ในค่ำคืนที่เงียบสงัด สายลมเย็นพัดผ่านร่างหนาที่ยืนตระหง่านอยู่บนหลังคาของโรงเตี๊ยมหลังหนึ่ง ที่อยู่ใกล้กับเรือนหลังเล็ก
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังแว่วมาเป็นระยะ ๆ สายตาคมเหลือบไปเห็นเงาดำสายหนึ่ง ที่อยู่อีกฟากของโรงเตี๊ยม เขาส่งสัญญาณให้เสี่ยวฮัวไปตรวจดู ว่าเงาดำที่เห็นใช่คนร้ายหรือไม่ แต่เพียงไม่นานเสี่ยวฮัวก็เดินกลับมาพร้อมกับบุรุษชุดดำอีกคนหนึ่งที่เดินตามหลังมาด้วย สายตาคมมองผู้มาใหม่ด้วยความสงสัย ว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ " ท่านแม่ทัพ " " เจ้ารู้ด้วยหรือ....ว่าข้าเป็นแม่ทัพ " " นี่มันช่วงพักร้อนนะขอรับ...ท่านอาจารย์.....ข้าก็ต้องมีธุระส่วนตัวบ้างสิ ว่าแต่ท่านมาทำอะไรตรงนี้ " " แล้วเจ้า มาทำอะไร " ไป๋มู่จินเลิกคิ้วขึ้นสูง เขาไม่ได้ตอบคำถามของต้าฉี แต่เป็นฝ่ายถามกลับรองแม่ทัพหนุ่มที่ยืนเอามือจับท้ายทอยของตนแก้เก้ออยู่ ก็ตั้งแต่เจ้านี่มาถึงก็ยังไม่ได้ไปรายงานตัวกับแม่ทัพอย่างเขาเลย " เอ่อ... ข้า...ข้ามาเดินเจูหลงเดินกลับมาพร้อมกับต้าฉี พวกเขาทั้งสองดูเหมือนจะสนิทสนมกันมาก ทำให้ซูหวินซีและจินฟู่หลงหันไปมองหน้ากัน ด้วยความไม่เข้าใจ แต่ต่างคนก็ต่างความคิด แต่ไม่มีใครถามอะไร คนทั้งคู่เลย ต้าฉีเดินเข้ามาใกล้จินฟู่หลง แต่นางกลับเดินหนีไปอีกทาง และทำทีเป็นเลือกดูสินค้าต่าง ๆ โดยไม่ได้สนใจคนที่กำลังมองนางอยู่ สายตาคมมองสตรีตรงหน้าด้วยความฉงนว่านางเป็นอะไรกันแน่ ก็เมื่อวานยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย " ฟู่หลง " นางหยุดชะงักไปเมื่อเขาเอ่ยเรียกนางเอาไว้ นางหยุดนิ่งแต่ก็ยังไม่ยอมหันมาสบตาเขาอยู่ " ใต้เท้า อะไรหรือเจ้าคะ " คำที่ใช้เรียกเขาก็เปลี่ยนไปด้วย จนคนใบหน้าคมเริ่มจะไม่พอใจ ว่าเหตุใดนางถึงได้ทำเหมือนกำลังโกรธอยู่ " เจ้าโกรธข้าเรื่องอะไร " " ไม่ได้โกรธ เราเองไม่ได้เป็นอะไรกัน ซักหน่อย " นางเอ่ยขึ้นเสียงเบา และเบือนหน้าหนีไปทางอืนแทน ต้าฉีเดินเข้ามาใกล้ และคว้าแขนคนตัวเล็กกว่าเอาไว้เพื่อมิให้นางเดินหนี " นี่ปล่
อำเภอชิงเหอ ซูหวินซีตรวจดูความเรียบร้อยภายในจวน อย่างละเอียด นางไม่อยากให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น หากนางไม่อยู่แล้ว ร่างบางเดินเข้ามาในสวนดอกไม้ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบ ๆ จวนด้วยความอาลัย นางอยู่ที่จวนหลังนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต หากต้องจากไปจริง ก็ไม่รู้ว่านางจะทำใจได้หรือไม่ " คุณหนู คนของท่านแม่ทัพนำชุดแต่งงานมาส่งเจ้าค่ะ " ร่างบางหันมาตามเสียงเรียกของสาวใช้คนสนิท นางพยักหน้ารับรู้และเดินตรงไปยังหน้าเรือนใหญ่ ภายในห้องโถงมีสตรีรุ่นราวคราวเดียวกับนางนั่งอยู่ ใบหน้าหวานหมดจดแต่งหน้าเบาบาง ดูแล้วงดงามยิ่ง แต่ถึงการแต่งกายจะงดงามและเรียบร้อยเพียงใด ก็ยังซ่อนแววตาซุกซนของแม่นางผู้นี้เอาไว้ไม่ได้ " ฮูหยินน้อย ข้าจูหลง นำชุดแต่งงานและเครื่องประดับมาให้ฮูหยินน้อยได้รองสวมใส่ เจ้าคะ " จูหลงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม และส่งยิ้มอย่างจริงใจให้กับสตรีที่งดงามตรงหน้า ด้วยความถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ " เรียกข้า หวินซีก็ได้ ดูแล้วเจ้ากับข้าก็น่าจะอายุเท่า ๆ กัน เป็นสห
เมืองหลวง ไป๋มู่จิน ทอดถอนหายใจเมื่อได้ฟังองค์ฮ่องเต้ที่เขาเคารพยิ่งกำลังสาธยายเรื่องหมากกระดานและภาพวาดที่พระองค์ทรงบอกว่าวิจิตรงดงามตระการตาอย่างยิ่ง เขาเบนสายตาไปมองกระดานหมากแวบนึง ก่อนที่จะก้าวไปหยิบเอาเมล็ดหมากสีขาวมาวางลงบนจุดตัดที่ยังว่างอยู่ เพื่อให้หมากกระดานนี้มีทางเดินต่อได้ ฮ่องเต้ได้แต่มองแม่ทัพหนุ่มด้วยรอยยิ้ม และเดินเข้าไปดูกระดานหมากใกล้ ๆ " เช่นนั้น...ฝ่าบาท กระหม่อมขอตัว " " เดี๋ยวก่อน เราก็แค่ล้อเจ้าเล่นนิดเดียวเอง ทำเป็นใจร้อนไปได้ กงกง " " พะย่ะค่ะฝ่าบาท " เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มจะไม่พอใจหน่อย ๆ แล้ว ใบหน้าคมดูเรียบเฉยและไร้อารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ฝ่าบาทจึงได้เรียกให้กงกงคนสนิท ไปหยิบเอากล่องไม้ที่สลักด้วยลวดลายมังกรดำมายื่นให้กับแม่ทัพหนุ่มอย่างทันท่วงที " นี่ขอรับแม่ทัพไป๋ " เขาจึงได้รับเอากล่องไม้นั้นมาเปิดดู ภายในกล่องเป็นหัวลูกศรที่มีตราประทับของสำนักหยกดำอยู่ สำนักหยกดำ ถือเป็นสำนักยุทธ ท
ไป๋มู่จินสังเกตอาการของลูกน้องคนสนิทพี่เอาแต่นิ่งเงียบตั้งแต่งเมื่อครู่แล้ว คงจะเป็นเพราะเจอจูหลงเป็นแน่ " เสี่ยวฮัว.....เจ้ากับนางนยังไม่ดีกันอีกหรือ " " เป็นนาง ที่ไม่ยอมคุยกับข้าเอง " " อย่างนั้นหรือ ..... นี่ก็ผ่านมาจะปีกว่าแล้วนะ ความเค้นของสตรีช่างกลัวเสียจริง " ท่านแม่ทัพยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปเก็บของในห้องให้เรียบร้อย เสี่ยวฮัวยิ้มแห้ง ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการเมื่อครั้งนั้น บันทึกความทรงจำของ ( เสี่ยวฮัว ) หนึ่งปีก่อน ในขณะที่เขาพึ่งกลับมาจากการปฏิบัติภารกิจลับให้กับท่านแมทัพ ก็เห็นคนชุดดำคนหนึ่งที่ใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้และกำลังลักลอบเข้าจวนแม่ทัพ เห็นดังนั้นเขาจึงคิดว่าเป็นคนร้าย และได้เข้าไปจับตัวคนชุดดำเอาไว้และได้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้น ด้วยฝีมือที่สูสีกัน ทำให้ พวกเขาสู้กันอยู่นานเลยที่เดียว สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายชนะ และจับคนชุดดำมัดเอาไว้ เขาดึงผ้าปิดหน้าของคนผู้นั้นออกและต้องตกตะลึง เมื่อพบ
ไป๋มู่จินมองคนตัวเล็กที่เบือนหน้าหนีด้วยความอาย เขาจึงโน้มตัวลงไปแนบชิดกับร่างเล็ก ๆ ของนาง ปลายจมูกคมฝังลงบนแก้มนวลอันหอมกรุ่น ที่ขึ้นสีแดงระรื่นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู จมูกคมลากลงมายังซอกคอขาวอย่างจงใจ มือเรียวพยามยามดังแผงอกแกร่งเอาไว้ เขาหยุดชะงักไปไม่ใช่เพราะนาง แต่เขามองไปที่ประตูห้องด้วยใบหน้าขัดใจ " คุณหนูเจ้าคะ ท่านตื่นหรือยัง ...ข้าเข้าไปนะเจ้าคะ " เพียงไม่นานเสียงของหลี่เจิน ก็ดังขึ้นที่หน้าประตู เสียงของนางทำให้คนตัวเล็กผลักท่านแม่ทัพออกด้วยความตกใจก่อนที่จะรีบลุกขึ้นมาสวมเสื้อคลุม " ท่านกลับไปได้แล้ว " นางเอ่ยปากไล่คนที่ทำหน้าบึ้งอยู่บนเตียง และพยามยามฉุดดึงเขาให้ลุกออกจากเตียงอย่างยากลำบาก " ไปได้แล้ว " เขาปลายตามามองนางนิดนึง ก่อนที่จะยอมลุกขึ้นมาแต่โดยดี " คุณหนู ท่านดูทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ " หลี่เจินเดินเข้ามาแล้วเห็นคุณหนูของนาง ไปยืนอยู่ริมหน้าต่าง จึงเอ่ยถามไปด้วยความสงสัย " เอ่อ ..... ปล่าว ๆ ข้าแค
ในค่ำคืนที่เงียบสงัด สายลมเย็นพัดผ่านร่างหนาที่ยืนตระหง่านอยู่บนหลังคาของโรงเตี๊ยมหลังหนึ่ง ที่อยู่ใกล้กับเรือนหลังเล็ก เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังแว่วมาเป็นระยะ ๆ สายตาคมเหลือบไปเห็นเงาดำสายหนึ่ง ที่อยู่อีกฟากของโรงเตี๊ยม เขาส่งสัญญาณให้เสี่ยวฮัวไปตรวจดู ว่าเงาดำที่เห็นใช่คนร้ายหรือไม่ แต่เพียงไม่นานเสี่ยวฮัวก็เดินกลับมาพร้อมกับบุรุษชุดดำอีกคนหนึ่งที่เดินตามหลังมาด้วย สายตาคมมองผู้มาใหม่ด้วยความสงสัย ว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ " ท่านแม่ทัพ " " เจ้ารู้ด้วยหรือ....ว่าข้าเป็นแม่ทัพ " " นี่มันช่วงพักร้อนนะขอรับ...ท่านอาจารย์.....ข้าก็ต้องมีธุระส่วนตัวบ้างสิ ว่าแต่ท่านมาทำอะไรตรงนี้ " " แล้วเจ้า มาทำอะไร " ไป๋มู่จินเลิกคิ้วขึ้นสูง เขาไม่ได้ตอบคำถามของต้าฉี แต่เป็นฝ่ายถามกลับรองแม่ทัพหนุ่มที่ยืนเอามือจับท้ายทอยของตนแก้เก้ออยู่ ก็ตั้งแต่เจ้านี่มาถึงก็ยังไม่ได้ไปรายงานตัวกับแม่ทัพอย่างเขาเลย " เอ่อ... ข้า...ข้ามาเดินเ