เข้าสู่ระบบเขาทำเพื่อความสะใจ ส่วนเธอทำเพราะต้องการเงิน ชวิณจ้างน้ำค้างเป็นเมียปลอม ๆ ด้วยเงินห้าล้านบาท เธอไม่สนถึงใครจะมองว่าเป็นเลขาที่ปีนขึ้นเตียงเจ้านาย ภายใต้พันธสัญญาถ้าครบกำหนดหนึ่งปีจะต้องหย่าขาดจากกัน ทั้งเขาและเธอต่างไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก ทว่าเมื่อถึงกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีที่ต้องเซ็นใบหย่า กลับมีหนึ่งคนเผลอรักหมดใจจนไม่อยากหย่า ทุกอย่างมันจึงคาราคาซังไปกันใหญ่ ********* "คุณจะเลือกน้ำมั้ยคะ" "คุณเป็นใครแล้วผมเป็นใคร...อย่าฝันอะไรเกินตัว" ช่างเป็นคำตอบที่ทำร้ายใจอย่างรุนแรง ดับฝันชนิดมองไม่เห็นทางไปต่อ ใช้คำพูดเลือดเย็นให้กลายเป็นมีดบาดใจคนได้ดีจริง ๆ "ค่ะ เข้าใจแล้ว ช่างสรรหาคำพูดมาทำร้ายจิตใจได้ดีจริง ๆ ต้องใช้คำพูดแบบนี้เท่านั้นค่อยสมกับเป็นคุณวิณ วันนี้คุณไม่เลือกน้ำก็ไม่เป็นไร...น้ำจะจำเอาไว้"
ดูเพิ่มเติมตอนที่ 1
1/3
"ทั้งทะเบียนสมรสหรือใบหย่า สำหรับเขามันมีค่าเพียงแค่กระดาษ
ก่อนนั้นฉันเคยคิดอย่างใสซื่อว่าความรักจะสามารถเอาชนะทุกสิ่ง
แต่พอถึงวันที่ฉันต้องเจ็บปวดเพราะความรัก
ฉันถึงได้รู้ว่า...รักแท้ ยังไงก็แพ้ไม่รัก"
******
"คนต่อไป คุณน้ำค้าง เสมอเหมือน เชิญข้างในค่ะ"
สาวหน้าตาดีคนหนึ่งเปิดประตูเดินออกมาพร้อมกับพูดขึ้น น้ำค้างเงยหน้าแล้วลุกยืนปัดกระโปรงทรงเอตัวหลวมโพรก จากนั้นขยับขาแว่นให้กระชับสันจมูกเรียว ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก วันนี้เธอถูกนัดให้มาสัมภาษณ์งานที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า ซีวีรอยัล ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยแบบชั่วคราวหรือถาวร หลัก ๆ เลยเป็นคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรร รวมไปถึงโรงแรมในเครือซีวีอีกหลายแห่ง
ต้องยอมรับว่าที่ถูกเรียกให้มาสัมภาษณ์งานวันนี้เพราะมีเส้นสาย น้ำค้างไม่ปฏิเสธเรื่องการใช้ทางลัด จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเธอตกงานมาแล้วสามเดือนเต็ม ๆ เงินสะสมในบัญชีค่อย ๆ ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ สามปีที่ผ่านมาน้ำค้างแบกรับค่าใช้จ่ายโดยลำพังจนหลังแทบหัก มีทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่ารักษาพยาบาลของแม่ที่จ่อรออยู่เหมือนไฟลนก้น
ไม่รู้เป็นความโชคดีหรืออะไรก็ไม่ทราบ เมื่อวานนี้น้ำค้างตัดสินใจโทรหาปัทมาเพื่อนของแม่ และได้ทราบข่าวว่าบริษัทแห่งนี้กำลังเปิดรับสมัครพนักงานหนึ่งตำแหน่ง ว่าก็ว่าเถอะ ต่อให้ตำแหน่งที่ว่างนี้จะเป็นแม่บ้านน้ำค้างก็คงไม่เกี่ยง ขอแค่มีเงินเข้ามาหมุนเวียนใช้จับจ่ายในชีวิตประจำวันก็พอ
เธอรู้ตัวว่าเป็นคนไม่ได้โดดเด่นอะไร ออกจะเชยสะบัดเสียด้วยซ้ำ ดูจากการแต่งตัววันนี้ก็ใส่เสื้อผ้าเรียบ ๆ เป็นชุดเชย ๆ ที่เทียวใส่เทียวซักมาแล้วสามปีถ้วน เสื้อชีฟองลายจุดกับกระโปรงทรงเอสีดำยาวครึ่งแข้ง...ไม่ใช่ชุดไปวัด นั่นคือชุดโปรดที่น้ำค้างหยิบมาใส่บ่อยจนสีเริ่มซีด
ส่วนเรื่องเครื่องหน้านะเหรอ บอกได้เลยว่าเบ้าบ้าน ๆ เธอไม่ได้สวยเด่นจนหนุ่มเหลียวหลังยกเว้นตอนลืมรูดซิบ เอาตรง ๆ ไม่มีหมาแมวที่ไหนเมียงมองเลยก็ว่าได้ เธอเป็นสาวทรงป้า เป็นกุลสตรีที่อนุรักษ์ความล้าสมัย ใบหน้าไม่เคยพบปะกับแป้งตลับหรือลิปสติก แต่ก็ยังดีที่พอจะรู้จักหวี ทรงผมประจำที่ชอบทำคือมัดรวบต่ำ มีเอสเซสเซอรีเป็นแว่นสายตาเลนส์หนาเตอะ
หลังจากที่เดินตามสาวสวยคนเมื่อครู่เข้าไปในห้อง เห็นปัทมานั่งอยู่ที่โต๊ะสัมภาษณ์งาน ข้างกันนั้นเป็นชายหนุ่มสวมเนคไทเบี้ยว ๆ นั่งก้มกุมขมับอยู่ เธอเห็นหน้าเขาได้ไม่ชัดเจนเท่าใดนัก เพราะเขาเอาแต่ก้มหน้า ไม่มีสักวินาทีที่จะเงยขึ้นมามองผู้คน
พอนั่งลงที่เก้าอี้แล้วน้ำค้างก็ต้องย่นจมูกเล็กน้อย ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ตีลึ่มเหมือนใครตักอาบมาจนฉุนกึก หากเดาไม่ผิดต้นตอที่กระจายกลิ่นก็น่าจะมาจากชายหนุ่มตรงหน้า
"สวัสดีค่ะ"
หญิงสาวยกมือสวัสดีทักทายคนทั้งสอง ทว่าเมื่อยกมือไหว้ชายคนนั้นเขากลับยังอยู่ท่าเดิมไม่ไหว้ตอบ ปัทมาเห็นท่าทีเสียความมั่นใจจึงกระแอมเบา ๆ เพื่อให้น้ำค้างหันกลับมาทางนี้แทน ก่อนจะใช้มือป้องปากกระซิบกระซาบ
"ไม่ต้องไปสนใจ สัมภาษณ์พอเป็นพิธีก็พอ"
น้ำค้างพยักหน้าหงึก ๆ ยื่นแฟ้มประวัติส่วนตัวส่งให้ปัทมา พอรับมาแล้วสาวรุ่นใหญ่ก็เปิดออกดูพอเป็นพิธีเหมือนดังว่า
"แนะนำตัวด้วยค่ะ"
"ดิฉันชื่อน้ำค้าง เสมอเหมือน อายุยี่สิบห้าปี สูงหนึ่งร้อยหกสิบ น้ำหนักสี่สิบสาม สถานภาพโสด เป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง มีประสบการณ์ทำงานมาแล้วสามปีค่ะ สัตว์ที่ชอบคือแมวแต่ที่อยากเลี้ยงมาก ๆ คือฮิปโป เวลาเครียดจะชอบลุกขึ้นมารำไทเก๊ก งานอดิเรกชอบนอนไม่ชอบทำอะไรเลยค่ะ"
พูดจบน้ำค้างก็ยิ้มแป้น แววตาของเธอระยิบระยับราวกับว่าได้บอกเล่าสิ่งประทับใจที่สุดในชีวิต
บทส่งท้ายหลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงผ่านไป ลิลลี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบเที่ยง เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาผู้ชายที่นอนด้วยกันเมื่อคืน ทว่าหนุ่มรูปหล่อโปรไฟล์ดีกลับหายไป เมื่อคืนนี้ลิลลี่นั่งจิบไวน์ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งกับหนุ่มนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่วัลลภติดต่อมาให้ เธอรู้สึกว่าชื่นชอบเขาคนนั้นและคุยกันถูกคอจึงชวนมาต่อที่โรงแรม สุดท้ายจบลงที่การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง"อาร์บี" ลิลลี่เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเริ่มไม่ชอบมาพากล รีบลุกขึ้นจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบกาย จากนั้นเดินไปเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอีกครั้งที่หน้าห้องน้ำ"อาร์บีคะ อาร์บี อยู่ในนั้นรึเปล่าคะ" ทว่าเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำกลับไร้คน "หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำแล้วเดินกลับมาที่เตียง ปลายระยะสายตาเหลือบไปเห็นลิปสติกและของใช้อื่นๆ ซึ่งควรจะอยู่ในกระเป๋าวางเกลื่อนอยู่ เธอรีบปรี่เข้าไปรวบของทุกอย่างแล้วกวาดสายตามองหากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบละเกือบล้าน ที่น่าตกใจที่สุดแม้แต่กระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมก็หายไปด้วย ในนั้นมีเงินสดอยู่พอสมควรแต่ไม่ได้มากเท่าราคากระเป๋า"มะ ไม่จริง...ไม่จริง!"สิ่งที่ผู้ชายคนน
แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกหญิงสาวให้ตื่น มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว พอนึกขึ้นได้ว่ากุญแจร้านเบเกอรีอยู่ที่ตนเองก็เริ่มลนลาน กลัวว่าลูกน้องจะเข้าร้านไม่ได้แล้วยืนคอยนาน น้ำค้างรีบคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันกายแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอกลับออกมาเห็นชวิณนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์แล้วรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าอย่างจัง เขาหว่านล้อมจนเธอยินยอมให้ค้างคืน อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด และแน่นอนว่าชวิณไม่ได้นอนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน แต่รวบหัวรวบหางจนเธอยอมคล้อยตามอย่างว่าง่าย สุดท้ายก็จบที่การได้เสียกันเหมือนตอนเป็นสามีภรรยาตามเคย"คุณวิณตื่นเดี๋ยวนี้เลย!"เขาลืมตาขึ้นมาแล้วแกล้งทำท่าทีงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ห้านาทีก่อนแล้ว พอลุกขึ้นได้ก็เดินโทง ๆ เข้ามาซุกจมูกคมกับซอกคอขาว"หอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ""รีบหน่อยค่ะ น้ำต้องรีบไปเปิดร้าน ป่านนี้น้อง ๆ คงกำลังยืนรอที่หน้าร้านแล้วแน่เลย""อา...เข้าใจละ"เมื่อรถมาจอดหน้าร้าน มะเฟืองและพนักงานอีกคนก็กำลังยืนรออยู่หน้าร้านจริง ๆ พอเห็นน้ำค้างลงมาจากรถของชวิณต่างมองเป็นตาเดียวกัน พวกเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าของร้านคบหาก
"คุณว่าพ่อกับแม่ผมเค้ารักกันมั้ย"หลังจากขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งชวิณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำค้างเอียงหน้ามองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของชายหนุ่มแล้วยิ้มบาง ๆ"ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะ""ไม่รู้สิ""คุณขจีพร""คุณแม่"ยังไม่ทันได้พูดจบเขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้เธอเรียกแม่ของเขาใหม่ ตอนอยู่ที่บ้านก็ยังเห็นเรียกขจีพรว่าคุณแม่เสียงเจื้อยแจ้ว พออยู่กับเขาสองคนทำไมถึงเรียกคุณขจีพรซะแล้วล่ะ"คุณแม่ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงหย่าร้างกับคุณศรุตได้ก็""ทำไมไม่เรียกพ่อผมว่าคุณพ่อด้วย""ตอนที่ยังไม่หย่าก็เรียกคุณพ่อนะคะ ตอนนี้หย่าแล้วไม่ว่าน้ำจะเรียกคุณขจีพร คุณศรุต หรือคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ผิด""ย้ำจังว่าหย่าแล้ว" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว"เอาแต่ขัดแบบนี้ตกลงที่ถามนี่จริงจังมั้ยคะ""จริงจังสิครับ คุณคิดว่าไงล่ะ""น้ำคิดว่าถึงคุณแม่เดินไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอก ต่อให้เลิกกับคุณพ่อไปก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง ถ้าได้กลับไปใช้นามสกุลเดิมก็ถือว่ายังเป็นผู้ดีเก่าอยู่ แต่ที่คุณแม่ไม่ไปไหน ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคุณพ่อ เค้าสองคนน่าจะมีเยื่อใยแก่กันอยู่ บางคู่อยู่กันไปแบบทั้งรักทั้งแค้น แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จ
ทั้งสองอยู่คุยกับขจีพรราวชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็ขอตัวกลับ พอเข้ามาในรถแล้วน้ำค้างก็รีบถอดสร้อยใส่กล่องไว้คืน ชวิณมองสีหน้าเป็นกังวลของเธอแล้วอมยิ้ม"ไม่ใช่ถูก ๆ นะ น่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน ขอบอกว่าเส้นนั้นแม่ผมรักมาก ไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ""งั้นวันหลังคุณวิณเอาไปคืนคุณแม่เลยนะคะ"หญิงสาวอ้าปากค้าง มือที่ถือกล่องกำมะหยี่สั่นเทาเพราะกลัวว่าจะเผลอทำหาย ถ้าซุ่มซ่ามทำหายไปล่ะแย่เลย เธอจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนตั้งสามสิบล้าน"เรื่องอะไรล่ะ ได้ของแม่มาแล้วก็ต้องรับผิดชอบลูกชายเค้าสิ"น้ำค้างหน้างอ รีบเก็บกล่องกำมะหยี่ใส่กระเป๋าแล้วกอดเอาไว้แน่น อยู่ดีไม่ว่าดีหาเหาใส่หัวเอาของล้ำค่าแบบนี้มาดูแล ต่อไปเธอต้องเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำแน่ ๆ เพราะคิดว่าเก็บไว้ที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยพอ ไม่เอาแล้วได้มั้ยสร้อยประจำตระกูลผู้ดีเนี่ยขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านบ้านใหญ่ น้ำค้างเหลือบเห็นศรุตนั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ใต้เงาร่มไม้ในสวน เธอจึงสะกิดแขนชวิณให้หยุดรถก่อน เขามองตามปลายนิ้วเรียวที่กำลังชี้ไปที่ชายสูงวัยแล้วเลิกคิ้วสูง"มีอะไรครับ""คุณศรุตนั่งอยู่ตรงนั้นค่ะ เราเข้าไปทักทายท่านกันเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว"เขาทำหน