ที่บริษัท มีเสียงเกรียวกราวดังขึ้น เหมือนว่าพวกพนักงานจะตื่นเต้นอะไรสักอย่าง จนมาณวิกาต้องเงยหน้าขึ้นมาจากจอคอม
" เกิดอะไรขึ้น "
มาณวิกาถามอิงอร เลขาส่วนตัวพ่วงตำแหน่ง เพื่อนรุ่นน้องคนสนิท
" เดี๋ยวฉันไปดูไห้ค่ะ "
สักพักอิงอรก็กลับเข้ามา มีสีหน้าท่าทางไม่ค่อยดี
" ตกลงว่ามีอะไร "
" คือว่า เอ่อ นางแบบ ที่เป็นข่าวกับคุณอัค
เธอมาที่นี่ค่ะ เมื่อกี้คุณอัคก็ ก็เดินไปรับเธอด้วยตัวเอง "
มาณวิกาครุ่นคิดว่าเธอมาที่นี่ทำไมกัน หรืออัครพลต้องการตอกย้ำข่าวลือ ที่ว่าทั้งคู่เป็นคนรักกันอย่างงั้นเหรอ เฮอะ ยังไม่ทันจะได้เซ็นใบหย่า ก็รีบร้อนขนาดนี้เชียว
ก็อก! ก็อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น เรียกสติมาณวิกากลับมา
"คุณวิครับ บอสเรียกประชุมด่วนครับ"
ในห้องประชุม อัครพลนั่งอยู่หัวโต๊ะ ในตำแหน่งประธานบริษัท ใบหน้ายิ้มแย้มที่ยากนักที่หลายคนจะได้เห็น ดูเหมือนว่าวันนี้ เขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ถัดมาเป็น หญิงสาวหุ่นสูงเพรียว ผิวขาวยิ่งกว่าหลอดไฟ ใส่เดรสสีแดงสด ยิ่งขับผิวให้ดูขาวขึ้นไปอีก หน้าตาสวยเฉี่ยว สมกับที่เป็นนางแบบ
" เรียกประชุมด่วน แบบนี้ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่า ครับบอส "
1ใน คณะกรรมการบริษัทเอ่ยถาม
อัครพล ปรายตามองมาณวิกา ก่อนจะตอบคำถาม
" ที่ผมเรียกประชุมด่วนวันนี้ เพราะมีเรื่องจะประกาศให้ทุกคนทราบ เครื่องประดับคอลเล็คชั่นล่าสุด ของบริษัทเรา ผมจะให้รสสิกา เป็นพรีเซนเตอร์ "
มาณวิกามองหน้าอัครพลสลับกับรสสิกา
คนรักกลับมา ก็เลยประเคนงานให้นี่เอง ทั้งที่ก่อนหน้า เธอติดต่อนางเอกคนหนึ่งเอาไว้แล้ว และทุกฝ่ายก็เตรียมงานเอาไว้แล้วด้วย แต่นั่นก็ไม่เท่ากับสัญญา ที่ฝั่งนางเอกสาวคนดังอย่าง พิชญา ได้เซ็นสัญญาไปแล้ว กว่าเธอจะได้เจอตัวพิชญา กว่าจะได้คิวเธอมา ต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่เพื่อเอาใจคนรักของเขา กลับทำให้เธอต้องลำบากโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย
" แต่ บอสค่ะ พรีเซนเตอร์ คอลเล็คชั่นใหม่ เราได้ พิชญา นางเอกแนวหน้า มาแล้วนะคะ พึ่งเซ็นสัญญาไป อาทิตย์ก่อนเอง "
" ยกเลิกไปซะ แล้วจ่ายค่าชดเชยไป ตามที่สัญญาระบุ หรือถ้าทางนั้นเรียกร้องเพิ่ม ก็ไห้เขาไป "
เมื่ออัครพลพูดมาแบบนี้ ทุกคนก็ได้แต่เงียบกริบ รสสิกา สบตา มาณวิกา สายตาบ่งบอกถึงชัยชนะ ก่อนจะเอ่ย ด้วยท่าทีที่ ไร้เดียงสา
" ฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ให้ทุกคนผิดหวังเลยค่ะฝากด้วยนะค่ะ ขอบคุณนะค่ะอัคสำหรับงานแรกในไทย "
************************
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนอยู่บริษัท มาณวิกา ก็แทบกินอะไรไม่ลง เธอใช้ช้อนเขี่ยข้าวอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน
"คุณวิ กับข้าวไม่อร่อยเหรอค่ะ หรือว่า อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมค่ะ เดี๋ยวป้าไปทำไห้ใหม่ "
เสียงของป้าแมว ทำไห้มาณวิกาได้สติ
"ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว พอดีวิไม่ค่อยหิว "
แล้วจัดการฝืนกินข้าวไปได้ครึ่งจาน เธอกินไม่ลงจริงๆ แต่ก็ต้องกินเพื่อตัวน้อยในท้อง
5ทุ่ม อัครพลกลับมาที่บ้าน เขากำลังจะเข้าห้อง แต่ก็เปลี่ยนใจหมุนตัวกลับไปเคาะประตูห้องข้างๆ ตั้งแต่วันนั้นที่เขากับมาณวิกาตกลงจะหย่ากัน มาณวิกาก็แยกห้องนอนกับเขา
ทีแรกทั้ง2นัดจะไปหย่ากันในอีกวันถัดไป แต่คุณปู่ของเขาก็ดันป่วยซะก่อน จึงได้เลื่อนไปวันหน้า กลัวว่าคุณปู่รู้ แล้วอาการจะทรุดหนัก เพราะคุณปู่รักและเอ็นดูมาณวิกามาก จนบางครั้งเขาก็คิด ว่าระหว่างเขากับมาณวิกา ใครกันแน่ที่เป็นหลานตัวจริง ยิ่งเมื่อเทียบกับรสสิกา คุณปู่เองกลับมีท่าทีรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
เขากับรสสิกา คบกันตอนเรียนอยู่ปี3 ในตอนนั้นเขาพาเธอมาที่บ้าน คุณปู่แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ชอบเธอ ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง ก็ไม่มีทีท่าจะญาติดีด้วย เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม จนกระทั่งเรียนจบเขาตั้งใจเซอร์ไพรซ์ขอรสสิกาแต่งงาน แต่ถูกเธอปฏิเสธต่อหน้าผู้คนมากมาย ในตอนนั้น เขาทั้งเจ็บทั้งอายมาก แต่เธอให้เหตุผลว่าเธอยังไม่พร้อม เธอจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และจะทำทุกอย่างให้ตัวเองประสบความสำเร็จ เพื่อไห้คุณปู่ยอมรับไห้ได้ และนั่นก็ทำไห้เขายอมปล่อยเธอไป และเฝ้ารอวันที่เธอกลับมา
จนวันหนึ่งเขาก็ต้องใจสลาย เมื่อรู้ข่าวจากเพื่อนสนิท ที่ไปเรียนต่ออยู่อังกฤษที่เดียวกับเธอ ส่งข่าวพร้อมภาพและคลิปแต่งงาน ของรสสิกา กับผู้กำกับหนังชื่อดังชาวอังกฤษมาไห้เขาดู
ก่อนหน้านั้น เขาก็ได้ข่าวว่าเธอเข้าสู่วงการนางแบบและเริ่มมีชื่อเสียง เขาดีใจกับเธอที่ได้ทำตามความฝันสำเร็จ แม้จะมีข่าวซุบซิบว่าที่เธอได้ดี เพราะผู้กำกับคนนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ที่แท้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงขั้นแต่งงานกัน
ถ้าเพื่อนของเขาไม่บอก เขาก็คงกลายเป็นไอ้โง่ให้เธอหลอก เธอยังคุยกับเขาปกติไม่คิดจะบอกอะไรเขาเลย ตั้งแต่นั้นมาเขากินเหล้าเมามาย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น งานการก็ไม่ทำ เขาโทษคุณปู่ที่ไม่ยอมให้เขาไปเรียนต่อที่อังกฤษตามรสสิกา แต่กลับไห้เขาเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัท บริหารธุรกิจครอบครัว เขาเสียศูนย์อยู่นาน จนคุณปู่บอกไห้แต่งงานกับมาณวิกา เด็กสาวที่เป็นหลานของเพื่อนสนิท
แกร็ก เสียงประตูเปิดออกมา พร้อมกับร่างผอมบางของมาณวิกา ทำไมเธอดูผอมซูบลงไปกว่าแต่ก่อน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ใส่ใจเธอเท่าที่ควร
" ดึกแล้ว คุณยังไม่นอนเหรอ "
อัครพลเอ่ยปากถาม เมื่อมาณวิกา กำลังเดินเลี่ยงไป
" ฉันนอนแล้ว แต่รู้สึกตัวขึ้นมาเกิดหิว ก็เลยจะไปหานมดื่มสักแก้ว "
" ขอโทษ "
"ขอโทษ เรื่องอะไร"
"เรื่องโรส ผมรู้ว่า ทำไห้คุณลำบาก ทั้งเรื่องก่อนหน้าที่กว่าจะได้พิชญามา แล้วก็เรื่องที่ถูกทางค่ายของพิชญาต่อว่าอีก "
" คุณรู้ว่าฉันต้องลำบาก แต่คุณก็ยังทำ เพียงเพื่อเอาใจคนรักของคุณ ไม่ใช่แค่ฉันที่ต้องลำบาก แต่พนักงานทุกคน ที่เขาเตรียมงานมาหลายเดือน กลับต้องมารื้องานใหม่ เริ่มต้นใหม่เพื่อปรับไห้เข้ากลับนางแบบ ทุกอย่างมันต้องเริ่มต้นใหม่หมด ทั้งที่มันพร้อมทุกอย่างแล้ว รอแค่คิวของพิชญาเท่านั้น แต่มันต้องทิ้งแล้วเริ่มทำใหม่ เพราะคุณเอาคนรักของคุณมาเสียบแทน "
"ผม รับปากกับโรส ว่าจะให้ของขวัญวันเกิดทุกอย่างที่เธอขอ เธอขอเป็นพรีเซนเตอร์ ผมรับปากเธอแล้ว ไม่อยากผิดคำพูด "
" ช่างเป็นคนรักที่ดีจริงๆ ทำตามทุกอย่างที่เธอขอ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ รวมถึงเรื่องหย่าด้วยใช่ไหม ช่างเป็นผู้ชายที่แสนดีจริงๆ นานแค่ไหนก็ยังรอ รอคนรักกลับมารักกันอีก ความรักของคุณ มันทำไห้ฉันลำบากจริงๆ"
" แล้ว พ่อของคุณหล่ะ "ปวรุจจูงมือเธอมานั่งลงหน้าหลุมศพ" นี่คือพ่อของผม และนั่นคือแม่ของผม "มาณวิกามองไปที่หลุมศพที่อยู่ข้างๆกัน มิน่าทำไมเขาถึงพาเธอมาที่นี่ เมื่อวานเขาไปหาเธอ และพาเธอบินตรงมาที่นี่มาถึงก็เกือบค่ำ ที่แท้ก็พาเธอมาไหว้หลุมศพพ่อกับแม่เขานี่เอง เธอกับเขาคำนับหลุมศพพ่อกับแม่เขาด้วยกัน" พ่อครับ แม่ครับ ขอโทษที่ผมมาช้าผมพึ่งรู้ว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ "ปวรุจหันไปมองหน้ามาณวิกา จับมือไว้แน่น ก่อนจะหันกลับไปที่หลุมศพ" พ่อครับแม่ครับ ผมพาลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่มาไหว้ครับ "เธอกับเขาเคารพหลุมศพทั้ง2ด้วยกันเสร็จ ก็จูงมือกันลุกขึ้น เธอยังสงสัยไม่หาย ว่าถ้าพ่อแม่เขาอยู่ที่นี่ แล้วคนที่ชื่อวิศรุตหล่ะ เขาคงรู้ว่าเธอสงสัยจึงได้พูดขึ้นมา" ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่พ่อของผมหรอก " เขาเองก็พึ่งจะรู้ความจริงตอนอยู่ที่ร.พ ถ้านราวุธไม่เอาเอกสารมาให้ดู เขาก็คงถูกหลอกไปตลอด เอกสารและหลักฐานปลอมแปลงผลตรวจdna" ผมอยู่กับตายายมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ เวลาถามพวกท่านก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ ผมก็เลยไม่คิดจะถามอีก "" พอทั้ง2ตาย ผู้ชายคนนั้นมาหาผมที่บ้านพร้อมผลdna ระบุว่าผมเป็นลูก แล้วพาผมไปอยู่ด้วย "
" ฉันกับดารัณ จะมาช่วยฟื้นความจำให้แก"หลังจากนั้นนราวุธกับดารัณ ก็ได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ปวรุจฟัง เรื่องของเขากับมาณวิกา นราวุธกับดารัณกลับไปนานแล้ว เขาพยายามคิดทบทวนความจำของตัวเอง ว่าเป็นจริงอย่างที่ทั้ง2เล่าให้ฟังหรือเปล่า แม้จะยังคิดไม่ออก แต่ใจของเขาก็เชื่อไปแบบเต็มร้อยแล้ว เขาหยิบเอาเอกสารที่นราวุธให้ไว้มาเปิดดู ดวงตาก็ลุกวาวระยิบระยับไปด้วยเปลวเพลิง จากนั้นก็โทรหาเลขาส่วนตัว ให้มารับเขาออกจากร.พปวรุจขับรถไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ดารัณบอกว่าเขาเคยไปกับมาณวิกา ร้านบะหมี่ข้างทาง ห้าง และตอนนี้ เขาก็กำลังยืนทอดสายตาอยู่บนสะพานไม้ที่สังขละ ภาพที่มาณวิกากับเขาใส่ชุดมอญ ยืนพูดคุยกันที่สะพานแห่งนี้ ภาพที่เขากับเธอถ่ายเซลฟี่ด้วยกัน ภาพที่เขาทำอาหารให้เธอ ภาพที่เธอป้อนเกี๊ยวให้เขา ภาพเขาและเธอจูบกันดูดดื่มที่โซฟา ภาพที่เขาเห็นเธอถูกฉุดแล้วตามไปช่วยเธอ ภาพที่เขาผลักเธอออกแล้วถูกรถชน ภาพที่เธอประคองเขาขึ้นมาร้องไห้ แล้วบอกเขาว่าอย่าเป็นอะไรนะ ทุกภาพฉายวนอยู่ในหัวของเขา มันแจ่มชัดทุกอย่าง เขาจำได้แล้ว เรื่องของเธอกับเขา เขาจำได้แล้วมาณวิกาทอดสายตา มองดูภาพบนท้องฟ้า แสงเหนือหลาก
ตั้งแต่มาณวิกากลับมาที่ฟินแลนด์ ก็ดูซึมจนผิดปกติ เหม่อลอยบ่อยๆ " ไม่สบายหรือเปล่าลูก หรือว่าเจ็บป่วยตรงไหน ให้แม่พาไปหาหมอดีไหม "" หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ อย่าห่วงเลย "" ถ้ากายไม่เป็นอะไร อย่างงั้นคงเป็นที่ใจสินะ มีเรื่องอะไร จะเล่าให้แม่ฟังไหม "" ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ อาจเป็นเพราะใกล้จะเป็นเมนส์มั้งคะ อารมณ์ก็เลยแปรปรวน "" ok แม่จะเชื่ออย่างงั้นก็ได้ แต่ถ้าอยากจะเล่าอะไรให้แม่ฟังเมื่อไหร่ แม่พร้อมจะรับฟังลูกเสมอ" มาณวิกากอดแม่เอาไว้สักพัก ก่อนจะขอตัวออกไปเดินเล่นเมทินีรู้ว่าปวรรุจถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บหนักก็โมโห เธอสั่งให้ไปทำร้ายมาณวิกาไม่ใช่ปวรุจ พอชายคนนั้นโทรมาหาเธอ เพื่อทวงค่าจ้างที่เหลือ เธอก็ด่าไปชุดใหญ่ และยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เงินเป็นอันขาด แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนใจ นัดให้เขาออกมารับเงินที่ร้านกาแฟร้านเดิม ที่เคยนัดกันครั้งที่แล้ว ชายคนนั้นไปตามนัด เขาไปนั่งรอที่ร้านอยู่นานก็ไม่วี่แววว่าเธอจะมา โทรหาก็ไม่รับสาย สักพักก็จากไปด้วยความโกรธ ขับรถออกไปอย่างเร็ว แล้วเธอก็ได้รับสายจากลูกน้องคนสนิทพ่อเธอ " ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ คุณเม "จากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวอุบัติเหตุเกิดขึ้น รถพุ่งชนอย่
ช่วงสายปวรุจมารับมาณวิกา ออกไปกินข้าวที่ห้าง เสร็จแล้วก็ซื้อของสดมาเยอะแยะ เขาบอกว่าวันนี้จะทำแกงแพนง กับข้าวผัดสับปะรดให้เธอกิน เดี๋ยวนี้เขาทำอาหารเก่งขึ้นมากรสชาติก็ดีขึ้นด้วย ช่วยกันเอาของที่ซื้อมาเก็บหลังรถเสร็จมาณวิกาก็เดินจะไปขึ้นรถ จังหวะนั้นได้มีรถคันหนึ่งขับพุ่งมาอย่างเร็วเอี๊ยดดด โครม มาณวิกาถูกผลักกระเด็นไปอีกทาง เมื่อเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นร่างของปวรุจลอยกระเด็นไปกระแทกต้นเสา กรี๊ดดดดดดดมาณวิกากรีดร้องด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปประคองร่างปวรุจที่โชกเลือดขึ้นมา " รุจ คุณอย่าเป็นอะไรนะ ใครก็ได้ช่วยด้วย เรียกรถพยาบาลให้หน่อย มีคนบาดเจ็บอยู่ตรงนี้ "" คุณ ไม่ เป็น อะไร ใช่ไหม "" ฮือ ฮือ ฉันไม่เป็นอะไร คุณอย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ "" อย่า ร้องไห้ ผมไม่ เป็นไร "ปวรุจกระอักเลือดออกมา แผลที่หัวก็เลือดไหลไม่หยุด จนเขาหมดสติไปหน้าห้องฉุกเฉิน มาณวิการ้องไห้ไม่หยุดดารัณรู้ข่าวก็รีบมา โอบกอดปลอบใจมาณวิกา" ไม่เป็นไรนะ รุจเขาต้องปลอดภัย เชื่อฉันสิ แกหยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจำได้ว่ารุจเขาเคยบอกว่า ไม่อยากเห็นน้ำตาของแก เขาอยากจะให้แกมีแต่รอยยิ้ม ถ้าเขารู้ว่าแกร้องไห้แบบนี้เขาต้องทุกข์ใจมากแน่
แสงแดดสาดส่อง ลอดผ่านกระจกเข้ามาในห้องนอน เมทินีงัวเงียลืมตาขึ้นมา ก้มมองดูแขนแกร่งโอบกอดเธอเอาไว้ คิดถึงรสรักเมื่อคืนก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา " พี่รุจค่ะ พี่รุจ" เมทินีใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าออกให้เขา แล้วก็ตกใจสุดขีด กรีดร้องลั่น" กรี๊ดดดดดดดดดด "วิศรุตกระเด้งตัวขึ้นมา เห็นเมทินีอยู่บนเตียงเดียวกันกรีดร้องจนแสบหู เขาก้มมองดูตัวเองที่เปลือยเปล่า ก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงคนข้างนอก ที่พากันร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้วิศรุตกับเมทินีได้สติ รีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วยความรวดเร็วเมทินีกอดผการ้องไห้สะอึกสะอื้น คมสันต์ก็จ้องหน้าวิศรุตอย่างเอาเป็นเอาตาย" ผมไม่คิดเลยนะ ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ คุณก็อายุไมใช่น้อยๆแล้ว ทำไมถึงไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ คุณย่ำยีหัวใจของผม คุณขืนใจลูกสาวผมในวันเกิดของเธอ "วิศรุตยอมรับว่าเขาผิดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขาไม่ยอมรับว่าเขาขืนใจเธอ เพราะเมื่อคืนเธอก็สมยอม แถมยังยั่วยวนเชื้อเชิญเขาอีกเขาเองก็งงว่าเขาไปอยู่บนเตียงกับเธอได้ยังไง จำได้ว่าหลังจากดื่มไวท์แก้วนั้น เขาก็คุยกับคนนั้นคนนี้อยู่สักพัก ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆร้อนว
บ้านพลานุรักษ์" เรียกผมมามีอะไร "" ทำไม ฉันต้องมีเรื่องอะไรด้วยเหรอ ถึงจะเจอแกได้"" รุจ นั่งลงก่อน พ่ออยากให้พวกเราได้กินข้าวพร้อมกัน นานๆจะว่างตรงกันซักที "ปวรุจยอมนั่งลงตามที่ฟ้าใสพี่สาวบอก วิศรุตเป็นพ่อหม้าย มีลูก3คน ลูกชายคนโต นราวุธมีคู่หมั้นแล้ว แยกออกไปอยู่คอนโด ฟ้าใสลูกคนรอง ก็มีคู่หมั้นเช่นกัน เป็นคนเดียวที่อยู่ที่บ้านหลังนี้กับวิศรุต และเขาลูกชายคนเล็ก ที่พึ่งจะรู้ว่ามีพ่อและพี่ๆอีก2คน ตอนเรียนจบม.3 ตั้งแต่เล็กจนโต เขาอยู่กับตาและยายที่ต่างจังหวัด รับรู้ว่าพ่อกับแม่ตายไปตั้งแต่จำความไม่ได้ พอเขาเรียนอยู่ม1ยายป่วยตาย พอยายไม่อยู่ ตาก็ไม่มีกระจิตกระใจจะอยู่บนโลกนี้อีก จนกระทั่งเขาอยู่ม3ตาก็ทรุดหนักและจากไป หลังเสร็จงานศพตา เขาก็จบม3พอดี วันนั้นมีคนแต่งตัวภูมิฐานนั่งรถหรูมาหาเขาที่บ้าน บอกว่าเขาเป็นลูก พร้อมเอาผลตรวจ Dna ระบุว่าเขาและผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อลูกกัน หลังจากวันนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยน จากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายมาเป็นลูกชายเศรษฐีนักธุรกิจพันล้าน ได้เรียนในมัธยมเอกชนชื่อดังราคาแพง แต่เขาก็ยังทำตัวเสเพลเหมือนเดิม และไม่เคยเรียกผู้ชายคนนั้นว่าพ่อเลย เพราะเขาไม่เคยได้