ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว หลังจากผักกาดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอก็ล้มตัวลงนอนไปด้วยความเพลียที่วิ่งควบไก่ให้อาหารสัตว์ทั้งวี่ทั้งวันกริ๊งงงง! จนเสียงนาฬิกาปลุกที่เธอตั้งไว้ตอนหกโมงครึ่งดังเธอจึงดีดตัวลุกขึ้นนั่งอัตโนมัติทั้งที่ดวงตานั้นยังคงปิดสนิทอยู่ มือเล็กควานไปหยิบโทรศัพท์มาปิดเสียงนาฬิกาปลุก
“หาววว~ นอนแล้วก็ปวดหัว กรี๊ดดด!!” เมื่อใช้มือขยี้ตาจนตาสว่างแล้วผักกาดก็กรี๊ดออกมาด้วยความตกใจเมื่อมีชายหนุ่มร่างสูงอย่างโจอี้ยืนอยู่ปลายเตียงของเธอในชุดสูทสีดำทั้งชุดและเมื่อเขาได้ยินเสียงกรี๊ดของเธอก็ต้องยกมือขึ้นมาปิดหูไว้จนเสียงกรี๊ดเงียบลงจึงเอามือออกพร้อมกับกล่าวบอกเธอด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ผมเอาชุดมาให้ครับ มีเวลาแต่งตัวแต่งหน้าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง..อย่าให้พ่อเลี้ยงรอนานนะครับ”
“แต่ฉันต้องไปงานวันเกิดเพื่อนนะ”
“ผมรู้ครับ ชุดผมแขวนไว้ที่ตู้เสื้อผ้าแล้ว” โจอี้ตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนก่อนจะเดินออกไป เหมือนจะสนใจประโยคของผักกาดแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยสักนิด!
อ้อ! นอกจากราเชนทร์ที่เข้ามาในบ้านของเธอได้ก็มีเขาอีกคนนี่แหละ แถมเข้ามาแต่ละครั้งก็ทำให้เธอเกือบหัวใจวายทุกครั้งด้วย!
หญิงสาวร่างบางจึงนั่งห้อยขาตัวเองอยู่บนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อนสาวของเธอที่มีอยู่คนเดียว และพอถูกไล่ให้ย้ายมาอยู่ที่ไร่ก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลยสักครั้ง แถมนี่เป็นงานวันคล้ายวันเกิดเพื่อนเธออีกด้วยหากไม่ได้ไปคงจะต้องถูกโกรธแหงๆ
(ฮัลโหลว่าไงเจ้าผัก)
“ปุ๊กขอโทษนะฉันไปงานวันเกิดเธอไม่ได้แล้วอ่า”
(เอ๋ ทำไมล่ะ?)
“ก็พ่อเลี้ยงดิให้ฉันไปเป็นคู่ควงไปงานเลี้ยงอะไรก็ไม่รู้”
(อ้าว งั้นไม่เป็นไร)
“โกรธปะเนี่ย”
(นิดนึง งานวันเกิดมีแค่ปีละครั้งเอง..ขอเขามาไม่ได้เหรอ?)
“เดี๋ยวจะลองไปขอดูนะ ถ้าไม่ได้ไปคือเขาไม่ให้ไปนะ ถ้าไปอาจจะไปดึกๆ”
(โอเค มาให้ได้ก็แล้วกัน..ฉันไปแต่งหน้าแต่งตัวก่อน)
“จ้า” เมื่อวางสายจากปุ๊กลุ๊คเพื่อนสาวคนเดียวของเธอแล้ว ผักกาดก็ลุกขึ้นไปยืนดูชุดที่โจอี้เอามาให้ ซึ่งมันเป็นชุดราตรีเกาะอกกระโปรงฟูสั้นเหนือเข่าขึ้นมาสีชมพูวิบวับแถมยังมีกิ๊บไข่มุกรูปโบว์มาให้อีกสองตัว
“สวยก็สวยอยู่หรอก แต่ไม่ได้อยากใส่มันไปกับพ่อเลี้ยงสักหน่อยนี่” เสียงหวานพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินคอตกเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอีกรอบ แล้วก็มานั่งแต่งหน้าทำผมที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เสร็จจากการแต่งหน้าทำผมก็มาใส่ชุดที่พอดีตัวเธอเป๊ะไม่คับหรือว่าหลวมจนเกินไป
“ทำหน้าให้มันดีๆ ดิ๊” เสียงทุ้มดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวตัวเล็กเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในบ้าน ทั้งที่ชุดที่อยู่บนตัวเธอนั้นมันดูสวยเข้ากับรูปร่างและหน้าตาของเธอแต่กลับทำหน้าตาบูดบึ้งไม่น่ามองเอาซะเลย ผักกาดไม่พูดอะไรเพียงแต่เดินไปหย่อนก้นนั่งลงบนตักของราเชนทร์ที่นั่งอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็คสีดำสวมทับด้วยเสื้อสูทสีดำอีกที
“พ่อเลี้ยงขา งานวันเกิดเพื่อนหนูมีแค่ปีละครั้งเองนะคะ..” ไม่เพียงแต่พูดเธอยังยกแขนขึ้นไปคล้องคอของเขาไว้จนโจอี้ที่ยืนอยู่ในบ้านนั้นต้องเดินออกไปรอหน้าบ้านแทนเพื่อจะได้ไม่รบกวนผู้เป็นนาย
“ลุกออกไป!!”
“งื้อออ พ่อเลี้ยงอ่ะ..หรือว่าหนูไม่น่ารักเหมือนผู้หญิงของพ่อเลี้ยง อ้อนขออะไรเลยไม่ได้สักอย่าง”
“ใช่! เธอไม่น่ารักเลยสักนิด” แต่เธอมันน่าเอามากกว่ายัยเตี้ย! ชายหนุ่มครุ่นคิดประโยคหลังขึ้นมาในใจแล้วพยายามแกะมือของเจ้าผักกาดให้ออกจากการกอดรัดคอของเขาที่มันไม่ได้กอดด้วยความออดอ้อนแต่กอดรัดเหมือนจะให้เขาขาดใจตายซะงั้น
“แล้วหนูต้องทำยังไงถึงจะน่ารักละคะ พ่อเลี้ยงขา…”
“ลุกออกจากตัวฉันก่อนที่เธอจะไม่มีโอกาสได้ลุก!” น้ำเสียงที่เรียบเย็นเอ่ยบอกกับหญิงสาวบนตักด้วยแววตาที่ดูอันตรายสุดๆ แน่นอนว่าผักกาดเธอก็รีบลุกออกจากตัวของเขายืนกระทืบเท้าอยู่ด้านหน้า ภาพนี้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อกลางวันชัดๆ จนเขาเริ่มเป็นห่วงพื้นบ้านว่ากระเบื้องมันจะแตกเพราะเจ้าผักหรือเปล่า
“หนูจะทำให้พ่อเลี้ยงโมโหหงุดหงิดจนไล่หนูออกจากบ้านเลย!!”
“ทำได้เหรอ?”
“ทำไมจะทำไม่ได้”
“ตัวก็แค่เนี้ย” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วแค่นหัวเราะออกมาเมื่อเจ้าผักที่เก่งแต่ปากชอบพูดยั่วยวนแต่พอเขาเอาจริงกับไม่กล้านี่มีส่วนสูงอยู่เพียงแค่หัวไหล่ของเขา จากนั้นร่างสูงก็ก้าวขาเดินออกไปเพื่อขึ้นรถที่คนขับไปนำมาจอดรอแล้ว
“หนูจะฟ้องพ่อฟ้องแม่ ฟ้องคุณชุติมาฟ้องทุกคนเลยว่าคนที่นี่รังแกหนู แงงงงงงงง!!”
“เข้าไปร้องในรถก็ได้ครับจะได้ไม่เสียเวลาร้องไปด้วยนั่งรถไปด้วย” โจอี้ที่ยืนคอยปิดประตูรถนั้นบอกกับคนตัวเล็กก่อนจะเดินไปดันแผ่นหลังของผักกาดให้เข้าไปนั่งในรถ ปึง! และปิดประตูรถให้ ส่วนตัวเขาก็เดินไปนั่งข้างคนขับรถพร้อมกับรถที่ถูกขับเคลื่อนออกไป
“ฮือออออ! แงงงงงงงงง!!”
“เข้ามาอยู่ในไร่ฐานะคนงานก็ทำตัวให้เหมือนคนงาน นี่ฉันให้เธออยู่ดีกินดีกว่าคนอื่นเพราะสนิทกับพ่อแม่เธอเป็นการส่วนตัวหรอกนะ”
“ฮึก ฮึก ฮือออ..”
“ร้องไปให้ถึงที่งานนะ ถ้าเธอเงียบเมื่อไหร่ฉันจะจับเธอโยนลงจากรถ”
“แงงงงงงง ฮรึก! ทุกคนใจร้ายที่สุดเลย แงงงงง!!” แล้วผักกาดก็แหกปากร้องไปตลอดทางจนราเชนทร์ต้องยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองไว้และไม่ลืมที่จะเหลือบตามองคนข้างกายที่หยิบกระจกจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาส่องดูใบหน้าของตัวเองที่ไม่มีน้ำตาไหลมาเลยสักนิดเธอจึงเก็บกระจกลงแล้วค่อยๆ หยุดร้อง
“อึก ฮือออ…”
“อย่าเงียบเชียวนะ!!”
“พ่อเลี้ยงขา พ่อเลี้ยงใจร้ายกับหนูจังเลย” ตอนแรกเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นไบโพล่าที่อารมณ์แปรปรวนบ่อยแต่พอมาเจอเจ้าผักเขากลับคิดว่าเธอมากกว่าที่เป็นมัน! เสียงเล็กเสียงหวานเอ่ยเรียกเขาพร้อมกับมือที่ขยับเข้ามากอดแขนแล้วแนบหน้าลงบนแขนเสื้อของเขา
“จอดรถ!!”
“จะ จอดทำไมคะ?”
“จะลงไปเองหรือว่าให้ฉันถีบลงไป!?”
“ไม่เอาอ่ะ อย่าพูดจริงทำจริงแบบนี้สิคะไม่น่ารักเลยนะ” พูดพลางขยับตัวไปนั่งบนตักของเขา ถึงแม้ว่าภายในรถจะไม่ได้กว้างแต่เพราะตัวเธอเล็กจึงทำให้นั่งบนตักเขาได้แบบสบายๆ ผักกาดรีบยกเรียวแขนไปกอดคอราเชนทร์ไว้แน่นเพราะเชื่อว่าหากดื้อกับเขามากๆ เขาอาจจะลงโทษเธอด้วยรูปแบบต่างๆ ในฉบับเขาอย่างแน่นอนเพราะสายตาที่คมดุนั่นเริ่มฉายแววน่ากลัวออกมาอีกแล้ว
“พี่สุดหล่อคะ ขับรถออกไปเลยค่ะ” บอกกับคนขับรถที่ก็เหยียบคันเร่งขับออกไปบนถนนตามเดิม
“ถ้าเธออยู่กับคนอื่นเขาอาจจะคิดว่าเธอสติไม่เต็มนะอารมณ์แปรปรวนแบบนี้ แต่โชคดีที่อยู่กับฉัน”
“เพราะพ่อเลี้ยงรู้ใช่มั้ยคะว่าหนูเป็นคนน่ารักเลยมักทำตัวแบบนี้?”
“ฉันชินแล้ว!”
“ฮึ! ถ้าหนูไม่ทำตัวแบบนี้พ่อเลี้ยงก็จะดุหนูตลอดเวลาไงอีกอย่างที่หนูทำตัวแบบนี้อาจจะทำให้พ่อเลี้ยงรำคาญแล้วไล่หนูกลับบ้านก็ได้” ผักกาดลอยหน้าลอยตาพูดโดยที่แขนทั้งสองข้างยังคงคล้องคอของราเชนทร์ไว้จนหน้าอกที่อวบตูมนั้นชนแนบชิดอยู่กับแผงอกของเขา
อาจจะเพราะเคยเจอหน้าเจอตากันมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงจะไม่ได้สนิทแต่ก็เคยเล่นด้วยกันมาก่อนเธอเลยไม่กลัวที่จะทำอะไรกับเขาแบบนี้เพราะคนอย่างเขาคงไม่คิดอะไรอยู่แล้ว ไม่คิดอะไรอยู่แล้ว…งั้นเหรอ?
“เรื่องไล่เธอกลับตัดทิ้งไปได้เลยนะเพราะฉันไม่มีวันไล่เธอกลับแต่การที่เธอชอบมาอ่อยมายั่วยวนเพื่อให้ฉันรำคาญเธอคิดผิดนะ บางทีนอกจากฉันจะไม่รำคาญมันอาจจะไม่ดีต่อตัวเธออีกด้วยนะ…ตัวอย่างของวันนี้ก็มีให้เห็นแล้วนี่นา สาวน้อย” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าไปพูดข้างใบหูของเธอ ลมอุ่นร้อนจากปากเขานั้นทำให้ขนกายเธอถึงกับลุกซู่ขึ้นมาทันที ฝ่ามือกว้างยกขึ้นไปลูบแผ่นหลังของเธออย่างแผ่วเบาทำเอาคนปากเก่งถึงกับยิ้มแห้งออกมา
“หนูไม่ได้จะยั่วยวน…”
“อ่า แต่การที่เธอทำแบบนี้มันคือการยั่วยวนนะ อายุยี่สิบกว่าแล้วก็น่าจะรู้เรื่องว่าผู้หญิงไม่ควรเข้าใกล้ผู้ชาย เพราะได้เข้าใกล้เมื่อไหร่มันจะไม่ปลอดภัยเมื่อนั้น…”
มาถึงบ้านของราชันย์ร่างสูงก็รีบเดินตรงเข้าไปในบ้านซึ่งก็เห็นว่าบิดาของเขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ส่วนภาวิณีย์นั้นนั่งปักดอกไม้ลงแจกัน พรึ่บ! เพล้ง!! เขาเดินไปหยิบแจกันจากมือภาวิณีย์ปาลงบนพื้นจนมันแตกกระจายท่ามกลางความตกใจของคนในบ้าน“แกทำบ้าอะไรของแกห้ะ!!”“ทำอะไรเหรอ!! ม๊าผมตายแล้วทุกคนยังมานั่งสบายอารมณ์อยู่ พอใจพวกคุณแล้วใช่มั้ย!!?” ราเชนทร์หันไปตะเบ็งเสียงใส่ผู้เป็นพ่อที่พอได้ยินประโยคของบุตรชายก็ใจหายขึ้นมาทันที ส่วนคนในบ้านนั้นต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน“แกพูดอะไรของแก”“ม๊าผมตายแล้ว กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย!!”“เป็นไปได้ไง”“มันเป็นไปได้แล้ว!!!”“ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ฉันไม่ได้สั่งคนไปฆ่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องไปเดือดร้อนยุ่งเรื่องของครอบครัวนายนะ” ภาวิณีย์พูดแล้วก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาหยิบแก้วชามาจิบดื่มอย่างสบายอารมณ์ ส่วนราเชนทร์นั้นก็ได้แต่ยืนมองหล่อนด้วยสายตาที่แข็งกร้าง มือหนากำเข้าหากันแน่น“ป๊าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ชุตายตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่เคยสนใจอะไรเลยไง ปากบอกว่ารักม๊าผมมากกว่าคุณภาแต่ไม่เคยสนใจอะไรผมกับม๊าเลยสักนิด!!!”“ยัยชุเป็
เมื่อมาถึงบ้านผักกาดก็รีบดึงมือของราเชนทร์ใหขึ้นไปบนห้องแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองและของเขาออกก่อนจะนั่งยองลงตรงหน้าของเขา มือเล็กจับแท่งเอ็นไว้ก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดเลียมันอย่างช่ำชอง“ซี้ดดด! ผักกาด” ฝ่ามือกว้างขยุ้มลงบนเส้นผมของคนตัวเล็กเมื่อเธอกำลังใช้ปากครอบครองมันทั้งดุ้น“บ๊วบๆๆ อ้า!”“พ่อเลี้ยงอยากให้หนูขย่มให้มั้ยคะ!?” ผล่ะปากออกจากแท่งเอ็นเพื่อถามชายหนุ่มร่างสูงที่ตอนนี้ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ เขาขบกรามตัวเองแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาตามคอแล้ว“แน่นอนว่าฉันอยากให้เธอขย่มให้ อ้าส์! แค่ปากของเธอมันก็ทำให้ฉันเสียวซ่านแล้วผักกาด!”“ถ้างั้นพ่อเลี้ยงขึ้นไปนอนนะ เดี๋ยวคืนนี้หนูจะบริการพ่อเลี้ยงทั้งคืนเลย” พูดพร้อมกับกัดปากยั่วยวนเพศตรงข้าม ราเชนทร์จึงกระตุกยิ้มอย่างพอใจกับการบริการครั้งนี้ของแฟนสาว จากนั้นเขาก็เดินไปนอนบนที่นอน ส่วนผักกาดก็รีบขึ้นไปนั่งคร่อมเขาโดยที่รับเอาแท่งเอ็นอุ่นเข้าไปในตัวเองด้วย“ฉันเพิ่งนึกได้ว่าเป็นฉันต่างหากที่ต้องทำ ฉันต้องลงโทษเด็กดื้ออย่างเธอ” พรึ่บ! แต่เพราะส่วนมากเขาจะชอบเป็นฝ่ายคุมเกมส์มากกว่าจึงจับร่างบางพลิกให้นอนลง ปึ่ก! แล้วเขาก็กระแทกกายเข้าใ
เมื่อได้ยินชมพูตอบแบบนั้นรุ่งฟ้าก็ได้แต่นั่งอ้าปากเหวอ “เธอมองผิดหรือเปล่าชมพู” แล้วเอ่ยถามชมพูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเธอไม่ได้กินมันผิดจริงๆ แต่ชมพูยังคงพยักหน้าเป็นคำตอบว่าจริง เธอกินมันไปจริงๆ“มีอะไรกัน!?” ราเชนทร์ที่ไม่เข้าใจสิ่งที่สาวๆ คุยกันนั้นจึงถามขึ้น“ก็หนูกับลุงคลอสไปได้ยินพี่สายธาร พี่ลูกปัดและพี่ปุ๊กลุ๊คคุยกันว่าจะมอมยาจับพ่อทำผัว พวกหนูก็เลยจะไปจัดการให้ แต่ว่าน่าจะล่มไม่เป็นท่า…” ชมพูตอบพี่ชายด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วแล้วอ่อนลงในประโยคหลัง ถึงจะไม่เข้าใจว่ายาปลุกเซ็กส์คืออะไรแต่ดูจากสีหน้ารุ่งฟ้าแล้วน่าจะไม่ใช่เรื่องดี“แล้วเธอก็กินไปเหรอ?” ภามถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าสาวๆ พวกนี้ไม่ก่อความวุ่นวายให้คนอื่นแต่เหมือนจะก่อความวุ่นวายให้ตัวเองซะงั้น รุ่งฟ้าพยักหน้าให้เบาๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายดังอึกจนทุกคนหันมามองเธอ“เป็นอะไร!?” คลาสถามขึ้นเมื่อรุ่งฟ้าเริ่มจะนั่งไม่อยู่นิ่ง เธอส่ายหน้าให้เขาเบาๆ แล้วพ่นลมหายใจออกช้าๆ ตอนนี้ภายในกายของเธอเริ่มจะร้อนลุ่มขึ้นมาแล้ว“ยาปลุกเซ็กส์เป็นยังไงเหรอ?”“อยากลองดูล่ะ เธอได้ควบม้าทั้งคืนอ่ะ” ราเชนทร์ตอบหญิงสาวข้างกายอย่างทีไปทีแต่ผักกาดถึ
จากนั้นเจ้าของงานอย่างคุณวาสนานักธุรกิจสาวชื่อดังก็ขึ้นเวทีเพื่อกล่าวเปิดงานพูดคุยกับแขกในงานตึกตักๆ เสียงวิ่งของชมพูดังขึ้นมาพร้อมกับร่างเล็กมาหยุดฝีเท้าที่ด้านหน้าของผักกาด“พี่ผักแย่แล้ว!”“อะไรคะ?” ผักกาดที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะทานอาหารนั้นถามขึ้นเมื่อเห็นชมพูวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับคลอสที่เดินตามหลังมาอีกที“พี่สายธารค่ะ เขาจะจับพ่อทำผัว”“น้องชมพู พูดอะไรคะเนี่ย?”“จริงๆ หนูกับลุงคลอสไปได้ยินมา” ตอบด้วยสีหน้าที่จริงจนผักกาดต้องหันไปมองคลอสเชิงถามว่าจริงเหรอ ซึ่งคลอสก็พยักหน้าให้ก่อนจะเดินไปนั่งข้างน้องสาว“พี่พาชมพูไปเข้าหองน้ำมาเลยได้ยินสายธารคุยกับลูกปัดว่าจะมอมยาพ่อเลี้ยงจับมาทำผัว”“จริงเหรอ?”“หน้าพี่ชายเธอดูไม่น่าเชื่อถือลยหรือไง” คลอสถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าผักจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเขาสักเท่าไหร่“ก็เชื่อ นี่…ไปหาอะสนุกๆ ทำกันปะ” ผักกาดหันไปมองรุ่งฟ้ากับชมพูสลับกัน ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนออกมาทันที“ฉันไม่มาเล่นไร้สาระกับเธอหรอกนะ”“อ่า ถ้างั้นเรื่องเธอพี่ชายฉันพูดออกไปช่วยไม่ได้นะ”“ก็ได้! จะทำอะไรว่ามา”“เธอกับชมพูไปตามดูสายธารเดี๋ยวฉันไปหาสองพี่น
“น้องผักสวยจังเลยนะครับวันนี้” เสียงของภามเดินตรงเข้ามาหาผักกาดแล้วเอ่ยชมคนตัวเล็กที่กำลังยืนตักเค้กจากจานในมือเข้าปาก เธอจึงหันไปฉีกยิ้มหวานให้ภามใบหน้าคมหล่อเข้ม ผมดกดำถูกเซ็ตไว้อย่างลงตัว ชุดที่เขาสวมใส่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยเสื้อสูทสีครีมกางเกงขายาวสีเดียวกับเสื้อสูท รองเท้าหนังคู่แพงนั้นถูกขัดจนเงาวับเมื่อมองสำรวจความหล่อของเขาเสร็จแล้วผักกาดก็รีบเคี้ยวและกลืนเค้กลงท้อง“พี่ภามก็ดูดีนะคะ”“ต้องนิดนึงครับ…น้องตัวเล็กชื่ออะไรนะครับ?”“ชมพูค่ะ พี่ผักเป็นแฟนพ่อนะคะอย่าคิดจะมาจีบ” ชมพูเอ่ยตอบภามด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าเขม็งจนภามกับผักกาดถึงกับต้องหัวเราะออกมาเบาๆ“พี่ไม่จีบหรอกครับ”“อ้าว! ไม่จีบเหรอคะ?”“หื้ม เรามีแฟนแล้วพี่จะไปจีบได้ไง”“ก็เห็นพี่ชอบเข้ามาทักทายมาพูดด้วยเลยคิดว่าจะมาจีบ” หญิงสาวร่างเล็กถามด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ อุตส่าห์หลงตัวเองว่าที่เขาเข้ามาหาก็เพราะว่าจะกลับมาจีบเธอใหม่ ไม่ได้อยากกลับไปคบแต่คิดว่าตัวเองสวยขึ้นไง แบบเออ…หลงตัวเองอ่ะ ฮิฮิ!“แค่คิดถึงเลยเข้ามาทัก อีกอย่างผักเป็นคู่หมั้นของพ่อเลี้ยงนี่นา”“พี่ก็รู้เหรอคะ?”“ทุกคนก็รู้นี่ครับ”“จ
เมื่อได้ยินแฟนสาวพูดออกมาเช่นนั้นแล้วราเชนทร์ก็ถึงกับนั่งยิ้มกริ่มออกมาคนเดียว ส่วนผักกาดเธอก็ลุกขึ้นไปปัดกวาดทำความสะอาดบ้านของตัวเองต่อจนเสร็จเรียบร้อยก็เห็นราเชนทร์ยังคงนั่งยิ้มอยู่ไม่หยุด“มานั่งยิ้มอะไรอยู่นี่ควรจะกลับไปนอนพักมั้ยคะ?” “อืม หกโมงก็อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ”“โอเคค่ะ”“ครับ…” ตอบรับด้วยรอยยิ้มแล้วก็เดินออกไป“พิลึกคนจริง นึกจะมาอารมณ์ดีก็มาอารมณ์แบบไม่ต้องมีเรื่องมีราว” พูดกับตัวเองแล้วก็เดินไปเอนตัวนอนบนโซฟาเพื่อพักผ่อนรอไปงานในอีกไม่กี่ชั่วโมงเวลา 19:17 น.ตอนนี้ผักกาดยืนอยู่หน้ากระจกในชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาสีชมพูอ่อน ใบหน้าเรียวถูกแต่งเติมเพียงเล็กน้อย ผมยาวดัดลอนและปล่อยลงมากลางหลัง เมื่อพอใจกับความสวยของตัวเองแล้วเธอก็หยิบรองเท้ามานั่งสวมที่โซฟาก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาสะพายแล้วเดินตรงไปยังบ้านหลังใหญ่“เมียใครสวยจังเลย” และเมื่อผักกาดก้าวขาเข้าไปในตัวบ้าน เสียงทุ้มของราเชนทร์ก็ดังขึ้น สายตาคมจับจ้องไปที่ร่างเพรียวระหงษ์อย่างไม่ละสายตาจนผักกาดต้องเดินไปยืนข้างโจอี้“เขาเป็นอะไรคะ?”“ผมถาม เขาบอกว่าคุณผักน่ารักกับเขาครับ”“นะ หนูน่ารั