และเมื่อได้ยินคำพูดจากริมฝีปากปากของราเชนทร์ซึ่งทำให้ขนกายเธอลุกซู่นั้นเจ้าผักก็รีบกระโดดออกจากตักของเขาแล้วลงไปนั่งบนเบาะอย่างทันที ทำไมการที่จะเอาชนะเขานี่มันช่างยากเย็นขนาดนี้นะ เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนนึงไม่รู้ว่าทำไมจะต้องไปกลัวเขาด้วย นั่นสิทำไมจะต้องกลัวเขาด้วยล่ะ!?
ก็มันกลัวไง สายตากับคำพูดที่เรียบเย็นนั่นชวนวาบหวิวยังไงก็ไม่รู้! “เข้าไปในงานก็ทำตัวให้สมกับเป็นคู่หมั้นของฉันด้วย” “ทำไมหนูต้องไปเป็นคู่หมั้นพ่อด้วย” “พ่อเลี้ยง…” “ทำไมหนูต้องไปเป็นคู่หมั้นพ่อเลี้ยงด้วยล่ะ ไม่เห็นอยากจะเป็นสักนิด” “ไม่อยากเป็นงั้นเหรอ ฮึ! เสียใจด้วยได้เป็นแล้ว” ประโยคหลังเขาพูดมันเบาๆ ก่อนจะเดินลงจากรถเมื่อมาถึงโรงแรมของคุณหทัยรัตน์ที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกสาวคนสวยที่เพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศ ส่วนคนตัวเล็กที่มองเข้าไปในงานแล้วเห็นว่ามีผู้คนเยอะแยะเธอจึงนั่งกอดอกอยู่แบบนั้น “คุณผักดื้ออีกแล้วนะครับ” โจอี้ที่ยืนเปิดประตูให้นั้นพูดขึ้นเมื่อหญิงสาวตัวเล็กยังคงนั่งกอดอกไม่ยอมลงจากรถสักที ปึง! ผักกาดจึงเอื้อมมือไปปิดประตูรถ “พี่คะ ขับออกไปเลยค่ะ!!” แล้วบอกกับคนขับรถเพื่อให้เขาขับออกไปจากตรงนี้ ปริ๊นนน! แต่คนขับรถกลับไม่ยอมขับไปจนมีรถมาจอดด้านหลังและบีบแตรไล่เขาจึงต้องขับออกไป ส่วนราเชนทร์นั้นก็ได้แต่ยืนกัดฟันตัวเองกรอดๆ แล้วเดินเข้าไปในงานโดยมีโจอี้เดินตามหลังเข้าไป “คุณผักจะไปไหนครับ ทำไมไม่เข้าไปในงานกับพ่อเลี้ยง” คนขับรถจอดรถไว้ที่หน้าทางออกของโรงแรมแล้วเอ่ยถามหญิงสาวตัวเล็กที่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเมื่อเขาไม่เชื่อฟังเธอไม่ยอมขับรถออกไปตามที่เธอสั่ง ฮึ่ย!! “ฉันจะไปงานวันเกิดเพื่อน แล้วทำไมฉันต้องไปในงานกับเขาแถมยังต้องไปเป็นคู่หมั้นเขาอีก” “ถึงพ่อเลี้ยงจะเป็นคนมีอิทธิพลแต่นักธุรกิจหลายคนๆ กลับไม่ชอบพ่อเลี้ยง” “ไม่ชอบก็ช่างพวกเขาสิคะ พี่มาบอกหนูทำไมไม่เห็นจะอยากรู้เลย” ถึงภายในใจจะรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่พี่คนขับรถบอกก็เถอะแต่ยังไงก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเธอเลย แต่…เขาเป็นถึงพ่อเลี้ยงผู้มีอิทธิพลนี่นาแล้วทำไมยังมีคนไม่ชอบเขาอีกล่ะเธอก็เห็นว่าทุกคนดีกับเขาเคารพเขานี่นา พี่คนขับคงจะมาเกลี้ยกล่อมเธอเฉยๆ ล่ะสิถึงได้มาพูดให้เขาดูน่าสงสารแบบนี้น่ะ! “ไม่ว่าจะทำอะไรพ่อเลี้ยงก็มักจะถูกคนอื่นขัดขวางกลั่นแกล้ง พูดจาดูถูกเหยียดหยาม…” อันนี้ขอเถียงว่าไม่จริงเลยสักนิด เธออยู่กับเขามาเกือบจะสองปีแล้วเขาเป็นคนที่มีอำนาจจนไม่มีใครกล้าหือกับเขาเลยสักคนเรื่องการกลั่นแกล้งจึงไม่มีแน่ แต่เรื่องดูถูกเหยียดหยาม..ก็พอได้ยินคนอื่นพูดอยู่บ้าง “พี่หยุดพูดเถอะฉันไม่ได้อยากฟังสักหน่อย!” “พอได้รับบัตรเชิญร่วมงานพ่อเลี้ยงก็เลยป่าวประกาศออกไปว่าวันนี้จะควงคู่หมั้นมาร่วมงานด้วย คุณผักลองคิดดูสิครับว่าถ้าเขาไม่มีคู่ควงเข้างานทั้งที่พูดออกไปแบบนั้นแล้วคนอื่นจะ…” “รู้แล้วๆ เดี๋ยวฉันเดินไปเอง!!” ผักกาดรีบพูดแทรกทันทีเมื่อเห็นว่าพี่คนขับรถคงจะอยากให้เธอไปเป็นคู่ควงพ่อเลี้ยงให้ได้ ร่างบางจึงเปิดประตูรถแล้วเดินกลับเข้าไปในโรงแรมก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาราเชนทร์จนตาลายไปหมดเพราะคนในงานนั้นเยอะมาก “สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง เอ๋? ..ไหนคู่หมั้นที่บอกว่าจะพามาล่ะคะ” “คงไม่ใช่ว่าโดนทิ้งอีกแล้วหรอกนะ ครั้งนั้นเจ้าสาวก็หนีงานแต่ง…” “เธอก็อย่าไปพูดแบบนั้นสิ คู่หมั้นเขาอาจจะไม่ว่าง..หรือไม่มี” “เก็บปากไว้กินอาหารในงานเลี้ยงจะดีกว่านะครับ!” ราเชนทร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เขาจ้องมองพวกเธอด้วยสายตาแข็งกร้าวทำเอาผู้หญิงสามคนนั้นถึงกับรีบเงียบปากด้วยสีหน้าที่เจื่อนลง “พ่อเลี้ยงอ่ะ หนูบอกว่าขอเติมลิปสติกแปปหนึ่งให้รอก่อนก็ไม่ยอมรอกันนะคะ” เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กเดินเข้ามากอดแขนของเขาแล้วฉีกยิ้มหวานออกมา เธอมองหน้าราเชนทร์ครู่หนึ่งแล้วก็หันมามองผู้หญิงอายุราวห้าสิบปลายๆ ทั้งสามคน “คุณยายสามท่านนี้คุยอะไรกับพ่อเลี้ยงเหรอคะ? ดูเคร่งเครียดกันจัง” เธอเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผู้หญิงสามคนตรงหน้านี่มีสีหน้าที่ไม่ชอบพ่อเลี้ยงรวมไปถึงตัวเธอที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วย “นะ นี่เธอเรียกใครว่ายาย!?” “หนูคุยกับแม่ซื้อมั้งคะ ก็เห็นอยู่ว่ามีแค่คุณยายสามคนยืนอยู่ตรงหน้า” “ฮึ! นี่อย่าบอกนะว่าคู่หมั้นพ่อเลี้ยง” “ใช่ค่ะ ฉันเองผักกาด กรรณิการ์ พัชวราสินธุ์ คู่หมั้นของพ่อเลี้ยง…แล้วคุณยายเหรอคะเป็นใคร เป็นแม่บ้านของโรงแรมนี้เหรอคะการแต่งกายคล้ายๆ เลย!?” ผักกาดถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน แววตาที่ดูใสซื่อของเธอนั้นทำให้ราเชนทร์กับโจอี้ถึงกับต้องกลั้นเสียงหัวเราะให้กับความแสบของเธอที่พยายามแสดงมันออกมาปั่นหัวคุณหญิงสามท่านนี้ “พูดอะไรควรมีมารยาทบ้างนะ ฉันแต่งตัวดีกว่าเธออีกจะมาเป็นแม่บ้านได้ยังไง!?” “นิสัยก็แบบนี้แหละถึงอยู่กับพ่อเลี้ยงได้ อีกคนลูกเมียน้อย อีกคนลูกที่แม่หนีตามผัวจนผัวถูกไล่ออกจากกองมรดก…เฮ้อ ทำไมช่างน่าสงสารกันแบบนี้นะ” “พูดใหม่สิ!!” “ผักไม่เอา!!” ราเชนทร์รีบดึงแขนของผักกาดที่จะพุ่งเข้าไปหาผู้หญิงสามคนนั้นไว้ เธอจึงกุมมือของเขาไว้แน่นแล้วสูดลมหายใจเข้าออกอย่างให้ตัวเองใจเย็นแล้วปั้นยิ้มออกไป “ชีวิตแม่ของฉันกับพ่อเลี้ยงอาจจะน่าสงสาร แต่ก็ไม่น่าสมเพชเท่ากับชีวิตของคนแถวนี้ที่ไม่รู้ว่ามีปัญหาทางด้านจิตหรือเปล่าถึงได้ทำตัวแบบบนี้ จะว่าไปก็น่าสงสารนะคะ” “นี่ยัยผัก!!” “จุ๊ๆ คุณหญิงคุณนายเขาไม่เสียงดังกันนะคะ เสียงดังแล้วเดี๋ยวจะถูกด่าเอาว่าไม่มีมารยาท!!!” ผักกาดยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ปากแล้วควงแขนของราเชนทร์ให้เดินหนีไปทางอื่น ปล่อยให้คุณนายสามท่านยืนหน้าแดงก่ำด้วยความโมโหอยู่แบบนั้น “กลับมาทำไมล่ะ!?” “ไม่อยากไปแล้ว” “อยากไปก็ไปนะฉันไม่ห้าม!” “งอนอ่อ!?” “คนอย่างฉันไม่เคยงอนใคร!!” “อ้าวน้องผัก! มางานนี้ด้วยเหรอครับ?” ชายหนุ่มในส่วนสูงราวร้อยแปดสิบเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของผักกาด และไม่ลืมที่จะปลายตาไปมองบุคคลที่ยืนข้างหญิงสาวตัวเล็กด้วย “พี่ภาม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” “ใช่ครับ แล้วมากับพ่อเลี้ยงได้ยังไง?” “นั่งรถตู้ส่วนตัวมาค่ะ” “น้องผักยังตลกเหมือนเดิมนะครับ” ภามชายหนุ่มรุ่นพี่เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มหวานๆ เช่นเดียวกับผักกาดที่ก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจจนหันมาสบตากับคนข้างกายจึงหยุดหัวเราะ “พี่ภามหล่อขึ้นนะคะเนี่ย” “อ่า ปากหวานแบบนี้นี่มันน่า…” เขาหยุดพูดประโยคหลังทันทีเมื่อเห็นมือหนาของราเชนทร์ขยับมาโอบเอวของผักกาดไว้ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากของเขามีเพียงสายตาที่แข็งกร้าวเป็นตัวแทนของคำพูด “น่าอะไรคะ?” “น่ารักไงครับ” “เขินนะคะเนี่ย อื้อ!พ่อเลี้ยงหนูเจ็บนะ!” ตอบภามแล้วหันไปบอกราเชนทร์ที่กอดเอวเธอไว้เสียแน่นจนมันเจ็บ และก็แน่นอนว่าเขาไม่ตอบอะไร หนำซ้ำยังดึงตัวเธอให้เดินไปยังบริเวณเก้าอี้ที่ถูกจัดไว้ให้แขกที่เข้ามาร่วมงานนั่งไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าเธอยังคุยกับภามไม่เสร็จ! “หนูคุยกับพี่ภามอยู่นะ คงไม่ใช่ว่า..พ่อเลี้ยงหวงหนูหรอกนะถึงรีบดึงออกมาแบบนี้” “ไม่หวงหรอก แต่ฝากบอกหมอนั่นด้วยว่าอย่ามาเยอะเพราะคนที่รับกรรมแทนมันคือเธอนะ!” ถึงแม้ว่าเป็นคำพูดที่เรียบนิ่งกับแววตาที่ว่างเปล่าไม่ได้ดูน่ากลัวแต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ อีกอย่างที่เขาพูดมานั้นมันหมายความว่าอะไร แล้วอะไรคือการที่เธอต้องไปรับกรรมแทนล่ะ? “พี่โจอี้ทำไมฉันต้องไปรับกรรมแทนพี่ภาม แล้วกรรมนั้นคืออะไร?” เธอจึงหันไปคลายข้อสงสัยจากโจอี้ที่นั่งข้างเธออีกฝั่ง โจอี้จึงทำหน้าครุ่นคิดคำอธิบายให้กับหญิงสาวตัวเล็กก่อนจะเอ่ยตอบ “ที่ต้องไปรับกรรมแทนเพราะพ่อเลี้ยงไม่ชอบขี้หน้าคุณภามและคุณผักไม่ควรจะยุ่ง ส่วนกรรมนั้น…อย่ารู้เลยครับ” “ทำไมล่ะคะ มันคือการลงโทษใช่มั้ยคะ?” “ก็ประมาณนั้น” “ห๊า! นี่จะลงโทษหนูอีกแล้วใช่มั้ย!?” ร่างเล็กจึงหันมาชี้หน้าคนข้างกาย ราเชนทร์จึงหันมามองผักกาดพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากแล้วเอื้อมมือมากุมมือเธอที่ชี้หน้าเขาลงมาวางบนหน้าตักตัวเองโดยไม่มีคำพูดใดออกจากปากเขาเช่นเดิมจนคนตัวเล็กเริ่มจะหงุดหงิดกับการเงียบแบบนี้แล้วสิ “ทำเหมือนคนไม่มีปากไปได้!” “ฉันกลัวว่าถ้าฉันพูดแล้วคนทั้งงานจะอยู่ไม่ได้น่ะสิ” ชายหนุ่มพูดแล้วหันไปด้านหน้าที่เป็นเวทีเล็กๆ เนื่องจากเขาเป็นแขกวีไอพีได้นั่งแถวหน้าสุด ส่วนแขกท่านอื่นตอนนี้ก็เริ่มทยอยเข้ามานั่งเรื่อยๆ แล้วเมื่องานต้อนรับลูกสาวคุณหทัยรัตน์กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ามาถึงบ้านของราชันย์ร่างสูงก็รีบเดินตรงเข้าไปในบ้านซึ่งก็เห็นว่าบิดาของเขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ส่วนภาวิณีย์นั้นนั่งปักดอกไม้ลงแจกัน พรึ่บ! เพล้ง!! เขาเดินไปหยิบแจกันจากมือภาวิณีย์ปาลงบนพื้นจนมันแตกกระจายท่ามกลางความตกใจของคนในบ้าน“แกทำบ้าอะไรของแกห้ะ!!”“ทำอะไรเหรอ!! ม๊าผมตายแล้วทุกคนยังมานั่งสบายอารมณ์อยู่ พอใจพวกคุณแล้วใช่มั้ย!!?” ราเชนทร์หันไปตะเบ็งเสียงใส่ผู้เป็นพ่อที่พอได้ยินประโยคของบุตรชายก็ใจหายขึ้นมาทันที ส่วนคนในบ้านนั้นต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน“แกพูดอะไรของแก”“ม๊าผมตายแล้ว กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย!!”“เป็นไปได้ไง”“มันเป็นไปได้แล้ว!!!”“ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ฉันไม่ได้สั่งคนไปฆ่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องไปเดือดร้อนยุ่งเรื่องของครอบครัวนายนะ” ภาวิณีย์พูดแล้วก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาหยิบแก้วชามาจิบดื่มอย่างสบายอารมณ์ ส่วนราเชนทร์นั้นก็ได้แต่ยืนมองหล่อนด้วยสายตาที่แข็งกร้าง มือหนากำเข้าหากันแน่น“ป๊าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ชุตายตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่เคยสนใจอะไรเลยไง ปากบอกว่ารักม๊าผมมากกว่าคุณภาแต่ไม่เคยสนใจอะไรผมกับม๊าเลยสักนิด!!!”“ยัยชุเป็
เมื่อมาถึงบ้านผักกาดก็รีบดึงมือของราเชนทร์ใหขึ้นไปบนห้องแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองและของเขาออกก่อนจะนั่งยองลงตรงหน้าของเขา มือเล็กจับแท่งเอ็นไว้ก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดเลียมันอย่างช่ำชอง“ซี้ดดด! ผักกาด” ฝ่ามือกว้างขยุ้มลงบนเส้นผมของคนตัวเล็กเมื่อเธอกำลังใช้ปากครอบครองมันทั้งดุ้น“บ๊วบๆๆ อ้า!”“พ่อเลี้ยงอยากให้หนูขย่มให้มั้ยคะ!?” ผล่ะปากออกจากแท่งเอ็นเพื่อถามชายหนุ่มร่างสูงที่ตอนนี้ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ เขาขบกรามตัวเองแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาตามคอแล้ว“แน่นอนว่าฉันอยากให้เธอขย่มให้ อ้าส์! แค่ปากของเธอมันก็ทำให้ฉันเสียวซ่านแล้วผักกาด!”“ถ้างั้นพ่อเลี้ยงขึ้นไปนอนนะ เดี๋ยวคืนนี้หนูจะบริการพ่อเลี้ยงทั้งคืนเลย” พูดพร้อมกับกัดปากยั่วยวนเพศตรงข้าม ราเชนทร์จึงกระตุกยิ้มอย่างพอใจกับการบริการครั้งนี้ของแฟนสาว จากนั้นเขาก็เดินไปนอนบนที่นอน ส่วนผักกาดก็รีบขึ้นไปนั่งคร่อมเขาโดยที่รับเอาแท่งเอ็นอุ่นเข้าไปในตัวเองด้วย“ฉันเพิ่งนึกได้ว่าเป็นฉันต่างหากที่ต้องทำ ฉันต้องลงโทษเด็กดื้ออย่างเธอ” พรึ่บ! แต่เพราะส่วนมากเขาจะชอบเป็นฝ่ายคุมเกมส์มากกว่าจึงจับร่างบางพลิกให้นอนลง ปึ่ก! แล้วเขาก็กระแทกกายเข้าใ
เมื่อได้ยินชมพูตอบแบบนั้นรุ่งฟ้าก็ได้แต่นั่งอ้าปากเหวอ “เธอมองผิดหรือเปล่าชมพู” แล้วเอ่ยถามชมพูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเธอไม่ได้กินมันผิดจริงๆ แต่ชมพูยังคงพยักหน้าเป็นคำตอบว่าจริง เธอกินมันไปจริงๆ“มีอะไรกัน!?” ราเชนทร์ที่ไม่เข้าใจสิ่งที่สาวๆ คุยกันนั้นจึงถามขึ้น“ก็หนูกับลุงคลอสไปได้ยินพี่สายธาร พี่ลูกปัดและพี่ปุ๊กลุ๊คคุยกันว่าจะมอมยาจับพ่อทำผัว พวกหนูก็เลยจะไปจัดการให้ แต่ว่าน่าจะล่มไม่เป็นท่า…” ชมพูตอบพี่ชายด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วแล้วอ่อนลงในประโยคหลัง ถึงจะไม่เข้าใจว่ายาปลุกเซ็กส์คืออะไรแต่ดูจากสีหน้ารุ่งฟ้าแล้วน่าจะไม่ใช่เรื่องดี“แล้วเธอก็กินไปเหรอ?” ภามถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าสาวๆ พวกนี้ไม่ก่อความวุ่นวายให้คนอื่นแต่เหมือนจะก่อความวุ่นวายให้ตัวเองซะงั้น รุ่งฟ้าพยักหน้าให้เบาๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายดังอึกจนทุกคนหันมามองเธอ“เป็นอะไร!?” คลาสถามขึ้นเมื่อรุ่งฟ้าเริ่มจะนั่งไม่อยู่นิ่ง เธอส่ายหน้าให้เขาเบาๆ แล้วพ่นลมหายใจออกช้าๆ ตอนนี้ภายในกายของเธอเริ่มจะร้อนลุ่มขึ้นมาแล้ว“ยาปลุกเซ็กส์เป็นยังไงเหรอ?”“อยากลองดูล่ะ เธอได้ควบม้าทั้งคืนอ่ะ” ราเชนทร์ตอบหญิงสาวข้างกายอย่างทีไปทีแต่ผักกาดถึ
จากนั้นเจ้าของงานอย่างคุณวาสนานักธุรกิจสาวชื่อดังก็ขึ้นเวทีเพื่อกล่าวเปิดงานพูดคุยกับแขกในงานตึกตักๆ เสียงวิ่งของชมพูดังขึ้นมาพร้อมกับร่างเล็กมาหยุดฝีเท้าที่ด้านหน้าของผักกาด“พี่ผักแย่แล้ว!”“อะไรคะ?” ผักกาดที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะทานอาหารนั้นถามขึ้นเมื่อเห็นชมพูวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับคลอสที่เดินตามหลังมาอีกที“พี่สายธารค่ะ เขาจะจับพ่อทำผัว”“น้องชมพู พูดอะไรคะเนี่ย?”“จริงๆ หนูกับลุงคลอสไปได้ยินมา” ตอบด้วยสีหน้าที่จริงจนผักกาดต้องหันไปมองคลอสเชิงถามว่าจริงเหรอ ซึ่งคลอสก็พยักหน้าให้ก่อนจะเดินไปนั่งข้างน้องสาว“พี่พาชมพูไปเข้าหองน้ำมาเลยได้ยินสายธารคุยกับลูกปัดว่าจะมอมยาพ่อเลี้ยงจับมาทำผัว”“จริงเหรอ?”“หน้าพี่ชายเธอดูไม่น่าเชื่อถือลยหรือไง” คลอสถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าผักจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเขาสักเท่าไหร่“ก็เชื่อ นี่…ไปหาอะสนุกๆ ทำกันปะ” ผักกาดหันไปมองรุ่งฟ้ากับชมพูสลับกัน ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนออกมาทันที“ฉันไม่มาเล่นไร้สาระกับเธอหรอกนะ”“อ่า ถ้างั้นเรื่องเธอพี่ชายฉันพูดออกไปช่วยไม่ได้นะ”“ก็ได้! จะทำอะไรว่ามา”“เธอกับชมพูไปตามดูสายธารเดี๋ยวฉันไปหาสองพี่น
“น้องผักสวยจังเลยนะครับวันนี้” เสียงของภามเดินตรงเข้ามาหาผักกาดแล้วเอ่ยชมคนตัวเล็กที่กำลังยืนตักเค้กจากจานในมือเข้าปาก เธอจึงหันไปฉีกยิ้มหวานให้ภามใบหน้าคมหล่อเข้ม ผมดกดำถูกเซ็ตไว้อย่างลงตัว ชุดที่เขาสวมใส่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยเสื้อสูทสีครีมกางเกงขายาวสีเดียวกับเสื้อสูท รองเท้าหนังคู่แพงนั้นถูกขัดจนเงาวับเมื่อมองสำรวจความหล่อของเขาเสร็จแล้วผักกาดก็รีบเคี้ยวและกลืนเค้กลงท้อง“พี่ภามก็ดูดีนะคะ”“ต้องนิดนึงครับ…น้องตัวเล็กชื่ออะไรนะครับ?”“ชมพูค่ะ พี่ผักเป็นแฟนพ่อนะคะอย่าคิดจะมาจีบ” ชมพูเอ่ยตอบภามด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าเขม็งจนภามกับผักกาดถึงกับต้องหัวเราะออกมาเบาๆ“พี่ไม่จีบหรอกครับ”“อ้าว! ไม่จีบเหรอคะ?”“หื้ม เรามีแฟนแล้วพี่จะไปจีบได้ไง”“ก็เห็นพี่ชอบเข้ามาทักทายมาพูดด้วยเลยคิดว่าจะมาจีบ” หญิงสาวร่างเล็กถามด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ อุตส่าห์หลงตัวเองว่าที่เขาเข้ามาหาก็เพราะว่าจะกลับมาจีบเธอใหม่ ไม่ได้อยากกลับไปคบแต่คิดว่าตัวเองสวยขึ้นไง แบบเออ…หลงตัวเองอ่ะ ฮิฮิ!“แค่คิดถึงเลยเข้ามาทัก อีกอย่างผักเป็นคู่หมั้นของพ่อเลี้ยงนี่นา”“พี่ก็รู้เหรอคะ?”“ทุกคนก็รู้นี่ครับ”“จ
เมื่อได้ยินแฟนสาวพูดออกมาเช่นนั้นแล้วราเชนทร์ก็ถึงกับนั่งยิ้มกริ่มออกมาคนเดียว ส่วนผักกาดเธอก็ลุกขึ้นไปปัดกวาดทำความสะอาดบ้านของตัวเองต่อจนเสร็จเรียบร้อยก็เห็นราเชนทร์ยังคงนั่งยิ้มอยู่ไม่หยุด“มานั่งยิ้มอะไรอยู่นี่ควรจะกลับไปนอนพักมั้ยคะ?” “อืม หกโมงก็อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ”“โอเคค่ะ”“ครับ…” ตอบรับด้วยรอยยิ้มแล้วก็เดินออกไป“พิลึกคนจริง นึกจะมาอารมณ์ดีก็มาอารมณ์แบบไม่ต้องมีเรื่องมีราว” พูดกับตัวเองแล้วก็เดินไปเอนตัวนอนบนโซฟาเพื่อพักผ่อนรอไปงานในอีกไม่กี่ชั่วโมงเวลา 19:17 น.ตอนนี้ผักกาดยืนอยู่หน้ากระจกในชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาสีชมพูอ่อน ใบหน้าเรียวถูกแต่งเติมเพียงเล็กน้อย ผมยาวดัดลอนและปล่อยลงมากลางหลัง เมื่อพอใจกับความสวยของตัวเองแล้วเธอก็หยิบรองเท้ามานั่งสวมที่โซฟาก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาสะพายแล้วเดินตรงไปยังบ้านหลังใหญ่“เมียใครสวยจังเลย” และเมื่อผักกาดก้าวขาเข้าไปในตัวบ้าน เสียงทุ้มของราเชนทร์ก็ดังขึ้น สายตาคมจับจ้องไปที่ร่างเพรียวระหงษ์อย่างไม่ละสายตาจนผักกาดต้องเดินไปยืนข้างโจอี้“เขาเป็นอะไรคะ?”“ผมถาม เขาบอกว่าคุณผักน่ารักกับเขาครับ”“นะ หนูน่ารั