“ทำไมหนูต้องไปเป็นคู่หมั้นพ่อเลี้ยงด้วยล่ะ ไม่เห็นอยากจะเป็นสักนิด” “ไม่อยากเป็นงั้นเหรอ ฮึ! เสียใจด้วยได้เป็นแล้ว”
ดูเพิ่มเติม@Hen Fram
‘กระต๊าก! กระต๊าก!’
“ไอ้ห้าแกกลับมาเดี๋ยวนี้นะ กลับมาเดี๋ยวนี้!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายของหญิงสาวร่างเล็กในชุดทำสวนถือไม้กวาดวิ่งไล่แม่ไก่ไข่ตัวอ้วนที่วิ่งกระพือปีกหนีผู้ดูแลอย่างไม่คิดชีวิต
‘กระต๊าก! กระต๊าก! กระต๊าก!’ หากแปลเป็นภาษามนุษย์ได้มันคงจะมีความหมายว่า ‘ให้ตายยังไงฉันก็ไม่กลับ!’ แต่เป็นแค่ไก่จะมาแข็งข้อกับคนเลี้ยงแบบนี้มันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะยังไงก็ต้องมาไข่ให้เธอเก็บอยู่ดี
“ไอ้ห้าแกแค่มาคอยไข่ให้ฉัน! ฉันไม่ได้จับแกไปทำเนื้อกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!!” ฝีเท้าเล็กหยุดวิ่งทันทีเมื่อตอนนี้เจ้าห้าของเธอได้บินขึ้นไปยืนจ้องเธออยู่บนต้นไม้ซะแล้ว
มือเล็กถกแขนเสื้อทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นก่อนจะยกมาเท้าสะเอวไว้ เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยผุดขึ้นมาอาบแก้มเนียนขาวที่แดงเปล่งปลั่งจากอากาศยามเที่ยงที่แสนจะร้อนอบอ้าวจนเธอคิดว่าหากเอาไข่ของไอ้ห้าใส่ถ้วยน้ำเปล่าและนำไปวางไว้กลางแจ้งมันจะต้องสุกอย่างแน่นอน
“อ้าวไอ้ผัก! ไก่หลุดอีกแล้วเร้อ!?” เสียงลุงชมคนงานในฟาร์มตะโกนถามผักกาดหญิงสาวที่มีหน้าที่เลี้ยงสัตว์ในฟาร์มแห่งนี้ เธอจึงหันไปมองลุงชมก่อนจะเดินคอตกไปหาแกแล้วชี้นิ้วขึ้นไปยังเจ้าห้าที่เหมือนมันกำลังยืนหัวเราะเธออยู่ยังไงไม่รู้
“ใช่น่ะสิ ไอ้ห้ามันวิ่งหนีออกมาตอนฉันกำลังจะปิดประตูน่ะสิ นี่ขืนพ่อเลี้ยงรู้ว่าฉันทำมันหลุดนะโดนด่าเละแน่”
“เขาก็แค่ด่าน่า ลุงมีค้ำกิ่งทุเรียนที่สวนผลไม้นู่นต่อคงมาช่วยเอ็งวิ่งควบไม่ได้หรอก”
“ไม่เป็นไรลุงชม ทุกวันนี้ลุงก็ช่วยฉันวิ่งควบพวกมันเยอะแล้ว” วันก่อนก็เป็นเจ้าสิบที่วิ่งออกมาระหว่างเธอกำลังให้อาหารตัวอื่นและลืมปิดประตูรั้วกั้น วันนี้ก็มาไอ้ห้า ถามว่าในฟาร์มมีไก่เป็นร้อยสองร้อยจำชื่อมันหมดได้ไง ตอบเลยตรงนี้ว่า...มั่วเอา! ใครบ้าจะไปจำได้ไก่หน้าตาเหมือนๆ กันแบบนั้นน่ะ!
“เออๆ นี่ลุงมาเอาน้ำให้ป้าแก้วมัน ไงลุงไปก่อนนะ”
“โอเคจ้ะลุง ฉันยืนพักอีกสักแปปเดี๋ยวก็จะไปควบจับมันอีก”
“เออๆ สู้เว้ย” แล้วลุงชมแกก็หิ้วกระติกน้ำเดินกลับไปยังสวนผลไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของเธอสักเท่าไหร่
ไหนๆ ก็ยืนพักแล้วงั้นมาแนะนำตัวคร่าวๆ ก็แล้วกัน อืม..สวัสดี หนีฮ่าว! หว่อเจี้ยว (ฉันชื่อ) ผักกาด อายุ21ปีเป็นคนไทยมีเชื้อสายจีนนิดหน่อยแต่พูดจีนไม่ได้ ได้แค่แนะนำตัวอย่างปะกี้นี่แหละ ฮ่าๆ
ตอนนี้เธอทำงานอยู่ในฟาร์มแห่งหนึ่ง ฟาร์มที่เลี้ยงสัตว์ส่งออกโรงงานหลายอย่างอาทิ ไก่ไข่ ไก่เนื้อ หมู ห่าน เป็ด เป็นตัว เอ้ย! เป็นต้นดิ ถ้าถามว่าชอบเหรอถึงมาทำที่นี่ หึหึ! เรื่องแบบนี้เหรอใครจะชอบ! หากไม่ใช่เพราะความดื้อความมึนก็ไม่ถูกส่งมาทำงานที่นี่หรอก รู้งี้นะถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ดื้อกับคุณป๊าคุณแม่เลยแหละ พูดแล้วก็ขึ้นทุกที!
มีที่ไหนส่งลูกสาวมาอยู่กับเพื่อนให้มาทำงานในฟาร์ม ให้อยู่ในสวนเก็บผักผลไม้ก็จะไม่อะไรนะ นี่คือภาคบังคับด้วยจ้าว่าต้องมาเลี้ยงสัตว์เท่านั้น!
แล้วประเด็นคือไร่พ่อเลี้ยงราเชนทร์นี่คือกว้างมากถึงมากที่สุดอ่ะ เพราะนอกจากจะมีฟาร์มสัตว์ อีกฟากหนึ่งยังเป็นสวนผลไม้นานาชนิดอีกต่างหาก และวันไหนที่โชคร้ายเจ้าไก่เจ้าเป็ดจอมซนนี่หลุดวิ่งหนีล่ะก็ทำเอาเธอนี่น้ำหนักลงไปหลายโลเพราะวิ่งควบพวกมันจับคืนเข้าคอกอ่ะ และถ้าดวงซวยสุดคือพวกมันวิ่งเข้าฟาร์มวนเข้าสวนไปมาอ่ะเธอต้องวิ่งควบพวกมันที่ก็วิ่งหนีจนแทบตายกันไปข้างหนึ่งอ่ะ
“ไอ้เชี่ย พี่โจอี้!” จากที่ยืนใช้มือพัดวีให้ความเย็นกับตัวเองก็ต้องตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลูกน้อบพ่อเลี้ยงกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอ ผักกาดหันไปมองเจ้าห้าสลับกับโจอี้แล้วชี้หน้าเจ้าห้าด้วยสายตาเขม็ง
“ถ้าแกลงมาตอนที่พี่โจอี้มาถึงนะฉันจะจับแกไปเชือดแล้วเอาลงหม้อต้มยำซะ!!” และเหมือนเจ้าห้ามันจะรู้เรื่องหรือว่ากำลังเหนื่อยจากการโดนควบไม่รู้เพราะมันได้หันหน้าหนีและหมอบลงหลับตาอยู่บนกิ่งต้นไม้กิ่งใหญ่นั่น
“ให้อาหารไก่แล้วเหรอครับ!?”
“ให้เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะพี่โจอี้”
“อ่อครับ พ่อเลี้ยงให้มาตามน่ะ..เขาอยากทราบจำนวนสัตว์แต่ละชนิดว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เห็นว่าถ้ามันเหลือน้อยกว่าเดิมจะได้นำมาลงเพิ่มน่ะ”
“อ่อ…ลำพังแค่นี้ฉันก็จะตายอยู่แล้วนะ” ประโยคหลังเธอพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่เบา ไม่ใช่ว่าทั้งฟาร์มมีเธอเพียงคนเดียวที่ต้องดูแลสัตว์น้อยทั้งหลายหรอก เพราะยังมีอีกเกือบห้าสิบคนเพียงแต่ว่าหน้าที่ให้อาหารพวกมันนั้นกลับเป็นเธอเพียงคนเดียว! คนเดียวจริงๆ!
“ผักกาดว่าอะไรนะครับ!?”
“ฉันบอกว่ามันเหลือเยอะอยู่ค่ะ”
“แต่พี่มองว่ามันน้อยลงนะครับ เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนเป็ดกับไก่ก็ตายไปตั้งหลายตัวเลย”
“เดี๋ยวมันก็คงฟื้นขึ้นมาเองแหละ”
“ว่าอะไรนะครับ มันจะฟื้นขึ้นมาเองอย่างงั้นเหรอ!?” เอาจริงเธอคิดว่าเขาไม่น่าจะหูตึงนะ แต่คงไม่คิดว่าเธอจะพูดมันออกมาแบบนี้ล่ะสิ เหอะ! ก็อย่าให้มดความอดทนมากกว่านี้ก็แล้วกันอยากพูดอะไรจะพูดออกมาให้หมดเลยคอยดู!
“ใช่ค่ะ”
“ฮ่าๆ ผักกาดน่าจะดูซีรี่ย์เยอะเกินไปนะครับ”
“ก็คงงั้น ไอ้ห้า!!” ผักกาดบอกกับโจอี้ด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มอ่อนหวานแล้วตะโกนเรียกเจ้าห้าด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ มันก็ล่วงหล่นลงมาซะงั้น
คงไม่ใช่ว่าหลับจนผงกหัวแล้วตกลงมาหรอกนะ!
ตุ้บ! ‘กระต๊ากกระต๊าก!’ จากนั้นมันก็รีบเผ่นหนีเอาตัวรอดไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นรังสีความร้อนจากตาของผู้ดูแลตัวเอง ส่วนตัวผักกาดเธอหันไปยิ้มเจื่อนให้โจอี้ที่ฉีกยิ้มหวานให้เธอก่อนจะหุบยิ้มแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าทีเรียบนิ่ง
“พามันมาเดินเล่นเหรอครับ!?”
“เอ่อ ใช่ค่ะ ปกติจะใช้สายคล้องคอมันไว้นะคะ แต่ไอ้ห้านี่ฉันพามันออกมาบ่อยวันนี้เลยอยากลองปล่อยมันดูบ้าง”
“มันเป็นไก่นะครับไม่ใช่สุนัข”
“ก็มีสี่ขาเหมือนกันแหละน่า เหมือนๆ กัน”
“ไก่บ้านคุณผักมีสี่ขาเหรอครับ!?” เหมือนจะเป็นคำด่าก็ไม่เชิง เพราะด้วยความที่โจอี้เป็นคนสุภาพฉะนั้นคำหยาบคายจะไม่ค่อยได้ยินแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ด่าหรือพูดเหน็บแนมเหมือนเช่นนี้นะ!
“ฉันหมายถึงว่านิ้วมันต่างหากล่ะ”
“อืม จับมันเข้าโรงไก่ได้เมื่อไหร่แล้วค่อยไปหาพ่อเลี้ยงก็ได้ครับ แต่ถ้ายังให้อาหารสัตว์อื่นไม่เสร็จจัดการให้เรียบร้อยก่อนไปหาพ่อเลี้ยงก็ได้นะครับ เขาไม่รีบแต่ต้องการวันนี้” พูดทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นี้แล้วก็เดินออกไป ทิ้งหญิงสาวตัวเล็กที่ตอนนี้หันกลับไปมองเจ้าห้าซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทางสวนผลไม้ให้ยืนตาละห้อยอยู่เพียงลำพัง
“ฉันเกลียดแกไอ้ห้า ย้ากกกก!!!” แล้วผักกาดก็รีบวิ่งตามมันไปเนื่องจากวันนี้เธอต้องรีบทำทุกอย่างให้เสร็จเร็วกว่าทุกวัน แต่ตอนนี้เที่ยงแล้วกว่าจะจับเจ้าห้าได้และเธอเพิ่งให้อาหารไก่ไข่กับไก่เนื้อไปเหลือ เป็ด ห่าน หมูอีกล่ะกว่าจะเสร็จหมดทุกอย่างวันนี้ต้องมืดค่ำแน่แล้วแบบนี้เธอจะทันไปงานวันเกิดเพื่อนรักมั้ยเนี่ย!
มาถึงบ้านของราชันย์ร่างสูงก็รีบเดินตรงเข้าไปในบ้านซึ่งก็เห็นว่าบิดาของเขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ส่วนภาวิณีย์นั้นนั่งปักดอกไม้ลงแจกัน พรึ่บ! เพล้ง!! เขาเดินไปหยิบแจกันจากมือภาวิณีย์ปาลงบนพื้นจนมันแตกกระจายท่ามกลางความตกใจของคนในบ้าน“แกทำบ้าอะไรของแกห้ะ!!”“ทำอะไรเหรอ!! ม๊าผมตายแล้วทุกคนยังมานั่งสบายอารมณ์อยู่ พอใจพวกคุณแล้วใช่มั้ย!!?” ราเชนทร์หันไปตะเบ็งเสียงใส่ผู้เป็นพ่อที่พอได้ยินประโยคของบุตรชายก็ใจหายขึ้นมาทันที ส่วนคนในบ้านนั้นต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน“แกพูดอะไรของแก”“ม๊าผมตายแล้ว กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย!!”“เป็นไปได้ไง”“มันเป็นไปได้แล้ว!!!”“ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ฉันไม่ได้สั่งคนไปฆ่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องไปเดือดร้อนยุ่งเรื่องของครอบครัวนายนะ” ภาวิณีย์พูดแล้วก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาหยิบแก้วชามาจิบดื่มอย่างสบายอารมณ์ ส่วนราเชนทร์นั้นก็ได้แต่ยืนมองหล่อนด้วยสายตาที่แข็งกร้าง มือหนากำเข้าหากันแน่น“ป๊าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ชุตายตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่เคยสนใจอะไรเลยไง ปากบอกว่ารักม๊าผมมากกว่าคุณภาแต่ไม่เคยสนใจอะไรผมกับม๊าเลยสักนิด!!!”“ยัยชุเป็
เมื่อมาถึงบ้านผักกาดก็รีบดึงมือของราเชนทร์ใหขึ้นไปบนห้องแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองและของเขาออกก่อนจะนั่งยองลงตรงหน้าของเขา มือเล็กจับแท่งเอ็นไว้ก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดเลียมันอย่างช่ำชอง“ซี้ดดด! ผักกาด” ฝ่ามือกว้างขยุ้มลงบนเส้นผมของคนตัวเล็กเมื่อเธอกำลังใช้ปากครอบครองมันทั้งดุ้น“บ๊วบๆๆ อ้า!”“พ่อเลี้ยงอยากให้หนูขย่มให้มั้ยคะ!?” ผล่ะปากออกจากแท่งเอ็นเพื่อถามชายหนุ่มร่างสูงที่ตอนนี้ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ เขาขบกรามตัวเองแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาตามคอแล้ว“แน่นอนว่าฉันอยากให้เธอขย่มให้ อ้าส์! แค่ปากของเธอมันก็ทำให้ฉันเสียวซ่านแล้วผักกาด!”“ถ้างั้นพ่อเลี้ยงขึ้นไปนอนนะ เดี๋ยวคืนนี้หนูจะบริการพ่อเลี้ยงทั้งคืนเลย” พูดพร้อมกับกัดปากยั่วยวนเพศตรงข้าม ราเชนทร์จึงกระตุกยิ้มอย่างพอใจกับการบริการครั้งนี้ของแฟนสาว จากนั้นเขาก็เดินไปนอนบนที่นอน ส่วนผักกาดก็รีบขึ้นไปนั่งคร่อมเขาโดยที่รับเอาแท่งเอ็นอุ่นเข้าไปในตัวเองด้วย“ฉันเพิ่งนึกได้ว่าเป็นฉันต่างหากที่ต้องทำ ฉันต้องลงโทษเด็กดื้ออย่างเธอ” พรึ่บ! แต่เพราะส่วนมากเขาจะชอบเป็นฝ่ายคุมเกมส์มากกว่าจึงจับร่างบางพลิกให้นอนลง ปึ่ก! แล้วเขาก็กระแทกกายเข้าใ
เมื่อได้ยินชมพูตอบแบบนั้นรุ่งฟ้าก็ได้แต่นั่งอ้าปากเหวอ “เธอมองผิดหรือเปล่าชมพู” แล้วเอ่ยถามชมพูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเธอไม่ได้กินมันผิดจริงๆ แต่ชมพูยังคงพยักหน้าเป็นคำตอบว่าจริง เธอกินมันไปจริงๆ“มีอะไรกัน!?” ราเชนทร์ที่ไม่เข้าใจสิ่งที่สาวๆ คุยกันนั้นจึงถามขึ้น“ก็หนูกับลุงคลอสไปได้ยินพี่สายธาร พี่ลูกปัดและพี่ปุ๊กลุ๊คคุยกันว่าจะมอมยาจับพ่อทำผัว พวกหนูก็เลยจะไปจัดการให้ แต่ว่าน่าจะล่มไม่เป็นท่า…” ชมพูตอบพี่ชายด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วแล้วอ่อนลงในประโยคหลัง ถึงจะไม่เข้าใจว่ายาปลุกเซ็กส์คืออะไรแต่ดูจากสีหน้ารุ่งฟ้าแล้วน่าจะไม่ใช่เรื่องดี“แล้วเธอก็กินไปเหรอ?” ภามถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าสาวๆ พวกนี้ไม่ก่อความวุ่นวายให้คนอื่นแต่เหมือนจะก่อความวุ่นวายให้ตัวเองซะงั้น รุ่งฟ้าพยักหน้าให้เบาๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายดังอึกจนทุกคนหันมามองเธอ“เป็นอะไร!?” คลาสถามขึ้นเมื่อรุ่งฟ้าเริ่มจะนั่งไม่อยู่นิ่ง เธอส่ายหน้าให้เขาเบาๆ แล้วพ่นลมหายใจออกช้าๆ ตอนนี้ภายในกายของเธอเริ่มจะร้อนลุ่มขึ้นมาแล้ว“ยาปลุกเซ็กส์เป็นยังไงเหรอ?”“อยากลองดูล่ะ เธอได้ควบม้าทั้งคืนอ่ะ” ราเชนทร์ตอบหญิงสาวข้างกายอย่างทีไปทีแต่ผักกาดถึ
จากนั้นเจ้าของงานอย่างคุณวาสนานักธุรกิจสาวชื่อดังก็ขึ้นเวทีเพื่อกล่าวเปิดงานพูดคุยกับแขกในงานตึกตักๆ เสียงวิ่งของชมพูดังขึ้นมาพร้อมกับร่างเล็กมาหยุดฝีเท้าที่ด้านหน้าของผักกาด“พี่ผักแย่แล้ว!”“อะไรคะ?” ผักกาดที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะทานอาหารนั้นถามขึ้นเมื่อเห็นชมพูวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับคลอสที่เดินตามหลังมาอีกที“พี่สายธารค่ะ เขาจะจับพ่อทำผัว”“น้องชมพู พูดอะไรคะเนี่ย?”“จริงๆ หนูกับลุงคลอสไปได้ยินมา” ตอบด้วยสีหน้าที่จริงจนผักกาดต้องหันไปมองคลอสเชิงถามว่าจริงเหรอ ซึ่งคลอสก็พยักหน้าให้ก่อนจะเดินไปนั่งข้างน้องสาว“พี่พาชมพูไปเข้าหองน้ำมาเลยได้ยินสายธารคุยกับลูกปัดว่าจะมอมยาพ่อเลี้ยงจับมาทำผัว”“จริงเหรอ?”“หน้าพี่ชายเธอดูไม่น่าเชื่อถือลยหรือไง” คลอสถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าผักจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเขาสักเท่าไหร่“ก็เชื่อ นี่…ไปหาอะสนุกๆ ทำกันปะ” ผักกาดหันไปมองรุ่งฟ้ากับชมพูสลับกัน ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนออกมาทันที“ฉันไม่มาเล่นไร้สาระกับเธอหรอกนะ”“อ่า ถ้างั้นเรื่องเธอพี่ชายฉันพูดออกไปช่วยไม่ได้นะ”“ก็ได้! จะทำอะไรว่ามา”“เธอกับชมพูไปตามดูสายธารเดี๋ยวฉันไปหาสองพี่น
“น้องผักสวยจังเลยนะครับวันนี้” เสียงของภามเดินตรงเข้ามาหาผักกาดแล้วเอ่ยชมคนตัวเล็กที่กำลังยืนตักเค้กจากจานในมือเข้าปาก เธอจึงหันไปฉีกยิ้มหวานให้ภามใบหน้าคมหล่อเข้ม ผมดกดำถูกเซ็ตไว้อย่างลงตัว ชุดที่เขาสวมใส่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยเสื้อสูทสีครีมกางเกงขายาวสีเดียวกับเสื้อสูท รองเท้าหนังคู่แพงนั้นถูกขัดจนเงาวับเมื่อมองสำรวจความหล่อของเขาเสร็จแล้วผักกาดก็รีบเคี้ยวและกลืนเค้กลงท้อง“พี่ภามก็ดูดีนะคะ”“ต้องนิดนึงครับ…น้องตัวเล็กชื่ออะไรนะครับ?”“ชมพูค่ะ พี่ผักเป็นแฟนพ่อนะคะอย่าคิดจะมาจีบ” ชมพูเอ่ยตอบภามด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าเขม็งจนภามกับผักกาดถึงกับต้องหัวเราะออกมาเบาๆ“พี่ไม่จีบหรอกครับ”“อ้าว! ไม่จีบเหรอคะ?”“หื้ม เรามีแฟนแล้วพี่จะไปจีบได้ไง”“ก็เห็นพี่ชอบเข้ามาทักทายมาพูดด้วยเลยคิดว่าจะมาจีบ” หญิงสาวร่างเล็กถามด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ อุตส่าห์หลงตัวเองว่าที่เขาเข้ามาหาก็เพราะว่าจะกลับมาจีบเธอใหม่ ไม่ได้อยากกลับไปคบแต่คิดว่าตัวเองสวยขึ้นไง แบบเออ…หลงตัวเองอ่ะ ฮิฮิ!“แค่คิดถึงเลยเข้ามาทัก อีกอย่างผักเป็นคู่หมั้นของพ่อเลี้ยงนี่นา”“พี่ก็รู้เหรอคะ?”“ทุกคนก็รู้นี่ครับ”“จ
เมื่อได้ยินแฟนสาวพูดออกมาเช่นนั้นแล้วราเชนทร์ก็ถึงกับนั่งยิ้มกริ่มออกมาคนเดียว ส่วนผักกาดเธอก็ลุกขึ้นไปปัดกวาดทำความสะอาดบ้านของตัวเองต่อจนเสร็จเรียบร้อยก็เห็นราเชนทร์ยังคงนั่งยิ้มอยู่ไม่หยุด“มานั่งยิ้มอะไรอยู่นี่ควรจะกลับไปนอนพักมั้ยคะ?” “อืม หกโมงก็อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ”“โอเคค่ะ”“ครับ…” ตอบรับด้วยรอยยิ้มแล้วก็เดินออกไป“พิลึกคนจริง นึกจะมาอารมณ์ดีก็มาอารมณ์แบบไม่ต้องมีเรื่องมีราว” พูดกับตัวเองแล้วก็เดินไปเอนตัวนอนบนโซฟาเพื่อพักผ่อนรอไปงานในอีกไม่กี่ชั่วโมงเวลา 19:17 น.ตอนนี้ผักกาดยืนอยู่หน้ากระจกในชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาสีชมพูอ่อน ใบหน้าเรียวถูกแต่งเติมเพียงเล็กน้อย ผมยาวดัดลอนและปล่อยลงมากลางหลัง เมื่อพอใจกับความสวยของตัวเองแล้วเธอก็หยิบรองเท้ามานั่งสวมที่โซฟาก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาสะพายแล้วเดินตรงไปยังบ้านหลังใหญ่“เมียใครสวยจังเลย” และเมื่อผักกาดก้าวขาเข้าไปในตัวบ้าน เสียงทุ้มของราเชนทร์ก็ดังขึ้น สายตาคมจับจ้องไปที่ร่างเพรียวระหงษ์อย่างไม่ละสายตาจนผักกาดต้องเดินไปยืนข้างโจอี้“เขาเป็นอะไรคะ?”“ผมถาม เขาบอกว่าคุณผักน่ารักกับเขาครับ”“นะ หนูน่ารั
ความคิดเห็น