อัครพลกลับมาถึงบ้าน ก็ถามหามาณวิกา
" วิกลับมารึยัง "
" พึ่งกลับมาเมื่อกี้ค่ะ " ป้าแมวกำลังจะบอกว่ามาณวิกากลับมา พร้อมแผลที่แขนและขา แต่ยังไม่ทันจะได้บอก อัครพลก็เดินขึ้นไปข้างบนก่อน
อัครพลเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องมาณวิกาชั่งใจว่าจะยกมือเคาะประตูดีไหม แต่ก็เปลี่ยนใจ เธอคงนอนพักแล้วไม่รบกวนดีกว่า จึงเดินเข้าห้องตัวเอง
ก่อนหน้ารสสิกา ขอให้เขาทำอาหารให้กิน เธออยากจะกินข้าวผัดทะเล นึกถึงตอนที่เขายังคบกับเธออยู่ เขาก็ชอบทำข้าวผัดทะเลให้เธอกินอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้เขารู้สึกแปลกๆ ทั้งที่กินข้าวอยู่กับเธอ แต่ใจกลับกังวลถึงมาณวิกา กินเสร็จก็รีบกลับ แม้รสสิกาจะออดอ้อนให้อยู่ต่อก็ตาม ใจเขาร้อนรนยังไงก็ไม่รู้
*********************
ทีมงานยกกองไปถ่ายทำไกลถึงสุราษฏร์
ทั้งที่แต่แรก มาณวิกา ติดต่อเช่าสถานที่เป็นไร่ดอกไม้ที่วังน้ำเขียวเอาไว้แล้ว
ในคอนเซป เทพธิดาแห่งบุพผา แต่ก็นะ พรีเซนเตอร์vip ไม่ชอบ เธอต้องการฉากเป็นทะเล และเลือกเกาะแห่งหนึ่งที่สุราษฎร์แทน อัครพลก็ตามใจแบบไม่ต้องถามความเห็นของทีมงาน แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวก็ตาม
เมื่อทีมงานเซ็ทฉากพร้อม ตากล้องพร้อม ทุกคนพร้อม แต่นางแบบไม่พร้อม สายป่านนี้แล้วคุณเธอก็ยังไม่โผล่หัวมา
ผ่านไป2ช.ม ทีมงานเริ่มจะบ่น ไหนจะแดดที่ร้อนระอุ
" อร โทรตาม ซิ"
อิงอรรีบโทรตามรสสิกาทันที ถือสายรออยู่นานจนสายตัดไปก็ไม่มีคนรับ อิงอรโทรใหม่ก็ยังไม่มีคนรับอีก จนมาณวิกาบอกไห้พอ มาณวิกาหยิบมือถือ กดโทรออกหาอัครพล
" รสสิกาอยู่กับคุณรึเปล่า บอกเธอด้วยว่าให้รู้จักหน้าที่ของตัวเองหน่อย ตอนนี้ทีมงานทุกคนรอเธออยู่คนเดียวมาหลายช.ม แล้ว โทรไปเธอก็ไม่รับสาย "
" เธอไม่ได้อยู่กับผม เดี๋ยวผมจะลองโทรหาเธอดู ได้เรื่องยังไง ผมจะโทรบอกคุณอีกที"
หลังวางสายจากมาณวิกา อัครพลก็โทรหารสสิกาทันที รอไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย
" โรส คุณอยู่ที่ไหน รู้ไหม ตอนนี้ทีมงานทุกคนรอคุณอยู่ แล้วทำไมคุณไม่รับสายทีมงาน"
" อัค โรส ขอโทษค่ะ พอดีเมื่อวาน โรสปวดหัวมาก เหมือนจะไม่สบาย กินยาแล้วก็นอนหลับยาวเลย พึ่งจะรู้สึกตัวตอนที่คุณโทรมานี่หล่ะค่ะ "
" แล้ว คุณเป็นยังไงบ้าง ไปหาหมอแล้วรึยัง ถึงยังไง คุณก็ควรจะบอกผม หรือทีมงานก่อน ว่าคุณไปไม่ได้ คนอื่นจะได้ไม่ต้องเสียเวลา"
อัครพลรู้สึกผิด ตั้งแต่ได้ยินเสียงของมาณวิกา ที่เต็มไปด้วยความโกรธ ทางทีมงาน เดินทางไปเตรียมงานล่วงหน้า ตั้งแต่3วันก่อน เขาก็คิดว่ารสสิกา น่าจะไปถึงที่นั่นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่กลายเป็นว่ารสสิกายังอยู่ที่กรุงเทพ เขาเองก็หนักใจ ตั้งแต่ที่รสสิกาขอเปลี่ยนสถานที่แล้ว แต่เขาเห็นว่ามาณวิกาชอบทะเล ช่วงนี้ดูเธอ
เครียดๆ ก็เลยถือโอกาสในครั้งนี้ คิดว่าถ้าเธอได้เห็นทะเลคงจะผ่อนคลายไม่น้อย
ส่วนเรื่องข่าวเมื่อคราวก่อน พอเขารู้ก็ให้คชาเลขาคนสนิทจัดการลบข่าวให้หมด
ด้วยอิทธิพลของเขา ทำไห้ข่าวพวกนั้นหายไปในชั่วพริบตา และไม่สามารถค้นหาได้อีก เขาหวังว่าเธอจะยังไม่เห็นข่าวนี้ เขาห่วงว่าเธอจะเครียดจนไม่สบายอีก ป้าแมวบอกกับเขาว่ามาณวิกา กินอะไรไม่ค่อยได้ และอาเจียนอยู่บ่อยๆ อีกทั้งช่วงนี้คุณปู่ยังอยู่ในร.พ ด้วย ถ้าคุณปู่รู้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
ที่จริงวันนั้น ไม่มีอะไรเลย รสสิกาชวนเขาไปกินข้าวเย็น บอกว่าอยากกินที่ร้านอาหารริมแม่น้ำ ใต้แสงเทียนในวันเกิดของเธอ เขาเองจำวันเกิดของเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ เลยตามใจเธอ สั่งอาหารที่เธอชอบมาให้ เธอขอให้เขาป้อนเธอ เป็นการไถ่โทษ ที่เขาลืมวันเกิดของเธอ เขาก็เลยต้องป้อนเธอ โดยไม่รู้ว่ามีคนแอบถ่ายเอาไปลงข่าว
หลังกินอาหารเสร็จ เธอก็ขอให้เขาพาไปเดินเที่ยวห้าง เธอบ่นว่าเขาไม่มีของขวัญวันเกิดให้เธอเลย เขาก็อยากจะบอกว่าเขาให้เธอแล้ว ก็พรีเซนเตอร์ที่เป็นอยู่นั่นไง เขาได้แต่คิดไม่ได้พูดออกไป เลยได้แต่บอกเธอว่าอยากได้อะไร เลือกเลยเดี๋ยวเขาจ่ายเอง เธอก็ช็อปตามใจชอบ แบล็คการ์ดของเขาถูกรูดไปหลายล้าน
" อัคค่ะ โรสขอโทษนะ โรสไม่สบายจริงๆ
เมื่อวานโรสก็บอกศิแล้วว่าไห้โทรไปบอกทีมงาน สงสัยยัยศิจะลืม เดี๋ยวโรสจะต้องต่อว่าหน่อยแล้ว "
เสียงเจื้อยแจ้วของโรส ทำไห้อัครพลได้สติ
" ผมจะบินส่วนตัวเย็นนี้ คุณก็ไปพร้อมผมเลยแล้วกัน บอกผู้จัดการของคุณให้เตรียมพร้อมด้วย "
"ค่ะ ตอนเย็นเจอกัน"
รสสิกา หันไปยิ้มให้ศศิ เพื่อนรักที่เธอดึงมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว ที่จริงเธอไม่ได้ไม่สบายหรอก แต่เธอต้องการแกล้งให้มาณวิกาต้องรออย่างหัวเสีย โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาก่อนหน้า เธอกับศศิก็นั่งมองมันจนสายตัดไปเอง เพราะถึงโทรให้ตายพวกเธอก็ไม่รับ
ที่สำคัญ เธอต้องการเดินทางไปพร้อมอัครพล เพื่อไห้ทุกคนได้รู้ ว่าเธอสำคัญกับอัครพลแค่ไหน
" แล้ว พ่อของคุณหล่ะ "ปวรุจจูงมือเธอมานั่งลงหน้าหลุมศพ" นี่คือพ่อของผม และนั่นคือแม่ของผม "มาณวิกามองไปที่หลุมศพที่อยู่ข้างๆกัน มิน่าทำไมเขาถึงพาเธอมาที่นี่ เมื่อวานเขาไปหาเธอ และพาเธอบินตรงมาที่นี่มาถึงก็เกือบค่ำ ที่แท้ก็พาเธอมาไหว้หลุมศพพ่อกับแม่เขานี่เอง เธอกับเขาคำนับหลุมศพพ่อกับแม่เขาด้วยกัน" พ่อครับ แม่ครับ ขอโทษที่ผมมาช้าผมพึ่งรู้ว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ "ปวรุจหันไปมองหน้ามาณวิกา จับมือไว้แน่น ก่อนจะหันกลับไปที่หลุมศพ" พ่อครับแม่ครับ ผมพาลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่มาไหว้ครับ "เธอกับเขาเคารพหลุมศพทั้ง2ด้วยกันเสร็จ ก็จูงมือกันลุกขึ้น เธอยังสงสัยไม่หาย ว่าถ้าพ่อแม่เขาอยู่ที่นี่ แล้วคนที่ชื่อวิศรุตหล่ะ เขาคงรู้ว่าเธอสงสัยจึงได้พูดขึ้นมา" ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่พ่อของผมหรอก " เขาเองก็พึ่งจะรู้ความจริงตอนอยู่ที่ร.พ ถ้านราวุธไม่เอาเอกสารมาให้ดู เขาก็คงถูกหลอกไปตลอด เอกสารและหลักฐานปลอมแปลงผลตรวจdna" ผมอยู่กับตายายมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ เวลาถามพวกท่านก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ ผมก็เลยไม่คิดจะถามอีก "" พอทั้ง2ตาย ผู้ชายคนนั้นมาหาผมที่บ้านพร้อมผลdna ระบุว่าผมเป็นลูก แล้วพาผมไปอยู่ด้วย "
" ฉันกับดารัณ จะมาช่วยฟื้นความจำให้แก"หลังจากนั้นนราวุธกับดารัณ ก็ได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ปวรุจฟัง เรื่องของเขากับมาณวิกา นราวุธกับดารัณกลับไปนานแล้ว เขาพยายามคิดทบทวนความจำของตัวเอง ว่าเป็นจริงอย่างที่ทั้ง2เล่าให้ฟังหรือเปล่า แม้จะยังคิดไม่ออก แต่ใจของเขาก็เชื่อไปแบบเต็มร้อยแล้ว เขาหยิบเอาเอกสารที่นราวุธให้ไว้มาเปิดดู ดวงตาก็ลุกวาวระยิบระยับไปด้วยเปลวเพลิง จากนั้นก็โทรหาเลขาส่วนตัว ให้มารับเขาออกจากร.พปวรุจขับรถไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ดารัณบอกว่าเขาเคยไปกับมาณวิกา ร้านบะหมี่ข้างทาง ห้าง และตอนนี้ เขาก็กำลังยืนทอดสายตาอยู่บนสะพานไม้ที่สังขละ ภาพที่มาณวิกากับเขาใส่ชุดมอญ ยืนพูดคุยกันที่สะพานแห่งนี้ ภาพที่เขากับเธอถ่ายเซลฟี่ด้วยกัน ภาพที่เขาทำอาหารให้เธอ ภาพที่เธอป้อนเกี๊ยวให้เขา ภาพเขาและเธอจูบกันดูดดื่มที่โซฟา ภาพที่เขาเห็นเธอถูกฉุดแล้วตามไปช่วยเธอ ภาพที่เขาผลักเธอออกแล้วถูกรถชน ภาพที่เธอประคองเขาขึ้นมาร้องไห้ แล้วบอกเขาว่าอย่าเป็นอะไรนะ ทุกภาพฉายวนอยู่ในหัวของเขา มันแจ่มชัดทุกอย่าง เขาจำได้แล้ว เรื่องของเธอกับเขา เขาจำได้แล้วมาณวิกาทอดสายตา มองดูภาพบนท้องฟ้า แสงเหนือหลาก
ตั้งแต่มาณวิกากลับมาที่ฟินแลนด์ ก็ดูซึมจนผิดปกติ เหม่อลอยบ่อยๆ " ไม่สบายหรือเปล่าลูก หรือว่าเจ็บป่วยตรงไหน ให้แม่พาไปหาหมอดีไหม "" หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ อย่าห่วงเลย "" ถ้ากายไม่เป็นอะไร อย่างงั้นคงเป็นที่ใจสินะ มีเรื่องอะไร จะเล่าให้แม่ฟังไหม "" ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ อาจเป็นเพราะใกล้จะเป็นเมนส์มั้งคะ อารมณ์ก็เลยแปรปรวน "" ok แม่จะเชื่ออย่างงั้นก็ได้ แต่ถ้าอยากจะเล่าอะไรให้แม่ฟังเมื่อไหร่ แม่พร้อมจะรับฟังลูกเสมอ" มาณวิกากอดแม่เอาไว้สักพัก ก่อนจะขอตัวออกไปเดินเล่นเมทินีรู้ว่าปวรรุจถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บหนักก็โมโห เธอสั่งให้ไปทำร้ายมาณวิกาไม่ใช่ปวรุจ พอชายคนนั้นโทรมาหาเธอ เพื่อทวงค่าจ้างที่เหลือ เธอก็ด่าไปชุดใหญ่ และยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เงินเป็นอันขาด แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนใจ นัดให้เขาออกมารับเงินที่ร้านกาแฟร้านเดิม ที่เคยนัดกันครั้งที่แล้ว ชายคนนั้นไปตามนัด เขาไปนั่งรอที่ร้านอยู่นานก็ไม่วี่แววว่าเธอจะมา โทรหาก็ไม่รับสาย สักพักก็จากไปด้วยความโกรธ ขับรถออกไปอย่างเร็ว แล้วเธอก็ได้รับสายจากลูกน้องคนสนิทพ่อเธอ " ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ คุณเม "จากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวอุบัติเหตุเกิดขึ้น รถพุ่งชนอย่
ช่วงสายปวรุจมารับมาณวิกา ออกไปกินข้าวที่ห้าง เสร็จแล้วก็ซื้อของสดมาเยอะแยะ เขาบอกว่าวันนี้จะทำแกงแพนง กับข้าวผัดสับปะรดให้เธอกิน เดี๋ยวนี้เขาทำอาหารเก่งขึ้นมากรสชาติก็ดีขึ้นด้วย ช่วยกันเอาของที่ซื้อมาเก็บหลังรถเสร็จมาณวิกาก็เดินจะไปขึ้นรถ จังหวะนั้นได้มีรถคันหนึ่งขับพุ่งมาอย่างเร็วเอี๊ยดดด โครม มาณวิกาถูกผลักกระเด็นไปอีกทาง เมื่อเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นร่างของปวรุจลอยกระเด็นไปกระแทกต้นเสา กรี๊ดดดดดดดมาณวิกากรีดร้องด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปประคองร่างปวรุจที่โชกเลือดขึ้นมา " รุจ คุณอย่าเป็นอะไรนะ ใครก็ได้ช่วยด้วย เรียกรถพยาบาลให้หน่อย มีคนบาดเจ็บอยู่ตรงนี้ "" คุณ ไม่ เป็น อะไร ใช่ไหม "" ฮือ ฮือ ฉันไม่เป็นอะไร คุณอย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ "" อย่า ร้องไห้ ผมไม่ เป็นไร "ปวรุจกระอักเลือดออกมา แผลที่หัวก็เลือดไหลไม่หยุด จนเขาหมดสติไปหน้าห้องฉุกเฉิน มาณวิการ้องไห้ไม่หยุดดารัณรู้ข่าวก็รีบมา โอบกอดปลอบใจมาณวิกา" ไม่เป็นไรนะ รุจเขาต้องปลอดภัย เชื่อฉันสิ แกหยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจำได้ว่ารุจเขาเคยบอกว่า ไม่อยากเห็นน้ำตาของแก เขาอยากจะให้แกมีแต่รอยยิ้ม ถ้าเขารู้ว่าแกร้องไห้แบบนี้เขาต้องทุกข์ใจมากแน่
แสงแดดสาดส่อง ลอดผ่านกระจกเข้ามาในห้องนอน เมทินีงัวเงียลืมตาขึ้นมา ก้มมองดูแขนแกร่งโอบกอดเธอเอาไว้ คิดถึงรสรักเมื่อคืนก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา " พี่รุจค่ะ พี่รุจ" เมทินีใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าออกให้เขา แล้วก็ตกใจสุดขีด กรีดร้องลั่น" กรี๊ดดดดดดดดดด "วิศรุตกระเด้งตัวขึ้นมา เห็นเมทินีอยู่บนเตียงเดียวกันกรีดร้องจนแสบหู เขาก้มมองดูตัวเองที่เปลือยเปล่า ก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงคนข้างนอก ที่พากันร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้วิศรุตกับเมทินีได้สติ รีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วยความรวดเร็วเมทินีกอดผการ้องไห้สะอึกสะอื้น คมสันต์ก็จ้องหน้าวิศรุตอย่างเอาเป็นเอาตาย" ผมไม่คิดเลยนะ ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ คุณก็อายุไมใช่น้อยๆแล้ว ทำไมถึงไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ คุณย่ำยีหัวใจของผม คุณขืนใจลูกสาวผมในวันเกิดของเธอ "วิศรุตยอมรับว่าเขาผิดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขาไม่ยอมรับว่าเขาขืนใจเธอ เพราะเมื่อคืนเธอก็สมยอม แถมยังยั่วยวนเชื้อเชิญเขาอีกเขาเองก็งงว่าเขาไปอยู่บนเตียงกับเธอได้ยังไง จำได้ว่าหลังจากดื่มไวท์แก้วนั้น เขาก็คุยกับคนนั้นคนนี้อยู่สักพัก ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆร้อนว
บ้านพลานุรักษ์" เรียกผมมามีอะไร "" ทำไม ฉันต้องมีเรื่องอะไรด้วยเหรอ ถึงจะเจอแกได้"" รุจ นั่งลงก่อน พ่ออยากให้พวกเราได้กินข้าวพร้อมกัน นานๆจะว่างตรงกันซักที "ปวรุจยอมนั่งลงตามที่ฟ้าใสพี่สาวบอก วิศรุตเป็นพ่อหม้าย มีลูก3คน ลูกชายคนโต นราวุธมีคู่หมั้นแล้ว แยกออกไปอยู่คอนโด ฟ้าใสลูกคนรอง ก็มีคู่หมั้นเช่นกัน เป็นคนเดียวที่อยู่ที่บ้านหลังนี้กับวิศรุต และเขาลูกชายคนเล็ก ที่พึ่งจะรู้ว่ามีพ่อและพี่ๆอีก2คน ตอนเรียนจบม.3 ตั้งแต่เล็กจนโต เขาอยู่กับตาและยายที่ต่างจังหวัด รับรู้ว่าพ่อกับแม่ตายไปตั้งแต่จำความไม่ได้ พอเขาเรียนอยู่ม1ยายป่วยตาย พอยายไม่อยู่ ตาก็ไม่มีกระจิตกระใจจะอยู่บนโลกนี้อีก จนกระทั่งเขาอยู่ม3ตาก็ทรุดหนักและจากไป หลังเสร็จงานศพตา เขาก็จบม3พอดี วันนั้นมีคนแต่งตัวภูมิฐานนั่งรถหรูมาหาเขาที่บ้าน บอกว่าเขาเป็นลูก พร้อมเอาผลตรวจ Dna ระบุว่าเขาและผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อลูกกัน หลังจากวันนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยน จากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายมาเป็นลูกชายเศรษฐีนักธุรกิจพันล้าน ได้เรียนในมัธยมเอกชนชื่อดังราคาแพง แต่เขาก็ยังทำตัวเสเพลเหมือนเดิม และไม่เคยเรียกผู้ชายคนนั้นว่าพ่อเลย เพราะเขาไม่เคยได้