ทะเลโยนถุงปาท่องโก๋ทิ้งถังขยะใกล้ๆ ประตู รีบย่ำเท้าออกมาหมายจะให้ถึงคอนโดมิเนียมให้ไวที่สุด แต่เพราะฝนกระหน่ำเมื่อบ่าย ทำให้ถนนเฉอะแฉะนองไปด้วยน้ำเป็นหลุมเป็นบ่อ
ทะเลหลบหลุมไม่พ้นจึงเผลอเหยียบก้อนหินจนข้อเท้าพลิกอีก
โธ่เว้ย!
ด้วยความโมโห ทะเลจึงย่ำเท้าอีกข้างแรงๆ ประชดชีวิตหมายให้เป็นที่ระบายอารมณ์จนหนำใจจึงจะเดินต่อ แต่คราวนี้ไม่ใช่เล่นๆ ทะเลรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าข้างที่พลิกจึงค่อยลดความห้าวลง
เจ็บเป็นบ้า!
ไอ้ทะเลคนงี่เง่าเอ๊ย!
เขาได้แต่ตำหนิตัวเองก่อนจะค่อยๆ ก้าวเดินต่อด้วยความเจ็บ แต่ไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ แหวกบรรยากาศที่แสนจะเงียบเหงาวังเวงดังเข้าโสตประสาท ทะเลรู้สึกถึงอันตราย
จนกระทั่ง...
“ช่วย... ด้วย...”
“ช่วย.. ด้วย...”
นั่นใคร!!
ทะเลชะงัก ผ่อนฝีเท้าลง มองซ้ายมองขวาเห็นเงาวูบวาบ ฉับพลันก็ขนลุกซู่ นั่นคนหรือผีกันนะ ทะเลเริ่มใจเสีย ชะงักดูทีหากเห็นท่าไม่ดีเขาจะหาทางหนีทีไล่ยังไง รู้งี้เดินกลับทางหน้าถนนใหญ่เสียก็ดี
ทะเลได้แต่นึกหวาดระแวงในใจ มือสั่นเทาล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋าขึ้นมาเตรียมพร้อมไว้ก่อน
แต่ทว่า...
“เฮ้ย! พวกมึงสั่งสอนมันดิ๊!”
เสียงคำรามดุดันที่ดังมาจากมุมหนึ่งของซอกตึก ทำให้ทะเลสะดุ้งสุดตัว รีบพุ่งตัวเข้าหลบมุมเสาทันที
นั่นพวกไหนอีกล่ะเนี่ย!
เกิดอะไรขึ้น!
“เร็วๆ ดิวะ! มัวชักช้าหาพ่อมึงเหรอ”
“ไอ้ไก่อ่อนมันจะไม่ตายเหรอลูกพี่ โดนทั้งเตะทั้งถีบอีกคนละทีสองทีมีหวังมันตาย”
“ไอ้นี่มันไม่ใจเสาะขนาดนั้น”
“แต่ผมว่า...”
“มึงจะทำไม่ทำ!”
เสียงตวาดลั่นไม่สนว่าใครจะได้ยิน ทำให้ทะเลนึกเสียวสันหลังวูบ พวกมันกำลังทำอะไรกันแน่ เขาตั้งท่ากดโทรศัพท์แจ้งเหตุ แต่เสียงโต้ตอบอ่อยๆ เหมือนเสียงเด็กหนุ่มไม่เหมือนเสียงผู้ใหญ่ทำให้ทะเลยั้งไว้
หรือจะเป็นพวกนักเรียนเกเร!
ทะเลละล้าละลังจึงหยุดรอฟังอีกนิด คิดหาทางช่วยเจ้าของร่างตะคุ่มที่นอนร้องโอดโอยบนพื้นนองน้ำเฉอะแฉะ แต่เขาหรือจะสู้กำลังพวกเด็กเหล่านั้นได้ หากเกิดเรื่องอะไรอย่างที่เพื่อนรุ่นพี่เตือน เขาอาจจะตกงานโดยไม่รู้ตัว
“ผมยังไม่อยากติดคุกนะพี่”
“ไม่ติดหรอกน่า พ่อกูใหญ่”
“แต่มันจะตายเอา”
“เอ๊ะ! ไอ้นี่!”
“ก็ได้ๆ ทีเดียวนะ”
“เออ”
ทะเลตกใจแทบช็อคเมื่อเห็นท่าทีเงื้อง่าราคาแพงของเด็กหนุ่มที่ถูกบังคับกลายๆ ให้เตะคนนอนขดตัวงอซัดเต็มข้อ ทะเลได้ยินแต่เสียงครางโอดโอย แต่เขาก็ปอดเสียจนไม่กล้า
ทำยังไงดีๆ
ทะเลตัดสินใจหันหน้าเข้าหากำแพง เอามือปิดหน้าจอที่กำลังส่องแสงวาบเมื่อสัมผัส มือเขาเริ่มสั่นเมื่อได้ยินเสียง
“มึงได้ยินเสียงปะ”
“เสียงอะไรลูกพี่”
“มึงดูว่ามันมีหนูท่ออยากลองดีปะ”
ทะเลชะงักมือที่กำลังกดปุ่มไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเสียงฝีเท้าสวบสาบที่เดินแกมวิ่งมา เขารีบหลบเข้าหลังกำแพงให้เงาตึกบดบังเร้นกาย
แต่ทว่า...
“พวกมึงก็แค่หมาหมู่”
“มึงว่าอะไรนะ!”
คนกร่างที่อ้างตัวเป็นลูกพี่ตวาดลั่นไม่พอ กระโจนขึ้นคร่อมร่างเจ้าของคำพูดเหยียดหยันที่กำลังพยุงตัวลุกนั่งทันที
“กูบอกให้พูด!”
“ไอ้... หมา...หมู่”
พลั่วะ!!! พลั่วะ!!!
“ไอ้ชั่ว! มึงสิหมาหมู่! ปากดีนักมันต้องโดน!”
คนลุแก่โทสะตั้งท่าง้างหมัดอีกหน แต่ถูกสมุนเสียงอ่อยเมื่อครู่ห้ามไว้ก่อน
“พอแล้วพี่! หนีกันเถอะ”
“กูจะเอาเลือดหัวมัน!”
“ไม่ได้! ไปเถอะพี่”
“ไม่ไปเว้ย!!!”
ขาดคำ หมัดลุ่นๆ ก็ประเคนเข้าใส่เจ้าของร่างที่ลุกขึ้นยืนอ่อนแรง ทั้งสองเข้าโรมรัน และคนเพลี่ยงพล้ำก็เป็นเด็กหนุ่มที่สะบักสะบอมกว่า
ทะเลที่ทนฟังไม่ได้ เป็นไงเป็นกัน เขาจะต้องออกไปห้ามทัพ อย่างน้อยความเป็นผู้ใหญ่กว่าอาจทำให้เด็กพวกนั้นฟังเขา
ทันใดนั้นทะเลก็ต้องสะดุ้ง เพราะเสียงของหนักกระแทกพื้น จนน้ำนองกระจาย ของเหลวสีแดงฉานกระเด็นใส่เขา มีกลิ่นคาวอย่างน่าขยะแขยง
เลือด!!
“เอาไงต่อดีพี่”
“กูจะซัดมันอีกที!”
ฝ่ายลิ่วล้อได้แต่ส่ายหน้าระอาเพราะอีกฝ่ายไม่รามือไม่พอ ดูจะเอาแต่ใจขั้นสุด มันว่าพลางย่างสามขุมตรงมาที่คนนอนหายใจรวยริน ยกเท้าขึ้นเหนือร่างหมายกระทืบซ้ำ
แต่ทว่า...
“เดี๋ยวพี่!!! พอแล้ว ผอ.โทรมา!!”
“โทรมาทำไมวะ คนกะลังเข้าด้ายเข้าเข็ม”
“ไปเหอะพี่ เร็วๆ “
“เออ”
หัวโจกตัวร้ายก้าวยาวๆ ถึงตัวคนนอนแล้วเตะอัดเข้าที่ท้องอีกฝ่ายเต็มแรงจนเสียงดังลั่นซอยที่เงียบสนิท
“โอ๊ย!!!”
พลั่กกกก
“อ๊ากกก”
“พอแล้วพี่! ไปเร็วๆ”
ลูกพี่ฮึดฮัดขัดใจครู่หนึ่งจึงอัดบุหรี่แรงๆ ก่อนเตะลมแล้งด้วยความขัดใจ
ทะเลรีบอุดปากไม่ให้เสียงตัวเองทะลุออกมาด้านนอก เงาดำทะมึนที่มองเห็นริบหรี่จากความมืด พลิกคว่ำพลิกหงายตามแรงเตะก่อนจะคว่ำหน้าลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ
ทะเลเห็นดวงหน้าคมสันของคนที่นอนหันมาทางเขาเต็มตา เหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนสักที่
แต่ที่ไหนกันนะ!
ทะเลตั้งท่าจะออกไป แต่เด็กคนนั้นส่ายหน้าทำให้เขาชะงัก
“อย่าออกมา”
“อะไรนะ” ทะเลกระซิบ
“บอกว่าอย่า... ออก... มา”
“อิน!”“อินจัดการเอง”“แต่พี่ว่า...”“เถอะน่า...”แอลกระซิบแล้วก้าวผ่านอาคเนย์ที่ยืนนิ่งงันอยู่มาเผชิญหน้ากับเนติมาด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว เพียงแค่สบตาป้าครูที่เคารพรักเมื่อครั้งยังเด็ก เขาก็มือไม้สั่น แต่ก็กัดฟันสู้เพี่ออาคเนย์“ป้าครูครับ ผมขอโทษที่ทำผิดต่อป้าครูกับคุณลุงอีกแล้ว แต่อินรักพี่เนจริงๆ เราสองคนรักกันครับ”แอลไม่พูดเปล่า พนมมือไว้แล้วทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าเนติมา ท่ามกลางความตกตะลึงของวาสนาและอาคเนย์“ผมขอโทษที่ทำให้พี่เนเกือบตาย แต่ผมอยากขอร้องป้าครูว่าอย่าดุด่าพี่เนเลยนะครับ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะผมเองที่กลับเข้ามาในชีวิตพี่เน ผมลืมพี่เนไม่ได้ ผมรักพี่เนจริงๆ ผมขอโทษที่ดื้อรั้นไม่รักษาคำพูดที่เคยให้ไว้กับแม่ว่าจะไม่มารบกวนพี่เนอีก ผม ผม...” แอลพูดแค่นั้นก็ก้มหน้าน้ำตาไหลวาสนาเห็นลูกชายที่ปกติดื้อรั้นเป็นนิสัยใครว่าก็ไม่ฟัง ยอมก้มหัวอ่อนข้อร้องไห้ฟูมฟายให้กับความรักก็ถึงกับน้ำตาคลอเป็นเธอเองสินะ... เธอเองที่ทำร้ายความรู้สึกลูกชายคนเดียวของเธอตลอดมาวาสนาอยากจะทำเพื่อลูกสักครั้งด้วยการขอร้องเนติมาอีกแรง แต่ถูกตัดหน้าด้วยอาคเนย์ที่ทรุดนั่งลงคุกเข่าเคียงข้างแอล
วาสนาเห็นท่าทีของสามีแล้วลอบถอนใจ นิสัยน่าเบื่อคงส่งผ่านดีเอ็นเอไปหาปองพลที่เป็นคนประเภทเดียวกัน เพียงแต่ปองพลมุทะลุและคิดว่าตัวเองมีปมด้อยมากมายจนลืมไปว่าเพราะตัวเองด้อยค่าตัวเองทั้งที่มีมากกว่าคนอื่นมากนัก สุดท้ายก็เอาดีไมได้ต้องซังกะตายอยู่ในคุกอีกนานวาสนาหันไปเปิดประตูรถแล้วหยิบตะกร้าผลไม้ใบใหญ่ออกมาแล้วยื่นให้เนติมา“นี่ค่ะ แทนคำขอบคุณที่อาคเนย์ช่วยฉันกับลูก แล้วก็เอาของเยี่ยมมาขอโทษอาคเนย์กับคุณสองคนด้วยค่ะ คือ...” วาสนาพูดแค่นั้นก็เหลือบไปมองสามีที่ยืนถือไม้เท้าหน้าเชิดไปอีกทางด้วยความระอาก่อนเอ่ย “แล้วก็อยากพาเขามาขอขมาคุณที่ลูกชายเขาเกือบทำให้อาคเนย์ต้อง...”“โธ่ ไม่เป็นไรเลยค่ะ ตาเนสบายดีแล้วค่ะ” เนติมาตอบพลางรับกระเช้าส่งให้สามีอีกต่อ อรรถจึงรับกระเช้าไปแล้วผายมือเชิญ“แทนที่จะคุยกันหน้าบ้านแบบนี้ ผมว่าเชิญคุณสองคนที่บ้านดีไหมครับ ตาเนน่าจะอยู่บนบ้าน เดี๋ยวผมเรียกให้ลงมา”“ดีเหมือนกันจ้ะพ่อ” เนติมาตอบรับแรกทีเดียววาสนาลังเล เพราะเวลาที่ผ่านไปนานอาจทำให้รอยร้าวประสานยากอยู่สักหน่อย ถึงแม้จะรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเธอมุทะลุและใจเร็วเกินไปพอทางปู่ย่าของแอลติดต่อมาว่าอดีตส
คนที่เคลื่อนท่อนอุ่นอยู่นั้น หัวเราะน้อยๆ และนำพาอินทัชไปเจียนจะแตะจุดสุดยอด แอลตัวโยกสั่นคลอนซ่านสยิวหนัก เขารับรู้ได้ว่าร่างกายตนเป็นเหมือนอาหารจานโปรดของอาคเนย์ “ไปต่อที่เตียงกันนะ” “อือ...”แอลครางไม่เป็นภาษาแล้วคราวนี้เพราะอาคเนย์ซึ่งแข็งแรงมากไม่ยอมปล่อยลง ยามนี้แอลจึงถูกล็อกขาทั้งสองข้างให้ลอยเหนือพื้นหนักกว่าเดิมไม่พอยังแยกกว้างเป็นรูปตัวเอ็มยิ่งกว่านั้นมีแก่นกายอีกฝ่ายสอดใส่ด้านในตัวเขาและขยับโยกไม่หยุด แอลเจ็บร้าวแต่ก็หฤหรรษ์อย่างถึงที่สุด เขาไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองกระจกตามที่อาคเนย์กระซิบบอก เขาขัดเขินอย่างที่สุด ปากก็แผดร้องราวกับกำลังเสพของเผ็ดร้อน เขาส่งเสียงหวานผสมการร้องบอกว่าคลั่งไคล้รสชาติการมีเซกส์ในครั้งนี้ยังไง “อื้อ... ไปถึงเตียงให้เร็วกว่านี้อีก เร็วๆ หมีน้อยอินไม่ไหว หมาใหญ่เนแสนดี บอกรักหมีน้อยอินไวๆ นะครับ อื้อ” “ได้สิ จัดไป” อาคเนย์กระซิบเสียงแผ่ว ไอร้อนผะผ่าวเป่ารดหูแอลจนเผลอหัวเราะออกมาด้วยความจั๊กจี้ พอไปถึงเตียงร่างของแอลก็ถูกวางด้วยความนุ่มนวล ทว่าแก่นกายอีกฝ่ายที่อยู่ข้างในตัวนั้น กร
“ได้เลย บอกไว้ก่อนนะว่าพี่ยอมให้หางหมีอันนี้เท่านั้นที่จะเข้าไปอยู่ข้างในตัวอินได้ ถ้าเป็นอย่างอื่นรับรองว่าไม่มีทาง” พูดจบหางหมีแสนน่ารักก็ถูกส่งเข้าไปในช่องรัดแน่นอย่างพอเหมาะพอดี แอลอึดอัดในตอนแรกก่อนจะเสียวซ่านสยิวเมื่ออาคเนย์ระดมจูบแผ่นหลังของเขารัวๆ พร้อมกับมือที่สาวแก่นกายให้ไม่หยุด ในตอนนี้แอลหวิดปล่อยความขาวข้นออกมาระรอกใหญ่แต่... “จะออกแล้วเหรอ”“อือ พี่เนแกล้ง” แอลตัดพ้อ“แต่หมาใหญ่ตัวนี้ไม่ยอมให้หมีน้อยขึ้นสวรรค์ก่อนหรอกนะ”“งื้อ งั้นก็รีบเข้าสิ” อาคเนย์ฟังแล้วหมั่นเขี้ยวสุดๆ ไม่กี่อึดใจต่อมาอาคเนย์ก็พลิกตัวแอลกลับมาเผชิญหน้าแล้วอุ้มร่างบอบบางที่กระโจนกอดเขาทั้งตัวไม่พอยังยกขาสองข้างกอดเอวเขาไว้ราวกับลูกหมีโคอาล่า ไม่นานต่อมาทั้งสองก็ไปหยุดอยู่บนโซฟาเบดตัวเก่าที่ทั้งกว้างและใหญ่ “พี่เน ตรงนี้เหรอ” “อือ พี่ชอบ” “แต่ตรงนี้เป็นที่เราทำการบ้านเมื่อตอนเด็กๆ นะ” “ก็ไม่เห็นเป็นไร ตอนนี้พี่จะทำการบ้านแบบผู้ใหญ่กับอินที่นี่ไง” “โว๊ย! พี่เน ทะลึ่งอีกแล้ว” แอลพูดจบก็ส่งเสียงหัวเราะคราวนี้อาคเน
“ไม่เรียกหมาใหญ่แล้วเหรอ”“อื้อ อย่ามาแกล้งอินนะ” แอลตอบสีหน้างอนๆ เพราะเหมือนกำลังถูกอาคเนย์แกล้งพาขึ้นสูงสุดจู่ๆ ทิ้งดิ่งราวกับรถไฟเหาะตีลังกาแต่ทว่า...“เตรียมใจได้เลย หมาสุดหล่อตัวนี้จะเลียจะดูดจะกินน้ำผึ้งจากหมีน้อยอินจนหมดทั้งตัวเลย”“โหย ฟังแล้วกลัวจังเลย” แอลหยอกเย้า ยามนี้เขากลายเป็นหมีน้อยสุดน่ารัก ส่วนอาคเนย์คือหมาหื่นตัวโตๆ ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อที่ไม่ได้กลัวแต่กลับยินยอมพร้อมใจ ยามนี้พวกเขากำลังสร้างความสุขให้แก่กัน “ตรงนี้นะ” “เฮ้ย! ใม่เอา เดี๋ยวแม่พี่เนมาเห็น” “พ่อกับแม่พี่ไม่อยู่” “ไปไหน” “ไปวัด อย่าถามมากความเลยน่า” อาคเนย์ว่าพลางมือก็เลื่อนลงมาจะปลดกระดุมกางเกงยีนส์อีก “ได้ไงอะ ไม่เอาตรงนี้ เผื่อมีคนเห็น” แอลร้องห้ามแต่อาคเนย์หรือจะฟัง ยามนี้ในบ้านหลังนี้มีเพียงเขากับแอลที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง และเขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้วชายหนุ่มปัดมือคนตัวเล็กกว่าที่ตะครุบมือเขาไว้ แล้วปลดตะขอกางเกงออกช้าๆ แล้วซุกหน้ากับเป้ากางเกงบ็อกเซอร์ซึ่งส่วนที่ยืดได้พองได้กำลังขยายคับแน่นไปหมด“พี่เน... อย่า
ชายหนุ่มนึกสังหรณ์ใจจึงผลุนผลันออกจากห้องโดยไม่ลืมคว้าตุ๊กตาหมีตัวเก่งที่ลูกหมีน้อยของเขาทำตกไว้ ซึ่งเป็นเวลานานแล้วที่เขาวางมันทิ้งไว้ในซอกมุมหนึ่งแต่ไม่เคยลืม เพราะมีความรู้สึกหลากหลายที่ผูกพันกันไว้ ยามนี้อาคเนย์หัวใจเต้นแรงจนอดใจไม่ให้รีบไปดูให้รู้แน่แก่ใจว่าจะใช่แอลจริงหรือไม่ เขาต้องไปดูให้เห็นกับตา... ก่อนออกจากห้อง อาคเนย์นึกอะไรได้จึงเปิดลิ้นชักหัวเตียงคว้ากระเป๋าหิ้วใบเล็กติดมือมาด้วย วันนี้ล่ะที่เขาจะได้ใช้มัน อาคเนย์ไม่มีแล้วซึ่งความใจเย็นเข้าตามตรอกออกตามประตู เขาหิ้วน้องหมีปีนข้ามรั้วมายังบ้านของแอล พอกระโดดผลุงลงพื้นน้องหมีก็กระเด็นออกจากมือจนรีบตะครุบแทบไม่ทัน นึกสภาพอินทัชตอนเด็กที่อุ้มน้องหมีปีนรั้วไปหาเขา คราวนี้เขาเป็นฝ่ายปีนหาบ้าง... แอลหรือลูกหมีอินทัช น้องน้อยของพี่เนแอบมองอีกฝ่ายทำท่าทีลุกลี้ลุกลนแล้วอดขำไม่ได้ เขาลอบมองอาคเนย์ผ่านม่านหน้าต่างที่ปิดไว้แน่นหนายิ่งอีกฝ่ายทำเรื่องโลดโผนด้วยการปีนรั้วเข้ามาที่บ้าน แอลก็ยืนมองเฉยๆ ไม่ไหวเปิดประตูผลุงออกมาทันทีที่อาคเนย์มาหยุดยืนหน้าบ้านสองจิตสองใจอยู่ “จ๊ะเอ๋! พี่เน