แอลยืดตัวขึ้น สูดลมหายใจเต็มแรง ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขยับ เขาก็ชี้นิ้วไปอีกทาง“เฮ้ย! ตำรวจมา!”เด็กหนุ่มอาศัยช่วงเวลาที่อีกฝ่ายได้ยินเขาตะโกนและกำลังลังเลวิ่งฝ่าออกไปแต่ยังช้ากว่าสมุนของทรงพลที่เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังและล็อคตัวไว้จนดิ้นไม่หลุด“ปล๊อยยยย! ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง โว้ย!” “หุบปาก!” ไอ้ปอง! แอลหันขวับไปตามเสียง เมื่อเห็นว่าใครที่กำลังเดินเข้ามาก็แสยะยิ้ม “ร้องเป็นวัวถูกเชือดเลยนะมึง”ปองพลไม่พูดเปล่ายังพ่นก้นบุหรี่ออกจากปากทิ้งข้างทางก่อนจะแสยะยิ้มกวนบาทา ก้าวเดินอาดๆ เข้ามาประจันหน้าแอลที่ถูกดักหน้าไว้จากบอดีการ์ดร่างใหญ่ทั้งสองหน้าตาถมึงทึงของปองพลทำให้แอลต้องทำใจดีสู้เสือ “มึงบอกพวกมันให้ปล่อยกูแล้วกูจะไม่เอาเรื่องไปฟ้องพ่อมึง!”“เสียใจด้วยเพราะพ่อกูสั่ง”“ไอ้เวรนี่!”แอลด่าสุดเสียงไม่พอยังเหวี่ยงขาเตะบอดี้การ์ดร่างใหญ่อีกคนที่มาขวางหน้าปองพลจนเซหงายหลังก้นจ้ำเบ้า แต่ก็ยังช้ากว่าอีกคนที่หน้าโหดร่างใหญ่กว่าพุ่งปราดเดียวรวบสองแขนของเขาไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด“ปล่อย!”“ไม่ได้ครับคุณแอล หากนายรู้ว่าพวกผมปล่อยคุณไปมีหว
ไม่ควรทำให้เรื่องราวเลยเถิดจนมีคนเห็นเอาไปฟ้อง ผอ.จนถูกเรียกผู้ปกครองมาพบเกิดเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต หากเขาไม่ทำโง่ๆ เพียงเพราะจะโชว์พาวต์ให้เด็กสาวคนนั้นเห็นว่าลูกหมีแก้มยุ้ยเป็นของเขา เรื่องก็คงไม่จบที่อินทัชต้องจากไปและเขากับอินทัชก็คงยังได้คบกันถึงแม้จะเป็นแค่การคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ก็ตาม...วันสุดท้ายที่เหมือนรอยแผลใจใหญ่หลวงของอาคเนย์คือวันที่เขาได้แต่แอบมองอินทัชและไม่กล้าแม้แต่จะแสดงความกล้าบอกลาลูกหมีแก้มแดงที่ร้องไห้ฟูมฟายเพื่อเขามีก็แต่เครื่องบินกระดาษลำนั้นที่แทนคำพูดนับร้อยพัน แต่อินทัชคงไม่มีวันได้อ่านเพราะมันถูกขยำทิ้งลงน้ำไปแล้วเพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่มีปัญหาอีกอาคเนย์จึงต้องทำเฉยเมยกับอินทัชตั้งแต่นั้น เขารู้ว่าเพราะเรื่องของเขาทำให้คนอื่นมองอย่างกังขาและพุ่งเป้าไปที่พ่อกับแม่ที่เป็นครูบาอาจารย์แต่กลับไม่รู้จักสั่งสอนลูกให้ดีแต่ความรักของเขากับอินทัชมันผิดตรงไหน ใครนิยาม...ในเมื่อความรักของเขากับอินทัชบริสุทธิ์และสะอาดเกินกว่าคำพูดร้ายๆ ที่พ่นใส่ แต่เขากลับเป็นคนขี้ขลาดไม่กล้าแม้แต่จะปกป้องอินทัชไอ้เนคนขี้ขลาด... เกาะพลอยยามดึกแทบจะไร้ผู้คน ไม่เพียง
22.05 น.สน.เกาะพลอยอาคเนย์นั่งกอดอกพิงพนักเก้าอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะจ้องมองแอลที่นั่งคอตกอยู่ฝั่งตรงข้าม หลังจากสอบถามรายละเอียดคร่าวๆ แล้ว แต่แอลไม่มีทีท่าจะพูดอะไรไม่ว่าเขาจะยกแม่น้ำสี่ห้าสายมาเกลี้ยกล่อม อีกฝ่ายก็ยังนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งอาคเนย์เองที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหว“ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเหรอ” “ไม่มีอะไรจะพูด”“ถ้าไม่พูด คืนนี้อาจจะต้องนอนห้องขังนะ” อาคเนย์เปรยหมายจะให้อีกฝ่ายกลัวแต่เปล่าเลย...แอลไม่มีทีท่าสะทกสะท้านสักนิด...“ก็แล้วแต่เลย ผมยังไงก็ได้”อาคเนย์ถอนใจขณะลอบสังเกตแพขนตายาวของแอลที่กะพริบขึ้นลงเหมือนว่ากำลังสับสน คงไม่มีใครอยากมีประวัตินอนห้องขังในโรงพัก แอลอาจจะแค่แสร้งตัดไม้ข่มนามแต่กริยาอาการมันฟ้องว่าเด็กหนุ่มก็มีความรู้สึกที่แสดงออกโดยอากัปกิริยาตอนเผลอ“แน่เหรอว่ายังไงก็ได้” อาคเนย์ถามเสียงเข้มเด็กหนุ่มเจ้าของผมสีมะฮอกกานีแซมสีพีชเงยหน้าขึ้นสบตาก่อนจะหรุบตาลงต่ำ ไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัวใดๆ“ถึงอยากพูด ก็คงไม่มีใครเชื่อผมหรอก”“แต่ถ้าไม่พูดคืนนี้นายได้นอนห้องขังแน่ ได้ยินว่าเป็นนักร้อง หรือว่าอยากมีประวัติด่างพร้อยให้โดนขุด หรือว่าอยากมีประวั
บนเรือตอนนี้ทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกำลังทำงานกันอย่างขมักเขม้น ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ปาร์ตี้บนเรือถูกทยอยพาตัวขึ้นฝั่งไปให้ปากคำต่อที่สถานีตำรวจ อาคเนย์มองตามสองตำรวจใต้บังคับบัญชาของตนส่งสัญญาณให้ เขาจึงต้องเร่งมือนำตัวแอลให้ไปสถานีตำรวจ เพราะอาคเนย์เป็นคนเดียวที่ไม่เกรงอิทธิพลนายหัวทรงพล แต่แอลก็ยังก่อกวนไม่หยุด“ไปได้แล้ว”“ไปไหน”“สถานีตำรวจไง”“ไปทำไม”“ไปรอพ่อนาย”“เฮ้ย! ไม่เอา ผมไม่ไป ปล่อยผมเลยนะ”แอลขัดขืนด้วยการกระตุกข้อมือข้างที่ใส่กุญแจแรงๆ จนอาคเนย์ดึงมือไว้อาคเนย์คิดว่าที่อ้างชื่อทรงพลจะทำให้แอลจนมุม แต่ไม่มีทางที่เด็กแสบจะแพ้ไปได้“สอบปากคำตรงนี้เลยนะคุณตำรวจ นะ”“ไม่ได้”“ทำไมล่ะ” แอลได้ทีซบไหล่อาคเนย์ก่อนจะใช้มืออีกข้างอ้อมมากอดหมับเข้าที่กล้ามแขนเป็นมัดของผู้กองหนุ่ม คราวนี้อาคเนย์ถึงกับค้างไปเลย “เอามือออกไป” “แหม เห็นใส่กุญแจมือติดกับผม น่าจะอยากตัวติดกับผมนี่นา” แอลเสียงยานคางทำหน้าล้อนิดๆ อาคเนย์ถอนใจหนักหน่วงก่อนตอบ“ประสาทสิ อย่าพูดจาทะลึ่งทะเล้นแบบนี้กับเจ้าพนักงาน”แอลฟังแล้วชะงัก ดว
“พี่อิน...” เด็กหญิงเดินมาหยุดลงตรงหน้าอินทัชก่อนจะยื่นกล่องของขวัญให้ “สุขสันต์วันเกิดค่ะ” “ขอบใจนะน้อง...” อินทัชค้างไป ก่อนจะลูบท้ายทอยแก้เก้อ เพราะจำชื่อน้องคนสวยไม่ได้เด็กหญิงเหมือนจะรู้รีบแนะนำตัว “หนูชื่อกุ๊กกิ๊กค่ะ เรียกกิ๊กเฉยๆ ก็ได้”“น้องกิ๊กคนน่ารักนี่เอง ขอบใจนะ” “เอาไว้เปิดดูนะคะว่าชอบไหม”“คนน่ารักให้ก็ต้องชอบอยู่แล้ว”เหอะ...อาคเนย์หมั่นไส้อินทัชที่ตอบเด็กหญิงไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทีกับเขาไม่เห็นจะได้อย่างนี้บ้าง คิดแล้วก็ฉุน อาคเนย์จึงคว้าแขนอินทัชลากออกมา“ไป กลับบ้าน”“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวฮะพี่เน”“จะอยู่ร่ำลาน้องคนนั้นรึไง”อาคเนย์กระชากเสียงใส่ทำให้อินทัชหน้าจ๋อย กว่าจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อลมหึงหวงพัดผ่านไปได้ครู่หนึ่ง“พี่ขอโทษ” เขาเอ่ยเก้อๆ“ไม่เป็นไรฮะ ผมไม่หนีพี่เนไปไหนหรอกน่า”ตอนนั้นอาคเนย์ไม่รู้แล้วว่านั่นคือความรู้สึกหึงหวงอินทัชเป็นครั้งแรกอินทัชคือรักแรกของเขา...รักตลอดมา...แม้อินทัชจะไม่ให้อภัยเขาก็ตาม...อาคเนย์หยุดยืนนิ่งจนแอลที่เดินตามหลังต้องหยุดตาม“หยุดทำไม”จู่ๆ อาคเนย์ก็หันกลับมาเผชิญหน้าด้วยระยะห่างแค่ไม่กี่คืบ “นา
“แต่ว่า...” พิชญะเหลือบมองผู้เป็นนายที่ส่งสายตาให้จึงเบี่ยงตัวออก “ครับคุณแอล” “ผมจะให้ปากคำคุณตำรวจรูปหล่อ” “ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ” อาคเนย์ตอบขอไปทีขณะมองหาที่เหมาะๆ สำหรับสอบปากคำเด็กหนุ่มไม่ให้เลี่ยงหนีไปได้“เอาตรงนั้นละกัน” แอลมองตามอาคเนย์ที่ชี้มือไปทางหัวเรือก็หัวเราะจนผู้กองหนุ่มนึกฉุน “หัวเราะทำไม” “อยากหาที่เงียบๆ คุยกันสองต่อสองก็ไม่บอก” อาคเนย์ถึงกับถอนใจ ปัดมือเด็กหนุ่มออก “อย่ามาเล่นแถวนี้” “ผมก็ไม่ได้เล่น... ผมเอาจริง”ถ้าไม่เห็นแก่หน้าที่ อาคเนย์คงต่อปากต่อคำไปแล้ว เพราะขณะที่เขาสะกดกลั้นอารมณ์จากการถูกยั่วเย้า เด็กหนุ่มที่จ้องเขม็งมายังส่งแววตาท้าทายและยกยิ้มมุมปากขณะลอยหน้าลอยตาตอบเมื่อครู่ช่างยียวนกวนประสาทเสียจริง...อาคเนย์ทอดถอนใจจนเด็กหนุ่มหน้าใสยื่นมือมาตรงหน้า“อะไร”“ใสกุญแจมือไง”อาคเนย์ปัดมือเด็กหนุ่มที่ยกขึ้นมาในระดับสายตาเฉียดหน้าเขาไปนิดเดียว“อย่ามากวน”“ก็พี่รูปหล่อจะพาผมไปให้ปากคำไม่ใช่เหรอ”“แล้วยังไง”“ถ้าไม่กลัวว่าผมจะโดดทะเลหนี ก็ให้ใส่กุญแจมือไง”“ก็ลองสิ”“แน่ใจนะ” แอ