“ไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าคุณอลิษาอยากทำหมอก็จะทำให้”
อลิษายิ้มเต็มใบหน้า หลังจากค้นหาข้อมูลมาหลายที่ในที่สุดก็มีคุณหมอยอมทำลูกให้เธอเสียที แต่อะไร ๆ มันดันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ เพราะตอนนี้อลิษาไม่มีสิ่งที่สำคัญที่สุด..
สเปิร์มของพ่อพันธุ์เกรดพรีเมี่ยม
“คนนี้สูบบุหรี่ ตัดทิ้ง”
“คนนี้สูงแค่ร้อยหกสิบเก้าเอง ไม่เอา”
“คนนี้ใช้ได้ แต่บุคลิกไม่ดีเลย”
“โห คนนี้ชอบเที่ยวกลางคืน ลาเถอะค่ะ..” โพรไฟล์ของผู้ชายคนสุดท้ายถูกปิดลง “ทำไมมันยากขนาดนี้นะ”
การจะหาพ่อพันธุ์ดี ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อลิษาไม่ต้องการสเปิร์มจากธนาคารสเปิร์ม นั่นเพราะธนาคารจะไม่เปิดเผยหน้าตาตอนโตของผู้บริจาค รู้แค่ประวัติคร่าว ๆ กับรูปตอนเด็กซึ่งมันไม่พอ เธอต้องการพูดคุยกับพ่อของลูกเพื่อดูนิสัยใจคอด้วย ไหนจะเรื่องของกฎหมายต่าง ๆ ที่บังคับให้เธอต้องมีทะเบียนสมรสอีก
เธอไม่ได้อยากมีสามี ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้วิธีลัดแบบนี้ จะให้จ้างผู้ชายมาจดทะเบียนสมรสด้วยก็ไม่ใช่ว่าจะทำกับใครก็ได้ เพราะเธอมีธุรกิจ มีทรัพย์สิน จะมั่นใจได้ยังไงว่าผู้ชายที่จ้างมาจะไม่โกง หรือเล่นตุกติกเพื่อแบล็กเมล์เธอทีหลัง
สุดท้ายก็เลยตัดสินใจซื้อสเปิร์มจากเว็บไซต์สีเทา ที่มีการซื้อขายสเปิร์มกันอย่างลับ ๆ แทน ราคาแพงแต่ได้ของดีและสดใหม่แน่นอน รวมถึงได้รู้ประวัติของผู้ขายละเอียดยิบตั้งแต่เด็กจนโต
แต่มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย เพราะพอได้อ่านประวัติทั้งหมดของแต่ละคนแล้วอลิษาก็เจอข้อเสียที่ไม่ปลื้มจนต้องปัดตกไป สิบคนที่เลือกมาไม่เข้ารอบแม้แต่คนเดียว
“เฮ้ออ”
ผู้บริหารสาวสวยยกมือขึ้นนวดขมับ ปวดหัวตุ้บ ๆ ไปหมด เครียดยิ่งกว่าประชุมงานไม่รู้กี่เท่า
การจะมีลูกหนึ่งคนสำหรับอลิษามันไม่ใช่แค่มีส่ง ๆ ไป เธอต้องการให้เด็กคนนี้เกิดมาอย่างสมบูรณ์แบบ ร่างกายครบสามสิบสอง มีสมองที่ชาญฉลาด และสุขภาพแข็งแรง
ดังนั้นนอกจากร่างกายเธอต้องพร้อมแล้ว เจ้าของสเปิร์มเองก็ต้องพร้อมมากเหมือนกัน ประเภทที่สูบบุหรี่หรือกินเหล้าอลิษาไม่ต้องการ ถ้าจะต้องเสียเงินตั้งมากมายเธอก็ต้องได้สเปิร์มที่ดีที่สุด
แต่เพราะมันหาได้ไม่ง่ายนี่แหละ อลิษาถึงได้เครียดขนาดนี้ สองเดือนแล้วที่เธอจมจ่อกับการหาพ่อพันธุ์มาทำลูก แต่ก็คว้าน้ำเหลวซ้ำ ๆ ผิดหวังแล้วก็เริ่มต้นใหม่วนไปวนมา
“พี่ลิษา ช่วงนี้ดูอ่อนเพลียนะคะ”
ผู้ช่วยอย่างมะปรางทนเห็นอลิษาในสภาพย่ำแย่ไม่ไหว พี่สาวในคราบเจ้านายคนนี้รักสวยรักงามยิ่งกว่าอะไร ขนาดตอนงานหนักยังไม่โทรมขนาดนี้ นี่ถึงขนาดปล่อยให้ใต้ตาคล้ำนิด ๆ แบบนี้คงเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ
“เหรอ”
“ตาคล้ำแล้วนะคะ”
“อืม..”
พูดขนาดนี้อลิษายังไม่มีท่าทีตกใจ อาการหนักจนมะปรางปล่อยผ่านไปไม่ได้
“มีอะไรระบายให้มะปรางฟังได้นะคะ”
“เรื่องทำลูกน่ะสิ” มือเรียวเสยผมดัดลอนของตัวเองขึ้นด้วยท่าทางเคร่งเครียด “พี่หาพ่อของลูกไม่ได้”
“ไม่ใช่ว่าพี่ลิษาจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหรอคะ”
“ใช่ แต่พี่ท้องเองไม่ได้ไงมะปราง พี่ต้องหาสเปิร์มมาผสมกับไข่ของพี่แล้วฉีดเข้ามาในมดลูก หลังจากนั้นถึงจะมีเจ้าตัวน้อยน่ารัก ๆ ออกมา”
“อ่า.. ค่ะ”
มะปรางได้แต่หัวเราะแห้ง อลิษาพูดตรงเกินไป ตรงจนผู้ช่วยอย่างเธออายแทน
“แล้วพี่ลิษามีสเปกในใจแบบไหนคะ”
“พี่ไม่ขออะไรมากหรอก แค่หน้าตาใช้ได้ สูง ต้องสูงนะเพราะพี่อยากให้ลูกสูง จมูกโด่งด้วยเผื่อได้ลูกชายจะได้หล่อ ๆ ไม่สูบบุหรี่ไม่กินเหล้าในช่วงห้าปีนี้ ไม่เที่ยวกลางคืนบ่อย ไม่นอนกับคนอื่นไปทั่ว ที่สำคัญต้องฉลาด พี่อยากได้คนที่จบขั้นต่ำปริญญาโทเหมือนพี่ แค่นี้เอง ทำไมมันหายากจัง”
มะปรางหัวเราะแห้งกว่าเดิม คุณสมบัติพ่อของลูกพี่ลิษาเหมือนเจ้าชายในละครที่ไม่มีอยู่จริง แต่พอมองกลับมาที่อลิษามะปรางก็พยักหน้ารับ ที่จริง.. อาจจะมีคนเพอร์เฟกต์ขนาดนั้นอยู่บนโลกนี้ก็ได้
เพราะตัวอลิษาเองก็มีคุณสมบัติตรงตามที่อยากได้เป๊ะ ๆ ทั้งหน้าตาดี หุ่นดี เก่ง ฉลาด ไม่ดื่มไม่สูบ เที่ยวกลางคืนบ้างแต่ส่วนมากแค่ตามไปเฝ้าและรอเก็บซากน้อง ๆ ที่เมาแอ๋เท่านั้น
เพราะความเพอร์เฟกต์ที่มีทำให้อลิษาโสดมาทั้งชีวิต คนที่รู้จักแค่ผิวเผินจะรู้สึกว่าอลิษาสูงส่งเอื้อมไม่ถึง อยู่ใกล้ก็ทำให้ผู้ชายธรรมดาดูต่ำต้อยด้อยค่า แต่คนสนิทอย่างมะปรางน่ะรู้ดีว่าภายใต้ความสวยสง่านั้น อลิษาก็แค่ผู้หญิงโก๊ะ ๆ คนหนึ่ง ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ทำได้ทุกอย่างเหมือนที่คนภายนอกมองเข้ามา
“หรือพี่จะไม่มีบุญได้มีลูกเป็นของตัวเองนะมะปราง”
“พี่ลิษาอย่าเพิ่งท้อเลยค่ะ ลองปรึกษาคุณหมออีกครั้งไหมคะ เผื่อว่าคุณหมอจะมีคอนเนคชั่นดี ๆ คุณหมออินทัชน่ะดังและมีคนรู้จักเยอะมาก เขาน่าจะมีผู้ชายดี ๆ สักคนแนะนำให้พี่ลิษาได้”
“มะปรางก็รู้จักหมออินทัชด้วยเหรอ”
“เอ๊ะ? มีคนไม่รู้จักหมออินทัชด้วยเหรอคะ?” พอเห็นรอยยิ้มแห้ง ๆ ของอลิษามะปรางก็หุบปากฉับ “คือ.. หมออินทัชเขาค่อนข้างดังน่ะค่ะ”
อลิษาเท้าคางตั้งใจฟังตาแป๋ว ไม่เหลือมาดนางพญา มีเพียงอลิษาผู้หญิงธรรมดาแสนน่ารัก เป็นอีกมุมของอลิษาที่มีแค่คนสนิทเท่านั้นที่จะได้เห็น
“เขาเป็นอัจฉริยะของประเทศเลยค่ะ เรียนจบหมอตั้งแต่อายุยี่สิบเห็นว่าสอบหมอได้ตั้งแต่อายุสิบสี่ พอเรียบจบก็เรียนต่อเฉพาะทาง พร้อมกับเรียนปริญญาตรีบริหารอีกใบ หลังจากนั้นก็เรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอกที่อังกฤษ พอกลับมาที่ไทยก็เปิดสถาบันเกี่ยวกับเพศและครอบครัว อายุแค่สามสิบห้าแต่ประสบความสำเร็จกว่าคนที่อายุมากกว่าบางคนอีกค่ะ”
“เดี๋ยวนะ เขาอายุสามสิบห้าแล้วเหรอ”
“ค่ะ หมออินทัชอายุสามสิบห้าแล้วค่ะ แต่หน้าเด็กมากกก”
อลิษาพยักหน้ารับ เพราะตอนนั้นเธอเองก็เข้าใจว่าเขาอายุไม่เกินสามสิบปีเหมือนกัน ดีที่ไม่เผลอเรียกน้องหมอไป ไม่อย่างนั้นคงถูกด่าในใจไปแล้ว
“มันมีคนที่เก่งขนาดนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอ”
“เยอะแยะไปค่ะ อย่างคุณพ่อคุณแม่ของหมออินทัชนี่ก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน พอแต่งงานมีลูกก็เลยได้คนเก่ง ๆ แบบหมออินทัชมา เรื่องความฉลาดมันส่งต่อผ่านพันธุกรรมจริง ๆ แหละค่ะ”
“พ่อแม่หมออินทัชหน้าตาดีไหมมะปราง”
“ดีสุด ๆ เลยค่ะ คุณหมอเอาส่วนดีของพ่อกับแม่คนละหน่อยยังหล่อจนสาว ๆ เพ้อ พี่ลิษาไปเจอตัวจริงแล้วคิดว่ายังไงคะ หล่อไหม”
อลิษานึกถึงผู้ชายที่เจอเมื่อสองเดือนก่อน ชีวิตของอลิษาเจอคนหน้าตาดี ๆ มาเยอะ ตั้งแต่ระดับพระเอก นายแบบ ทั้งไทยทั้งต่างประเทศ แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่เพอร์เฟกต์ได้ขนาดนั้นมาก่อน
“อืม หล่อ”
“ใช่ไหมล่ะคะ!” มะปรางปรบมือถูกใจ “นี่ขนาดมะปรางเคยเห็นแค่ไกล ๆ นะคะ พูดแล้วก็อิจฉาพี่ลิษาที่ได้เจอแบบสองต่อสอง”
“เป็นแฟนคลับเขาหรือไงเรา”
มะปรางยิ้มเขิน แก้มสองข้างแดงขึ้นน้อย ๆ แล้วพยักหน้ารับ
“เป็นแฟนคลับมาหลายปีแล้วค่ะ"
"แล้วเขาแต่งงานหรือยัง”
“คะ?”
“หมออินทัชน่ะ แต่งงานหรือยัง หรือเขามีแฟนไหม ตอนนี้น่ะ”
“เท่าที่รู้.. ไม่มีนะคะ”
ปัง!
อลิษาตบโต๊ะเสียงดังจนมะปรางสะดุ้งตกใจ เธอลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มหวานออกมา ผู้ช่วยตัวน้อยรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว อลิษายิ้มแบบนี้ทีไรต้องมีเรื่องทุกที อย่างครั้งล่าสุดก็ที่บอกทุกคนว่าจะมีลูกนั่นไง
“ขอบใจนะมะปรางน้องรัก”
อลิษาเดินเข้าไปกอดผู้ช่วยคนเก่ง ถ้าไม่เกรงใจคงจับหอมแก้มไปแล้ว
“มะปรางคือผู้ช่วยที่ดีที่สุดในโลก ไม่ว่าปัญหามันจะยุ่งเหยิงแค่ไหนก็แก้ได้ทุกครั้ง พี่โชคดีที่สุดเลยที่มีมะปราง”
มะปรางงุนงงที่จู่ ๆ ก็ถูกชื่นชมยาวเหยียด แต่ยังไม่ทันได้ถามอลิษาก็เฉลยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่ตัดสินใจแล้ว คนนี้นี่แหละคือพ่อของลูกพี่!”
“คะ? ใครคะ?”
“หมออินทัชไงจ๊ะ” อลิษาตบไหล่ผู้ช่วยเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มกว้าง “พี่จะขอซื้อสเปิร์มหมออินทัชมาทำลูก ถ้าสำเร็จปีนี้พี่จะให้โบนัสมะปรางเพิ่ม”
“พี่ลิษา คิดดีแล้วเหรอคะ”
“แน่นอนจ้ะ ไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกที่เหมาะจะเป็นพ่อของลูกพี่เท่าหมออินทัชอีกแล้ว.. เอ๊ะ? หรือว่ามะปรางหึง ขอโทษนะ พี่ลืมคิดไปเลย มะปรางชอบเขามากนี่นา”
“ไม่ใช่เลยค่ะ มะปรางชอบเขาเหมือนชอบดาราเฉย ๆ ค่ะ”
มะปรางรีบตอบเสียงซื่อ อลิษาเห็นแบบนั้นก็อมยิ้มเอ็นดู
“โถ..เด็กน้อย ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้ได้เป็นแค่แฟนคลับหมออินทัช แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พี่ท้องจากเสปิร์มของเขา มะปรางจะได้เป็นคุณน้าของอินทัชจูเนียร์เลยน้าา”
“ค่ะ..”
มะปรางได้แต่ปลงตก ดูเหมือนว่าอลิษาจะมั่นใจมากว่าจะทำได้สำเร็จ แต่ทำไมในความรู้สึกของมะปรางมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น
.
.
.
.
.
TBC
เธอมองไม่เห็นเหตุผลที่คนอย่างหมออินทัชจะหมดสิ้นหนทาง จนต้องขายสเปิร์มตัวเองเลย..
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก