พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่สิยาก
‘ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ งั้นแกต้องเอาด้วยกล แกรู้ไหมว่ายัยมุกมันได้แต่งงานเพราะอะไร’ คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์
‘เพราะอะไรล่ะ’
‘ท้องไง มันปล่อยท้อง แล้วก็ค่อยบอกผัว ผัวมันก็เลยต้องยอมแต่งด้วย แกก็ลองใช้วิธีนี้ดูสิเผื่อได้ผล’
‘บ้า! แต่ฉันไม่ได้ท้องจริงๆ นี่’
จะเอาอะไรมาท้อง ในเมื่อเขาป้องกันตลอด ส่วนเธอก็กินยาคุมไม่เคยขาด
‘เอาน่า อยู่กินกัน ทำการบ้านทุกวันมันก็ต้องท้องซักวันสิน่า’
“พี่ดิว มี่อยากแต่งงาน ถ้าพี่ยังไม่พร้อมเราไปจดทะเบียนกันก่อนก็ได้นะ มี่โอเค...”
คำนั้นทำให้คนที่บอกเหนื่อยและง่วงถึงกับผุดลุกขึ้นหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“แต่พี่ไม่โอเค พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้”
คำนั้นทำให้มิรันดาถึงกับหน้าเสีย
“พี่หมายความว่ายังไง ไม่พร้อมคืออะไร ถ้าหมายถึงเงิน มี่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพี่นี่คะ”
มิรันดาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอเสียไปเมื่อหลายปีก่อน เธอต้องอยู่กับยาย แต่ไม่นานท่านก็เสียไปด้วยโรคมะเร็งอีกคน ทำให้เธอไม่เหลือใครอีก ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน จนมาพบเขา ชีวิตถึงได้ดีขึ้นบ้าง
“พี่บอกยังไม่พร้อมก็คือยังไม่พร้อมสิ จะถามเซ้าซี้อะไรมากมาย พร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวพี่ก็แต่งกับมี่เองแหละ มี่อย่าทำตัวน่ารำคาญได้ไหม”
“เดี๋ยวนะ มี่น่ะเหรอน่ารำคาญ” หญิงสาวแหวใส่อย่างน้อยใจ “มี่อยู่กับพี่ ดูแลพี่ทุกอย่าง ตามใจทุกอย่าง ตรงไหนที่ว่าน่ารำคาญ”
“ก็ตรงที่มาเซ้าซี้จะแต่งงานนี่ไง ถามจริง งานแต่งงานนี่มันสำคัญตรงไหน แต่งไม่แต่งเราก็อยู่ด้วยกัน เป็นผัวเมียกันแล้วไม่ใช่หรือไง เท่านี้พี่ว่ามี่ก็ควรจะพอใจแล้วนะ” เขาขึ้นเสียงใส่อย่างฉุนเฉียว
“แต่มี่อยากได้ความมั่นคงจากพี่ แต่งงานกัน จดทะเบียนกัน อย่างน้อยมี่ก็จะได้สบายใจว่าพี่เป็นของมี่คนเดียว”
“โธ่เว้ย...พูดไม่รู้เรื่อง น่ารำคาญชะมัด!”
“นั่นพี่จะไปไหน เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ” มิรันดาเอะอะ เมื่อเห็นแฟนหนุ่มผลุนผลันลุกจากเตียงกะทันหัน
“ไปนอนที่อื่น ขี้เกียจฟังเธอพล่ามไร้สาระ มันน่ารำคาญสิ้นดี”
เขาว่าพลางคว้าเสื้อผ้ามาสวมลวกๆ ไม่สนใจสีหน้าซีดเผือดของแฟนสาวที่มองเขาตาค้างอย่างตกตะลึง
นี่เธอกลายเป็นตัวน่ารำคาญสำหรับเขาไปแล้วหรือ กะอีแค่เธออยากแต่งงาน อยากได้ความมั่นคงในชีวิตคู่ของเรา เธอผิดตรงไหน
“พี่ดิวหยุดนะ มี่ไม่ให้พี่ไป เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง”
“ถ้ามี่จะคุยเรื่องนี้ พี่ขี้เกียจคุย เธอไปสงบสติอารมณ์ให้ดีก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน”
ดิฐกรว่าพลางเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้หญิงสาวนั่งมองตามแผ่นหลังของเขาอย่างน้อยใจ
************
“เซ็งโว้ย!”
ดิฐกรสบถอย่างหัวเสีย ก่อนกระดกแก้วเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว
“เฮ้ย! เบาได้เบามึงไอ้ดิว หลายแก้วแล้วนะเดี๋ยวก็เมาหัวทิ่มกันพอดี เมียมึงได้มาแหกอกถึงที่ กูไม่รู้ด้วย”
“กลัวทำไมวะ ก็ลองมาสิ หึ”
คนฟังชะงักกึก มองหน้าเพื่อนรักอย่างนึกรู้ทัน
“ทะเลาะกับเมียมาล่ะสิมึง”
“เออ น่ารำคาญชิบหาย เอะอะก็จะให้กูแต่งงานอยู่ได้”
“อ้าว ไอ้เวรนี่ เมียมึงก็ไม่ได้ผิดนี่หว่า มึงอยู่กับเขามาตั้งกี่ปี ก็ควรแต่งงานกันได้แล้ว ผู้หญิงเขาก็ต้องการความมั่นคงในชีวิตทั้งนั้น”
“แต่กูยังไม่อยากแต่งนี่หว่า” ดิฐกรกระแทกลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“งั้นก็เลิกกับเขาไปเลยสิ” พิรามประชดอย่างหมั่นไส้ หากคำนั้นกลับทำให้คนฟังนิ่งงันไป เพราะคำๆ นี้ไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเขามาก่อน
“เลิกกันงั้นเหรอ...”
“เออ เลิกกับน้องเขาซะ กูสงสารน้องมี่คนสวยของมึงชิบหาย เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ก็แค่อยากแต่งงานกับมึง ถ้ามึงไม่จริงจังกับเขาก็เลิกกันไปซะ อย่างน้อยเขาจะได้ไปหาผัวใหม่ดีๆ ที่อยากแต่งงานด้วยไง”
คำสุดท้ายทำดิฐกรหน้าตึง ถึงจะรำคาญแต่เขาก็ไม่ต้องการเห็นมิรันดามีใครอื่นนอกจากเขาคนเดียว เห็นแก่ตัวก็ยอมรับ แต่ก็นั่นแหละ จะให้แต่งงานกันตอนนี้เขาก็ยังไม่พร้อมจะเสียอิสรภาพในชีวิตไป หน้าที่การงานของเขาก็กำลังไปได้สวย อีกไม่นานก็จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง อย่างน้อยการเป็นแฟนไปแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่นี่นา
“ไอ้เพื่อนเวร”
“อ้าว ก็จริงนี่หว่า” พิรามหัวเราะ พลางเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือเพื่อนที่เงื้อขึ้นอย่างว่องไว
“กูไม่ขำ กูอึดอัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
“คิดอะไรมากวะ นี่มันก็อาจจะเป็นวิกฤตชีวิตคู่ งั้นมึงก็ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม หรือไม่รักแล้วก็จะได้ปล่อยเขาไปมีอนาคตดีๆ ไม่ต้องมาจมปลักชีวิตแบบไร้อนาคตกับมึงไง”
“ห่างกันสักพักเหรอ...”
ดิฐกรนิ่งคิดตามที่เพื่อนพูด จริงอยู่เขายอมรับว่าความรักที่เคยมีให้มิรันดา แม้มันจะค่อยๆ ลดลงไปบ้าง เบื่อกันบ้างเป็นบางเวลา ทะเลาะกัน ดีกัน ก็เรื่องปกติ แต่เขาก็ยังไม่คิดจะเลิกกับแฟนสาว หรือนี่จะเป็นวิกฤตชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันนานเกินไปอย่างที่เพื่อนว่า
“ยิ้มปลื้มเมีย”“หา...”“เมียพี่น่ารักที่สุดเลย” เขาโอบเอวเธอเข้ามาใกล้พร้อมกับกดจูบที่หน้าผากมนเบาๆ“ขอบคุณแทนน้องมิวด้วยนะครับ”ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้นทันใด“ขอบคุณเรื่องอะไรคะ น้องมิวก็ลูกแคทเหมือนกันนี่นา”นี่ก็อีก หลังจากที่เขาจดทะเบียนสมรสกับเธอ แคทรียาก็กลายเป็นแม่แคทของหนูน้อยของขวัญไปอีกคน แถมยังเข้ากับมิรันดาเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียด้วย ซึ่งทำให้เขาสบายใจไปได้อีกเปราะไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงตามมาในภายหลังภาพความหวานชื่นระหว่างสองสามีภรรยาทำให้ใครต่อใครที่เห็นแอบชื่นชมในความเหมาะสม ยกเว้นก็เพียงแต่...เจนิสาชะงักไปนิดๆ เมื่อมองเห็นภาพสวีตของทั้งสองที่เดินเคียงคู่กันผ่านไป โดยไม่ทันเห็นเธอที่นั่งหัวโด่ตรงนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ดิฐกรในวันนี้ทั้งภูมิฐานและดูมีฐานะดีเธอมันตาต่ำสิ้นดี!หากในวันนั้นเธอไม่คิดสั้นทิ้งดิฐกรมา วันนี้คนที่เดินควงแขนเขาก็คงเป็นเจนิสาคนนี้ เธอคงสุขสบายมีสามีรวย ไม่ต้องอยู่อย่างลำบากน่าสมเพชต้องคอยรองมือรองเท้าให้ไอ้ผู้ชายสารเลวอย่างวรพลนั่นหญิงสาวกุมใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยแมสก์และแว่นสีดำไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นร่องรอยฟกช้ำท
หลังจากได้พยาบาลดีคอยดูแลอาการบาดเจ็บของดิฐกรก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด สิ่งแรกที่เขาทำก็คือขอร้องให้คุณเมธาและคุณดารณีไปเจรจาสู่ขอแคทรียาถึงบ้าน“แน่ใจแล้วหรือว่าอยากจะแต่งงานกับลูกสาวอาจริงๆ” คุณราเมศร์ถามด้วยน้ำเสียงเข้มจนคนรอบข้างแอบลุ้นปนหวาดผวาแทนคนถูกถาม“แน่ใจครับ”“ไม่ใช่แค่อยากรับผิดชอบ”“ไม่ใช่ครับ”“ไม่ได้รักแบบน้องสาว”“ผมรักแคทแบบคนรักครับ ไม่ใช่น้องสาว” แคทรียาหันไปสบตากับคนพูดด้วยหัวใจที่พองโตคับอกคุณเมธาหันไปสบตากับภรรยาที่ยิ้มจนแก้มปริ เมื่อได้ยินลูกชายตัวดีสารภาพรักสาวแบบเต็มปากเต็มคำ เห็นทีว่างานนี้เธอจะได้ลูกสะใภ้สมใจแม่สุดๆ“แล้วลูกล่ะยัยแคท อยากแต่งหรือเปล่า” คุณราเมศร์หันมาทางลูกสาว“แต่งค่ะ” หญิงสาวตอบโพล่งโดยไม่ต้องคิด ทำเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้แต่ค้อน“ไม่คิดอีกสักหน่อยเหรอ ถึงยังไงเราก็เป็นฝ่ายหญิงนะ” คุณราเมศร์อ่อนอกอ่อนใจกับความมั่นของลูกสาวคนเล็ก“ก็แคทคิดมาแล้ว ในเมื่อเราสองคนรักกัน แล้วยังต้องรออะไรล่ะคะ อีกอย่างถ้าแคทคิดมาก เดี๋ยวท้องโตกว่านี้ ก็แต่งชุดเจ้าสาวไม่สวยกันพอดี”“ท้องโต!” คุณราเมศร์อุทานลั่น ในขณ
“อย่าหนีพี่ไปอีกเลยนะ”ดิฐกรมองสบตาเธอนิ่ง มวลความรู้สึกมากมายอัดแน่นในอกของเขาจนแทบจะล้นทะลักออกมา เกรงว่าหากเขาไม่พูดตอนนี้ จะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก“พี่ไม่ใช่คนดี เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนโง่งี่เง่ามากๆ ด้วย”แคทรียาเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่“ครั้งหนึ่งพี่เคยทำพลาดเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและกลัวการผูกมัด กลัวที่จะต้องแต่งงาน กลัวเสียอิสรภาพบ้าๆ บอๆ จนกระทั่งเสียคนที่พี่รักให้คนอื่นไปคนหนึ่งแล้ว แต่คราวนี้พี่จะไม่ยอมเสียคนที่พี่รักไปอีก...”ราวกับเวลาหยุดหมุนในชั่ววินาทีนั้น คำว่า ‘คนที่พี่รัก’ ของเขากระแทกใจเธออย่างจัง นั่นเขาหมายถึงใครกันคงไม่ใช่เธอหรอกมั้ง“พี่รักแคท เราแต่งงานกันนะ”สาวมั่นถึงกับตะลึงงัน เมื่อเจอคำบอกรักแบบสายฟ้าแลบ“แล้วพี่มี่ล่ะ พี่ดิวลืมพี่มี่ได้แล้วเหรอ”“หึงเหรอ” คนเจ็บแกล้งตีหน้านิ่งถาม“หึงอะไร อย่ามาหลงตัวเองนะ”“งั้นพี่หลงเมียแทนได้ไหม”แคทรียาอ้าปากค้าง“ไม่ต้องหึงแล้วตัวแสบ ระหว่างพี่กับมี่ เราเหลือแค่สถานะพ่อแม่ของน้องมิวเท่านั้น”เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากเขา ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่เคยได้ยินจากปากมิรัน
“ไม่! อย่าไปนะ อย่าทิ้งพี่...” ชายหนุ่มรีบรั้งเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี กลัวว่าหากปล่อยให้เธอไป เขาจะไม่ได้พบเธออีก เขาไม่อยากเป็นเหมือนผู้ชายคนนั้นที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปต่อหน้า อีกทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันทำให้เขารู้แล้วว่าชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนโชคดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้เสียชีวิตไป โชคดีแค่ไหนที่เขายังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาพบเธออีกครั้ง ทุกวินาทีต่อจากนี้ล้วนมีค่า และเขาไม่อยากจะเสียเวลาไปกับความกลัวอย่างงี่เง่าของตัวเองอีก แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแคทรียามองสบสายตาเขานิ่ง ก่อนหน้านี้ที่เธอตัดสินใจหายตัวไปก็คิดว่าจะตัดใจและตัดเขาออกไปได้ เธออยากจะทำใจแข็งให้มากกว่านี้ อยากจะโกรธ อยากจะงอน อยากจะเล่นตัวให้มากกว่านี้ อยากจะหนีไปให้เขาร้อนรนตามหาให้นานกว่านี้ แต่ทุกอย่างต้องพังครืน เมื่อได้รู้ข่าวจากมิรันดาว่าเขาเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล เธอก็ลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้าไปเสียสิ้น ยิ่งเมื่อได้เห็นสภาพของเขาที่เป็นตายเท่ากัน หัวใจก็เจ็บปวดแทบแหลกสลาย“พี่...” เสียงเขาเบาหวิวทำให้เธอต้องขยับเอียงหูเข้าไปใกล้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร“พี่ขอโทษ...” หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินคำเดียวกับใ
“จริงสิคะ มี่เลยรีบโทรมาบอกพี่ดิวก่อนนี่ไง พี่ดิวก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วนะคะ กลับไปคิดดูให้ดีว่าจะทำยังไงต่อ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”ดิฐกรอยากจะโห่ร้องดังๆ กับข่าวดีที่เพิ่งได้ยิน แคทรียากำลังจะกลับมา และในตอนนี้เขาก็มีคำตอบกับตัวเองแล้วเขารักเธอ! และจะไม่ยอมเสียเธอกับลูกไปเหมือนผู้ชายคนเมื่อกี้เด็ดขาดชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา เขาคิดถึงเธอเหลือเกินดิฐกรรีบขึ้นรถและขับกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนขามาลิบลับ ตอนนี้เขามีความสุขล้นปรี่ มีความหวังเต็มเปี่ยม โลกที่มืดมนกลับสว่างไสวขึ้นเพียงคิดว่าจะได้พบแคทรียา ผู้หญิงที่เขารู้ตัวแล้วว่ารัก และไม่อยากเสียเธอไปไม่ว่าอย่างไรปรี๊น!!!ชายหนุ่มคิดเพลินจนเผลอขับรถฝ่าไฟแดงโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีเสียงแตรดังลั่นมาจากที่ไกลๆ เขาจึงได้สติรีบหันไปมอง ก็เห็นแสงไฟสว่างจ้ากำลังพุ่งตรงเข้ามา ดิฐกรตกใจสุดขีดจึงรีบหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางและชนเข้ากับต้นไม้จนรถแน่นิ่งไป พร้อมกับสติสัมปชัญญะของเขาที่ดับวูบไปในนาทีนั้นพร้อมกับสิ่งที่ติดค้างในหัวใจอยากเจอเธออีกสักครั้งหรือเขาจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว...“พี่ดิว...พี่ดิว...” ดิฐกรได้ยินเสียงหวานคุ้นหูของใ
‘ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ถ้าพี่ดิวมัวแต่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่แล้วเมื่อไหร่จะได้มีความสุขกับเขาเสียที หรือต้องรอให้สูญเสียก่อนอีกครั้ง พี่ถึงจะคิดได้ว่าอะไรที่มีค่ากับชีวิต...’เท้าของเขาค่อยๆ ก้าวฝ่าทุกคนไปจนถึงร่างอันไร้วิญญาณที่นอนนิ่งคลุมผ้าขาวตรงหน้า“เข้าไม่ได้นะครับ คุณเป็นอะไรกับผู้เสียชีวิตครับ”คำว่าผู้เสียชีวิตทำให้เขารู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันใด ก่อนที่น้ำใสๆ จะรื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนทุกอย่างรอบกายพร่าเลือน หัวใจถูกบีบรัดอย่างแรงกับภาพที่เห็นตรงหน้าเขามันโง่! โง่ที่สุดในที่สุดความโง่งี่เง่านั่นก็พาให้เขาต้องพบกับจุดจบที่ต้องสูญเสียอีกครั้ง ครั้งแรกเป็นการจากเป็นที่ว่าเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสแล้ว แต่ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า เพราะเขาจะไม่ได้พบเธออีกต่อไปแล้ว เพียงคิดน้ำตาก็รื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนพร่าไปหมด‘แล้วถ้าแคทบอกว่าต้องการความรักจากพี่ ต้องการให้พี่แต่งงานกับแคท ต้องการให้พี่เป็นทั้งสามีและพ่อของลูกแคท พี่ดิวทำได้ไหมล่ะ’คำถามนั่นย้อนกลับเข้ามาเล่นงานเขาในวันที่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว“ผม...ผมเป็นสามีของเธอครับ” ริมฝีปากแห้งผากบอกออกไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอาบ