LOGIN“เฮ้อ...ทำไมชีวิตเราถึงเหมือนผักเหมือนปลาอย่างนี้นะ” เธอกลายเป็นสินค้า กลายเป็นสิ่งของที่ใช้แทนหนี้สินไป เพียงแค่คำว่าทดแทนบุญคุณ
เสียงประตูเปิดออก...ใครบางคนก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ เงาสูงใหญ่สะท้อนอยู่ในดวงตาตื่นตระหนกของเธอ
“เอ๊ะ...” สาวสวยตกใจเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นนั่งพร้อมผ้าห่มที่หอบขึ้นปิดตัว
“คะ...คุณ”
เขายืนตระหง่านอยู่ตรงปลายเตียง สายตาคมเฉียบจ้องมองมาที่เธอนิ่ง เธอไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของเขา
“คุณ...คุณ...คุณเป็นใคร”
“หึ!” เขาส่งเสียงเพียงเท่านั้น แสงไฟจากตะเกียงไม่อาจทำให้เธอเห็นรายละเอียดบนใบหน้าของเขาได้ แต่เธอก็พอจะมองเห็นเค้าโครงใบหน้าที่คมชัด และเรือนกายกำยำงดงาม
“คุณเข้ามาทำไม” เธอถามด้วยเสียงสั่นพร่า ขยับผ้าห่มที่ห่อตัวไว้แน่นขึ้นอีก สาวน้อยยังอยู่ในชุดนักเรียน ชุดเดิม เพราะที่นี่ไม่มีชุดใหม่ให้เธอเปลี่ยนเลย
“เข้ามาเช็คของน่ะ” เสียงกร้าวนั้นแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเยาะชัดหู เสียงนั้นทรงพลัง แหบห้าว แต่อบอุ่นอย่างประหลาด
“อยากรู้ว่าคุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไปรึเปล่า”
เขาพูดพลางขยับเท้าเข้าใกล้ปลายแคร่อีกนิด เป็นสัญญาณอันตรายที่ใกล้เข้ามา ทว่า เมื่อเขายืนอยู่ตรงจุดนี้ก็ทำให้เธอเห็นหน้าเขาชัดขึ้น
“คุณ!...คุณคือพ่อเลี้ยงมหาลักษณ์หรือคะ”
ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เป็นหนุ่มรุ่นใหญ่อายุราว ๆสี่สิบปี ใบหน้าคร้ามเข้มดูมีอำนาจ ดวงตาคมดุดุจพญาเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบเป็นรูปกระจับ เคราสั้นหร็อมแหร็มระบายเต็มกรามคาง
ผู้ชายคนนี้หล่อเหลาไม่เบาทีเดียว มันทำให้เธอตาค้างไปหลายอึดใจเหมือนกัน
“อยู่ที่นี่ เธอไม่มีสิทธิ์พูดหรือถามอะไรทั้งนั้นรู้มั้ย”
เขาปั้นหน้าเข้มกว่าเดิม จ้องมองเธอด้วยสายตาดูถูกแรงขึ้นอีก
“เธอสามารถพูดได้ก็เมื่อฉันถาม หรือฉันบอกให้พูดเท่านั้น...”
สาวน้อยจ้องหน้าเข้าอย่างกลัว ๆ แน่ล่ะ เธอกำลังนึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมา...โหดเหี้ยม ร้ายกาจ ไร้ความเป็นคน และไร้หัวใจ!!!
“เข้าใจมั้ย!” เขาตวาดจนเธอสะดุ้ง
“ค่ะ เข้าใจค่ะ”
“หึ” เขายิ้มพอใจ รอยยิ้มนั้นดั่งเสือร้าย ขณะเลื่อนมือลงไปที่เป้ากางเกงยีนแล้วรูดซิปลงจนสุด จากนั้นก็ควักเอาเจ้าโลกของตัวเองออกมา
“ฮือ...โอย...หนูเจ็บ”เมื่อท่อนของเขาหลุดจากช่องสวาทอันคับแน่นของเธอแล้ว เขาตกใจตาค้างเมื่อเห็นหยดเลือดไหลออกมาจากช่องสวาทของเธอด้วย“หะ...อะไรวะเนี่ย” เขาลูบท่อนลำของตัวเองแล้วพลิกดูฝ่ามือก็เห็นคราบเลือดเต็มฝ่ามือ“เหี้ยแล้ว...นี่เธอ...” เด็กสาวมันยังไม่เคยมาก่อนหรือนี่ เขาอึ้งไปหลายวินาที ก่อนจะตั้งสติได้“ไม่เคยทำไมไม่บอก”“ถ้าบอกแล้วคุณจะไม่ทำหนูเหรอ” สาวน้อยยังคงน้ำตาไหล หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด“ก็จะได้...” เขาหยุดไปอึดใจหนึ่ง “ก็จะได้ทำเบากว่านี้ไง อุตส่าห์ได้เปิดซิงทั้งที แล้วนี่...แหกรึเปล่าก็ไม่รู้”เขายื่นมือลงจะจับของสงวนของสาวน้อย เจ้าหล่อนขยับร่างหนีด้วยความเกลียด“อย่าคิดว่าฉันพูดดีด้วยแล้วจะหือได้นะ”“หนูเจ็บ...ทั้งเจ็บทั้งแสบไปหมดเลย...คืนนี้คุณปล่อยหนูไปเถอะนะคะ”เขาจ้องหน้าเธอนิ่ง“ขอฉันดูหน่อย”เธอนิ่วหน้า “ดูอะไรคะ”“ดูน้องสาวเธอน่ะ”เธอตกใจหน้าเสีย “เอ่อ...จะ...จะดูทำไมคะ”“ก็แค่อยากดูว่าฉีกขาดรึเปล่า”“เอ่อ..มะ...ไม่”“อ้าขาสิ”“พ่อเลี้ยงคะ”“บอกให้อ้าขาไง” เขาปั้นเสียงเข้ม บอกให้เธอรู้ว่าความอดทนของเขามีขีดจำกัด สาวน้อยจำใจต้องอ้าขาออกตามคำสั่งของเขาหนุ่มใหญ่
สิ่งที่เขาพูด ทำให้เธอน้ำตาไหล หัวใจของเธอแทบแตกสลายในวินาทีนี้ ชีวิตวัยแรกแย้ม วัยแตกเนื้อสาวของเธอมันช่างน่าสังเวชเสียจริง“รู้มั้ยสาวน้อย...เธออยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”เธอส่ายหน้า น้ำตาเอ่อเบ้า“หึ ๆ ไม่ใช่กระหรี่ด้วยซ้ำ...แต่เธอเป็นแค่ตุ๊กตายางตัวหนึ่งเท่านั้นแหละสาวน้อย”ขาดคำนั้น เขาจับตรงโคนของท่อนเอ็นไว้แล้วนำมันมาจ่อที่ริมฝีปากของเธอ...“ทำให้ฉันมีความสุขนะ เพราะถ้าเธอทำให้ฉันโมโหล่ะก็ ฉันจะปล่อยหมาเข้ามาฟัดเธอให้เละเลย”เอื้องอรุณตัวสั่นพร่า น้ำตาไหล ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลตอนนี้แทบไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น เธอกล้ำกลืนและฝืนใจอ้าปากรับดุ้นขนาดใหญ่และยาวของเขาเข้าปากอย่างเงอะงะ“อือ...” มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้ชิมดุ้นของผู้ชาย มันเป็นครั้งแรกของเธอจริง ๆที่มีของสิ่งนี้อยู่ในปาก“ดูดเลยสิ มัวแต่อมอยู่นั่นล่ะ ทำไม่เป็นรึไง”เขาเริ่มโมโหแล้ว และมันเป็นสัญญาณอันตราย เธอกลั้นใจดูดอมหัวแดงเถือกของเขาอย่างเร็ว ลิ้นอุ่นซ่านชโลมเลียหัวท่อนของเขาไปตามสันชาตญาณ เธอไม่รู้ว่าทำถูกหรือผิดกันแน่ แต่การทำของเธอทำให้ท่อนของเขาแข็งขึ้น“อ่า...อืม...” และเสียงครางจากในลำคอของเขาที่ดังผะแผ่วออกมาเป็
“ว๊าย!” เธอร้องลั่นด้วยความตกใจ หัวใจดวงน้อยเต้นเร่า ๆ ขึ้นมาจนสั่นกายเธอให้เต้นตามไปด้วย“จะร้องทำไม! แค่เอ็นอันเดียว!”แค่เอ็นอันเดียว...แต่เธอเป็นแค่เด็กสาวอายุสิบแปดเองนะ เธอไม่ใช่โสเภณีสักหน่อย จะได้ชินชากับของแบบนี้ เธอเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเคืองขุ่น แล้วหันไปมองทางอื่นเสีย...“มาดูดให้หน่อยสิ”“อะไรนะคะ!” เธอตกใจตาตื่น หันมองหน้าเขาอีกครั้งด้วยไม่อยากจะเชื่อหู แล้วก็ห้ามสายตาให้มองต่ำลงไปไม่ได้ ท่อนลำของเขาห้อยโตงเตงไม่เกรงใจเธอเลย“ไม่ต้องมาทำเป็นไร้เดียงสา ฉันให้ลูกน้องไปสืบเรื่องเธอมาแล้ว ได้ข่าวว่าฮอตไม่เบาเลยนี่ที่โรงเรียน มีเด็กผู้ชายมาติดพันตั้งหลายคน ไหนจะหนุ่มๆ นอกโรงเรียนอีก...ฉันว่าเธอคงเห็นท่อน ๆแบบนี้มาเยอะแล้วล่ะมั้ง”เขาพูดดูถูกยังไม่พอ ยังจ้องเธอด้วยสายตาดูถูกเดียดฉันท์และรังเกียจอีกด้วย...“พ่อเลี้ยงให้ลูกน้องไปสืบเรื่องหนูเหรอคะ““ก็แม่เธออวดสรรพคุณนักหนา...บอกว่าเธอทั้งน่ารักทั้งเรียบร้อย ไม่เคยมีเรื่องเสียหายเลย สงสัยแม่เธอจะไม่รู้ว่าพฤติกรรมของเธอที่โรงเรียนนั้นใช่ย่อยขนาดไหน”เขาไปเอาข้อมูลผิด ๆเกี่ยวกับเธอมาจากไหน ใครเป็นคนบอก หรือลูกน้องเขามั่ว...แต่มั
“เฮ้อ...ทำไมชีวิตเราถึงเหมือนผักเหมือนปลาอย่างนี้นะ” เธอกลายเป็นสินค้า กลายเป็นสิ่งของที่ใช้แทนหนี้สินไป เพียงแค่คำว่าทดแทนบุญคุณเสียงประตูเปิดออก...ใครบางคนก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ เงาสูงใหญ่สะท้อนอยู่ในดวงตาตื่นตระหนกของเธอ“เอ๊ะ...” สาวสวยตกใจเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นนั่งพร้อมผ้าห่มที่หอบขึ้นปิดตัว“คะ...คุณ” เขายืนตระหง่านอยู่ตรงปลายเตียง สายตาคมเฉียบจ้องมองมาที่เธอนิ่ง เธอไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของเขา“คุณ...คุณ...คุณเป็นใคร”“หึ!” เขาส่งเสียงเพียงเท่านั้น แสงไฟจากตะเกียงไม่อาจทำให้เธอเห็นรายละเอียดบนใบหน้าของเขาได้ แต่เธอก็พอจะมองเห็นเค้าโครงใบหน้าที่คมชัด และเรือนกายกำยำงดงาม“คุณเข้ามาทำไม” เธอถามด้วยเสียงสั่นพร่า ขยับผ้าห่มที่ห่อตัวไว้แน่นขึ้นอีก สาวน้อยยังอยู่ในชุดนักเรียน ชุดเดิม เพราะที่นี่ไม่มีชุดใหม่ให้เธอเปลี่ยนเลย“เข้ามาเช็คของน่ะ” เสียงกร้าวนั้นแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเยาะชัดหู เสียงนั้นทรงพลัง แหบห้าว แต่อบอุ่นอย่างประหลาด“อยากรู้ว่าคุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไปรึเปล่า”เขาพูดพลางขยับเท้าเข้าใกล้ปลายแคร่อีกนิด เป็นสัญญาณอันตรายที่ใกล้เข้ามา ทว่า เมื่อเขายืนอยู่ตร
“ที่นี่เหรอ???”ตรงประตูกระท่อม มีสุนัขตัวใหญ่สองตัวผูกโซ่ล่ามไว้ และทันทีที่พวกมันเห็นเธอ พวกมันก็พากันเห่าคอแทบแตก เสียงโซ่ลากกระทบกันไปมาดังระงมหูน่ากลัวกว่าเสียงเห่าของพวกมันเสียอีกหนึ่งในชายฉกรรจ์โยนอาหารให้พวกมัน พร้อมส่งสัญญาณว่าให้รู้ว่าเป็นคนคุ้นเคย พวกมันจึงหยุดเห่าและหันไปสนใจอาหารแทน“เข้าไป” เมื่อเธอถูกต้อนเข้าไปในกระท่อมหลังใหญ่แล้วประตูก็ปิดลง พวกเขาจัดการล็อคกุญแจแน่นหนา สักพักเสียงฝีเท้าของพวกเขาก็ค่อย ๆ ห่างออกไป เหลือเพียงสุนัขสองตัวเป็นยามรักษาการในที่แห่งนี้ “นี่เหรอ...ที่ ๆ เราต้องอยู่” เธอมองไปรอบๆห้องอย่างไม่ไว้ใจนัก ภายในห้องสี่เหลี่ยมแทบไม่มีอะไรเลย นอกจากแคร่ไม้ไผ่ที่มีเบาะขนาดห้าฟุตวางอยู่แทนเตียงนอน มีมุ้งสายบัวหนึ่งหลังแขวนอยู่ตรงหัวเตียงส่วนที่ฝาผนังด้านหนึ่งมีราวไม้ไผ่กลม ๆ เล็ก ๆใช้สำหรับแขวนเสื้อผ้า และโต๊ะวางของขนาดเล็กตั้งอยู่ใกล้หน้าต่างบานใหญ่ ซึ่งเวลานี้มีตะเกียงเจ้าพายุวางอยู่หนึ่งอัน แสงสีเหลืองส่องสว่างไปทั่วทั้งห้อง พอให้มองเห็นได้ แม้ไม่ละเอียดนักหน้าต่างที่เปิดอยู่นั้น แม้มีลูกกรงเหล็กกางกั้นอิสรภาพ แต่ก็สามารถมองเห็นลำธารได้เป็นอย่างด
“พวกคุณจะพาฉันไปไหน”“ปางไม้ นายรออยู่ที่นั่น”ปางไม้...เธอรู้แค่นั้น แล้วก็ไม่มีคำถามอีกเลย รถขับฝ่าความมืดของแนวป่า และช่วงเวลาย่ำดึกไปอย่างน่ากลัว ขณะลมฟ้าลมฝนเริ่มกระหน่ำลงมาเป็นระยะ ทำให้การเดินทางทุลักทุเลเพิ่มขึ้นอีกร้อยเท่าพันเท่ากระทั่งรถขับเข้าไปในบริเวณที่มีกองต้นไม้ตั้งเรียงรายเป็นชั้น ๆ และกระโจมหลายหลังที่คลับคล้ายจะเป็นที่อยู่อาศัย เธอเห็นโกดังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก และคนงานมากมายนับไม่ถ้วนเดินขวักไขว่ไปมา“ถึงแล้วสินะ...ปางไม้” เธอเริ่มรู้สึกกลัวก็ตอนนี้แหละ เพราะบรรยากาศที่ดูทะมึนทึนทึบและอากาศเย็นยะเยือกชวนขนลุกรอบตัว มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินทางสู่นรกอย่างไรอย่างนั้น“คนเป็นร้อยมาอยู่ในป่าแบบนี้ได้ไง”เอื้องอรุณพยายามระงับความหวาดกลัวในหัวใจให้สงบที่สุด เธอตั้งสติและบอกกับตัวเองว่าหากต้องการจะรอดในเกมชีวิตครั้งนี้ เธอจะต้องอดทนและสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด และเพื่อตัวเธอเองรถขับเคลื่อนผ่านแคมป์คนงานมาสักระยะหนึ่ง ต้นไม้ขนาดสูงมากมายคล้ายเป็นกำแพงก็เปิดให้เห็นบ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น“โอ้ว....” แสงจันทร์สว่างนวลในค







