เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ดาริการู้สึกแย่มาก ๆ สมองเอาแต่คิดซ้ำไปซ้ำมาว่าทำไมชายหนุ่มถึงใจร้ายกับเธอได้มากขนาดนี้กัน
เมื่อก่อนเขาเป็นดั่งพญาครุฑที่คอยกางปีกปกป้องเธอจากภัยอันตรายต่าง ๆ แต่มาวันนี้เขากลับเป็นคนที่ทำร้ายเธอเสียเอง
น้ำตาหยดแล้วหยดแล้วไหลลงอาบสองแก้มนวลด้วยความเจ็บปวด เสียใจ และผิดหวัง
หากตอนนี้เกรียงศักดิ์กับแม่ของเธออยู่เธอคงไม่โดนชายหนุ่มรังแกแบบนี้ นี่ผ่านไปแค่สองวันที่ไม่มีพวกท่านเธอยังโดนขนาดนี้ กว่าทั้งสองจะกลับมาเธอไม่เจ็บช้ำตายเลยหรือ
"น้องดาคุณศรัณย์ให้มาตามจ้ะ" เสียงบอกกล่าวดังมาจากด้านนอกทำให้ดาริกาหลุดจากภวังค์ความเศร้า รีบเอื้อมไปหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตาออก สูดลมหายใจเข้าลึกเรียกแรงฮึดสู้ให้ตัวเอง ก่อนจะลุกไปเปิดประตู
"ค่ะพี่เจี๊ยบ" เธอส่งยิ้มให้เจี๊ยบแม่บ้านที่อายุห่างเธอสี่ห้าปีเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังตึกใหญ่ทั้งที่ไม่อยากจะเจอหน้าคนใจร้ายสักนิด แต่เธอเป็นแค่คนใช้จะทำอะไรได้ล่ะ
สองเท้าเล็กพลันชะงักกึกในตอนที่เดินเข้าไปเห็นภาพบาดตาในห้องโถง ชายหนุ่มที่เธอรักกำลังหยอกล้อกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยของนึงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดูมีความสุขมาก ๆ
หัวใจดวงน้อยปวดหนึบคล้ายกับกำลังโดนบีบขยำซ้ำ ๆ ขอบตาร้อนผ่าวก่อนน้ำสีใสจะค่อย ๆ คลอหน่วย ถ้าให้เดาผู้หญิงคนนั้นคือคุณแป้งว่าที่คู่หมั้นของเขาสินะ
ไหนว่าไม่รักไม่ชอบไม่สนใจ แต่ที่เธอเห็นในตอนนี้มันไม่ใช่เลยทั้งสองดูสนิทสนมกันมากเหมือนรู้จักกันมานาน
"จะยืนตรงนั้นอีกนานไหม" เธอสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงทุ้มดังทบโสตประสาท มองไปยังต้นเสียงก็เห็นว่าชายหนุ่มกับผู้หญิงคนนั้นกำลังมองมาที่เธอพานทำให้รู้สึกอึดอัด
พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเก็บซ่อนความรู้สึกต่าง ๆ ไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง กระพริบตาปริบ ๆ ไล่น้ำในตาออก จากนั้นก็เดินเข้าไปหาคนทั้งสอง
"นี่คุณแป้ง" ทันทีที่เธอเดินไปหยุดเบื้องหน้า ชายหนุ่มก็แนะนำผู้หญิงคนนั้นให้รู้จัก ไม่ผิดจากที่คาดไว้เธอคือคุณแป้งจริง ๆ
"สวัสดีค่ะคุณแป้ง" เธอได้แต่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำไว้ยกมือขึ้นไหว้หญิงสาวอย่างนอบน้อม
"นี่ดาริกาครับน้องแป้ง..เป็นคนใช้..ของที่นี่ มีอะไรเรียกใช้เธอได้เต็มที่เลยครับไม่ต้องเกรงใจ" เมื่อดาริกาทักทายเสร็จศรัณย์ก็แนะนำเธอให้ว่าที่คู่หมั้นรู้จัก เขาจงใจเน้นคำว่าคนใช้ใส่ดาริกาอีกทั้งยังตอบท้ายด้วยประโยคที่ไม่รักษาน้ำใจกันสักนิด
ดาริกาเจ็บช้ำแต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ฝืนส่งยิ้มให้หญิงสาวอย่างเป็นมิตร
"ถ้าพี่ศรัณย์ไม่บอกว่าเป็นคนใช้ แป้งคิดว่าเธอเป็นคุณหนูอีกคนของที่นี่นะคะเนี่ย" แป้งระบายยิ้มตอบหญิงสาวที่อายุน่าจะน้อยกว่าเธอหลายปีอย่างเป็นมิตร มองใบหน้านุ่มนิ่มที่เห็นแล้วชวนมันเขี้ยวด้วยความเอ็นดู
อย่างที่เธอพูดทั้งหน้าตา ผิวพรรณ และกิริยามารยาทของหญิงสาวเหมือนลูกคุณหนูมากกว่าจะเป็นคนใช้เสียอีก
"คนเราดูแค่ภายนอกไม่ได้หรอกครับน้องแป้ง" ศรัณย์ตอบว่าที่คุณหมั้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบาง ๆ สวนทางกับสายตาที่มองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างดุดัน
คำพูดของเขาคนอื่นฟังคงปกติ แต่สำหรับดาริกาเธอรู้ว่าเขาจงใจพูดสอดเสียดตัวเอง
"ก็จริงค่ะ เดี๋ยวนี้มีข่าวให้เห็นออกเยอะแยะ"
"ครับ งั้นเดี๋ยวพี่ให้ดาริกาพาน้องแป้งไปที่ห้องนะครับ แล้วให้เธอช่วยจัดข้าวของเครื่องใช้ด้วยเลย น้องแป้งจะได้ไม่เหนื่อย"
"ไม่เป็นไรค่ะแป้งจัดเองได้"
"ไม่ได้ครับพี่ไม่อยากให้น้องแป้งเหนื่อย"
"แค่นี้เองค่ะ สบาย ๆ อยู่แล้ว"
ทั้งสองคุยกันจนลืมไปว่ามีอีกคนยืนอยู่ด้วย คนที่เป็นส่วนเกินอย่างดาริกาเจ็บช้ำจนเกินบรรยายกับท่าทีที่ชายหนุ่มแสดงต่อว่าที่คู่หมั้น
สุ่มเสียงของเขานุ่มนวล แววตาที่มองมีแต่ความอ่อนโยนระคนเอ็นดู อีกทั้งยังใส่ใจและเป็นห่วงเป็นใยจนออกนอกหน้า
สิ่งเหล่านี้เขาเคยทำกับเธอในเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้วเพราะเขามอบมันให้ใครอีกคน
เธอจิกเล็บเข้ากับอุ้งมือจนเป็นรอยแดง ทว่าเธอไม่ได้รู้สึกเจ็บสักนิดมันเจ็บที่ใจมากกว่า
"ขึ้นไปดูห้องกันดีกว่าน้องดาริกา พี่ขี้เกียจจะเถียงกับพี่ศรัณย์แล้ว"
ใบหน้าจิ้มลิ้มฝืนยิ้มให้หญิงสาวเมื่อเธอเอ่ยขึ้น ดวงตากลมปรายมองใบหน้าคมเข้มเสี้ยวนาที ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบโตที่วางอยู่
เธอแอบขมวดหน้าเล็กน้อยในตอนที่ยกกระเป๋าขึ้นถือเพราะมันค่อนข้างหนัก ตอนแรกว่าจะถือขึ้นห้องทีเดียวสองใบแต่เห็นทีจะถือไม่ไหวคงต้องลงมาเอาอีกรอบ
แป้งเหมือนจะรู้จึงลุกเดินไปทำท่าจะหยิบกระเป๋าเดินทางอีกใบขึ้นถือ แต่เสียงอีกคนดังขึ้นเสียก่อน
"ไม่ต้องครับน้องแป้ง มันหนักถือเดินขึ้นบันไดลำบากเดี๋ยวพี่ถือขึ้นไปให้เอง" ศรัณย์เอ่ยพลางลุกไปแย่งกระเป๋าเดินทางใบโตจากมือว่าที่คู่หมั้นมาถือเอง แล้วเดินนำขึ้นไปยังห้องบนชั้นสองของบ้าน
ดาริกามองตามหลังร่างสูงโปร่งที่เดินขึ้นบันไดเคียงคู่ว่าที่คู่หมั้นด้วยความเจ็บช้ำกับสิ่งที่เขาปฏิบัติกับหญิงสาว และสิ่งที่เขาปฏิบัติกับเธอ
สองเท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเดินตามไปอย่างทุลักทุเลด้วยกระเป๋ามันหนักสองมือต้องค่อยพยุงตลอดเวลาจึงทำให้การก้าวขึ้นบันไดแต่ขั้นค่อนข้างลำบาก เกือบจะตกบันไดก็ตั้งหลายที
เดินมาถึงหน้าก็ต้องหยุดชะงักเพราะได้ยินบทสนาแสนทิ่มแทงใจ
"น้องแป้งอยากได้อะไรเพิ่มเติมไหมครับ เดี๋ยวพี่จัดการให้"
"ไม่แล้วค่ะ นี่ก็ครบครันแล้ว"
"ชอบห้องนี้ไหมครับ พี่ตั้งใจให้คนจัดให้ตามที่น้องแป้งชอบเลยนะครับ"
"ชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่ศรัณย์"
"ด้วยความยินดีครับ ถ้าอยากได้อะไรอีกก็บอกพี่นะครับ"
"ค่ะ"
น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นมาตลอดค่อย ๆ รินไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวจนน้ำตาสัมผัสบนผิวหน้าจึงได้รู้ รีบยกมือขึ้นเช็ดพัลวันกลัวคนในห้องจะออกมาเห็น ซึ่งชายหนุ่มก็ออกมาจริง ๆ ดีที่เธอเช็ดออกทัน
เขามองเธอด้วยแววตาเรียบนิ่ง แล้วเดินผ่านไปทำราวกับว่าเธอเป็นอากาศ ใบหน้าแสนเศร้าเหลียวมองร่างสูงโปร่งด้วยความเจ็บช้ำ มองเขาเดินไปจนลับสายตาจึงถือกระเป๋าเข้าไปในห้อง
"น้องดาริกาวางกระเป๋าไว้ แล้วออกไปได้เลยค่ะไม่ต้องช่วยพี่" แป้งเอ่ยเมื่อเห็นดาริกาเดินเข้ามา
"ให้หนูช่วยดีกว่าค่ะ"
"น้องดาริกาไปทำอย่างอื่นเถอะ ตรงนี้พี่ทำเอง" แป้งยิ้มอ่อนโยนให้ดาริกา
"ค่ะ" เมื่อหญิงสาวยืนยันคำเดิมดาริกาจึงไม่ขัดอีกกลัวจะทำให้เธอรำคาญ หันหลังเดินออกจากห้องเงียบ ๆ
ลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นชายหนุ่มนั่งเอนเขนกอยู่บนโซฟาในห้องโถงทำท่าจะเดินเลี่ยงแต่ก็ต้องหยุดชะงัก
"เดี๋ยว!"
เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเรียก
"ไปบอกแม่บ้านทุกคนด้วยว่าน้องแป้งแพ้กระเทียมกับกุ้ง สองสิ่งนี้ห้ามทำให้น้องแป้งกินเด็ดขาด" เขาสั่งเสียงเข้มจ้องหน้าเธอเขม็ง
"ค่ะ"
"อีกอย่างเธอควรจะเรียนรู้ด้วยว่าน้องแป้งชอบอะไร ไม่ชอบอะไร"
"ค่ะ"
เขาใส่ใจทุกรายละเอียดของว่าที่คู่หมั้นทำให้รู้ว่าหญิงสาวสำคัญขนาดไหนยิ่งตอกย้ำให้เธอเจ็บปวด มันเจ็บจนแทบกระอักเลือดที่ต้องทนเห็นผู้ชายที่รักแสดงความรักกับผู้หญิงคนอื่น
หนึ่งปีต่อมา"แม่กับพ่อรออุ้มหลานคนที่สองอยู่นะเมื่อไรจะมาสักทีฮึ หรือแอบคุมกำเนิดกันลูกถึงยังไม่มา" "แค่ก ๆ"คำถามจากแม่ยายทำเอาศรัณย์ที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากทานข้าวเสร็จถึงกับสำลักจนคนเป็นภรรยาอย่างดาริกาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องยื่นมือไปลูบหลังให้ "เป็นอะไรรึเปล่าคะ"เขาส่ายหน้าให้ภรรยาสาวแทนคำตอบเหมือนกับว่าไม่เป็นอะไรทั้งที่ลึก ๆ แอบกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดว่าเขาอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเพราะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว แต่ภรรยาสาวยังไม่ท้องสักทีทั้งที่เขาก็ทำการบ้านแทบจะทุกวันเพื่อนบางคนเริ่มแซวว่าเขาไร้น้ำยาเพราะเคยโอ้อวดเอาไว้ในงานแต่งว่าเพื่อน ๆ รออุ้มหลานได้เลย ทว่าผ่านมาหนึ่งปียังไร้แวว คำแซวเล่นจากเพื่อนกับแรงกดดันจากพ่อตาแม่ยายทำเขากลัดกลุ้มไม่น้อยจนถึงขั้นต้องแอบนัดตรวจร่างกายเงียบ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน และได้ผลตรวจมาแล้วแต่เขายังไม่กล้าเปิด"ไม่ได้คุมอะไรเลยครับ แต่น้องคงยังไม่อยากมาเกิดเลยยังไม่ท้อง" เขาแอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบพ่อตาแม่ยายไปครั้นหายจากอาการสำลัก"ใช่ค่ะ" ดาริกาเอ่ยสมทบ เธอรู้จักกับคนเป็นสามีมาเนิ่นนานมีหรือจะอ่านใจ และเดาความคิดไม่ออกว่าเขากำล
งานแต่งจบลงในช่วงค่ำแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันกลับจนหมดรวมถึงครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และบุตรสาวที่ถูกคุณยายพากลับไปด้วยเพราะรู้ว่าคืนนี้บ่าวสาวต้องเข้าหอกันภายในงานจึงเหลือเพียงเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายที่ยังอยู่ฉลองกันต่อจนเวลาล่วงเลยถึงสามทุ่ม"เข้าหอได้แล้วไอ้รัณย์ เผื่อได้น้องให้น้องริสาสักคน" "ใช่ ๆ น้องริสาจะได้ไม่เหงา"เสียงพ้องเพื่อนของศรัณย์เอ่ยขึ้นทำดาริกาหน้าแดงระเรื่อ หันมองสามีป้ายแดงที่นั่งโอบเอวเธออยู่ด้วยความเขินอายศรัณย์มองสบดวงตากลมอย่างกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปยืดอกตอบเพื่อน ๆ "พวกมึงรอเลี้ยงหลานคนที่สองได้เลย""ฮิ้ววว..."สิ้นคำพูดของเขาทุกคนก็พากันโห่ร้องออกมา บ้างก็พูดแซวขำ ๆ ยิ่งทำให้ดาริกาเขอะเขินจนตัวแทบลอยใช้มือตีแขนคุณสามีขี้อวดไปหนึ่งที"คนบ้า.."แทนที่ศรัณย์จะเจ็บกลับกลั้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนบอกกล่าวกับเพื่อน ๆ "เชิญตามสบายนะ กูกับเมียขอตัวก่อน"เอ่ยจบก็ช้อนร่างบอบบางขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว"ว้าย!"คนถูกอุ้มหลุดอุทานออกมา สองมือรีบตวัดคล้องลำคอแกร่งด้วยความตกใจ ขณะที่อีกคนมองหน้าแตกตื่นของเธอแล้วหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูพลางก้าวเท้าเดินออก
หลังจากขอแต่งงานเสร็จหนึ่งอาทิตย์ต่อมางานแต่งของทั้งสองก็จัดขึ้นทันทีเสียงดนตรีคลาสสิกแผ่วเบาดังคลอไปกับเสียงคลื่นทะเลที่กระทบฝั่ง บนสนามหญ้าสีเขียวริมชายหาดสีขาวนวลถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานแต่งงานในฝันของดาริกาผืนผ้าขาวพริ้วไหวตามแรงลม ผูกเป็นซุ้มโค้งเรียบง่ายแต่สง่างามประดับด้วยดอกไม้โทนสีพีช ครีม และชมพูอ่อน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้นานาชนิดเคล้าด้วยกลิ่นอายจากทะเล แขกจำนวนไม่น้อยเริ่มทยอยกันมานั่งบนเก้าอี้ไม้ที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบท่ามกลางท้องฟ้าอันสดใสและแสงแดดนวลยามเย็นเสียงดนตรีคลาสสิกเงียบลงมีเสียงเปียโนบรรเลงเพลงรักสุดโรแมนติกขึ้นมาแทนเมื่อเจ้าสาวปรากฏกายขึ้นดาริกาในชุดเจ้าสาวลูกไม้สีขาวเปิดไหล่แขนยาวสไตล์ลักชูรี่เรียบหรูพอดีตัวโชว์ให้เห็นสวนโค้งเว้ากระโปรงยาวลากพื้นทรงผมมวยแบบแสกกลางปัดหน้าม้าไปด้านข้างเล็กน้อยแล้วเติมความหวานด้วยการใส่เทียร่า และเวลาสีขาวยาวลากพื้นใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจากช่างแต่งหน้าฝีมือดีสวยจนทุกสายตาจับจ้องเดินจูงลูกสาวตัวน้อยในชุดเจ้าหญิงกระโปรงฟูฟ่องไปตามทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเวลสีขาวบริสุทธิ์ปลิวไหวตามสายลม ด
วันต่อมาเขาก็ไปหาพ่อแม่ของหญิงสาวตามที่ได้พูดไว้ทันที มาถึงบ้านเกียรติกมลก็เห็นหญิงสาวยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว จากที่ใบหน้าเคร่งขรึมด้วยความกังวลพอเห็นหน้าเธอพอทำให้เขายิ้มออกมาได้บ้างรีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาเธอ "คิดถึงจังเลยครับ""เพิ่งแยกกันเมื่อวานเอง มาคิดถึงอะไรกันคะ" ดาริกาแอบเบาะปากกับความเวอร์วังของชายหนุ่ม ทว่าในใจเธอก็คิดถึงเขาไม่ต่างกันเพราะจู่ ๆ ก็ต้องแยกกันทั้งที่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา"พี่พูดจริงนะครับ" เขาทำหน้าอ้อน แต่สายตากวาดมองไปทั่วเหมือนหาอะไรเธอจึงถามไถ่ "มองหาอะไรคะ""ลูกไปไหนครับ""ออกไปเที่ยวกับพี่กิจค่ะ""อ๋อ""เข้าบ้านกันเถอะค่ะ" เธอรีบชวนเขาเข้าบ้านเพราะพ่อกับแม่รออยู่ เมื่อเขาพยักหน้าจึงเดินนำเข้าไปในบ้านศรัณย์อดประหม่าไม่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับว่าที่พ่อตาแม่ยายที่นั่งหน้าเคร่งขรึมอยู่บนโซฟาในห้องโถง หญิงสาวเหมือนจะรู้จึงแอบจับมือเขาแล้วบีบเบา ๆ เชิงให้กำลังใจ ก่อนจะคลายออก แล้วแนะนำเขากับพ่อแม่"พ่อคะ แม่คะนี่คุณศรัณย์ค่ะ""สวัสดีครับ" สิ้นเสียงแนะนำเขาก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม"จ้ะ" แม่ของเธอยิ้มใหญ่เขา ต่างจากคนเป็นพ่อที่จ้องร
วันต่อมา-บ้านพิทักษ์ธรานนท์-ศรัณย์กลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์เหงาหงอยเพราะต้องแยกจากลูกเมีย หากไม่คิดว่ามันดูน่าเกลียดเกินไปเขาอยากจะไปคุยกับพ่อแม่ของดาริกาตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพแล้วเขาอยากจะแต่งงานกับเธอวันนี้เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำเพราะไม่อยากจะแยกกับทั้งสองแม้นาทีเดียว"ลูกหายไปไหนมาตั้งสองเดือนศรัณย์ รู้ไหมพ่อเป็นห่วงมาก" ทันทีที่เขาโผล่หน้าเข้าบ้านผู้เป็นพ่อก็พุ่งเข้ามาถามไถ่ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเขาเหมือนจะคลายความโกรธจากท่านได้บ้างแล้ว แต่พอหันไปเห็นหน้าเกสรที่นั่งบนโซฟาในห้องโถงก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา"ไปง้อลูกกับเมียมา" เปล่งน้ำเสียงห้วนกระด้างตอบท่าน"ลูกเมีย?" เกรียงศักดิ์คิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน งงเป็นไก่ตาแตกกับคำตอบ บุตรชายไปมีลูกมีเมียตอนไหนกันก็เห็นจะเป็นจะตายกับการสูญเสียดาริกาอยู่ทุกวัน"พ่อคงยังไม่รู้ว่าน้องดายังไม่ตาย และยังกลับมาพร้อมลูกของผมด้วย" ศรัณย์จึงบอกให้ท่านหายสงสัย"ห๊ะ!"เกรียงศักดิ์หายสงสัย แต่กลายเป็นตกใจ และงุนงงแทน ไม่ต่างจากเกสรที่ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ"แต่วันนั้นทุกคนก็เห็นกับตาว่าหนูดาตายไปแล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่หนูดายังมีชีวิตอยู่" "เ
ตกค่ำถึงเวลาพาลูกเข้านอนศรัณย์ก็พาลูกเข้านอนปกติ พอลูกหลับก็ลุกเดินออกไปไม่คิดแหกกฏแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ของลูกจะดีขึ้นมากแล้ว"เดี๋ยวก่อน"ทว่าเดินยังไม่พ้นประตูก็ถูกเรียกไว้ เขาหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองร่างบางที่นั่งพิงหัวเตียงด้วยความสงสัย"น้องดามีอะไรรึเปล่าครับ""มานอนกับลูกสิ จะไปไหน" สิ้นคำบอกกล่าวของเธอใบหน้าคมเข้มก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเท่าไรจึงถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป"น้องดาอนุญาตให้พี่นอนกับลูกเหรอครับ" "หรือจะไม่นอนคะ""นอนครับนอน" พอเธอตอบมาแบบนั้นก็รีบเดินกลับไปขึ้นเตียงทันที เขารอเวลานี้มาตั้งนานจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไร"ขอบคุณนะครับที่ยอมให้พี่นอนกับลูก" เขามองสบดวงตากลมด้วยความรู้สึกขอบคุณ เธอสบตาเขานิ่ง ๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก่อนจะยื่นมือไปปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วล้มตัวลงนอน"พี่รักน้องดานะ ฝันดีนะครับ"เขาเอ่ยอีกครั้งพลางล้มตัวลงนอน ก่อนหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างมีความสุข เฉกเช่นเดียวกับดาริกาที่หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มวันต่อมาปกติศรัณย์จะตื่นก่อนใคร แต่วันนี้กลับกลายเป็นดาริกาที่ตื่นก่อน เธอยืนมองสอ