ตอนที่ 1
2/3
"แล้วพักที่ไหนคะ การเดินทางมาทำงานสะดวกมั้ยเอ่ย"
"พักห่างจากที่นี่ประมาณสามกิโลค่ะ"
"อ้าว งั้นก็ใกล้เลยสิ เอ่อ...คุณวิณ คุณวิณคะ"
ปัทมาเอียงหน้าไปทางชายหนุ่มแล้วทำทีเป็นเรียกเบา ๆ ฝ่ายนั้นขยับตัวเงยหน้าขึ้นมาแต่เปลือกตายังปิดสนิทอยู่ มือข้างที่ค้ำยันขมับก็ยังอยู่ท่าเดิม
"คุณวิณมีอะไรจะถามอีกมั้ยคะ"
เขาโบกมือ เป็นอันเข้าใจว่าไม่มีอะไรอยากจะถาม ปัทมาเห็นแบบนั้นก็หันมาลอบยิ้มให้น้ำค้าง
"งั้นเดี๋ยวทางเราโทรแจ้งผลนัดสัมภาษณ์นะคะ จะทราบผลไม่เกินสามวัน"
จะ...จบ จบแล้วเหรอ?
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ส่วนปัทมายื่นใบสมัครงานทั้งหมดให้ชวิณ
"คุณวิณเลือกคนไหนคะ"
"แล้วแต่คุณปัทเลยครับ ขอตัวนะ"
เขาพูดพร้อมกับเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้า ๆ แล้วลุกเดินจากไปโดยไม่ได้มองใบสมัครเหล่านั้นเลยสักนิด นั่นก็เพราะเมื่อคืนนี้ดื่มหนักจนค่อนสว่าง สาเหตุมาจากผู้หญิงที่รักกำลังจะหมั้นหมายกับคนอื่น
ไม่สิ ไม่ใช่คนอื่น แต่มันคือไอ้พศิน พี่ชายต่างมารดาที่แย่งชิงทุกอย่างไปจากเขา...
เกิดก่อน ใจเย็น มีความเป็นผู้นำ ฉลาดปราดเปรื่อง บุคลิกดี สมบูรณ์แบบสุดจะบรรยาย
นั่นหมายถึงชวิณ? เปล่าหรอก หมายถึงพศินต่างหาก
เมื่อคิดถึงใบหน้าที่คลับคล้ายคลับคลากับตนชวิณเริ่มหัวร้อน พศินอายุห่างจากเขาสองปี เป็นลูกที่เกิดจากเมียสาขาสองของศรุต พูดง่าย ๆ ก็คือเมียน้อยนั่นแหละ
น่าตลกมั้ยล่ะ เป็นลูกเมียน้อยแท้ ๆ แต่ดันเสือกเกิดก่อนลูกเมียหลวง ลูกอิจฉาก็งี้...
นั่นคือสิ่งที่ชวิณคิดเองเออเอง แต่แท้จริงแล้วลูกอิจฉา No.1 ก็เขานี่แหละ ทุกครั้งที่ด่าพศินด่าไปก็อายปากไป เพราะมันเหมือนเอากระจกมาตั้งไว้ให้เงาสะท้อนเข้าหาตัวเอง
นอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาตีคู่กันมา พศินยังวางตัวดีจนผู้เป็นพ่อยกย่องออกหน้าออกตาไม่ต่างจากลูกเมียหลวง หลายปีที่ผ่านมาชวิณต้องแย่งชิงเพื่อรักษาสิทธิ์ของตนเองอย่างถึงที่สุด แม้ว่าเขาจะเกิดจากครรภ์เมียแต่งแต่ศรุตไม่เคยเอนเอียงไปทางลูกคนไหนเลยสักทาง ถ้าอยากได้อะไรมาเป็นของตนก็ต้องวัดกันที่ความสามารถเท่านั้น
ชวิณไม่ใช่ลูกชายที่ว่านอนสอนง่ายตามแบบฉบับที่ศรุตต้องการ เขาแข็งกระด้างและมีความก้าวร้าวในบางครั้ง ยอมหักไม่ยอมงอให้ใครหน้าไหน บวกหมดไม่สนลูกใคร ไม่เว้นแม้แต่พ่อแท้ ๆ แต่คนที่เขายอมลงให้ก็พอมีอยู่บ้าง นั่นคือขจีพรผู้เป็นแม่ และลิลลี่ผู้หญิงที่รักมานานเป็นสิบ ๆ ปี
ลิลลี่ คือผู้หญิงที่เขารัก...แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่รักเขา
ลิลลี่กับชวิณเรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล พ่อของทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน ลูก ๆ จึงมีความสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก และก็ไม่แคล้วไปสนิทกับพศินด้วยอีกคน เมื่อหลายปีก่อนลิลลี่ชอบติดตามพ่อมาเที่ยวเล่นบ้านชวิณบ่อย ๆ เขาไม่รู้ว่าความรักเริ่มบังเกิดขึ้นเมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว ชวิณตกหลุมรักเพื่อนสมัยเด็ก รักแบบหัวปักหัวปำ รักแบบไม่มองสาวคนไหน รักทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีใจให้
และ...นี่คือจุดเริ่มต้นความบรรลัยของชีวิต
หลังจากกลับมาถึงห้องพักแล้วน้ำค้างก็ได้รับข้อความจากปัทมา เป็นข้อความที่ส่งมาว่าอีกสามวันให้เริ่มงานได้เลย ไม่มีการเก็บไปพิจารณาใด ๆ ทั้งนั้น เพราะตำแหน่งนี้ถูกล็อกมงเอาไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว ถึงจะรู้ผลการสัมภาษณ์ดีแก่ใจแต่เธอก็ไม่วายกระโดดโลดเต้น วาดฝันว่าจะมีเงินเด้งเข้าบัญชีในทุกสิ้นเดือน และจะได้นำเงินนั้นไปผ่อนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่
งามตาป่วยติดเตียงมาสองปีแล้ว จึงจำเป็นต้องจ้างพยาบาลดูแลเพราะน้ำค้างไม่สามารถดูแลเองได้ ในชีวิตนี้เธอเหลือแม่แค่คนเดียว หากต้องออกจากงานเพื่อไปดูแลแม่ก็ไม่มีคนช่วยจุนเจือเรื่องค่าใช้จ่าย นี่คือความจำเป็นของชีวิตที่ไร้ทางเลือก
น้ำค้างไม่เคยวาดฝันสิ่งใดมากไปกว่าการเห็นแม่สุขใจไร้โรคภัย และตัวเธอมีเงินติดบัญชีไว้ซัปพอร์ตความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนนี้ อาจจะไม่ได้มากมายจนเรียกตัวเองว่าคนรวย แต่ก็ขอให้ยามขัดสนไม่ต้องแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วน้ำตาร่วง และไม่ต้องถ่ายรูปคู่กับบัตรประชาชนบ่อย ๆ ก็พอ
สามวันถัดมาน้ำค้างได้เริ่มงานวันแรก เธอตรงเข้าหาปัทมาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหางาน ทันทีที่เข้าไปนั่งหน้าโต๊ะทำงานของปัทมา แฟ้มอันหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า นั่นคือแฟ้มประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ ของบริษัท รวมไปถึงบุคคลสำคัญต่าง ๆ บอร์ดบริหารและตำแหน่งที่เธอควรทำความรู้จักแต่เนิ่น ๆ
ส่วนคนสำคัญที่น้ำค้างจะไม่รู้จักไม่ได้เลยคือ...ชวิณ เลิศดำรงเกียรติ
เพราะเขานี่แหละที่จะเป็นเจ้านายตัวจริงของเธอ เรื่องนี้สร้างความหนักใจให้ปัทมามากมาย หากได้เอ่ยถึงชวิณไม่มีพนักงานคนใดไม่รู้กิตติศัพท์ ห่วงก็แต่น้ำค้างที่ใสซื่อจะรับมือกับชวิณไม่ได้ก็เท่านั้น
"น้ำจะได้เป็นเลขาของคนที่นั่งหลับตอนสัมภาษณ์เหรอคะป้าปัท"
"ใช่จ้ะ นั่นแหละเจ้านายที่แท้จริงของน้ำ ป้าต้องบอกว่าตำแหน่งที่น้ำกำลังทำอยู่เรียกว่างานช้าง ใครเข้ามาทำก็อยู่ได้ไม่นาน ไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปลาออกก็กดดันตัวเองจนเส้นเลือดสมองแตกก่อน"
อ้าว...
"แต่ก็ไม่ต้องห่วงนะ ป้าจะคอยดูห่าง ๆ หากมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาป้าได้ตลอด"
"ขอบคุณค่ะ"
น้ำค้างยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองปัทมาช้า ๆ ด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง ปัทมาทอดมองนาฬิกาข้างฝา พอเห็นว่าอีกสิบนาทีจะเป็นเวลาแปดโมงตรงก็รีบเปลี่ยนท่านั่งด้วยความกระฉับกระเฉง เตรียมบอกข้อมูลคร่าว ๆ ของงานให้น้ำค้างได้ทราบ
บทส่งท้ายหลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงผ่านไป ลิลลี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบเที่ยง เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาผู้ชายที่นอนด้วยกันเมื่อคืน ทว่าหนุ่มรูปหล่อโปรไฟล์ดีกลับหายไป เมื่อคืนนี้ลิลลี่นั่งจิบไวน์ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งกับหนุ่มนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่วัลลภติดต่อมาให้ เธอรู้สึกว่าชื่นชอบเขาคนนั้นและคุยกันถูกคอจึงชวนมาต่อที่โรงแรม สุดท้ายจบลงที่การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง"อาร์บี" ลิลลี่เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเริ่มไม่ชอบมาพากล รีบลุกขึ้นจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบกาย จากนั้นเดินไปเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอีกครั้งที่หน้าห้องน้ำ"อาร์บีคะ อาร์บี อยู่ในนั้นรึเปล่าคะ" ทว่าเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำกลับไร้คน "หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำแล้วเดินกลับมาที่เตียง ปลายระยะสายตาเหลือบไปเห็นลิปสติกและของใช้อื่นๆ ซึ่งควรจะอยู่ในกระเป๋าวางเกลื่อนอยู่ เธอรีบปรี่เข้าไปรวบของทุกอย่างแล้วกวาดสายตามองหากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบละเกือบล้าน ที่น่าตกใจที่สุดแม้แต่กระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมก็หายไปด้วย ในนั้นมีเงินสดอยู่พอสมควรแต่ไม่ได้มากเท่าราคากระเป๋า"มะ ไม่จริง...ไม่จริง!"สิ่งที่ผู้ชายคนน
แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกหญิงสาวให้ตื่น มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว พอนึกขึ้นได้ว่ากุญแจร้านเบเกอรีอยู่ที่ตนเองก็เริ่มลนลาน กลัวว่าลูกน้องจะเข้าร้านไม่ได้แล้วยืนคอยนาน น้ำค้างรีบคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันกายแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอกลับออกมาเห็นชวิณนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์แล้วรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าอย่างจัง เขาหว่านล้อมจนเธอยินยอมให้ค้างคืน อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด และแน่นอนว่าชวิณไม่ได้นอนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน แต่รวบหัวรวบหางจนเธอยอมคล้อยตามอย่างว่าง่าย สุดท้ายก็จบที่การได้เสียกันเหมือนตอนเป็นสามีภรรยาตามเคย"คุณวิณตื่นเดี๋ยวนี้เลย!"เขาลืมตาขึ้นมาแล้วแกล้งทำท่าทีงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ห้านาทีก่อนแล้ว พอลุกขึ้นได้ก็เดินโทง ๆ เข้ามาซุกจมูกคมกับซอกคอขาว"หอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ""รีบหน่อยค่ะ น้ำต้องรีบไปเปิดร้าน ป่านนี้น้อง ๆ คงกำลังยืนรอที่หน้าร้านแล้วแน่เลย""อา...เข้าใจละ"เมื่อรถมาจอดหน้าร้าน มะเฟืองและพนักงานอีกคนก็กำลังยืนรออยู่หน้าร้านจริง ๆ พอเห็นน้ำค้างลงมาจากรถของชวิณต่างมองเป็นตาเดียวกัน พวกเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าของร้านคบหาก
"คุณว่าพ่อกับแม่ผมเค้ารักกันมั้ย"หลังจากขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งชวิณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำค้างเอียงหน้ามองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของชายหนุ่มแล้วยิ้มบาง ๆ"ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะ""ไม่รู้สิ""คุณขจีพร""คุณแม่"ยังไม่ทันได้พูดจบเขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้เธอเรียกแม่ของเขาใหม่ ตอนอยู่ที่บ้านก็ยังเห็นเรียกขจีพรว่าคุณแม่เสียงเจื้อยแจ้ว พออยู่กับเขาสองคนทำไมถึงเรียกคุณขจีพรซะแล้วล่ะ"คุณแม่ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงหย่าร้างกับคุณศรุตได้ก็""ทำไมไม่เรียกพ่อผมว่าคุณพ่อด้วย""ตอนที่ยังไม่หย่าก็เรียกคุณพ่อนะคะ ตอนนี้หย่าแล้วไม่ว่าน้ำจะเรียกคุณขจีพร คุณศรุต หรือคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ผิด""ย้ำจังว่าหย่าแล้ว" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว"เอาแต่ขัดแบบนี้ตกลงที่ถามนี่จริงจังมั้ยคะ""จริงจังสิครับ คุณคิดว่าไงล่ะ""น้ำคิดว่าถึงคุณแม่เดินไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอก ต่อให้เลิกกับคุณพ่อไปก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง ถ้าได้กลับไปใช้นามสกุลเดิมก็ถือว่ายังเป็นผู้ดีเก่าอยู่ แต่ที่คุณแม่ไม่ไปไหน ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคุณพ่อ เค้าสองคนน่าจะมีเยื่อใยแก่กันอยู่ บางคู่อยู่กันไปแบบทั้งรักทั้งแค้น แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จ
ทั้งสองอยู่คุยกับขจีพรราวชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็ขอตัวกลับ พอเข้ามาในรถแล้วน้ำค้างก็รีบถอดสร้อยใส่กล่องไว้คืน ชวิณมองสีหน้าเป็นกังวลของเธอแล้วอมยิ้ม"ไม่ใช่ถูก ๆ นะ น่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน ขอบอกว่าเส้นนั้นแม่ผมรักมาก ไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ""งั้นวันหลังคุณวิณเอาไปคืนคุณแม่เลยนะคะ"หญิงสาวอ้าปากค้าง มือที่ถือกล่องกำมะหยี่สั่นเทาเพราะกลัวว่าจะเผลอทำหาย ถ้าซุ่มซ่ามทำหายไปล่ะแย่เลย เธอจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนตั้งสามสิบล้าน"เรื่องอะไรล่ะ ได้ของแม่มาแล้วก็ต้องรับผิดชอบลูกชายเค้าสิ"น้ำค้างหน้างอ รีบเก็บกล่องกำมะหยี่ใส่กระเป๋าแล้วกอดเอาไว้แน่น อยู่ดีไม่ว่าดีหาเหาใส่หัวเอาของล้ำค่าแบบนี้มาดูแล ต่อไปเธอต้องเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำแน่ ๆ เพราะคิดว่าเก็บไว้ที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยพอ ไม่เอาแล้วได้มั้ยสร้อยประจำตระกูลผู้ดีเนี่ยขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านบ้านใหญ่ น้ำค้างเหลือบเห็นศรุตนั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ใต้เงาร่มไม้ในสวน เธอจึงสะกิดแขนชวิณให้หยุดรถก่อน เขามองตามปลายนิ้วเรียวที่กำลังชี้ไปที่ชายสูงวัยแล้วเลิกคิ้วสูง"มีอะไรครับ""คุณศรุตนั่งอยู่ตรงนั้นค่ะ เราเข้าไปทักทายท่านกันเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว"เขาทำหน
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น วันนี้เป็นวันหยุด ชวิณบอกว่าจะมารับน้ำค้างที่คอนโดแล้วพาไปพบใครบางคน น้ำค้างลงมารอไม่ถึงสามนาทีรถของเขามาก็มาถึง พอเข้ามานั่งในรถแล้วชวิณเอี้ยวตัวมาหอมแก้มเธอเบา ๆ น้ำค้างไม่ค่อยชินกับคุณวิณในโหมดอ่อนโยนจึงรีบโยกตัวหลบ"ทำอะไรคะ""แค่ดมดูเฉยว่าใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร""ใครเขาฉีดน้ำหอมที่หน้า""เหรอ ไม่ได้ฉีดจริงด้วย"เขาเอี้ยวตัวฉวยโอกาสหอมแก้มเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้น้ำค้างเสียท่าหลบไม่ทัน"แล้วหอมกลิ่นอะไรนะ""แป้งเด็กค่ะ""แป้งเด็กจริง ๆ ด้วย ผมชอบกลิ่นนี้จัง"เขายิ้มจนตาหยีแล้วออกรถสู่ถนนกว้าง ใช้เวลาราวสี่สิบนาทีก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ น้ำค้างเคยมาที่นี่หนึ่งครั้งตอนที่ถูกศรุตเรียกพบ แต่ชวิณไม่ได้พาไปที่บ้านหลังที่ศรุตอาศัยอยู่ เขาขับรถเลยไปอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในที่ดินแปลงเดียวกัน เป็นบ้านขนาดกลางมีสวนกุหลาบโอบล้อม เมื่อจอดรถแล้วชายหนุ่มก็จูงมือเธอให้เดินเข้าไปด้านในผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นในมือถักโครเชต์เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้าง ขจีพรยังมีใบหน้าสวยงามแม้ว่าจะมีร่องรอยของกาลเวลาให้เห็นบ้าง หากเธอไม่ใช่คนพ
ในคืนหนึ่ง ขณะที่น้ำค้างปิดร้านกำลังจะกลับบ้าน แสงไฟจากรถยนต์สาดเข้ามาทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง ชวิณเปิดประตูลงจากรถเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ"ไปส่งมั้ย""เรียกรถแล้วค่ะ"น้ำค้างหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันดูเวลาที่รถจะเข้ามารับ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะถูกกดยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว ชวิณที่หลุบมองมือถือเห็นแล้วยกยิ้มมุมปาก"มาเถอะ ไม่คิดค่าโดยสาร"เขาเดินนำหน้าไปเปิดประตูรถข้างคนขับเพื่อให้น้ำค้างเข้าไปนั่ง พอเธอนั่งลงแล้วชวิณก็จัดการรัดเข็มขัดให้ ใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ น้ำค้างเอนหลังจนชิดพนักเบาะ ได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้โชยเข้าจมูกบาง ๆ"น้ำทำเองค่ะ"มือเรียวผลักอกเขาออกเบา ๆ แล้วคว้าเข็มขัดมารัดเอง พอมาถึงหน้าคอนโดชวิณจอดให้เธอลง ส่วนเขาเดินตามหลังไปส่งจนเกือบจะถึงประตูเข้าทางเข้า เธอได้หันกลับมาเพื่อกล่าวขอบคุณเขา"ขอบคุณที่มาส่งค่ะ"ชวิณยิ้มบาง ๆ แล้วดึงเธอเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว น้ำค้างเห็นว่ามีสายตาหลายคู่มองมาก็รู้สึกอายจึงพยายามผลักไสเขาออก แต่เขายิ่งกอดแน่นมากขึ้นไปอีก"คุณวิณ!""ขออยู่อย่างนี้แค่นาทีเดียว ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะไม่มาให้เจออีกแล้ว""มะ หมายความว่า...""ไม่ใช่ว่