ทะเลแกล้งไขสือทั้งที่รู้อยู่ว่าเอราวัฒน์แกล้งมาทำหมาหยอกไก่กับเขาก็เพื่อหลอกใช้ทั้งที่ใจเขาชอบครูอีกคนอยู่ ดีที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย
“เปล่าสักหน่อย ก็ที่ผมมขอแลกเวรกับครูเลคืนนี้เพราะรู้ว่าคุณว่างไงครับ”
“แต่ครูคนอื่นก็มี”
“แต่ครูเลอยู่ใกล้โรงเรียนที่สุด นะครับ ช่วยผมนะครับ” เอราวัฒน์ทำตาเล็กตาน้อยออดอ้อน “ผมมีธุระจริงๆ เนี่ยถ้าไม่ติดว่าครูณัฐต้องอยู่คนเดียว ผมคงไม่ขอครูเลช่วยหรอกครับ ผมก็เกรงใจ”
“คุณว่าใครต้องอยู่คนเดียวนะครับ”
“ก็ครูณัฐคนดังประจำโรงเรียนเราไงครับ ผมกลัวว่าครูณัฐจะคุมเด็กคนเดียวไม่ไหว ก็เลยเสนอครูเลเป็นผู้ช่วย”
“แล้วเขาว่าไงครับ”
“ครูณัฐพอรู้ก็ดีใจมากๆ นะครับ”
ทะเลหูผึ่ง เพราะได้ยินว่าณัฐพลอยู่คนเดียว อย่างนี้เท่ากับว่าการแลกเวรดูเด็กซ้อมกิจกรรมต้อนรับผู้บริหารโรงเรียนชุดใหม่ก็ไม่เลว เพราะมีณัฐพล ครูพละสุดหล่อที่เขาแอบชอบอยู่
โอกาสดีแบบนี้ใช่ว่าจะมีบ่อยๆ...
“ถ้าครูเลไม่ว่างจริงๆ ก็...”
“ว่าง! ว่างครับ ผมว่าง” ทะเลตอบรับหน้าชื่นตาบานทันที
“แหม่ ขอบคุณนะครับครูเล”
เอราวัฒน์คว้ามือทะเลมากุมไว้ทั้งสองมือแล้วแกว่งไปมาด้วยความยินดี จนทะเลเหลียวมองรอบๆ ด้วยความกระดากท่ามกลางสายตาหลายคู่จากเหล่านักเรียนชายหญิงที่ซุบซิบหัวเราะคิกคักกัน เขาถึงรู้ตัวว่าเผลอแสดงอาการไม่เหมาะสมต่อหน้าธารกำนัล
“เอ่อ ปล่อยได้แล้วครับ ครูเอ”
“ครับ ครับ ผมลืมตัว” เอราวัฒน์รีบดึงมือกลับ
ทะเลหน้าเจื่อนรู้สึกว่าถูกสายตาหลายคู่จับจ้อง แล้วสายตาของทะเลก็หยุดลงที่หน้าประตู...
สีหน้าแบบนั้น รอยยิ้มหยันมุมปากแบบนั้น
แปลกๆ
แต่เอ๊ะ!
ทำไมมันคุ้นจัง...
ถึงแม้ทะเลจำหน้าเด็กหนุ่มไม่ค่อยได้ แต่จากที่เห็นจังๆ เมื่อครู่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่โผล่พ้นหมวกมาแค่เห็นแวบเดียวก็สะดุดตานั้นช่างคลับคล้ายคลับคลา และที่สำคัญที่หน้าของเขามีรอยฟกช้ำเหมือนกันกับเด็กคนเมื่อคืนด้วย
เออ...
จะเป็นใครไปได้ไง...
ก็เมื่อกี้เด็กคนนั้นยังบอกว่าเอาหนังสือที่ยืมไปเมื่อคืนมาคืนให้ แสดงว่าก็คือคนเดียวกันนั่นล่ะ ว่าแต่เด็กนั่นต้องการอะไรจากเขากันแน่...
แต่ก็ช่างเถอะ...
ยังไงคืนนี้เขาก็จะได้ใกล้ชิดกับคนที่หมายปองนี่นา...
พี่ณัฐคนดี...
ทะเลทิ้งความสงสัยทั้งหมดทิ้งไป เขาลั้นลาอารมณ์ดี ดูนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาใกล้โรงเรียนเลิกเต็มทีอย่างใจจดใจจ่อโดยไม่รู้เลยว่าคืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นและทำให้เขาต้องยุ่งยากใจในอนาคตเพราะเด็กคนนั้น คนที่ทำให้ชีวิตของครูบรรณารักษ์ธรรมดาๆ ต้องเจอกับความเผ็ดร้อนของรสชาติชีวิตโดยไม่รู้ตัว...
ทะเลได้ฤกษ์ออกจากโรงเรียนหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมและส่งเด็กนักเรียนคนสุดท้ายขึ้นรถกลับบ้านเรียบร้อยก็ดึกดื่นแล้ว
วันนี้ทะเลรับอาสาอยู่ดูแลเด็กแทนครูผู้ช่วยอีกคนที่ติดธุระกะทันหัน ได้เป็นผู้ช่วยของณัฐพล ครูพละคนสนิทที่แอบชอบ ทะเลก็กระตือรือร้นช่วยงานจนดึกดื่น
ทะเลอบอุ่นในความเอาใจใส่ของณัฐพล โดยไม่รู้เลยว่าเขามีใครอยู่ จนกระทั่งไม่กี่นาทีก่อนหน้า ที่ความฝันของทะเลสูญสลายกลายเป็นเถ้า เพราะรถสปอร์ตคันหรูสีแดงสดที่มีสาวสวยหุ่นนางแบบมาโฉบพาเขาไปต่อหน้า เธอคนนั้นทั้งสวย เซ็กซี่ มีเสน่ห์จนผู้ชายอย่างเขายังต้องมองเหลียวหลัง
นึกแล้วก็เศร้า...
เขาหรือจะสู้อะไรเธอคนนั้นได้...
“นี่ทะเล เพื่อนสนิทพี่ ส่วนนี่แอนนี่ แฟนพี่เอง สวยไหม”
สวยมาก...
ทะเลนึกในใจไม่พอหัวใจยังวูบไหวเมื่อณัฐพลแนะนำแฟนสาวแล้วยังแสดงความรักต่อเธอด้วยการโอบเอวไม่ห่าง ทะเลเห็นสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องภูมิใจในตัวหญิงสาวมาก เรียกได้ว่าควงไปไหนต่อไหนได้ไม่อายใคร หัวใจของทะเลก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม
สิ้นหวังแล้ว...
“เอาไว้ไปกินข้าวกันนะคะครูทะเล” แอนนี่ชวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แต่ทะเลยิ้มแหย พูดไม่ออกสักคำ...
ก็จะให้พูดอะไรได้ล่ะ...
ในเมื่อทะเลไม่มีอะไรสักอย่างที่คู่ควรกับณัฐพลเหมือนเธอคนนั้นที่แค่ยืนด้วยกัน รังสีความเหมาะสมก็แผ่ซ่านไปถึงไหนต่อไหน ทะเลน้อยใจในโชคชะตาจนต้องเฟดตัวเองกลับออกมาอย่างเงียบๆ...
เมื่อหมดใจร่างกายก็เหมือนหมดแรง ทะเลเดินทอดน่องกลับคอนโดมิเนียมอย่างซังกะตาย เขาก้าวข้ามประตูเหล็กสีน้ำตาลสนิมเขรอะแต่ไม่พ้นจนเผลอจับกบลงตรงหน้าประตูนั่น
อูยยย...
ไอ้ทะเลคนอาภัพ อาภัพไปหมด ทั้งพ่อแม่ แล้วตอนนี้ยังมาอาภัพรักจะมีใครชีวิตบัดซบเท่ากับเขาอีกไหมนะ
ทะเลปาดน้ำตา เส้นทางปูนในตรอกที่เป็นทางเดินลัดออกจากโรงเรียนอคิราห์วิทยา มายังที่พักของเขาค่อนข้างมืดเพราะไฟทางเดินเล็กๆ ติดๆ ดับๆ อีกทั้งค่อนข้างยาวไกล
น่ากลัวชะมัด!
นี่สินะ...
หนทางของทะเลที่เป็นได้แค่เพียงหนูท่อที่ไม่สามารถเสนอหน้าเดินบนถนนกว้างใหญ่แบบลูกผู้ลากมากดีที่ไหนได้...
ทะเลยันตัวขึ้นยืนเต็มสองเท้า หยิบกระเป๋าเป้ใบเก่งมอมแมมขึ้นสะพาย อีกมือหิ้วถุงปาท่องโก๋เย็นชืดที่กระเด็นกระดอนตอนจับกบขึ้นมาก่อนจะทอดถอนใจที่เห็นสภาพของมัน
เยินขนาดนี้ คงกินไมได้แล้วล่ะ...
“อิน!”“อินจัดการเอง”“แต่พี่ว่า...”“เถอะน่า...”แอลกระซิบแล้วก้าวผ่านอาคเนย์ที่ยืนนิ่งงันอยู่มาเผชิญหน้ากับเนติมาด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว เพียงแค่สบตาป้าครูที่เคารพรักเมื่อครั้งยังเด็ก เขาก็มือไม้สั่น แต่ก็กัดฟันสู้เพี่ออาคเนย์“ป้าครูครับ ผมขอโทษที่ทำผิดต่อป้าครูกับคุณลุงอีกแล้ว แต่อินรักพี่เนจริงๆ เราสองคนรักกันครับ”แอลไม่พูดเปล่า พนมมือไว้แล้วทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าเนติมา ท่ามกลางความตกตะลึงของวาสนาและอาคเนย์“ผมขอโทษที่ทำให้พี่เนเกือบตาย แต่ผมอยากขอร้องป้าครูว่าอย่าดุด่าพี่เนเลยนะครับ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะผมเองที่กลับเข้ามาในชีวิตพี่เน ผมลืมพี่เนไม่ได้ ผมรักพี่เนจริงๆ ผมขอโทษที่ดื้อรั้นไม่รักษาคำพูดที่เคยให้ไว้กับแม่ว่าจะไม่มารบกวนพี่เนอีก ผม ผม...” แอลพูดแค่นั้นก็ก้มหน้าน้ำตาไหลวาสนาเห็นลูกชายที่ปกติดื้อรั้นเป็นนิสัยใครว่าก็ไม่ฟัง ยอมก้มหัวอ่อนข้อร้องไห้ฟูมฟายให้กับความรักก็ถึงกับน้ำตาคลอเป็นเธอเองสินะ... เธอเองที่ทำร้ายความรู้สึกลูกชายคนเดียวของเธอตลอดมาวาสนาอยากจะทำเพื่อลูกสักครั้งด้วยการขอร้องเนติมาอีกแรง แต่ถูกตัดหน้าด้วยอาคเนย์ที่ทรุดนั่งลงคุกเข่าเคียงข้างแอล
วาสนาเห็นท่าทีของสามีแล้วลอบถอนใจ นิสัยน่าเบื่อคงส่งผ่านดีเอ็นเอไปหาปองพลที่เป็นคนประเภทเดียวกัน เพียงแต่ปองพลมุทะลุและคิดว่าตัวเองมีปมด้อยมากมายจนลืมไปว่าเพราะตัวเองด้อยค่าตัวเองทั้งที่มีมากกว่าคนอื่นมากนัก สุดท้ายก็เอาดีไมได้ต้องซังกะตายอยู่ในคุกอีกนานวาสนาหันไปเปิดประตูรถแล้วหยิบตะกร้าผลไม้ใบใหญ่ออกมาแล้วยื่นให้เนติมา“นี่ค่ะ แทนคำขอบคุณที่อาคเนย์ช่วยฉันกับลูก แล้วก็เอาของเยี่ยมมาขอโทษอาคเนย์กับคุณสองคนด้วยค่ะ คือ...” วาสนาพูดแค่นั้นก็เหลือบไปมองสามีที่ยืนถือไม้เท้าหน้าเชิดไปอีกทางด้วยความระอาก่อนเอ่ย “แล้วก็อยากพาเขามาขอขมาคุณที่ลูกชายเขาเกือบทำให้อาคเนย์ต้อง...”“โธ่ ไม่เป็นไรเลยค่ะ ตาเนสบายดีแล้วค่ะ” เนติมาตอบพลางรับกระเช้าส่งให้สามีอีกต่อ อรรถจึงรับกระเช้าไปแล้วผายมือเชิญ“แทนที่จะคุยกันหน้าบ้านแบบนี้ ผมว่าเชิญคุณสองคนที่บ้านดีไหมครับ ตาเนน่าจะอยู่บนบ้าน เดี๋ยวผมเรียกให้ลงมา”“ดีเหมือนกันจ้ะพ่อ” เนติมาตอบรับแรกทีเดียววาสนาลังเล เพราะเวลาที่ผ่านไปนานอาจทำให้รอยร้าวประสานยากอยู่สักหน่อย ถึงแม้จะรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเธอมุทะลุและใจเร็วเกินไปพอทางปู่ย่าของแอลติดต่อมาว่าอดีตส
คนที่เคลื่อนท่อนอุ่นอยู่นั้น หัวเราะน้อยๆ และนำพาอินทัชไปเจียนจะแตะจุดสุดยอด แอลตัวโยกสั่นคลอนซ่านสยิวหนัก เขารับรู้ได้ว่าร่างกายตนเป็นเหมือนอาหารจานโปรดของอาคเนย์ “ไปต่อที่เตียงกันนะ” “อือ...”แอลครางไม่เป็นภาษาแล้วคราวนี้เพราะอาคเนย์ซึ่งแข็งแรงมากไม่ยอมปล่อยลง ยามนี้แอลจึงถูกล็อกขาทั้งสองข้างให้ลอยเหนือพื้นหนักกว่าเดิมไม่พอยังแยกกว้างเป็นรูปตัวเอ็มยิ่งกว่านั้นมีแก่นกายอีกฝ่ายสอดใส่ด้านในตัวเขาและขยับโยกไม่หยุด แอลเจ็บร้าวแต่ก็หฤหรรษ์อย่างถึงที่สุด เขาไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองกระจกตามที่อาคเนย์กระซิบบอก เขาขัดเขินอย่างที่สุด ปากก็แผดร้องราวกับกำลังเสพของเผ็ดร้อน เขาส่งเสียงหวานผสมการร้องบอกว่าคลั่งไคล้รสชาติการมีเซกส์ในครั้งนี้ยังไง “อื้อ... ไปถึงเตียงให้เร็วกว่านี้อีก เร็วๆ หมีน้อยอินไม่ไหว หมาใหญ่เนแสนดี บอกรักหมีน้อยอินไวๆ นะครับ อื้อ” “ได้สิ จัดไป” อาคเนย์กระซิบเสียงแผ่ว ไอร้อนผะผ่าวเป่ารดหูแอลจนเผลอหัวเราะออกมาด้วยความจั๊กจี้ พอไปถึงเตียงร่างของแอลก็ถูกวางด้วยความนุ่มนวล ทว่าแก่นกายอีกฝ่ายที่อยู่ข้างในตัวนั้น กร
“ได้เลย บอกไว้ก่อนนะว่าพี่ยอมให้หางหมีอันนี้เท่านั้นที่จะเข้าไปอยู่ข้างในตัวอินได้ ถ้าเป็นอย่างอื่นรับรองว่าไม่มีทาง” พูดจบหางหมีแสนน่ารักก็ถูกส่งเข้าไปในช่องรัดแน่นอย่างพอเหมาะพอดี แอลอึดอัดในตอนแรกก่อนจะเสียวซ่านสยิวเมื่ออาคเนย์ระดมจูบแผ่นหลังของเขารัวๆ พร้อมกับมือที่สาวแก่นกายให้ไม่หยุด ในตอนนี้แอลหวิดปล่อยความขาวข้นออกมาระรอกใหญ่แต่... “จะออกแล้วเหรอ”“อือ พี่เนแกล้ง” แอลตัดพ้อ“แต่หมาใหญ่ตัวนี้ไม่ยอมให้หมีน้อยขึ้นสวรรค์ก่อนหรอกนะ”“งื้อ งั้นก็รีบเข้าสิ” อาคเนย์ฟังแล้วหมั่นเขี้ยวสุดๆ ไม่กี่อึดใจต่อมาอาคเนย์ก็พลิกตัวแอลกลับมาเผชิญหน้าแล้วอุ้มร่างบอบบางที่กระโจนกอดเขาทั้งตัวไม่พอยังยกขาสองข้างกอดเอวเขาไว้ราวกับลูกหมีโคอาล่า ไม่นานต่อมาทั้งสองก็ไปหยุดอยู่บนโซฟาเบดตัวเก่าที่ทั้งกว้างและใหญ่ “พี่เน ตรงนี้เหรอ” “อือ พี่ชอบ” “แต่ตรงนี้เป็นที่เราทำการบ้านเมื่อตอนเด็กๆ นะ” “ก็ไม่เห็นเป็นไร ตอนนี้พี่จะทำการบ้านแบบผู้ใหญ่กับอินที่นี่ไง” “โว๊ย! พี่เน ทะลึ่งอีกแล้ว” แอลพูดจบก็ส่งเสียงหัวเราะคราวนี้อาคเน
“ไม่เรียกหมาใหญ่แล้วเหรอ”“อื้อ อย่ามาแกล้งอินนะ” แอลตอบสีหน้างอนๆ เพราะเหมือนกำลังถูกอาคเนย์แกล้งพาขึ้นสูงสุดจู่ๆ ทิ้งดิ่งราวกับรถไฟเหาะตีลังกาแต่ทว่า...“เตรียมใจได้เลย หมาสุดหล่อตัวนี้จะเลียจะดูดจะกินน้ำผึ้งจากหมีน้อยอินจนหมดทั้งตัวเลย”“โหย ฟังแล้วกลัวจังเลย” แอลหยอกเย้า ยามนี้เขากลายเป็นหมีน้อยสุดน่ารัก ส่วนอาคเนย์คือหมาหื่นตัวโตๆ ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อที่ไม่ได้กลัวแต่กลับยินยอมพร้อมใจ ยามนี้พวกเขากำลังสร้างความสุขให้แก่กัน “ตรงนี้นะ” “เฮ้ย! ใม่เอา เดี๋ยวแม่พี่เนมาเห็น” “พ่อกับแม่พี่ไม่อยู่” “ไปไหน” “ไปวัด อย่าถามมากความเลยน่า” อาคเนย์ว่าพลางมือก็เลื่อนลงมาจะปลดกระดุมกางเกงยีนส์อีก “ได้ไงอะ ไม่เอาตรงนี้ เผื่อมีคนเห็น” แอลร้องห้ามแต่อาคเนย์หรือจะฟัง ยามนี้ในบ้านหลังนี้มีเพียงเขากับแอลที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง และเขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้วชายหนุ่มปัดมือคนตัวเล็กกว่าที่ตะครุบมือเขาไว้ แล้วปลดตะขอกางเกงออกช้าๆ แล้วซุกหน้ากับเป้ากางเกงบ็อกเซอร์ซึ่งส่วนที่ยืดได้พองได้กำลังขยายคับแน่นไปหมด“พี่เน... อย่า
ชายหนุ่มนึกสังหรณ์ใจจึงผลุนผลันออกจากห้องโดยไม่ลืมคว้าตุ๊กตาหมีตัวเก่งที่ลูกหมีน้อยของเขาทำตกไว้ ซึ่งเป็นเวลานานแล้วที่เขาวางมันทิ้งไว้ในซอกมุมหนึ่งแต่ไม่เคยลืม เพราะมีความรู้สึกหลากหลายที่ผูกพันกันไว้ ยามนี้อาคเนย์หัวใจเต้นแรงจนอดใจไม่ให้รีบไปดูให้รู้แน่แก่ใจว่าจะใช่แอลจริงหรือไม่ เขาต้องไปดูให้เห็นกับตา... ก่อนออกจากห้อง อาคเนย์นึกอะไรได้จึงเปิดลิ้นชักหัวเตียงคว้ากระเป๋าหิ้วใบเล็กติดมือมาด้วย วันนี้ล่ะที่เขาจะได้ใช้มัน อาคเนย์ไม่มีแล้วซึ่งความใจเย็นเข้าตามตรอกออกตามประตู เขาหิ้วน้องหมีปีนข้ามรั้วมายังบ้านของแอล พอกระโดดผลุงลงพื้นน้องหมีก็กระเด็นออกจากมือจนรีบตะครุบแทบไม่ทัน นึกสภาพอินทัชตอนเด็กที่อุ้มน้องหมีปีนรั้วไปหาเขา คราวนี้เขาเป็นฝ่ายปีนหาบ้าง... แอลหรือลูกหมีอินทัช น้องน้อยของพี่เนแอบมองอีกฝ่ายทำท่าทีลุกลี้ลุกลนแล้วอดขำไม่ได้ เขาลอบมองอาคเนย์ผ่านม่านหน้าต่างที่ปิดไว้แน่นหนายิ่งอีกฝ่ายทำเรื่องโลดโผนด้วยการปีนรั้วเข้ามาที่บ้าน แอลก็ยืนมองเฉยๆ ไม่ไหวเปิดประตูผลุงออกมาทันทีที่อาคเนย์มาหยุดยืนหน้าบ้านสองจิตสองใจอยู่ “จ๊ะเอ๋! พี่เน