วันต่อมา รสสิกาเดินควงแขน อัครพลมาที่กองถ่าย ท่ามกลางสายตาของทุกคน มาณวิกาปรายตามองอยู่แว่บเดียว ก่อนจะไปเดินดูในส่วนงานต่างๆว่าเรียบร้อยดีไหม
เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็เริ่มถ่ายทำทันที ใช้เวลาไม่นาน ก็ถ่ายทำในเซ็ทแรกเสร็จ ถือว่ารสสิกา ยังมีความเป็นมืออาชีพ การโพสต์ท่าจึงเป็นไปแบบไหลลื่นไม่มีสะดุด พอผู้กำกับสั่งคัท พักเบรค อัครพลกำลังจะเดินไปหามาณวิกา รสสิกาเห็นแบบนั้นก็รีบเร่งเดินเข้าไปหาอัครพล
" อัค ค่ะ"
ด้วยความที่รีบร้อนทำไห้สะดุดสายไฟ อัครพลพุ่งตัวไปคว้ารสสิกาเอาไว้ ไม่ไห้ล้มได้ดิบพอดี
แต่สายไฟเชื่อมกับเสาไฟสปอร์ตไลท์ ทำไห้เสาไฟหล่นลงใกล้ๆ มาณวิกา
มาณวิกาเบี่ยงตัวหลบ แต่ดันสะดุดขาตัวเองล้มลง เสาไฟก็หล่นทับขาพอดี
อัครพลรีบวิ่งเข้าไปดูมาณวิกา
" วิ คุณเป็นยังไงบ้าง"
" ฉัน ไม่เป็นไร "
อัครพลทำท่าจะอุ้มมาณวิกา แต่มาณวิกาปัดมือเขาออก ฝืนลุกขึ้นด้วยยากลำบาก
อิงอรรีบเข้ามาพยุง พามาณวิกาออกไป อัครพล ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง
"ยังไม่ทันได้หย่า คุณก็รังเกียจ ผมแล้วเหรอ"
รสสิกา มองมาณวิกาด้วยสายตาที่ริษยา อัครพลบอกกับเธอ ว่าเขาแต่งงานกับมาณวิกาเพราะคุณปู่ขอร้อง คุณปู่ของมาณวิกามีบุญคุณ ช่วยชีวิตปู่ของเขา
เขาไม่ได้รักมาณวิกาและกำลังจะหย่ากัน แต่ติดตรงที่ปู่ของเขาไม่สบาย ยังรักษาตัวอยู่ในร.พ เขาต้องการไห้ปู่ของเขา แข็งแรงกว่านี้ก่อน จากนั้นค่อยหย่า เมื่อปู่รู้ก็จะได้ไม่สะเทือนใจเกินไป
รสสิกาเกลียดตาแก่นั่น ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ ที่อัครพลพาเธอไปแนะนำไห้รู้จักกับครอบครัวของเขา ทั้งพ่อทั้งแม่ของเขา ก็ไม่ค่อยเต็มใจต้อนรับ ยิ่งตาแก่นั่นปู่ของเขายิ่งแสดงออกชัดเจน ว่ารังเกียจเธอ เธอผิดหรือไงที่เป็นลูกเมียน้อย ใช่แม่ของเธอเป็นเมียน้อยที่ซุกซ่อนมาหลายปี จนเมื่อเมียหลวงตายพ่อของเธอถึงได้รับแม่ของเธอกับเธอมาอยู่ด้วย จนเกิดข่าวซุบซิบอยู่พักใหญ่ แต่แล้วไงใครแคร์ ในเมื่อเธอก็เป็นลูกคนหนึ่งของคุณพ่อเหมือนกัน
เธอเจอกับอัครพลในผับและเข้าหาเขาก่อน สุดท้ายก็จบบนเตียง เธอยอมรับว่าอัครพลโคตรแซ่บ ถึงใจสุดๆ
อัครพลเองก็คงติดใจเธอเช่นกัน หลังวันนั้นเธอก็ใช้มารยาสุดฤทธิ์ ทั้งยั่วทั้งอ่อย จนอัครพลยอมมีอะไรกับเธอหลายครั้งด้วยกัน
เมื่อเธอเอ่ยปาก ว่าไม่อยากอยู่แบบไม่มีสถานะแบบนี้ อัครพลก็ขอคบเป็นแฟนกับเธอทันที อัครพลเป็นแฟนที่ดี เปย์เธอตลอดอยากได้อะไรไม่เคยขัด
จนกระทั่งปี4ก่อนจะเรียบจบ เธอก็รู้ข่าวว่าทางบ้านของอัครพล มีปัญหาทางการเงิน เพราะเอาเงินไปรักษาตาแก่นั่น ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ แถมบริษัทยังขาดสภาพคล่องเสี่ยงจะล้มละลายอีก นั่นทำไห้เธอปฏิเสธที่จะแต่งงานกับอัครพล
ประจวบกับตอนนั้น พ่อของเธอติดพนัน ต้องขายหุ้นที่บริษัท และขายบ้าน เพื่อหนีเจ้าหนี้ไปต่างประเทศ จึงเป็นข้ออ้างว่าเธอจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ทั้งที่จริงเธอไม่ได้เรียนหรอก พอไปอยู่ได้ไม่นาน พ่อกับแม่ของเธอก็ถูกเจ้าหนี้ตามเก็บ ตายทั้งคู่ ส่วนเธอที่ไม่อยู่บ้านวันนั้นรอดตายมาได้หวุดหวิด
โชคดีที่วันนั้นเธอไปเที่ยวผับกับเพื่อน และเพื่อนเธอนี่แหละที่แนะนำไห้รู้จักกับ ผู้กำกับเอลวิน จนมีความสัมพันธ์กันหลายครั้ง เอลวินหลงใหลเธอมาก และยังสานฝันช่วยให้เธอได้เป็นนางแบบสมใจ ถึงจะไม่ดังมากแต่ก็มีงานตลอดและเริ่มเป็นที่รู้จัก
ไม่ใช่เธอไม่รู้ว่าเอลวินมีเมียแล้ว แต่เอลวินก็ยังมาแต่งงานกับเธอ เธอไม่แคร์หรอก เพราะเอลวิน หลงเธออย่างกับอะไรดี เป็นบ่อเงินบ่อทอง มีคอนเนคชั่นดีๆให้เธอ
แต่ความสุขอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเมียของเอลวินรู้เรื่อง และตามมาแฉเธอถึงเวทีเดินแบบ ต่อว่าเธอสาดเสียเทเสีย เธออับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี หันจะไปพึ่งเอลวิน เอลวินก็ดันกลัวเมีย แถมยังโบ้ยความผิด มาให้เธอว่าเธอเป็นฝ่ายยั่วเขาก่อนอีก
เธอถูกแบน ไม่มีงานไม่มีเงิน จึงโทรหาเพื่อนเก่าที่ไทย ทำไห้รู้ความจริง ว่าบริษัทของอัครพลไม่ได้ล้มละลาย แต่ปัจุบันรวมหุ้นกับบริษัทjmจิวเวอรี่ แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่จากAkกรุ๊ปเป็นAkmกรุ๊ป ทำกำไรปีละหลายหมื่นล้าน แถมอัครพลยังนั่งแท่นประธานบริษัทด้วย นั่นจึงทำไห้รสสิกาตัดสินใจกลับมาเมืองไทย เธอต้องการทวงคืนอัครพล
แม้จะรู้ว่าเขาแต่งงานแล้วแบบลับๆ แต่เธอเชื่อว่าเขายังรักและรอเธออยู่ เธอจึงโทรไปหาอัครพลและขอไห้เขามารับเธอที่สนามบิน ร้องห่มร้องไห้บอกว่า พ่อกับแม่ของเธอเสียแล้ว เธอตัวคนเดียวไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว อัครพลปลอบใจว่ายังมีเขาอีกคน
เธอดีใจมากรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าอัครพลยังรักเธอเหมือนเดิม เบอร์โทรเดิม ไลน์ก็ยังใช้อันเดิม เหมือนรอไห้เธอติดต่อมา ตอนที่เธอมาอยู่อังกฤษใหม่ๆ เธอยังติดต่อกับเขาอยู่ตลอด จนเธอแต่งงานเขาก็เงียบหายไป แต่เธอก็ไม่สนใจ คราวนี้เธอจะไม่มีวัน ปล่อยอัครพลไห้หลุดมือไปเป็นอันขาด
" แล้ว พ่อของคุณหล่ะ "ปวรุจจูงมือเธอมานั่งลงหน้าหลุมศพ" นี่คือพ่อของผม และนั่นคือแม่ของผม "มาณวิกามองไปที่หลุมศพที่อยู่ข้างๆกัน มิน่าทำไมเขาถึงพาเธอมาที่นี่ เมื่อวานเขาไปหาเธอ และพาเธอบินตรงมาที่นี่มาถึงก็เกือบค่ำ ที่แท้ก็พาเธอมาไหว้หลุมศพพ่อกับแม่เขานี่เอง เธอกับเขาคำนับหลุมศพพ่อกับแม่เขาด้วยกัน" พ่อครับ แม่ครับ ขอโทษที่ผมมาช้าผมพึ่งรู้ว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ "ปวรุจหันไปมองหน้ามาณวิกา จับมือไว้แน่น ก่อนจะหันกลับไปที่หลุมศพ" พ่อครับแม่ครับ ผมพาลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่มาไหว้ครับ "เธอกับเขาเคารพหลุมศพทั้ง2ด้วยกันเสร็จ ก็จูงมือกันลุกขึ้น เธอยังสงสัยไม่หาย ว่าถ้าพ่อแม่เขาอยู่ที่นี่ แล้วคนที่ชื่อวิศรุตหล่ะ เขาคงรู้ว่าเธอสงสัยจึงได้พูดขึ้นมา" ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่พ่อของผมหรอก " เขาเองก็พึ่งจะรู้ความจริงตอนอยู่ที่ร.พ ถ้านราวุธไม่เอาเอกสารมาให้ดู เขาก็คงถูกหลอกไปตลอด เอกสารและหลักฐานปลอมแปลงผลตรวจdna" ผมอยู่กับตายายมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ เวลาถามพวกท่านก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ ผมก็เลยไม่คิดจะถามอีก "" พอทั้ง2ตาย ผู้ชายคนนั้นมาหาผมที่บ้านพร้อมผลdna ระบุว่าผมเป็นลูก แล้วพาผมไปอยู่ด้วย "
" ฉันกับดารัณ จะมาช่วยฟื้นความจำให้แก"หลังจากนั้นนราวุธกับดารัณ ก็ได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ปวรุจฟัง เรื่องของเขากับมาณวิกา นราวุธกับดารัณกลับไปนานแล้ว เขาพยายามคิดทบทวนความจำของตัวเอง ว่าเป็นจริงอย่างที่ทั้ง2เล่าให้ฟังหรือเปล่า แม้จะยังคิดไม่ออก แต่ใจของเขาก็เชื่อไปแบบเต็มร้อยแล้ว เขาหยิบเอาเอกสารที่นราวุธให้ไว้มาเปิดดู ดวงตาก็ลุกวาวระยิบระยับไปด้วยเปลวเพลิง จากนั้นก็โทรหาเลขาส่วนตัว ให้มารับเขาออกจากร.พปวรุจขับรถไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ดารัณบอกว่าเขาเคยไปกับมาณวิกา ร้านบะหมี่ข้างทาง ห้าง และตอนนี้ เขาก็กำลังยืนทอดสายตาอยู่บนสะพานไม้ที่สังขละ ภาพที่มาณวิกากับเขาใส่ชุดมอญ ยืนพูดคุยกันที่สะพานแห่งนี้ ภาพที่เขากับเธอถ่ายเซลฟี่ด้วยกัน ภาพที่เขาทำอาหารให้เธอ ภาพที่เธอป้อนเกี๊ยวให้เขา ภาพเขาและเธอจูบกันดูดดื่มที่โซฟา ภาพที่เขาเห็นเธอถูกฉุดแล้วตามไปช่วยเธอ ภาพที่เขาผลักเธอออกแล้วถูกรถชน ภาพที่เธอประคองเขาขึ้นมาร้องไห้ แล้วบอกเขาว่าอย่าเป็นอะไรนะ ทุกภาพฉายวนอยู่ในหัวของเขา มันแจ่มชัดทุกอย่าง เขาจำได้แล้ว เรื่องของเธอกับเขา เขาจำได้แล้วมาณวิกาทอดสายตา มองดูภาพบนท้องฟ้า แสงเหนือหลาก
ตั้งแต่มาณวิกากลับมาที่ฟินแลนด์ ก็ดูซึมจนผิดปกติ เหม่อลอยบ่อยๆ " ไม่สบายหรือเปล่าลูก หรือว่าเจ็บป่วยตรงไหน ให้แม่พาไปหาหมอดีไหม "" หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ อย่าห่วงเลย "" ถ้ากายไม่เป็นอะไร อย่างงั้นคงเป็นที่ใจสินะ มีเรื่องอะไร จะเล่าให้แม่ฟังไหม "" ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ อาจเป็นเพราะใกล้จะเป็นเมนส์มั้งคะ อารมณ์ก็เลยแปรปรวน "" ok แม่จะเชื่ออย่างงั้นก็ได้ แต่ถ้าอยากจะเล่าอะไรให้แม่ฟังเมื่อไหร่ แม่พร้อมจะรับฟังลูกเสมอ" มาณวิกากอดแม่เอาไว้สักพัก ก่อนจะขอตัวออกไปเดินเล่นเมทินีรู้ว่าปวรรุจถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บหนักก็โมโห เธอสั่งให้ไปทำร้ายมาณวิกาไม่ใช่ปวรุจ พอชายคนนั้นโทรมาหาเธอ เพื่อทวงค่าจ้างที่เหลือ เธอก็ด่าไปชุดใหญ่ และยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เงินเป็นอันขาด แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนใจ นัดให้เขาออกมารับเงินที่ร้านกาแฟร้านเดิม ที่เคยนัดกันครั้งที่แล้ว ชายคนนั้นไปตามนัด เขาไปนั่งรอที่ร้านอยู่นานก็ไม่วี่แววว่าเธอจะมา โทรหาก็ไม่รับสาย สักพักก็จากไปด้วยความโกรธ ขับรถออกไปอย่างเร็ว แล้วเธอก็ได้รับสายจากลูกน้องคนสนิทพ่อเธอ " ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ คุณเม "จากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวอุบัติเหตุเกิดขึ้น รถพุ่งชนอย่
ช่วงสายปวรุจมารับมาณวิกา ออกไปกินข้าวที่ห้าง เสร็จแล้วก็ซื้อของสดมาเยอะแยะ เขาบอกว่าวันนี้จะทำแกงแพนง กับข้าวผัดสับปะรดให้เธอกิน เดี๋ยวนี้เขาทำอาหารเก่งขึ้นมากรสชาติก็ดีขึ้นด้วย ช่วยกันเอาของที่ซื้อมาเก็บหลังรถเสร็จมาณวิกาก็เดินจะไปขึ้นรถ จังหวะนั้นได้มีรถคันหนึ่งขับพุ่งมาอย่างเร็วเอี๊ยดดด โครม มาณวิกาถูกผลักกระเด็นไปอีกทาง เมื่อเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นร่างของปวรุจลอยกระเด็นไปกระแทกต้นเสา กรี๊ดดดดดดดมาณวิกากรีดร้องด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปประคองร่างปวรุจที่โชกเลือดขึ้นมา " รุจ คุณอย่าเป็นอะไรนะ ใครก็ได้ช่วยด้วย เรียกรถพยาบาลให้หน่อย มีคนบาดเจ็บอยู่ตรงนี้ "" คุณ ไม่ เป็น อะไร ใช่ไหม "" ฮือ ฮือ ฉันไม่เป็นอะไร คุณอย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ "" อย่า ร้องไห้ ผมไม่ เป็นไร "ปวรุจกระอักเลือดออกมา แผลที่หัวก็เลือดไหลไม่หยุด จนเขาหมดสติไปหน้าห้องฉุกเฉิน มาณวิการ้องไห้ไม่หยุดดารัณรู้ข่าวก็รีบมา โอบกอดปลอบใจมาณวิกา" ไม่เป็นไรนะ รุจเขาต้องปลอดภัย เชื่อฉันสิ แกหยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจำได้ว่ารุจเขาเคยบอกว่า ไม่อยากเห็นน้ำตาของแก เขาอยากจะให้แกมีแต่รอยยิ้ม ถ้าเขารู้ว่าแกร้องไห้แบบนี้เขาต้องทุกข์ใจมากแน่
แสงแดดสาดส่อง ลอดผ่านกระจกเข้ามาในห้องนอน เมทินีงัวเงียลืมตาขึ้นมา ก้มมองดูแขนแกร่งโอบกอดเธอเอาไว้ คิดถึงรสรักเมื่อคืนก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา " พี่รุจค่ะ พี่รุจ" เมทินีใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าออกให้เขา แล้วก็ตกใจสุดขีด กรีดร้องลั่น" กรี๊ดดดดดดดดดด "วิศรุตกระเด้งตัวขึ้นมา เห็นเมทินีอยู่บนเตียงเดียวกันกรีดร้องจนแสบหู เขาก้มมองดูตัวเองที่เปลือยเปล่า ก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงคนข้างนอก ที่พากันร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้วิศรุตกับเมทินีได้สติ รีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วยความรวดเร็วเมทินีกอดผการ้องไห้สะอึกสะอื้น คมสันต์ก็จ้องหน้าวิศรุตอย่างเอาเป็นเอาตาย" ผมไม่คิดเลยนะ ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ คุณก็อายุไมใช่น้อยๆแล้ว ทำไมถึงไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ คุณย่ำยีหัวใจของผม คุณขืนใจลูกสาวผมในวันเกิดของเธอ "วิศรุตยอมรับว่าเขาผิดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขาไม่ยอมรับว่าเขาขืนใจเธอ เพราะเมื่อคืนเธอก็สมยอม แถมยังยั่วยวนเชื้อเชิญเขาอีกเขาเองก็งงว่าเขาไปอยู่บนเตียงกับเธอได้ยังไง จำได้ว่าหลังจากดื่มไวท์แก้วนั้น เขาก็คุยกับคนนั้นคนนี้อยู่สักพัก ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆร้อนว
บ้านพลานุรักษ์" เรียกผมมามีอะไร "" ทำไม ฉันต้องมีเรื่องอะไรด้วยเหรอ ถึงจะเจอแกได้"" รุจ นั่งลงก่อน พ่ออยากให้พวกเราได้กินข้าวพร้อมกัน นานๆจะว่างตรงกันซักที "ปวรุจยอมนั่งลงตามที่ฟ้าใสพี่สาวบอก วิศรุตเป็นพ่อหม้าย มีลูก3คน ลูกชายคนโต นราวุธมีคู่หมั้นแล้ว แยกออกไปอยู่คอนโด ฟ้าใสลูกคนรอง ก็มีคู่หมั้นเช่นกัน เป็นคนเดียวที่อยู่ที่บ้านหลังนี้กับวิศรุต และเขาลูกชายคนเล็ก ที่พึ่งจะรู้ว่ามีพ่อและพี่ๆอีก2คน ตอนเรียนจบม.3 ตั้งแต่เล็กจนโต เขาอยู่กับตาและยายที่ต่างจังหวัด รับรู้ว่าพ่อกับแม่ตายไปตั้งแต่จำความไม่ได้ พอเขาเรียนอยู่ม1ยายป่วยตาย พอยายไม่อยู่ ตาก็ไม่มีกระจิตกระใจจะอยู่บนโลกนี้อีก จนกระทั่งเขาอยู่ม3ตาก็ทรุดหนักและจากไป หลังเสร็จงานศพตา เขาก็จบม3พอดี วันนั้นมีคนแต่งตัวภูมิฐานนั่งรถหรูมาหาเขาที่บ้าน บอกว่าเขาเป็นลูก พร้อมเอาผลตรวจ Dna ระบุว่าเขาและผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อลูกกัน หลังจากวันนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยน จากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายมาเป็นลูกชายเศรษฐีนักธุรกิจพันล้าน ได้เรียนในมัธยมเอกชนชื่อดังราคาแพง แต่เขาก็ยังทำตัวเสเพลเหมือนเดิม และไม่เคยเรียกผู้ชายคนนั้นว่าพ่อเลย เพราะเขาไม่เคยได้