หญิงสาวนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา นางนั่งมองชายหนุ่มข้างกายอยู่นิ่งๆ เห็นเขาส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ เป็นรอยยิ้มละมุนตาที่นางโหยหาทุกค่ำคืน
เฮ่อเหลียนหลับตาลงอย่างช้าๆ นึกปวดแปลบอยู่ในใจ
หลี่ชางบอกว่าฟางเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้ว จึงได้มารับนางกลับไป เขาหมายความว่าอย่างไร?
หลี่ชางคล้ายเข้าใจคำถามนั้นของเฮ่อเหลียน ถึงแม้ว่านางมิได้เอ่ย แต่คำตอบกลับออกมาจากปากเขาช้าๆ เพื่ออธิบาย
“การที่ฟางเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้วหนึ่งเดือนหลังจากที่เข้าหอกับข้าเพียงสองเดือน นั่นก็แสดงว่าร่างกายของข้าปกติดี”
ประโยคนี้ทำผู้ฟังได้แต่อึ้งงัน หมายความว่าเป็นนางที่ร่างกายบกพร่องเพียงผู้เดียวใช่หรือไม่?
“เจ้าอย่าด่วนคิดมากไป” อีกครั้งที่หลี่ชางเอ่ยอย่างเข้าใจเฮ่อเหลียน “ข้ากำลังจะบอกเจ้าว่า เมื่อมีสตรีมารับหน้าที่ตั้งครรภ์แทนเจ้าแล้ว ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทายาทอีก จากนี้เราอยู่กันแบบสามคนสามีภรรยาด้วยดีเถิด ข้ายังคงรักเจ้าเช่นเดิม”
อ้อ...กระนั้นหรือ?
หญิงสาวตอบคำเขาอยู่ในใจ หาได้เอ่ยออกมาไม่ นางมิรู้ว่าควรคุยกับเขาอย่างไรดี
ความรู้สึกเจ็บลึกยังคงมีไม่สร่างซา
คำว่าสามคนสามีภรรยาล้วนเสียดแทงใจ
แต่ทว่านางกำลังรู้สึกบางอย่างที่เขามารับนางให้กลับไป
นางกำลังรู้สึกดีใจอย่างไม่น่าให้อภัย...
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์หลี่ เฮ่อเหลียนจึงได้เจอกับสองผู้เฒ่าหลี่ ที่บัดนี้สายตาของพวกเขาล้วนเปลี่ยนไป
ไร้แววเอื้อเอ็นดูนางเช่นกาลก่อน…
หญิงสาวย่อมเข้าใจดี และไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร
สองตาคู่งามเหลือบไปทางชายข้างกายที่ยังคงยกยิ้มอบอุ่นมาให้
หากแต่เฮ่อเหลียนไม่อาจยิ้มตอบเขาได้ นางทำได้เพียงรับรอยยิ้มของเขาเอาไว้อย่างเงียบงัน ไร้วาจา
ในหัวใจของนางยังคงมีเข็มนับพันคอยแต่จะทิ่มแทงซ้ำๆ ที่บาดแผลรอยเดิม เมื่อนางหันไปเผชิญกับฟางเอ๋อร์
สตรีนางนี้ยืนประคองฮูหยินผู้เฒ่าเอาไว้ยามที่พวกเขากำลังยืนอยู่กลางโถงเรือน
เฮ่อเหลียนอดใจเอาไว้มิได้ที่จะลอบชำเลืองหน้าท้องของฟางเอ๋อร์ ในนั้นมีสายสัมพันธ์ระหว่างสตรีผู้นี้กับสามีของนาง
บุตรของหลี่ชาง...
ภาพยามร่วมรักระหว่างพวกเขาสองคนพลันปรากฏจนเต็มสมอง นางไม่อาจไม่จินตนาการ
นางพลาดเองที่คืนนั้นอุตริเดินไปดู หากนางไม่ย่างเท้าเข้าไปคงไม่เจ็บร้าวถึงเพียงนี้
และหากนางไม่ไปให้เห็นกับตา คงไม่ด้านชาถึงปานนี้
เฮ่อเหลียนยกยิ้มเย็น รู้สึกปวดใจดั่งโดนบีบเค้นรัดรึง แม้แต่สีหน้าที่แสดงออกยังไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง ไม่มีรอยยิ้มใดๆ เช่นกาลก่อนอีกแล้ว
หลี่ชางจับมือเฮ่อเหลียนมาบีบเบาๆ คล้ายให้กำลังใจ
สายตาของเขามองนางอย่างอบอุ่นเสมอไม่เปลี่ยนแปลง รอยยิ้มละมุนตายังคงประดับบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา
หญิงสาวเห็นเช่นนั้นยิ่งยิ้มอย่างขื่นขมให้ตนเอง ก่อนจะดึงมือออกจากเกาะกุมแล้วตบเบาๆ ที่หลังมือเขา เป็นการให้กำลังใจของสองเรา เพียงปลอบตัวเองว่าเขากำลังจะมีทายาท
การมีทายาทเป็นเรื่องดี
ทุกสิ่งล้วนเป็นมงคลแก่คนบ้านหลี่...
หลายวันมาแล้วที่เฮ่อเหลียนกลับมาอยู่เรือนเดิมภายในคฤหาสน์ของสามี
หลี่ชางมาหานางเกือบทุกวัน ร่วมรักกับนางเกือบทุกคืน เราสองอยู่ด้วยกันอย่างชื่นมื่น เสมือนเมื่อสามปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน
แต่ทว่าในหัวใจของเฮ่อเหลียนยังคงคล้ายกับมีน้ำแข็งเย็นเยียบแผ่นบางเกาะกุมอยู่อย่างแน่นหนา
เป็นชั้นน้ำแข็งที่นางไม่กล้ากะเทาะออกมา ด้วยกลัวเหลือเกินว่าหัวใจบอบบางของนางจะปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เหตุที่นางรู้สึกเช่นนี้ ก็เพราะหลี่ชางหาใช่สามีของนางเพียงผู้เดียวอีกแล้ว เขายังต้องวนเวียนไปดูแลฟางเอ๋อร์ที่ตั้งครรภ์
ยามกินข้าวตอนเช้าร่วมกับคนทั้งบ้าน เฮ่อเหลียนยังเห็นหลี่ชางดูแลประคบประหงมเอาใจใส่ฟางเอ๋อร์ตลอดเวลา บางครายังเผลอหยอกเย้ากันต่อหน้านาง
พวกเขาส่งยิ้มให้กัน มองตากัน มือหนาของหลี่ชางลูบเบาๆ ที่หน้าท้องของฟางเอ๋อร์
เป็นครั้งที่เท่าไหร่มิทราบได้ ที่เฮ่อเหลียนต้องหลับตาลง รู้สึกเพียงความเจ็บปวดไปทั่วหัวใจอย่างมิอาจพรรณนาเป็นคำพูดได้
นางรู้สึกว่าฉากนี้มันช่างโศกเศร้าเสียจริง แม้ทุกคนในบ้านมีรอยยิ้มยินดี หากแต่นางยิ้มไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
เฮ่อเหลียนยังคงอดทนอยู่คฤหาสน์หลี่อย่างทรมาน
นางอยากหนีกลับบ้านเฮ่ออีกครา รู้สึกผิดขึ้นมาที่วันนั้นนางหลงกลรอยยิ้มอบอุ่นของสามี แต่จะเป็นไปได้อย่างไร
เพราะต่อให้กลับไป คนบ้านเฮ่อก็ส่งตัวนางกลับมาบ้านหลี่อยู่ดี และที่สำคัญครั้งนี้ หลี่ชางคล้ายกับเตรียมการเอาไว้อย่างแน่นหนา
เขาไม่คิดจะปล่อยนางไป...
ยามที่นางต้องการไปเดินเที่ยวตลาด หลี่ชางจะไปกับนางแทบทุกครั้ง บางคราหากเขาไม่ว่างต้องไปทำการค้า ยังให้สาวใช้ตามประกบถึงสองคน มีบ่าวชายตัวใหญ่ตามไปด้วยอีกหนึ่งคน
หญิงสาวจึงอยู่กับชายหนุ่มต่อไปทั้งแบบนี้ แบบสามสามีภรรยา โดยที่ฝ่ายสามีผลัดแวะเวียนระหว่างภรรยาทั้งสอง หากแต่ภรรยาทั้งสองกลับไม่เคยแวะเวียนหากันแต่อย่างใด
พิธีคารวะน้ำชาที่อนุภรรยาควรกระทำต่อภรรยาเอกเพื่อแสดงความเคารพยำเกรงยังถูกละเว้นไปไม่ต้องปฏิบัติ เหตุเพราะอีกฝ่ายกำลังตั้งครรภ์ร่างกายอ่อนแอ
เห็นได้ชัดว่าน้ำหนักระหว่างพวกนางที่มีในใจของหลี่ชาง ล้วนเท่าเทียมกัน
จวบจนวันหนึ่ง ข่าวดีสำหรับบ้านหลี่หากแต่เป็นข่าวร้ายสำหรับสองสตรีหลังเรือนก็มาถึงหลี่ชางตบแต่งอนุภรรยาเข้ามาอีกหนึ่งคน!ครานี้อนุของเขางดงามมากนัก ใบหน้าเรียวเล็กน่ารักจิ้มลิ้ม มีรอยยิ้มพริ้มเพรา ดวงตาของนางกลมโตทั้งพิสุทธิ์กระจ่างใสดั่งวารีตกผลึกแวววาว ร่างระหงอ้อนแอ้นแช่มช้อยน่านวดเคล้าไปหมดทุกสัดส่วนมองแล้วให้รู้สึกลมหายใจยังสะดุด หัวใจพานจะละลายอ่อนยวบเสียให้ได้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลี่ชางจักตื่นเต้นปานใดคืนส่งตัวเข้าหอ คืนนั้นหลี่ชางทำสตรีนางน้อยผู้นี้ร้องร่ำไม่เป็นภาษา ส่งเสียงครวญครางแหบพร่าใส่หน้ากันทั้งคืนเสียงเตียงนอนยังโยกคลอนดังลั่นสนั่นหวั่นไหว สั่นสะเทือนเสียจนกำแพงห้องแทบถล่มลงมาเหตุที่เฮ่อเหลียนล่วงรู้ได้อย่างไรน่ะหรือ?ก็เพราะฟางเอ๋อร์มารบเร้าให้นางพาไปแอบฟังเสียงอยู่ริมหน้าต่างตรงมุมอับร้างผู้คน เหตุผลก็เพราะเฮ่อเหลียนยังคงแอบฟังคราวหลี่ชางกับฟางเอ๋อร์ร่วมรักกันนั่นเองถือว่าเป็นการไถ่โทษ ฟางเอ๋อร์ยอมหายโกรธเฮ่อเหลียนและจะไม่พูดถึงมันอีกเฮ่อเหลียนได้แต่ยิ้มขื่น เจ็บระบมอยู่ในอกข้างซ้าย น้ำตาแทบสะกดกลั้นเอาไว้มิได้ยามนั่งเศร้าอยู่ริมหน้าต่าง ท่ามกลางราตรีอันมืดดำ
แม้ในใจจะเจ็บปวดรวดร้าวรุนแรงปานถูกเหล็กร้อนจ้วงแทงทุกวัน แต่เฮ่อเหลียนยังคงพยายามคิดในแง่ดีเสมอมา ว่าหลี่ชางยังคงรักนางไม่เสื่อมคลาย นางคิดว่าอย่างน้อยสามีก็ยังรักนาง ถึงแม้ว่าเขาจะรักสตรีอื่นเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนหญิงสาวคิดด้วยหัวใจที่ยังรักเขาไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังเจ็บปวดเพราะเขาไม่สร่างซา ก็ยังอดทนอย่างโง่งมเสมอมาเป็นความจริงที่ว่า บ้านอื่นอาจจะมีสตรีที่ต้องแบ่งปันสามีมากกว่านี้หลายเท่าตัวนัก พวกนางล้วนหน้าชื่นอกตรมไม่ต่างจากนางยิ่งเป็นฝ่ายภรรยาเอกยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกนางต่างต้องรับผิดชอบงานบ้านงานเรือนทุกสิ่ง ดูแลพ่อแม่สามีมิให้ขาดตกบกพร่อง และยังต้องพะวงกับการเก็บอารมณ์อย่างยากลำบาก มิให้แสดงความหึงหวงออกมาซึ่งตัวนางล้วนทำได้ดี นางทำได้ นางต้องทำ...หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นจากหมอนแล้วอิงร่างบางกับกำแพงข้างที่นอนอยู่เงียบๆ พลางครุ่นคิดไปถึงสตรีบ้านอื่นที่มีชะตาชีวิตเหมือนกัน เพื่อปลอบใจตนเองในคืนเดียวดาย คืนที่สามีนางกำลังไปนอนกอดกับสตรีอีกคน...เวลาแห่งความทรมานคืบคลานผ่านไปอย่างช้าๆ ช่างยาวนานเหลือเกินในความรู้สึกแต่กระนั้นเช้านี้กลับมีเสียงแทรกจากฮูหยินผู้เฒ่าว่าเวลาช่างผ
หญิงสาวนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา นางนั่งมองชายหนุ่มข้างกายอยู่นิ่งๆ เห็นเขาส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ เป็นรอยยิ้มละมุนตาที่นางโหยหาทุกค่ำคืนเฮ่อเหลียนหลับตาลงอย่างช้าๆ นึกปวดแปลบอยู่ในใจหลี่ชางบอกว่าฟางเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้ว จึงได้มารับนางกลับไป เขาหมายความว่าอย่างไร?หลี่ชางคล้ายเข้าใจคำถามนั้นของเฮ่อเหลียน ถึงแม้ว่านางมิได้เอ่ย แต่คำตอบกลับออกมาจากปากเขาช้าๆ เพื่ออธิบาย“การที่ฟางเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้วหนึ่งเดือนหลังจากที่เข้าหอกับข้าเพียงสองเดือน นั่นก็แสดงว่าร่างกายของข้าปกติดี”ประโยคนี้ทำผู้ฟังได้แต่อึ้งงัน หมายความว่าเป็นนางที่ร่างกายบกพร่องเพียงผู้เดียวใช่หรือไม่?“เจ้าอย่าด่วนคิดมากไป” อีกครั้งที่หลี่ชางเอ่ยอย่างเข้าใจเฮ่อเหลียน “ข้ากำลังจะบอกเจ้าว่า เมื่อมีสตรีมารับหน้าที่ตั้งครรภ์แทนเจ้าแล้ว ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทายาทอีก จากนี้เราอยู่กันแบบสามคนสามีภรรยาด้วยดีเถิด ข้ายังคงรักเจ้าเช่นเดิม”อ้อ...กระนั้นหรือ?หญิงสาวตอบคำเขาอยู่ในใจ หาได้เอ่ยออกมาไม่ นางมิรู้ว่าควรคุยกับเขาอย่างไรดีความรู้สึกเจ็บลึกยังคงมีไม่สร่างซาคำว่าสามคนสามีภรรยาล้วนเสียดแทงใจแต่ทว่านางกำลังรู้สึกบางอย่างที่เขา
เฮ่อเหลียนพาซือจิงที่ร่างกายบอบช้ำจากการถูกโบยมารักษาตัวที่บ้านเดิมของตน สินเจ้าสาวก็มิได้นำมาคนบ้านเฮ่อต่างมองนางด้วยสายตาไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนางถึงเป็นสตรีจิตใจคับแคบ แค่สามีรับอนุเข้าบ้านเพียงหนึ่งคนต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และคำต่อว่าอีกมากมาย ทั้งเรื่องที่คนในบ้านล้วนอับอายเพราะนางเป็นสตรีที่หย่าสามีกลับมาเช่นนี้ คนทั้งบ้านเฮ่อ ทั้งบิดาและมารดาเลี้ยงทั้งหลาย ล้วนกล้ำกลืนฝืนทนกับการกลับมาเยือนอย่างไร้เกียรติเช่นนี้ของเฮ่อเหลียนทุกคนของสกุลเฮ่อ ต้องถูกชาวบ้านเหยียดศักดิ์ศรีอย่างไม่เหลือดีเพราะสตรีหย่าสามีเป็นเรื่องน่าอับอายเฮ่อเหลียนมิใช่ไม่รู้สึก นางเป็นคนธรรมดาย่อมอับอายยิ่งกว่าพวกเขาอย่างที่สุดคำว่าใจร้อน ใจแคบ ล้วนดังเข้าหูให้นางได้ยินทุกวัน และนางก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ นางไม่คิดปฏิเสธแต่จะให้นางทำอย่างไร นางในยามนี้เจ็บปวดเหลือเกินไยไม่มีใครเข้าใจ...สามเดือนหลังจากนั้น นับได้ว่านานเกินพอที่ซือจิงจะหายดี หากแต่สภาพจิตใจของเฮ่อเหลียนกลับไร้ทางเยียวยาซือจิงเห็นนายสาวยังไม่หายเศร้าโศกจึงเอ่ยปากชวนกันไปเที่ยวนอกบ้าน สถานที่ปลายทางคือชานเมืองที่มีป่าผืนน้อยร้างผู้คน ข่าวว่า
“เจ้าทำสิ่งใดลงไป? เหลียนเอ๋อร์!”เส้นเสียงทุ้มต่ำของนายท่านผู้เฒ่าเอ่ยถามอย่างตำหนิมาทางเฮ่อเหลียนตามด้วยฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าไยทำตัวไม่มีเหตุผลเช่นนี้ สตรีเราเมื่อไม่สามารถมีทายาทให้สามี หากไม่ถูกขับออกก็ต้องยินดีที่จะมีสตรีอื่นมาแบ่งเบา ไฉนเจ้าไม่เข้าใจ เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าไม่เคยเกิดที่บ้านใด เจ้าจะเห็นแก่ตัวมิได้”ฮูหยินเอกหมาดๆ แห่งคฤหาสน์หลี่ทำได้เพียงเงียบงัน ไม่ต่อวาจาใดนายท่านผู้เฒ่าจึงเอ่ยอีกครา “เจ้ารู้หรือไม่? ว่าฟางเอ๋อร์ หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ข้าต้องลำบากออกปากเนิ่นนานกว่าที่บิดามารดาของนางจักยินยอมให้แต่งเป็นเพียงอนุของอาชาง”ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสริมอีกครั้งอย่างรู้สึกผิดต่อสตรีผู้นั้นเป็นอย่างมาก “ใช่แล้วเหลียนเอ๋อร์ เมื่อเช้านี้เจ้าทำฟางเอ๋อร์ตกใจจนร่ำไห้ไม่หยุด ปากก็ร่ำๆ ว่าจะกลับบ้านไป ไม่สืบทายาทแล้ว”เฮ่อเหลียนยืนนิ่งอึ้งฟังประโยคเหล่านั้นด้วยหัวใจแข็งกระด้างเย็นเยียบสตรีนางนั้นเป็นคุณหนูสูงส่ง ยอมลดตัวแต่งเป็นแค่อนุต่ำต้อยให้หลี่ชาง สามารถมีทายาทให้บ้านหลี่ได้ชื่นใจ ทุกคนดูเกรงอกเกรงใจต่อนางเหลือเกินเมื่อเห็นภรรยาของบ
พวกเขาคงมีความรู้สึกบางอย่างต่อกันมาพอควรแล้ว ทั้งยังคงสานสัมพันธ์กันลับหลังนางมาแล้วระยะหนึ่งมิเช่นนั้นพวกเขาจะแต่งงานกันภายในวันเดียวหลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกหานางได้อย่างไรเมื่อคิดได้กระจ่างแจ้งเช่นนั้น เฮ่อเหลียนจึงยกมือปาดน้ำตาด้วยตนเอง แล้วเงยหน้ามองชายผู้เป็นสามีอย่างเต็มตา เห็นเขาก้มหน้ามองนางอย่างละอายแก่ใจอยู่บ้างแต่แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อเขาเลือกที่จะทำลงไปแล้ว...หญิงสาวกลั้นใจถามออกไปอย่างยากลำบาก “ท่านกับนางมิใช่ว่าเคยเจอกันครั้งแรกใช่หรือไม่? อาชาง”น้ำเสียงเย็นเยียบทำผู้ถูกถามต้องหลบตา ซึ่งนั่นคือคำตอบโดยไม่ต้องเอ่ย ผ่านไปนานทีเดียวกว่าเส้นเสียงแหบพร่าจะตอบกลับมา“ข้าเฟ้นหาสตรีที่พอจะมีทายาทให้ข้าได้ และคนที่บ้านของฟางเอ๋อร์ก็มีลูกง่ายกันทุกคน”“อ้อ...” เฮ่อเหลียนตอบรับเสียงแหบแห้งสะเทือนอารมณ์ในน้ำเสียงนั้นนางเย้ยหยันเขาและตนเองไปพร้อมกัน “เช่นนั้นหรือ?”หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ แต่ทว่าดวงตาของนางกลับสะท้อนความขมขื่นเต็มไปหมด ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเย็นชานางไม่อาจไม่เข้าใจ…หญิงสาวไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะคิดเข้าข้างตัวเองหรือสามีอีกต่อไป ว่าเขายังค