่เขานี่เอง เธอกับเขาคำนับหลุมศพพ่อกับแม่เขาด้วยกัน" พ่อครับ แม่ครับ ขอโทษที่ผมมาช้าผมพึ่งรู้ว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ "ปวรุจหันไปมองหน้ามาณวิกา จับมือไว้แน่น ก่อนจะหันกลับไปที่หลุมศพ" พ่อครับแม่ครับ ผมพาลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่มาไหว้ครับ "เธอกับเขาเคารพหลุมศพทั้ง2ด้วยกันเสร็จ ก็จูงมือกันลุกขึ้น เธอยังสงสัยไม่หาย ว่าถ้าพ่อแม่เขาอยู่ที่นี่ แล้วคนที่ชื่อวิศรุตหล่ะ เขาคงรู้ว่าเธอสงสัยจึงได้พูดขึ้นมา" ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่พ่อของผมหรอก " เขาเองก็พึ่งจะรู้ความจริงตอนอยู่ที่ร.พ ถ้านราวุธไม่เอาเอกสารมาให้ดู เขาก็คงถูกหลอกไปตลอด เอกสารและหลักฐานปลอมแปลงผลตรวจdna" ผมอยู่กับตายายมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ เวลาถามพวกท่านก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ ผมก็เลยไม่คิดจะถามอีก "" พอทั้ง2ตาย ผู้ชายคนนั้นมาหาผมที่บ้านพร้อมผลdna ระบุว่าผมเป็นลูก แล้วพาผมไปอยู่ด้วย "
" ฉันกับดารัณ จะมาช่วยฟื้นความจำให้แก"หลังจากนั้นนราวุธกับดารัณ ก็ได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ปวรุจฟัง เรื่องของเขากับมาณวิกา นราวุธกับดารัณกลับไปนานแล้ว เขาพยายามคิดทบทวนความจำของตัวเอง ว่าเป็นจริงอย่างที่ทั้ง2เล่าให้ฟังหรือเปล่า แม้จะยังคิดไม่ออก แต่ใจของเขาก็เชื่อไปแบบเต็มร้อยแล้ว เขาหยิบเอาเอกสารที่นราวุธให้ไว้มาเปิดดู ดวงตาก็ลุกวาวระยิบระยับไปด้วยเปลวเพลิง จากนั้นก็โทรหาเลขาส่วนตัว ให้มารับเขาออกจากร.พปวรุจขับรถไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ดารัณบอกว่าเขาเคยไปกับมาณวิกา ร้านบะหมี่ข้างทาง ห้าง และตอนนี้ เขาก็กำลังยืนทอดสายตาอยู่บนสะพานไม้ที่สังขละ ภาพที่มาณวิกากับเขาใส่ชุดมอญ ยืนพูดคุยกันที่สะพานแห่งนี้ ภาพที่เขากับเธอถ่ายเซลฟี่ด้วยกัน ภาพที่เขาทำอาหารให้เธอ ภาพที่เธอป้อนเกี๊ยวให้เขา ภาพเขาและเธอจูบกันดูดดื่มที่โซฟา ภาพที่เขาเห็นเธอถูกฉุดแล้วตามไปช่วยเธอ ภาพที่เขาผลักเธอออกแล้วถูกรถชน ภาพที่เธอประคองเขาขึ้นมาร้องไห้ แล้วบอกเขาว่าอย่าเป็นอะไรนะ ทุกภาพฉายวนอยู่ในหัวของเขา มันแจ่มชัดทุกอย่าง เขาจำได้แล้ว เรื่องของเธอกับเขา เขาจำได้แล้วมาณวิกาทอดสายตา มองดูภาพบนท้องฟ้า แสงเหนือหลาก
ตั้งแต่มาณวิกากลับมาที่ฟินแลนด์ ก็ดูซึมจนผิดปกติ เหม่อลอยบ่อยๆ " ไม่สบายหรือเปล่าลูก หรือว่าเจ็บป่วยตรงไหน ให้แม่พาไปหาหมอดีไหม "" หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ อย่าห่วงเลย "" ถ้ากายไม่เป็นอะไร อย่างงั้นคงเป็นที่ใจสินะ มีเรื่องอะไร จะเล่าให้แม่ฟังไหม "" ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ อาจเป็นเพราะใกล้จะเป็นเมนส์มั้งคะ อารมณ์ก็เลยแปรปรวน "" ok แม่จะเชื่ออย่างงั้นก็ได้ แต่ถ้าอยากจะเล่าอะไรให้แม่ฟังเมื่อไหร่ แม่พร้อมจะรับฟังลูกเสมอ" มาณวิกากอดแม่เอาไว้สักพัก ก่อนจะขอตัวออกไปเดินเล่นเมทินีรู้ว่าปวรรุจถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บหนักก็โมโห เธอสั่งให้ไปทำร้ายมาณวิกาไม่ใช่ปวรุจ พอชายคนนั้นโทรมาหาเธอ เพื่อทวงค่าจ้างที่เหลือ เธอก็ด่าไปชุดใหญ่ และยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เงินเป็นอันขาด แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนใจ นัดให้เขาออกมารับเงินที่ร้านกาแฟร้านเดิม ที่เคยนัดกันครั้งที่แล้ว ชายคนนั้นไปตามนัด เขาไปนั่งรอที่ร้านอยู่นานก็ไม่วี่แววว่าเธอจะมา โทรหาก็ไม่รับสาย สักพักก็จากไปด้วยความโกรธ ขับรถออกไปอย่างเร็ว แล้วเธอก็ได้รับสายจากลูกน้องคนสนิทพ่อเธอ " ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ คุณเม "จากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวอุบัติเหตุเกิดขึ้น รถพุ่งชนอย่
ช่วงสายปวรุจมารับมาณวิกา ออกไปกินข้าวที่ห้าง เสร็จแล้วก็ซื้อของสดมาเยอะแยะ เขาบอกว่าวันนี้จะทำแกงแพนง กับข้าวผัดสับปะรดให้เธอกิน เดี๋ยวนี้เขาทำอาหารเก่งขึ้นมากรสชาติก็ดีขึ้นด้วย ช่วยกันเอาของที่ซื้อมาเก็บหลังรถเสร็จมาณวิกาก็เดินจะไปขึ้นรถ จังหวะนั้นได้มีรถคันหนึ่งขับพุ่งมาอย่างเร็วเอี๊ยดดด โครม มาณวิกาถูกผลักกระเด็นไปอีกทาง เมื่อเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นร่างของปวรุจลอยกระเด็นไปกระแทกต้นเสา กรี๊ดดดดดดดมาณวิกากรีดร้องด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปประคองร่างปวรุจที่โชกเลือดขึ้นมา " รุจ คุณอย่าเป็นอะไรนะ ใครก็ได้ช่วยด้วย เรียกรถพยาบาลให้หน่อย มีคนบาดเจ็บอยู่ตรงนี้ "" คุณ ไม่ เป็น อะไร ใช่ไหม "" ฮือ ฮือ ฉันไม่เป็นอะไร คุณอย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ "" อย่า ร้องไห้ ผมไม่ เป็นไร "ปวรุจกระอักเลือดออกมา แผลที่หัวก็เลือดไหลไม่หยุด จนเขาหมดสติไปหน้าห้องฉุกเฉิน มาณวิการ้องไห้ไม่หยุดดารัณรู้ข่าวก็รีบมา โอบกอดปลอบใจมาณวิกา" ไม่เป็นไรนะ รุจเขาต้องปลอดภัย เชื่อฉันสิ แกหยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจำได้ว่ารุจเขาเคยบอกว่า ไม่อยากเห็นน้ำตาของแก เขาอยากจะให้แกมีแต่รอยยิ้ม ถ้าเขารู้ว่าแกร้องไห้แบบนี้เขาต้องทุกข์ใจมากแน่
แสงแดดสาดส่อง ลอดผ่านกระจกเข้ามาในห้องนอน เมทินีงัวเงียลืมตาขึ้นมา ก้มมองดูแขนแกร่งโอบกอดเธอเอาไว้ คิดถึงรสรักเมื่อคืนก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา " พี่รุจค่ะ พี่รุจ" เมทินีใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าออกให้เขา แล้วก็ตกใจสุดขีด กรีดร้องลั่น" กรี๊ดดดดดดดดดด "วิศรุตกระเด้งตัวขึ้นมา เห็นเมทินีอยู่บนเตียงเดียวกันกรีดร้องจนแสบหู เขาก้มมองดูตัวเองที่เปลือยเปล่า ก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงคนข้างนอก ที่พากันร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้วิศรุตกับเมทินีได้สติ รีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วยความรวดเร็วเมทินีกอดผการ้องไห้สะอึกสะอื้น คมสันต์ก็จ้องหน้าวิศรุตอย่างเอาเป็นเอาตาย" ผมไม่คิดเลยนะ ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ คุณก็อายุไมใช่น้อยๆแล้ว ทำไมถึงไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ คุณย่ำยีหัวใจของผม คุณขืนใจลูกสาวผมในวันเกิดของเธอ "วิศรุตยอมรับว่าเขาผิดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขาไม่ยอมรับว่าเขาขืนใจเธอ เพราะเมื่อคืนเธอก็สมยอม แถมยังยั่วยวนเชื้อเชิญเขาอีกเขาเองก็งงว่าเขาไปอยู่บนเตียงกับเธอได้ยังไง จำได้ว่าหลังจากดื่มไวท์แก้วนั้น เขาก็คุยกับคนนั้นคนนี้อยู่สักพัก ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆร้อนว
บ้านพลานุรักษ์" เรียกผมมามีอะไร "" ทำไม ฉันต้องมีเรื่องอะไรด้วยเหรอ ถึงจะเจอแกได้"" รุจ นั่งลงก่อน พ่ออยากให้พวกเราได้กินข้าวพร้อมกัน นานๆจะว่างตรงกันซักที "ปวรุจยอมนั่งลงตามที่ฟ้าใสพี่สาวบอก วิศรุตเป็นพ่อหม้าย มีลูก3คน ลูกชายคนโต นราวุธมีคู่หมั้นแล้ว แยกออกไปอยู่คอนโด ฟ้าใสลูกคนรอง ก็มีคู่หมั้นเช่นกัน เป็นคนเดียวที่อยู่ที่บ้านหลังนี้กับวิศรุต และเขาลูกชายคนเล็ก ที่พึ่งจะรู้ว่ามีพ่อและพี่ๆอีก2คน ตอนเรียนจบม.3 ตั้งแต่เล็กจนโต เขาอยู่กับตาและยายที่ต่างจังหวัด รับรู้ว่าพ่อกับแม่ตายไปตั้งแต่จำความไม่ได้ พอเขาเรียนอยู่ม1ยายป่วยตาย พอยายไม่อยู่ ตาก็ไม่มีกระจิตกระใจจะอยู่บนโลกนี้อีก จนกระทั่งเขาอยู่ม3ตาก็ทรุดหนักและจากไป หลังเสร็จงานศพตา เขาก็จบม3พอดี วันนั้นมีคนแต่งตัวภูมิฐานนั่งรถหรูมาหาเขาที่บ้าน บอกว่าเขาเป็นลูก พร้อมเอาผลตรวจ Dna ระบุว่าเขาและผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อลูกกัน หลังจากวันนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยน จากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายมาเป็นลูกชายเศรษฐีนักธุรกิจพันล้าน ได้เรียนในมัธยมเอกชนชื่อดังราคาแพง แต่เขาก็ยังทำตัวเสเพลเหมือนเดิม และไม่เคยเรียกผู้ชายคนนั้นว่าพ่อเลย เพราะเขาไม่เคยได้