“ทำไมมารอบนี้ดูดีขึ้นตั้งเยอะวะ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเมื่อเห็นป้ายทางเข้าไร่เมื่อเห็นว่าป้ายไร่ดวงใจซึ่งเขาจำได้ดีว่าเมื่อสองปีที่แล้วป้ายไร่นั้นผุพังห้อยต่องแต่งสีซีดจางแทบมองไม่เห็นว่ามันเขียนว่าอย่างไรและเขาก็เกือบจะขับรถเลยไปทิศทางอื่น หากบิดาไม่บอกว่าทางนี้คือทางเข้าไร่ แล้วต้นไม้ในไร่หลายร้อยต้นยืนต้นตายและแคระแกร็นหญ้าสูงท่วมหัวดูแห้งแล้งและขาดการเอาใจใส่ แต่ตอนนี้มันดูเขียวขจีมีต้นไม้หลายต้นถูกปลูกขึ้นใหม่ หญ้าที่เคยสูงท่วมหัวแห้งกรอบไม่มีให้เห็น แต่หญ้าถูกตัดให้โล่งเตียนดูสบายตาและดูร่มรื่นขึ้น เขาเห็นสวนผักหลากหลายชนิดอยู่ข้างทางมีคนสองคนกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับแปลงผักสายน้ำที่พวยพุ่งออกจากท่อน้ำสปริงเกอร์หมุนไปรอบๆ ทำให้บริเวณโดยรอบชุ่มฉ่ำแปลงดอกดาวเรืองและดอกไม้หลากสีที่ปลูกเพื่อล่อแมลงอยู่รอบๆ แปลงผักก็สวยงามน่ามอง
ธีโอขับรถไปเรื่อยๆ และมองสำรวจไร่ดวงใจที่ดูสวยงามมากขึ้นอย่างอดทึ่งไม่ได้ กระถางดอกไม้และไม้ประดับที่วางเรียงรายอย่างสวยงามตลอดทางเดินเข้าสู่ตัวบ้านที่ถูกทาสีใหม่และปรับปรุงตกแต่งดูน่าอยู่มาก เพราะเค้าโครงเดิมของบ้านไม้หลังนี้สวยอยู่แล้วและเป็นแบบบ้านแบบร่วมสมัยที่ในสมัยนี้หาดูได้ยาก ชายหนุ่มลงจากรถแล้วยืนมองดอกกุหลาบสีชมพูในกระถางสวยงามอย่างชื่นชม มีกระถางกุหลาบหลายกระถางและมีบางต้นถูกปลูกลงดินเป็นแปลงยาวอยู่ข้างระเบียงบ้านส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ มาตามสายลม
“มาหาใครครับ” ลุงเชิดเอ่ยถามชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมแว่นกันแดดมาดเข้มยืนนิ่งมองกระถางดอกไม้อยู่หน้าบ้าน
“ฉันมาหาขวัญชีวา..” ธีโอเอ่ยเรียบๆ มองชายชราตรงหน้าที่มองเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตรและเหมือนระแวงไม่ไว้ใจเหมือนว่าเขาจะมาขโมยอะไรในบ้านนี้ไปอย่างไรอย่างนั้นอย่างขบขัน นี่คนพวกนี้คิดว่าเขาจะมาเอาอะไรในบ้านหลังนี้ไปหรืออย่างไร
“คุณหนูไม่อยู่ครับ” ชายชราตอบอย่างสุภาพและมองเขาดีขึ้นเมื่อเขาบอกว่ามาหาเจ้านายของตนซึ่งทำให้ธีโอนึกชื่นชมว่าคนที่นี่พูดเพราะและสุภาพกับแขกดี
“แล้วเธอไปไหน”
“ไปงานเลี้ยงเกษียณท่านนายอำเภอวันชัยกับคุณชายแดนครับ หากคุณอยากพบคุณหนูอาจจะต้องมาใหม่วันพรุ่งนี้” คำตอบของชายชราตรงหน้าทำให้ธีโอขุ่นเคืองใจอย่างบอกไม่ถูก นี่อย่าบอกนะว่าเขาถูกเมียในนามสวมเขาให้ สีหน้าของชายหนุ่มขึงเครียดขึ้นทันที แม้จะไม่ได้รักหรือไม่ได้ผูกพันอะไรแต่เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเจ้าหล่อนและก็ไม่ปลื้มที่มีชายอื่นมาวอแวกับเมียของตน
“งานเลียงจัดที่ไหน”
“ที่บ้านพักของนายอำเภอครับ แต่เป็นบ้านในตัวเมืองนะครับ คุณต้องขับรถกลับเข้าไปในเมืองอีกสี่สิบกิโล..”
ให้มันได้แบบนี้สิ.. ธีโอรู้สึกหัวเสียอย่างแรง ชายหนุ่มเดิมกลับขึ้นรถแล้วโทรศัพท์หาบิดาเพื่อถามทางไปบ้านของนายอำเภอวันชัยทันที...
ชายหนุ่มเดินถือกระเช้าของขวัญเข้าไปในในงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายแต่งกายงดงามภูมิฐาน ผู้คนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าไปอวยพรและแสดงมุทิตาจิตกับท่านยายอำเภอวันชัยกันอย่างคับคั่งดีที่เขารู้ว่านายอำเภอวันชัยเกษียณจึงได้แวะซื้อกระเช้ามาด้วยไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้ว่าจะให้เหตุผลอะไรที่มาพบท่านในวันนี้ ธีโอมองหาคนที่คิดว่าจะเป็นภรรยาของตนอย่างหงุดหงิด
“เราน่าจะเอารูปเจ้าหล่อนมาด้วยนะเนี่ย แล้วจะรู้ได้ไงว่าเมียเราคนไหนวะ..” ชายหนุ่มบ่นอุบอยู่คนเดียวดวงตาคมมองไปในงานด้านหน้าเวทีเล็กๆ ที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้งดงามเหมือนจะมีการแสดงอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นการเล่นดนตรีไทยหรือการร่ายรำ
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” เสียงหวานๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ธีโอหันมามองก็พบหญิงสาวสวยนางหนึ่งส่งยิ้มหวานมาให้ ร่างระหงอยู่ในชุดราตรีเกาะอกรัดรูปสีแดงเลือดหมู ทรวงอกที่ตั้งใจดันจนเนินอกล้นหลามนั้นทำให้คนมองแอบกลืนน้ำลายได้ไม่ยาก แต่สำหรับธีโอแล้วเขากลับมองว่ามันแสนธรรมดาเพราะเขาผ่านหญิงสาวสวยหุ่นสะบึมมามากมาย และหากถูกใจก็ไม่ต้องอธิบายต่อว่ามันจะจบลงที่ไหน หญิงสาวคนนี้ก็เช่นกัน...
“ฉัน นริสา ค่ะ เรียกริสาก็ได้ ริสาเป็นหลานของนายอำเภอวันชัยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...” หญิงสาวเอ่ยแนะนำตัวก่อน
“ผมธีโอ.. ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ยินดีค่ะ ว่าแต่ว่าคุณมาร่วมยินดีกับคุณลุงหรือคะ”
“ก็ทำนองนั้น..” คำพูดของหญิงสาวทำให้ธีโอนึกได้ว่าจะต้องไถ่ถามตามหาภรรยาของตนจากใคร
“ถ้าอย่างนั้นเชิญไปพบคุณลุงสิคะ ท่านนั่งอยู่ตรงโน้นค่ะ” นริสายิ้มหวานแล้วเชื้อเชิญเขาเข้าไปในงานด้วยความยินดี
คืนนี้เธอจะได้ควงหนุ่มหล่ออวดใครๆ มันเป็นโชคดีของเธอจริงๆ ที่มาพบเขาซึ่งดูหล่อเหลาโดดเด่นมากกว่าใครๆ และเธอก็รู้จักเขา หนุ่มสังคมที่สาวๆ ต่างใฝ่ฝันถึงไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเขาที่นี่ เธอจะต้องได้รับความสนใจจากทุกคนในงานแน่ๆ ที่ได้ควงหนุ่มหล่อขั้นเทพเช่นนี้...
ในระหว่างที่ธีโอเดินเคียงข้างนริสาเข้าไปหานายอำเภอวันชัย ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อยเมื่อเสียงดนตรีไทยแผ่วหวานดังขึ้น ท่วงทำนองที่เขาเคยได้ยินมาบ้างอ่อนหวานไพเราะจนเขาต้องหยุดฟัง แม้จะเคยได้ยินเสียงบรรเลงดนตรีเช่นนี้มาบ้างงานนิทรรศการต่างๆ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปอย่างที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไร ธีโอหยุดแล้วมองขึ้นไปบนเวทีที่ประดับตกแต่งงดงามอย่างไม่ค่อยจะสนใจในคราวแรกแต่แล้วก็เหมือนหัวใจเขาหยุดเต้นทุกอย่างรอบกายหยุดเคลื่อนไหวเมื่อเขาได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังบรรเลงขิมอยู่บนนั้น
หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งในชุดไทยห่มสไบสีทองอมชมพูงดงามแสงไฟที่สาดส่องไปที่เธอนั้นต้องกระทบเหลื่อมที่ปักอยู่บนชุดที่เธอสวมทำให้เกิดแสงพราวระยับโดดเด่นงดงามอยู่บนนั้น ใบหน้าเรียวได้รูปประดับด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลใต้คิ้วเรียวจมูกโด่งเล็กๆ รับกับริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูอ่อนใสเรือนผมยาวสลวยถึงกลางหลังนั้นพลิ้วไหวตามแรงลมของพัดลมไอน้ำที่หมุนไปรอบๆ เพื่อสร้างความเย็นสบายให้ผู้คนในงาน แม้คืนนี้อากาศจะไม่ค่อยร้อนนักก็ตาม ธีโอมองภาพหญิงสาวที่นั่งบรรเลงเพลงขิมอยู่บนเวทีเหมือนถูกมนต์สะกด ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักนั้นยิ้มบางๆ ให้กับผู้คนในขณะที่เธอเล่นขิมไปด้วยดูเป็นธรรมชาติ อ่อนช้อยงดงามราวนางในวรรณคดีและเมื่อเพลงจบลงเสียงปรบมือก็ดังขึ้นชายหนุ่มเหมือนตื่นจากภวังค์ หญิงสาวไหว้ขอบคุณแขกเหรื่อที่ปรบมือให้ด้วยรอยยิ้มแสนหวานและในตอนนี้ที่ดวงตาของเธอเหลียวแลมาสบกับดวงตาคมของเขาพอดี...
บทที่ 75. ตอนอวสาน“ชีวาจ๋า พี่ผิดไปแล้ว ลูกจ๋า พ่อผิดไปแล้ว ต่อไปพ่อจะไม่พูดแบบนี้อีก พ่อรักน้องธามที่สุดในโลก..” ธีโอแทบใจขาดเมื่อเจอลูกชายเมินหน้าหนี ชายหนุ่มหน้าเศร้าซีดเซียวจนขวัญชีวาสงสารสามี“น้องธามครับ เลิกงอนคุณพ่อนะครับ เห็นไหมคุณพ่อจะร้องไห้เพราะน้องธามงอนแล้ว คนดีของคุณแม่ รักคุณพ่อนะคะ เลิกงอนนะลูก รักกันๆ นะคะ..” ขวัญชีวาก้มลงพูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนน่าฟัง ธีโอลุ้นอย่างหนักว่าลูกชายตัวน้อยจะเลิกงอนและหันกลับมามองเขาหรือยอมให้เขาอุ้มหรือไม่เพราะหลังจากที่หลุดปากพูดประโยคแย่ๆ นั้นออกไปน้องธามก็นิ่งเงียบไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้พอใครจะเข้าใกล้ก็สะบัดตัวเหวี่ยงแขนไปมาทั้งยังขว้างปาของเล่นใส่ทุกคนที่เข้าใกล้อย่างเกเร“น้องธามครับ ที่รัก คนดี พ่อทูนหัวลูกรักของพ่อมาหาพ่อนะครับน้องธามจ๋า..” ธีโอขยับไปใกล้แล้วโอบกอดทั้งแม่ทั้งลูกไว้ในอ้อมแขน น้องธามเงยหน้าขึ้นมองสบตาผู้เป็นพ่อดวงตาใสๆ นั้นทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อเต้นแรง ลูกชายตัวแสบนี่ช่างเหมือนเขาเสียจริงๆ แต่โครงหน้าก็มีแววหวานเหมือนขวัญชีวา ยิ่งดวงตาใสๆ เหมือนแม่นี่ล่ะร้ายนักมองทีไรหัวใจเขาละลายทุกที เหมือนตอนนี้ไงล่ะ...น
บทที่ 74.“ถามอะไรหน่อยสิคะ”“ว่ามาเลยครับคนสวย” ธีโอเท้าแขนกับที่นอนมองสบตาภรรยา“ทำไมพี่ธีโอต้องลงทุนทำร้ายจิตใจชีวาขนาดนั้นด้วยคะ ความจริงพี่ธีโอบอกความจริงชีวา ชีวาก็เข้าใจและยอมรับแผนการพี่ธีโอได้นะคะ” หญิงสาวถามสิ่งที่เธอสงสัยอยู่ในใจ“ก็เพราะชีวาเข้าใจอะไรง่าย และรักทุกคนไงล่ะพี่จึงต้องผลักไสชีวาออกไปให้ห่างๆ” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ“ชายแดนบอกพี่ว่าชีวาน่ะดื้อเงียบได้น่าโมโหมากและรักทุกคนมาก จะยอมทุกทุกอย่างเพื่อให้คนที่รักปลอดภัยและจะไม่ยอมให้ใครอยู่สู้เพียงลำพัง..หากพี่บอกความจริงชีวา ชีวาก็จะไม่ยอมออกจากไร่ชีวาจะอยู่ช่วยพี่ซึ่งจะทำให้พี่เป็นกังวลและห่วงชีวากับลูกมากขึ้น และสิ่งที่พี่กลัวคือ กลัวว่าคุณดวงพรรู้ว่าชีวาท้องแล้วจะทำร้ายชีวากับลูกหรือไม่ก็อาจจะใช้ชีวาเป็นเครื่องมือต่อรองอะไรบางอย่าง...”“ก็เลยเลือกที่จะพูดร้ายๆ ทำตัวร้ายๆ กับชีวาน่ะเหรอคะ หากชีวาไม่เข้าใจ ชีวางี่เง่าจะทำไงคะ”ขวัญชีวายิ้มบางๆ ให้สามีและยอมรับว่าที่เขาพูดมาจริงทุกอย่าง หากเธอรู้ว่าเขากำลังทำอะไรเธอจะไม่มีวันทิ้งเขาและจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเขา แต่นั่นล่ะคือปัญหาเพราะธีโอจะห่วงเธอกับลูก
บทที่ 73.“เจมมี่ว่าเราจะต้องได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้แน่ๆ เลยค่ะคุณชีวา”“นั่นสิ แต่อย่าเพิ่งไปแซ็วเขานะเจมมี่”“ฮ่ะ เจมมี่จะพยายามกดต่อมเผือกไว้อย่างสุดความสามารถ..” ทั้งสองหัวเราะให้กันธีโอขมวดคิ้วอย่างสงสัย“มีอะไรกันหรือสองคนนี้มีความลับอะไรกัน”“ไม่มีค่ะแค่มีอะไรดีๆ ที่ต้องรอ..” ขวัญชีวายิ้มหวานให้สามี“อะไรหรือ..”“ยังบอกไม่ได้ค่ะ เราไปหาพี่แดนกับริสากันดีกว่าได้ฤกษ์ส่งตัวแล้ว..” ขวัญชีวาควงแขนสามีไปหาบ่าวสาวที่ยิ้มแย้มด้วยความสุขชายแดนมองเจ้าสาวที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนห่มผ้าหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงกว้างที่โรยกลีบกุหลาบไว้จนเต็มที่นอนรวมไปถึงทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วย PrincessNarisa ที่บานงดงามในวันแต่งงานของเขาและกลิ่นหอมอบอวลไปทั้งห้องหอ“ว้าเจ้าสาวหลับเสียแล้ว พี่แดนจะลักหลับเจ้าสาวดีมั้ยน้า..” ชายแดนแกล้งสอดเข้าไปใต้ผ้าห่มนุ่มและลูบไล้บั้นท้ายงามงอนเบาๆ คนที่หลับตานอนเกร็งอยู่นั้นลืมตาทันทีและทำท่าว่าจะต่อว่าเขาด้วย...“พะ พี่ แด...” เจ้าสาวคนสวยไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกมาเจ้าบ่าวที่จ้องจะพาเจ้าสาวเข้าหอมาตลอดก็ประทับจุมพิตเร่าร้อนลงบนกลีบปากงามทันทีปิดกั้นเสียงหวานไว้ด้วยเรียวป
บทที่ 72.“ชีวาขอโทษค่ะ..” ขวัญชีวาพูดเพียงเท่านั้นร่างบางก็หมดสติไปทันที“เจมส์ ตามหมอเร็ว..” ธีโอช้อนร่างภรรยาไว้ในวงแขนแล้วพาไปยังห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว เคนอยู่เคลียร์พื้นที่กับสารวัตรกวินอย่างรู้หน้าที่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งแฝงตัวอยู่ในชั้นนี้ก็ค่อยๆ ออกมาทำหน้าที่ของตนอย่างรวดเร็วเช่นกัน งานนี้พวกเขาทำกันเงียบที่สุดให้คนรู้น้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัยและของคนไข้และแพทย์พยาบาลรวมไปถึงชื่อเสียงของโรงพยาบาล...ขวัญชีวามองควันที่พวยพุ่งออกจากปล่องเมรุด้วยความโศกเศร้า แม้ตั้งแต่เล็กจนโตเธอกับดวงชีวันไม่ค่อยสนิทสนมกันนัก เรียกได้ว่าแทบไม่เคยได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมรักใคร่ประสาพี่น้องฝาแฝดเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับเธอนั้นดวงชีวันก็ยังคงเป็นพี่สาวเป็นญาติคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ การจากไปก่อนวัยอันควรของดวงชีวันก็ทำให้เธอเสียใจอยู่ไม่น้อย...“อย่าเสียใจไปเลยค่ะคุณหนู คุณหนูยังมีพวกเรานะคะ” พี่ต้อยพี่ติ่งเดินมาโอบกอดคุณหนูของตน ขวัญชีวายิ้มให้ทั้งสองแล้วพยักหน้าช้าๆ“เรากลับกันดีกว่าค่ะพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ขวัญชีวาเดินกลับไปที่รถซึ่งธีโอกับคุณธัชยืนรออยู่พร้อมด้วยนมนวลกับเจมส์“เหนื่อยไหมที่
บทที่ 71.“นั่นไงคุณแม่ของฉัน น้อยอยู่ที่นี่ล่ะไม่ต้องตามไป”“แต่.. น้อยเป็นห่วงนะคะ”“ไม่เป็นไรหรอก คุณแม่ไม่ทำอะไรฉันหรอก รออยู่นี่ล่ะ” ขวัญชีวาบอกพร้อมทั้งเดินไปหาคุณดวงพรในชุดพยาบาลที่กวักมือเรียกไวๆ น้อยมองตามเจ้านายสาวอย่างเป็นห่วงรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่“อีน้อยทำถูกมั้ยวะเนี่ย ใครๆ ก็บอกว่าคุณท่านให้ดูแลคุณผู้หญิงดีๆ” น้อยเกาหัวแกรกๆ อย่างสับสนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดึงเจ้านายของตนเข้าไปตรงบันไดหนีไฟอย่างไม่เบามือนัก...“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน..” น้อยตัดสินใจเดินตามขวัญชีวาเข้าไปคิดในใจว่าเผื่อมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นตนอาจจะช่วยได้...“เบาๆ ค่ะคุณแม่ ชีวากำลังท้องอยู่ค่ะ” ขวัญชีวาร้องบอกเมื่อคุณดวงพรดึงกระชากเธอให้เดินตามไป หญิงสาวหอบน้อยๆ เมื่อเดินขึ้นบนไดมาแล้วสามชั้น ทางเดินหนีไฟไม่ค่อยมีคนใช้นักมันจึงเงียบสงัดจนเธอรู้สึกกลัว ยิ่งเห็นแววตาของคุณดวงพรขวัญชีวาไม่อยากยอมรับเลยว่าเธอคิดผิด... แต่มันคงสายไปแล้วตอนนี้เธอควรตั้งสติและหาทางเอาตัวรอดจากคุณดวงพรที่เหมือนคนบ้าไร้สติเข้าไปทุกที...“ก็ดีสิ..”“ค่ะ คุณแม่กำลังจะมีหลาน”หญิงสาวพยายามพูดให้คุณดวงพรเห็นแก่ชีวิตเล็กๆ ในตัวเธอ“ไหนคุณแม่ว่า
บทที่ 70.ธีโอรู้สึกหงุดหงิดและใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคมเฝ้ามองห้องนั่งเล่นซึ่งขวัญชีวาอยู่ที่นั่นตั้งแต่รับประทานอาหารกลางวันเสร็จ จนตอนนี้บ่ายคล้อยแล้วขวัญชีวายังไม่ยอมออกมาพบใครๆ ทั้งยังสั่งไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเธออีกด้วย“ผมจะพาชีวากลับไร่ คิดว่าสภาพแวดล้อมดีๆ จะทำให้ชีวาดีขึ้น” ชายหนุ่มพูดขึ้นในที่สุดเพราะคิดว่าหากพาเธอกลับไปไร่ได้พบบรรยากาศดีๆ บริสุทธิ์สดชื่นจะทำให้ขวัญชีวาดีขึ้น“ก็ดีนะคะ คุณหนูบ่นคิดถึงไร่ตลอด”“พาเมียไปเถอะ เดี๋ยวพ่อก็จะไปด้วย” คุณธัชบอกลูกชายและเห็นด้วยกับความคิดของธีโอ“แต่ผมว่าจะพาชีวาไปเยี่ยมชีวันก่อนกลับ อย่างน้อยๆ ก็ให้ทั้งสองได้พบกันก่อน.. สารวัตรกวินโทร. มาบอกว่าอาการของดวงชีวันเหมือนจะดีขึ้นหากเธอดีขึ้นจริงๆ ผมจะรักษาเธอให้หาย” ธีโอบอกเบาๆ เขาคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ อย่างน้อยดวงชีวันก็ถือว่าเป็นพี่สาวของขวัญชีวา“จริงๆ แล้วคุณหนูชีวันก็น่าสงสารนะคะ ถูกเลี้ยงดูมานั้นแทนที่จะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีแต่ต้องมาถูกทำลายเพียงเพราะความอิจฉาริษยาของคนที่เป็นป้าแท้ๆ ของตัวเอง คุณดวงพรตั้งใจให้เด็กทั้งสองเกลียดกันเธอต้องการให้เด็กๆ พลัดพรากห่างไกลกันทั้