มาณวิกาแต่งงานกับอัครพลมา2ปี วันนี้เธอตั้งใจจะบอกข่าวดีกับเขาว่าเธอท้องแล้ว แต่รักแรกของเขากลับมา และเขาก็ขอหย่ากับเธอทันที ที่ผ่านมาคุณไม่เคยรักฉันสักนิดเลยเหรอ ถ้าอย่างงั้นลูกในท้องของฉัน คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก วันที่เธอถูกรถเฉี่ยวเข้าโรงพยาบาล เธอโทรหาเขา แต่ผู้หญิงคนนั้นรับสาย บอกว่าเขาไม่ว่างกำลังทำอาหารให้เธอกิน วันครบรอบแต่งงาน เขาปล่อยให้เธอนั่งรอเก้ออยู่ในร้านอาหาร ส่วนเขาบินด่วนไปหาคนรักของเขาที่ต่างประเทศ ในเมื่อไม่รักกัน เธอก็ยินดีจะคืนอิสระให้ ปล่อยเขาไป ให้เขาไปอยู่กับคนรักตามที่เขาต้องการ เธอพอแล้ว
View More"ยินดีด้วยค่ะคุณตั้งครรภ์ได้8สัปดาห์แล้วจะฝากท้องเลยไหมค่ะ"
คุณหมอบอกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม มาณวิกาดีใจเธอแต่งงานมา2ปี ไม่คิดว่าวันนี้จะท้องแล้ว ที่ผ่านมาเธอกินยาคุมมาตลอดเลยไม่ท้อง แต่พักหลังๆงานยุ่งก็เลยลืมกินบ้างอะไรบ้าง เธอเองก็รู้สึกว่าตัวเองมีอาการผิดปกติแปลกๆ เวียนหัวบ่อย ง่วงนอนอยากจะนอนตลอดเวลา อารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆ เดือนที่แล้วประจำเดือนของเธอก็ไม่มา แต่เธอคิดว่าคงเพราะเครียดและพักผ่อนน้อย พอเดือนนี้ไม่มาอีก ชักจะแปลกๆแล้วหล่ะ จึงได้ไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ผลปรากฎว่าขึ้น2ขีด แต่เพื่อความแน่ใจก็เลยมาตรวจที่โรงพยาบาลอีกรอบ
"ค่ะฝากเลย"
เมื่อหมอยืนยันว่าเธอท้องก็ฝากท้องทันที เสร็จเรื่องแล้วก็แวะซื้อของบำรุงลูกน้อย ทั้งขนม นม ของกินที่เธอชอบ และซื้อพวกของสดอีกหลายอย่าง ตั้งใจจะทำอาหารที่อัครพลชอบให้เขากิน ก่อนกลับบ้าน มาณวิกาส่งข้อความทางไลน์ไปบอกอัครพล
"เย็นนี้คุณกลับบ้านเร็วหน่อยได้ไหม ฉันจะทำอาหารไว้รอคุณ แล้วก็มีเรื่องจะบอกคุณด้วย"
ผ่านไปสักพักข้อความก็ขึ้นว่า อ่านแล้วเขาตอบกลับมาสั้นๆว่า
"อืม"
ช่วงเย็นอัครพลกลับมาบ้าน มาณวิกากำลังจัดอาหารอยู่บนโต๊ะ มีป้าแมวแม่บ้านคอยช่วยเมื่อจัดจานเสร็จ ก็ถอยออกไปอย่างรู้งาน มาณวิกาตักอาหารใส่จาน ให้อัครพลอย่างเอาใจ
"ผัดเปรี้ยวหวาน ของโปรดของคุณ กินเยอะๆนะคะ"
อัครพลตักเข้าเข้าปากกินไป1คำ แล้วหยิบน้ำมาดื่ม ก่อนจะพูดขึ้นมา
"ผมว่าเราหย่ากันเถอะ"
เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจของมาณวิกามันเจ็บจนชาไปหมด เธอรู้ว่าสักวันต้องมีวันนี้ทั้งที่เธอเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆกลับเจ็บจนพูดไม่ออก
"คุณก็รู้ว่าที่เราแต่งงานกันเพราะอะไร ผมไม่อยากไห้คุณต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้ จริงอยู่ที่เราต่างก็ให้สัญญากับคุณปู่ ว่าจะอยู่ด้วยกันจนครบ3ปีก่อน แล้วค่อยหย่า ถึงจะหย่าตอนนี้ หรือรออีกจนครบ3ปี ก็ต้องหย่าอยู่ดี ผม "
"เข้าใจแล้วเอาตามที่คุณว่านั่นแหละ คุณว่างวันไหนก็นัดวันมาเลย"
อัครพลสบตาของมาณวิกา ดวงตาของเธอคลอไปด้วยหยาดน้ำตาแลดูน่าสงสาร อกข้างซ้ายของเขาก็เกิดบีบรัดขึ้นมา เขาลังเลสับสน แต่เมื่อคิดอีกที ในเมื่อเราไม่ได้รักกัน อยู่ด้วยกันไป ก็มีแต่จะทำไห้เธอเสียเวลา เขาไม่อยากจะเห็นแก่ตัวรั้งเธอเอาไว้ เขาหวังว่าเธอ จะได้เจอคนดีๆที่รักเธอ สร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน
" อืม ผมจะนัดวันอีกที ผมจะไห้เงินคุณ50ล้าน กับพูลวิลลาที่หัวหิน "
เขารู้ว่าเธอชอบทะเล ตั้งแต่แต่งงานกันมา เธอเคยขอไห้เขาพาไปเที่ยวทะเล แต่เขาก็ยังไม่ว่าง ยังไม่มีโอกาสได้พาไปสักที พูลวิลลาหลังนั้น หวังว่าเธอคงจะชอบ
หลายเดือนก่อนเขาได้ไห้ลูกน้อง หาซื้อที่ติดทะเลและสร้างพูลวิลล่าหลังนั้น เพื่อไห้เป็นของขวัญกับเธอโดยเฉพาะ ทีแรกตั้งใจจะไห้เป็นของขวัญวันเกิด โดยเขาจะพาเธอไปพักสัก2-3คืน เพื่อฉลองวันเกิดไห้เธอด้วย แต่ต้องเปลี่ยนมาเป็นของขวัญวันหย่าแทน ไม่เป็นไรถือว่าเป็นของขวัญเหมือนกัน
"ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น"
ทั้งคู่เงียบอยู่นานไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
"ไหนคุณบอกว่า มีเรื่องจะบอกกับผม"
" ไม่มีอะไร มันไม่สำคัญหรอก "
แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา อัครพลกดรับสาย
"ฮัลโหล อืม ผมรู้แล้ว กำลังจะไป"
"ผมมีธุระต้องรีบไป คุณกินต่อเถอะ ผมอาจจะกลับดึกๆหน่อย เรื่องข้อตกลงการหย่า คุณก็คิดดูอีกทีแล้วกัน ถ้าอยากจะได้อะไรเพิ่มคุณก็เขียนเอาไว้เลย เดียวผมจะไห้ทนายจัดการไห้"
พูดจบก็หันหลังเดินออกไป อัครพลไปนานแล้ว แต่มาณวิกายังคงนั่งอยู่ที่เดิม คิดทบทวนถึงเรื่องของเขากับเธอ
เธอแต่งงานกับเขามา2ปีกว่า ตามคำขอร้องของคุณปู่ ปู่ของเขากับปู่ของเธอเป็นเพื่อนรักกัน คุณปู่ธนาเป็นโรคหัวใจ ก่อนปู่ของเธอตายได้มอบหัวใจไห้กับปู่ธนา พร้อมทั้งฝากฝังเธอด้วย มาณวิกาไม่มีใครเหลือตัวคนเดียว อุบัติเหตุในครั้งนั้นนอกจากปู่ของเธอแล้ว พ่อของเธอที่อยู่ในรถคันเดียวกัน ก็เสียชีวิตพร้อมคุณปู่ด้วย ก่อนปู่จะตายได้เคยพูดกับปู่ธนาว่าถ้าท่านตาย จะมอบหัวใจไห้กับคุณปู่ธนาเพื่อนรัก ทั้งยังทำหนังสือมอบหัวใจ ไห้เป็นลายลักษณ์อักษรอีก
ปู่ธนาช่วยจัดการงานศพ และรับเธอมาอยู่ด้วย ตอนนั้นเธอเรียนอยู่มหาลัยปีสุดท้าย เธอปฏิเสธที่จะมาอยู่ด้วยที่คฤหาสถ์ของคุณปู่ ทรัพย์สมบัติที่ปู่กับพ่อของเธอทิ้งเอาไว้ ก็มากพอมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต แต่ปู่ธนาไม่เห็นด้วยอ้างว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวอันตราย อีกทั้งรับปากปู่ของเธอเอาไว้ ว่าจะดูแลเธออย่างดี
ที่คฤหาสถ์เธอได้พบกับอัครพลครั้งแรก หัวใจก็เต้นผิดจังหวะ ยิ่งได้เห็นหน้าเขาทุกวันก็ยิ่งหวั่นไหว นานวันเข้าเธอก็รู้ตัวว่าหลงรักเขาเข้าไห้แล้ว อัครพลอายุมากกว่าเธอ3ปี เขาทำงานในบริษัทของตระกูล นั่งในตำแหน่งท่านประธาน หล่อ สูงโปร่ง สุขุม สีหน้ามีแต่ความเย็นชาราวกับเจ้าชายน้ำแข็ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำไห้ความหล่อของเขาลดลงแม้แต่น้อย
หลังจากที่คุณปู่ทำการผ่าตัดหัวใจเสร็จ คุณปู่ได้เรียกไห้เธอกับอัครพลเข้าไปคุยและขอไห้ทั้ง2แต่งงานกัน เพื่อที่อัครพลจะได้ดูแลมาณวิกา เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้รักเธอเป็นเธอที่รักเขาข้างเดียว และเธอก็รู้ว่าในใจของเขามีใคร ผู้หญิงคนนั้น รักเดียวในใจของเขา
เธอรู้มาว่าเขา2คนคบกันตอนเรียนมหาลัย พอเรียนจบอัครพลขอเธอแต่งงาน แต่ถูกปฏิเสธผู้หญิงไปเรียนต่อต่างประเทศและได้เป็นนางแบบ แถมยังมีข่าวว่าคบหากับผู้กำกับชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งผลักดันไห้เธอเข้าสู่วงการ เขาเสียใจมากเสียศูนย์ไปพักใหญ่
ด้วยเหตุนี้ด้วยแหละมั้ง คุณปู่ถึงได้ขอไห้เขาแต่งงานกับเธอ เพราะหวังว่าเขา จะกลับมาเป็นคนเดิม ตั้งใจทำงาน
"ปู่รู้ว่าหนูรักตาอัค ถึงตอนนี้มันยังไม่ได้รักหนู แต่ปู่เชื่อว่าความน่ารักของหนู จะทำไห้ตาอัครรักหนูได้ในสักวัน "
มาณวิกาคิดถึงคำพูดของคุณปู่แล้วเกิดขมขื่นในใจ ทีแรกเธอก็เข้าข้างตัวเองคิดอย่างนั้น แต่เธอต้องยอมรับความจริง ว่าเธอไม่มีความสามารถ เปลี่ยนใจให้เขามารักเธอได้ ในใจของเขาไม่มีที่ว่างให้เธอ เธอไม่มีวันเอาชนะคนในใจของเขาได้
แสงแดดสาดส่อง ลอดผ่านกระจกเข้ามาในห้องนอน เมทินีงัวเงียลืมตาขึ้นมา ก้มมองดูแขนแกร่งโอบกอดเธอเอาไว้ คิดถึงรสรักเมื่อคืนก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา " พี่รุจค่ะ พี่รุจ" เมทินีใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าออกให้เขา แล้วก็ตกใจสุดขีด กรีดร้องลั่น" กรี๊ดดดดดดดดดด "วิศรุตกระเด้งตัวขึ้นมา เห็นเมทินีอยู่บนเตียงเดียวกันกรีดร้องจนแสบหู เขาก้มมองดูตัวเองที่เปลือยเปล่า ก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงคนข้างนอก ที่พากันร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้วิศรุตกับเมทินีได้สติ รีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วยความรวดเร็วเมทินีกอดผการ้องไห้สะอึกสะอื้น คมสันต์ก็จ้องหน้าวิศรุตอย่างเอาเป็นเอาตาย" ผมไม่คิดเลยนะ ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ คุณก็อายุไมใช่น้อยๆแล้ว ทำไมถึงไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ คุณย่ำยีหัวใจของผม คุณขืนใจลูกสาวผมในวันเกิดของเธอ "วิศรุตยอมรับว่าเขาผิดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขาไม่ยอมรับว่าเขาขืนใจเธอ เพราะเมื่อคืนเธอก็สมยอม แถมยังยั่วยวนเชื้อเชิญเขาอีกเขาเองก็งงว่าเขาไปอยู่บนเตียงกับเธอได้ยังไง จำได้ว่าหลังจากดื่มไวท์แก้วนั้น เขาก็คุยกับคนนั้นคนนี้อยู่สักพัก ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆร้อนว
บ้านพลานุรักษ์" เรียกผมมามีอะไร "" ทำไม ฉันต้องมีเรื่องอะไรด้วยเหรอ ถึงจะเจอแกได้"" รุจ นั่งลงก่อน พ่ออยากให้พวกเราได้กินข้าวพร้อมกัน นานๆจะว่างตรงกันซักที "ปวรุจยอมนั่งลงตามที่ฟ้าใสพี่สาวบอก วิศรุตเป็นพ่อหม้าย มีลูก3คน ลูกชายคนโต นราวุธมีคู่หมั้นแล้ว แยกออกไปอยู่คอนโด ฟ้าใสลูกคนรอง ก็มีคู่หมั้นเช่นกัน เป็นคนเดียวที่อยู่ที่บ้านหลังนี้กับวิศรุต และเขาลูกชายคนเล็ก ที่พึ่งจะรู้ว่ามีพ่อและพี่ๆอีก2คน ตอนเรียนจบม.3 ตั้งแต่เล็กจนโต เขาอยู่กับตาและยายที่ต่างจังหวัด รับรู้ว่าพ่อกับแม่ตายไปตั้งแต่จำความไม่ได้ พอเขาเรียนอยู่ม1ยายป่วยตาย พอยายไม่อยู่ ตาก็ไม่มีกระจิตกระใจจะอยู่บนโลกนี้อีก จนกระทั่งเขาอยู่ม3ตาก็ทรุดหนักและจากไป หลังเสร็จงานศพตา เขาก็จบม3พอดี วันนั้นมีคนแต่งตัวภูมิฐานนั่งรถหรูมาหาเขาที่บ้าน บอกว่าเขาเป็นลูก พร้อมเอาผลตรวจ Dna ระบุว่าเขาและผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อลูกกัน หลังจากวันนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยน จากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายมาเป็นลูกชายเศรษฐีนักธุรกิจพันล้าน ได้เรียนในมัธยมเอกชนชื่อดังราคาแพง แต่เขาก็ยังทำตัวเสเพลเหมือนเดิม และไม่เคยเรียกผู้ชายคนนั้นว่าพ่อเลย เพราะเขาไม่เคยได้
หลังงานเลิก ปวรุจไม่ยอมพาเธอไปส่งที่คอนโดของดารัณ แต่กลับพาเธอมาที่คอนโดของเขาแทน แล้วบอกให้เธอนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เธอได้ยินเสียงกุกกักอยากรู้ว่าเขาทำอะไร จึงได้ตามไปดู ก็พบว่าเขากำลังตั้งใจห่อเกี๊ยว " คุณทำอะไรหน่ะ"" ทำเกี๊ยวให้คุณกินไง คุณบอกว่าชอบกิน ผมก็เลยอยากทำให้คุณกิน รอกินฝีมือผมได้เลย"สักพักเขาก็ยกเกี๊ยวน้ำหอมกรุ่นชามโต มาวางตรงหน้าเธอ " กินได้ รับรองผมไม่ได้วางยาคุณหรอก "มาณวิกาเป่าให้หายร้อนชิมน้ำซุป รสชาติไม่ถึงกับอร่อยแต่ก็พอกินได้ แล้วตักเกี๊ยวห่อกุ้งตัวโตเข้าปาก ปวรุจมองตาแป๊วเหมือนกำลังรอคำตอบ ว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง" ผมพึ่งหัดทำ ทำตามแบบที่ยูทูปสอน กว่าจะทำออกมาได้แบบนี้ ก็ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง ถ้ากินไม่อร่อยก็บอกผมมาตามตรง ไม่ต้องรักษาน้ำใจกัน "" อร่อยใช้ได้ ถึงจะไม่อร่อยมากแต่ก็ถือว่าอร่อย"" _ "" ฉันพูดจริงๆนะ แค่รู้ว่าคุณตั้งใจทำให้ฉัน ฉันก็ดีใจมากแล้ว "วันนั้นที่ไปกินเกี๊ยวด้วยกัน เธอบอกเขาว่าเธอชอบกินเกี๊ยว เธอไม่คิดว่าเขาถึงกับไปหัดทำเกี๊ยว เพื่อมาทำให้เธอกินในวันนี้ มองหน้าหงอยๆของเขาแล้วก็ขบขันไม่น้อย เธอตักเกี๊ยวขึ้นมาเป่าให้หายร้อน แล้
มาณวิกาลงจากเครื่อง ลากกะเป๋าเดินทางชะเง้อหาดารัณ ที่บอกว่าจะมารอรับเธอ เธอไม่คิดจะกลับมาตอนนี้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะอิงอร โทรมาหาเธอเมื่อหลายวันก่อน ว่าเธอกำลังจะแต่งงาน กับสารวัตรอรรณพ และบอกให้เธอต้องมาร่วมงานให้ได้ ปวรุจฉีกยิ้มแป้นๆ เดินเข้ามาหาเธอ ใบหล่อหล่อเหลา ลักยิ้มที่2ข้างแก้ม ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้ดูน่าหลงใหล รูปร่างสูงโปร่ง180เซน เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ทำให้เธอที่สูงแค่163 ดูตัวเท่ามดไปเลย" ผมมารับคุณ แทนรัณ"มาณวิกากดโทรออกหาดารัณทันที" ไหนบอกว่าจะมารับฉัน "" โทษทีแก ฉันมีงานด่วนหน่ะ จริงๆนะ ทีแรกฉันลางานแล้ว แต่บอสหน่ะสิ บอกว่ามีลูกค้าสำคัญมาจากฝรั่งเศส ก็เลยต้องให้ฉันไปคุยงานทันทีเลย แกก็รู้นี่ว่าฉันเป็นล่ามเป็นคนเดียวในบริษัท "" อือ งั้นแกก็ไปทำงานเถอะ"" ได้ แล้วเจอกัน"เมื่อรู้ว่าเพื่อนมีงานด่วน ก็ไม่ได้ว่าอะไรกดวางสายไปฟู่ ดารัณโล่งอก เธอรู้สึกผิดที่ต้องโกหกเพื่อน ความจริงเธอไม่ได้มีงานด่วนอะไรหรอก ก่อนหน้าเธอมารอรับมาณวิกาอยู่สนามบินแล้ว แต่ปวรุจบอกให้เธอกลับไป เขาจะรอรับเธอเอง แถมยังเอาบัตรกินอาหารญี่ปุ่นร้านดัง มูลค่า3หมื่นให้เธออีก เธอไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะ แต่เธ
พอลงจากเครื่อง เธอคิดว่าเดี๋ยวก็คงไม่ต้องเจอเขาแล้ว แต่เธอคิดผิด เขาตามติดเธอถามว่าเธอจะไปไหน เขาจะไปส่ง ทีแรกเธอไม่ยอมแต่เขาก็ตื๊อไม่เลิก สุดท้ายเลยต้องยอมให้เขาไปส่งมาณวิกานั่งมองดูชายหนุ่ม กำลังคุยหัวเราะคิกคักกับแม่และพ่อเลี้ยงของเธอ ทั้งยังเข้ากันได้ดีเหมือนว่ารู้จักกันมานาน ผ่านไปหลายช.มเขาก็ยังไม่ไปไหน จนถึงเย็นแม่ของเธอก็ชวนเขาทานมื้อเย็นด้วย" นี่คุณ คุณมาอยู่บ้านแม่ฉันทั้งวันแล้วนะ ไหนบอกว่ามาคุยงานไง "" ผมนัดกับมิสเตอร์เอลวินบ่ายๆพรุ่งนี้ วันนี้ผมว่าง "" นี่ก็มืดแล้วคุณกลับไปได้แล้ว"" คุณรังเกียจผมเหรอ ถึงได้รีบไล่ผมแบบนี้"ปวรุจทำหน้าเศร้าก้มหน้างุด น้ำเสียงและท่าที ดูน่าสงสารและหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน 3เดือนผ่านไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ปวรุจแวะเวียนมาที่บ้านของเธอทุกวัน ที่บ้านของแม่เธออยู่นอกเมืองทำฟาร์มวัวนม ภาพที่ปวรุจช่วยพ่อเลี้ยงของเธอเลี้ยงวัวเป็นภาพที่ชินตาตลอด3เดือนที่ผ่านมา บางครั้งเขาก็ช่วยรีดนมวัว บางครั้งก็ไปส่งนมวัวกับพ่อเลี้ยงของเธอ แม้จะบอกเขาว่าไม่ต้องช่วย เพราะมีคนงานทำอยู่แล้ว แต่เขาฟังซะที่ไหนหล่ะ " วิ พรุ่งนี้ผมต้องกลับไทยแล้ว"พอเขาพูดมาแบบนี
" ผมลืมบอกคุณไป ว่าคนร้าย2คนถูกส่งไปขังที่เรือนจำแล้ว ส่วนไอ้พศินลูกพี่พวกมัน ตำรวจตามไปเจอแถวชายแดน มันกำลังจะหนีข้ามไปฝั่งกัมพูชา มันยิงสู้เลยถูกตำรวจวิสามัญ แต่ผู้บงการตัวจริงหนีไปได้"มาณวิกาขมวดคิ้วจนยุ่ง ยังมีผู้บงการอีกเหรอ เธอคิดว่ามีคนร้ายแค่3คนซะอีก และเรื่องที่เกิดมันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ เธอก็แค่ซวยที่มาเจอคนร้ายพวกนั้น แล้วใครเป็นคนบงการ ทำไปทำไม" ตำรวจได้ภาพมาจากกล้องวงจรปิด รวมกับมือถือของไอ้พศินที่บันทึกเสียงเอาไว้ หลักฐานมัดตัวนางแบบที่ชื่อรสสิกาว่าเป็นผู้จ้างวาน"รสสิกาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง จ้างไอ้เลว3ตัวนั่นมาฉุดเธอไปข่มขืน ถึงพวกมันจะยังไม่ทันได้ทำอะไรเธอ แต่เธอก็ต้องเสียลูกไป กลัวไม่ได้อัครพลขนาดนั้นเลยเหรอ รสสิกาเองก็น่าจะรู้ ว่าเธอกับอัครพลกำลังจะหย่ากัน ทำไมถึงทนรอไม่ไหว ถึงกับต้องจ้างคนมาทำร้ายเธอด้วย" อัครู้เรื่องนี้ไหม"ปวรรุจพยักหน้าแทนคำตอบเขารู้เรื่องนี้แต่ไม่ยอมบอกเธอ เพราะกลัวเธอจะไปแก้แค้นคนรักของเขาใช่ไหม " ถึงจะมีหมายจับ แต่ทำอะไรไม่ได้ ไอ้อัคส่งรสสิกาออกนอกประเทศ ไปก่อนที่ตำรวจจะออกหมายจับแค่วันเดียว "มาณวิกายิ้มด้วยความขมขื่น เขาคงจะรักรสสิกา
อัครพลมองดูรถของมาณวิกา ที่ขับออกไปจากบ้านจนลับสายตา ความรู้สึกสูญเสียครั้งนี้ มันเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตอนที่เขา ถูกรสสิกาทิ้งไปเสียอีก เจ็บเหลือเกินเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงอีกแล้วมาณวิกา มาอยู่กับดารัณได้2วันแล้ว วันนี้เป็นวันหยุดดารัณลาพักร้อนอีก5วัน เพื่อจะได้พาเธอไปเที่ยว อิงอรรู้ข่าวก็ลางานตามมาสมทบด้วย ทั้ง3คนแพลนไปเที่ยวที่กาญจนบุรี ตั้งใจจะขับรถแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ ระหว่างแวะเติมน้ำมัน ทั้ง3ก็เข้าคาเฟ่ที่อยู่ในปั๊ม สั่งกาแฟมาดื่มคนละแก้วเค้กอีกคนละชิ้นรองท้อง ขณะที่กำลังตักเค้กเข้าปาก เธอก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ยืนยิ้มแฉ่งให้เธอ เธอจำได้ว่าเขาชื่อปวรุจ เป็นคนที่ช่วยเธอเอาไว้และยังอยู่เฝ้าเธอ ตอนที่เธอไม่ได้สติอีก เขาเดินตรงมาหาเธอทันที พร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง สารวัตรอรรณพที่เคยไปสอบปากคำเธอที่ร.พ" สวัสดีครับ คุณวิ บังเอิญจังเลยนะครับ "" ค่ะ มากินกาแฟเหมือนกันเหรอค่ะ"" อ๋อ ครับ พอดีผมมาทำธุระแถวนี้ กับไอ้ณพ ก็เลยแวะกินกาแฟหน่อย ใช่ไหมไอ้ณพ" อรรณพยืนมองอิงอรตาหวานเยิ้ม ถูกปวรรุจสะกิดก็รีบตอบรับ " ครับ อย่างที่มันว่าอ่ะครับ"" ถ้าไม่รังเกียจนั่งด้วยกันก็ได้ค่ะ "พออิงอรพูด
" ฉันมีเรื่องอยากจะขอคุณ"" ว่ามาสิ "" คุณรับปากมาก่อนว่าจะให้ฉัน "" ได้ ผมรับปาก "แม้จะรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ แต่ก็ไม่อยากทำให้เธอผิดหวัง ไม่ว่าเธออยากได้อะไรเขาก็จะหามาให้" พรุ่งนี้กลับไปแล้ว เราไปหย่ากันเถอะ"อัครพลใจกระตุกวูบ เขาไม่คิดว่ามาณวิกาจะขอเขาเรื่องนี้ เขายังนั่งนิ่งอยู่กับที่ แม้ว่ามาณวิกาจะเดินเข้าไปในห้องนอนตั้งนานแล้วอัครพลตามเข้าไปในห้องนอน สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มโอบกอดมาณวิกาเอาไว้ กระซิบบอกที่ข้างหู น้ำเสียงสั่นเครือ"ไม่หย่าได้ไหม"" คุณรับปากฉันแล้ว "" ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าคุณจะขอเรื่องนี้'" ฉันไม่ต้องการอะไร นอกจากเรื่องนี้เรื่องเดียว"ได้ยินแบบนั้นใจของอัครพลก็บีบรัดอย่างแรง สองแขนกอดกระชับมาณวิกาจนแน่นน้ำตาเอ่อล้นในตาทั้ง2ข้าง" ในเมื่อคุณเองก็ไม่ได้รักฉัน ก็แค่ปล่อยฉันไป ฉันคืนอิสระให้กับคุณ"" ใครบอกคุณ ว่าผมไม่รักคุณ หลายวันมานี้ ผมทบทวนตัวเอง ถามใจตัวเองอยู่หลายครั้ง ผมว่าผมรักคุณเข้าแล้วหล่ะ"มาณวิกาได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นแรง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะดีใจมาก แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ดีใจเลย อาจเป็นเพราะว่าเธอทำใจมานานแล้ว และบอกกับตัวเองว่ายังไงเขาก็
วันนี้มาณวิกาจะออกจากร.พ. หลังจากที่ทำเรื่องเสร็จเขาก็พาเธอขับรถออกมา มาณวิกายังคงไม่พูดกับเขาสักคำ ไม่ว่าเขาจะชวนคุยอะไร เธอก็แค่พยักหน้าเท่านั้น" พรุ่งนี้เช้า เราไปทำบุญให้ลูกกันนะ ผมให้คชาเตรียมสังฆทานไว้แล้ว เป็นสังฆทานที่จัดเอง มีข้าวของเครื่องใช้ของเด็กอยู่ด้วย "มาณวิกาหันหน้ามามองอัครพล แล้วหยักหน้าตอบรับ " อือ"ตอนเช้าอัครพลพามาณวิกา ไปทำบุญที่วัดเสร็จ ก็ขับรถไปต่อ มาณวิกามองดูข้างทาง มันไม่ใช่เส้นทางเดิมที่จะกลับบ้าน จึงมองหน้าเขาเพื่อรอคำตอบ" ผมจะพาคุณไปที่หนึ่ง รับรองว่าคุณต้องชอบ ถ้าเหนื่อยก็นอนหลับได้เลย ถึงแล้วเดี๋ยวผมปลุก"มาณวิกาไม่สนใจ เขาอยากจะพาเธอไปที่ไหนก็ไป เธอเหนื่อยร่างกายก็ยังอ่อนเพลียอยู่ นั่งรถไปได้ซักพักก็หลับไป ไม่รู้ว่าเธอหลับไปนานแค่ไหน ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่ารถมาจอดอยู่ที่ชายทะเล มาณวิกาเปิดประตูรถเดินลงมา ฟังเสียงคลื่นลมทะเลสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด อัครพลยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ไกล เห็นมาณวิกาลงมาจากรถ ก็โยนบุหรี่ทิ้ง ใช้เท้าขยี้บุหรี่จนดับ แล้วเดินไปหามาณวิกา" ผมรู้ว่าคุณชอบทะเลผมจำได้ เมื่อก่อนคุณเคยให้ผมพามา คุณบอกว่าอยากดูพระอาทิตย์ตกน้ำทะเล กับผม2คน แต่ต
Comments