Share

บทที่ 5 สถานะคนใช้

last update Last Updated: 2025-08-01 20:22:43

ดาริการ้องไห้จนผล็อยหลับไป รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุกดังขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันใหม่

แม้วันนี้จะเป็นวันหยุดแต่เธอก็ยังตื่นเช้าเพื่อไปช่วยคนอื่น ๆ ทำงานบ้านเหมือนเช่นทุกวันถึงแม้จะได้รับสิทธิพิเศษจากคุณหญิงลดาแต่เธอก็ไม่เคยลืมกำพืดตัวเอง 

และยิ่งตอนนี้ไม่มีบุญท่านแล้ว หนำซ้ำบุตรชายของท่านยังขีดเส้นชัดเจนว่าเธออยู่ในสถานะคนใช้ก็ยิ่งต้องทำงานให้เท่าเทียมกับคนอื่น

"เป็นยังไงบ้างหนูดา เมื่อคืนนอนหลับไหม" เสียงของป้าสีนวลดังขึ้นทำให้ดาริกาที่กำลังถูกพื้นหยุดชะงัก หันไปตอบด้วยน้ำเสียงสดใสพยายามกลบเกลื่อนความเศร้า

"หลับค่ะ หลับลึกซะด้วย"

"ดีแล้ว ป้านึกว่าผิดที่หนูดาจะนอนไม่หลับซะอีก" 

"ค่ะ" เธอระบายยิ้มให้ป้าสีนวลบาง ๆ ก่อนรอยยิ้มจะหายไปในวินาทีต่อมาเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงที่กำลังเดินลงบันไดมา

เขาเดินมาหยุดตรงหน้าเธอแล้วเอ่ยขึ้น "ขึ้นไปจัดห้องที่น้องแป้งจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วย"

"เดี๋ยวป้าขึ้นไปจัดให้ก็ได้ค่ะ" สีนวลเสนอตัวเพราะเห็นว่าเด็กสาวยังถูพื้นไม่เสร็จ ซึ่งศรัณย์เองก็เห็นเพราะเธอถือไม้ถูพื้นค้างอยู่ แต่เขาเลือกจะไม่สนใจ

"ไม่ต้องครับ ให้ดาริกาขึ้นไปจัดห้องก่อน แล้วค่อยมาถูพื้นต่อ ส่วนป้ามีอะไรให้ทำก็ไปทำเถอะครับ" เอ่ยกับสีนวลด้วยน้ำเสียงเรียบ ทว่ากลับแฝงไปด้วยพลังบางอย่างสีนวลรับรู้ได้จึงเลือกเดินออกไปเงียบ ๆ

เหลือเพียงเขากับหญิงสาว จากที่บรรยากาศปกติก็เริ่มอึมครึมจนดาริการู้สึกอึดอัดพานทำให้หายใจไม่ทั่วท้องจนต้องหาเรื่องขอออกไปจากตรงนี้

"ฉันขอตัวขึ้นไปจัดห้องนะคะ" 

"ก็ไปสิ" 

สิ้นเสียงทุ้มเธอก็รีบเอาไม้ถูพื้นกับถังน้ำไปเก็บ แล้วเดินตรงขึ้นห้องที่อยู่ชั้นสองของบ้าน ห้องที่เคยเป็นห้องเธอแต่กำลังจะกลายเป็นของคนอื่น พอคิดแล้วน้ำตาพานจะไหลออกมาให้ได้

"จะยืนอีกนานไหมรีบจัดเข้าสิ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยกับน้ำเสียงห้วนกระด้างที่ดังขึ้นทางด้านหลัง รีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่คลั่งอยู่ในหน่วยตาออก

"ให้ฉันจัดตรงไหนคะ" หันไปถามร่างสูงที่ยืนพิงขอบประตูเชิงตั้งคำถามเพราะดูเหมือนว่าห้องจะถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วเขาจะให้เธอจัดอะไรอีก

"ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่มเปลี่ยนเป็นสีดำให้หมดน้องแป้งไม่ชอบสีชมพู แล้วก็ไปซื้อดอกทิวลิปสีขาวมาใส่แจกันวางบนโต๊ะหัวเตียงด้วย..น้องแป้งชอบ"

ศรัณย์จงใจเน้นคำว่าน้องแป้งชอบ คำพูดของเขาเหมือนมีดปักลงกลางอกดาริกาดังจึกรู้สึกเจ็บจนเกินบรรยาย

ไหนเขาเคยบอกว่าไม่ชอบไม่สนใจว่าที่คู่หมั้น แต่ทำไมถึงได้รู้เรื่องเธอมากขนาดนี้กัน หรือที่ผ่านมาเขาโกหก

"ค่ะ"

ทำได้แค่เก็บความสงสัยเพราะเธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรได้ เดี๋ยวก็ถูกย้อนกลับจนหน้าชาอีก

เขาพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าระหว่างเขากับเธอคือเจ้านายกับคนใช้เท่านั้น ส่วนที่ผ่านมาเป็นแค่เรื่องไร้สาระเขาก็แค่เล่นสนุกไม่ได้รักเธอจริง หนำซ้ำยังเกลียดมาก

เธอเดินออกจากห้องอีกครั้งเพื่อไปเอาชุดเครื่องนอนใหม่ และหวังว่าเมื่อขึ้นมาอีกคนจะไม่อยู่แล้ว แต่เหมือนจะไม่เป็นดั่งคิดพอกลับเข้าห้องมาก็เห็นร่างสูงนั่งเอกเขนกอยู่ที่โซฟา

เขาคงไม่ได้มานั่งคุมเธอหรอกใช่ไหมไม่ไว้ใจกันขนาดนั้นเลยเหรอได้แค่คิด แล้วเริ่มลงมือเปลี่ยนชุดเครื่องนอนทีละชิ้นแม้จะรู้สึกอึดอัดที่มีสายตาอีกคนจับจ้องตลอดเวลา

"เรียบร้อยแล้วค่ะ ฉันขอตัวไปจัดการเรื่องดอกไม้ต่อนะคะ" เธอบอกกล่าวหลังจากทำทุกอย่างเสร็จ ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาตอบสนองจากอีกคนที่เอาแต่จ้องเธอแทบจะเขมือบหัวกัน

เขาไม่ตอบถือว่าโอเคแล้วกันจึงรีบเดินออกจากห้องไปให้พ้นสายตาคนใจร้าย พ่นลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งครั้นออกมาพ้นรัศมี

จัดการล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาค้นหาร้านดอกไม้ใกล้บ้าน จากนั้นก็สั่งดอกทิวลิปสีขาวให้ทางร้านจัดส่งมาที่บ้าน

ระหว่างรอดอกไม้มาส่งก็ถูพื้นต่อเพื่อไม่ให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ผ่านไปราวสี่สิบนาทีดอกไม้ก็มาส่งพอดีกับที่เธอถูพื้นเสร็จ

เธอมองดอกไม้ในมือด้วยความเจ็บช้ำ กัดริมฝีปากจนเลือดซิบเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ยืนข่มความรู้สึกนานหลายนาทีจึงเอาดอกไม้ไปจัดใส่แจกัน แล้วพาขึ้นไปที่ห้อง

เปิดประตูเข้าไปก็พบว่าชายหนุ่มยังนั่งที่โซฟาเหมือนเดิมแต่ตาปิดอยู่ ไม่รู้ว่าแค่พักสายตาหรือหลับกันแน่ 

เธอเดินพาดอกไม้ไปวางบนโต๊ะหัวเตียงอย่างแผ่วเบาที่สุด ก่อนจะเดินย่องไปหาคนที่นั่งปิดตา 

"คุณศรัณย์คะ" เอ่ยเรียกชื่อเบา ๆ เช็คดูว่าหลับหรือไม่ เมื่อไร้การตอบสนองจึงลองใช้นิ้วสะกิดไหล่เบา ๆ เช็คให้มั่นใจอีกทีครั้นมั่นใจว่าเขาหลับจริง ๆ จึงโน้มหน้าลงไปมองใบหน้าคมเข้มใกล้ ๆ 

"ทำไมใจร้ายใส่กันจังคะพี่ศรัณย์" มือเล็กยื่นไปประคองใบหน้าคมเข้ม นิ้วโป้งลูบแก้มเกลี้ยงเกลาเบา ๆ ต่อให้เขาใจร้ายแค่ไหนแต่เธอก็ยังรักเขาอยู่ดี

เมื่อก่อนรักยังไงตอนนี้ก็ยังรักอย่างนั้น

"พี่ศรัณย์!"

ดวงตากลมที่จ้องมองใบหน้าคมเข้มพลันเบิกกว้างในวินาทีต่อมา ใบหน้าจิ้มลิ้มถอดสี หัวใจดวงน้อยสั่นไหวราวกับอาฟเตอร์ช็อคเมื่ออีกคนลืมตาโพลงขึ้นมาทำให้สบสายตากันจัง ๆ 

สัญชาตญาณทำให้เธอถอยห่างอัตโนมัติ แต่ก็ช้ากว่าแขนยาว ๆ ของอีกคนที่ยื่นมาคว้ามือไว้แล้วดึงจนตัวเธอเสียหลักถลาเข้าปะทะร่างแข็งแกร่งเต็ม ๆ 

"อ๊ะ!"

หัวใจของเธอสั่นไหวนักกว่าเดิมเพราะดันอยู่ในท่าล่อแหลม ชายหนุ่มนั่งเอนเขนกปกติแต่เธอนี่สิกำลังนั่งคร่อมเขาอยู่ หน้าอกอวบอิ่มแนบชิดกับอกแกร่ง ใบหน้าวางแหมะอยู่ที่ซอกคอพอดิบพอดีจนได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้ และเธอก็ชอบดมมันมาก ๆ ด้วย

เธอลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ก่อนใช้สองมือยันพนักโซฟาข้างศรีษะเขาดันตัวออกห่าง แต่ไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้นก็ถูกมือหนาโอบรอบเอวแล้วกดจนตัวเธอกับเขาแนบชิดกันอีกครั้ง ใบหน้าห่างไม่ถึงคืบจนลมหายใจเป่ารดผิวกันและกัน

สองสายตามองสบประสานกันท่ามกลางความเงียบ 

ดาริกาจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกคนอยากมองให้ทะลุปุโปร่งไปถึงข้างในว่าจริง ๆ แล้วเขาคิดอะไรอยู่ ทว่านอกจากความว่างเปล่าเธอก็ไม่เห็นอะไรอยู่ในแววตาเขาเลยสักนิด

ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีความรัก ไม่มีความเอ็นดู ไม่มีแม้กระทั่งเยื่อใยเหมือนเมื่อก่อน รู้สึกเจ็บที่หัวใจนัก แต่ก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ ใช้มือยันอกแกร่งพยายามดันตัวออกจากพันธนาการของคนใจร้าย

"ปล่อยฉันค่ะคุณศรัณย์"

"เธอเป็นคนเดินเข้ามาหาฉันเองนะดาริกา" ความจริงศรัณย์ไม่ได้หลับเขาแค่พักผ่อนสายตาเท่านั้น เขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของเธอ และได้ยินที่เธอว่าเขาใจร้ายด้วย

"ฉันแค่มาดูว่าคุณหลับไหม" ดาริกาแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ 

"แค่มาดูว่าหลับไหม แล้วทำไมต้องว่าฉันใจร้ายดาริกา" ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างกดดันทำคนถูกกดดันทางสายตาหน้าถอดสี อ้ำอึ้งนึกหาเหตุผลไม่ออก

"ฉัน..."

"อยากเข้าใกล้ฉันก็ยอมรับมาตรง ๆ บางทีฉันอาจจะใจดีให้เธออยู่ในฐานะเมียเก็บก็ได้" 

ศรัณย์เอ่ยด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยัน ทำคนฟังน้ำตาคลอทั้งผิดหวังและเสียใจไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากคนที่รัก

"ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะมีความคิดสกปรกแบบนี้ เสียแรงที่ฉันรักคุณ" 

"แล้วเธอสะอาดนักเหรอดาริกา เธอเองเกิดมาจากผู้หญิงที่สกปรกเธอก็คงสกปรกไม่ต่างจากแม่"

"ใช่ฉันมันคนสกปรก งั้นก็ปล่อยสิเดี๋ยวความสกปรกจะเปรอะเปื้อนตัวคุณ" ดาริกาย้อนกลับด้วยความโกรธพลางพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของคนใจร้าย

"เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำนะดาริกา" 

"ฉันพูดตามความจริง" ที่ผ่านมาเธอยอมให้ชายหนุ่มพูดจาทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ตอบโต้ แต่ครั้งนี้เขาดูถูกกันเกินไปแล้วเธอทนไม่ได้จริง ๆ 

"..."

ศรัณย์จ้องริมฝีปากอิ่มที่เปล่งเสียงพูดอย่างถือดีไม่วางตา สองคิ้วพลันขมวดเล็กน้อยก่อนจะคลายออกเมื่อเห็นรอยแผลบนกลีบปากนั้น ยกมือขึ้นแตะเบา ๆ 

อีกคนรีบเบี่ยงหน้าหนีราวกับรังเกียจสัมผัสจากเขาซึ่งความจริงเธอกำลังโกรธอยู่ต่างหาก ทว่าศรัณย์กลับคิดว่าเธอรังเกียจทั้งที่ความจริงควรเป็นเขามากกว่าที่ต้องรู้สึกแบบนี้

ความโกรธทำให้เขายื่นมือไปล็อคใบหน้าจิ้มลิ้มไว้ แล้วกระแทกจูบริมฝีปากอิ่มบดขยี้ขบกัดจนได้กลิ่นคาวเลือด

ดาริกาน้ำตาไหลพรากเจ็บที่ปากไม่เท่าไรเจ็บที่ใจเสียมากกว่า เธอกับเขาจูบกันก็หลายครั้งแต่ไม่ได้รุนแรงแบบนี้ เขาตั้งใจทำให้เธอเจ็บ

จูบที่มาจากความรักกับจูบที่มาจากความโกรธและความเกลียดชังรสสัมผัสของมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เธอใช้มือทุบตีผลักไสร่างแกร่งพัลวัน พยายามพาหน้าหนีจูบแสนป่าเถื่อน แต่ไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็เอาชนะแรงคนตัวโตกว่าไม่ได้

ยิ่งพยายามเขาก็ยิ่งรุนแรง มือข้างนึงของเขากอดรัดเอวคอดแน่น อีกข้างล็อคท้ายทอยไว้ ปากบดจูบสลับขบกัดริมฝีปากเธอซ้ำ ๆ ไม่มีช่องว่างแม้แต่ให้เธอหายใจ

แกร๊ก!

เสียงหมุนลูกบิดประตูดังขึ้นนั่นจึงทำให้ศรัณย์ยอมผละจูบออกปล่อยร่างบอบบางให้เป็นอิสระ 

ดาริการีบลุกออกจากร่างแกร่ง แล้ววิ่งออกจากห้องไปด้วยความเร็วไม่สนใจป้าสีนวลที่ยืนอยู่หน้าประตูสักนิด ขณะที่อีกคนยังนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางสบายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทส่งท้าย

    หนึ่งปีต่อมา"แม่กับพ่อรออุ้มหลานคนที่สองอยู่นะเมื่อไรจะมาสักทีฮึ หรือแอบคุมกำเนิดกันลูกถึงยังไม่มา" "แค่ก ๆ"คำถามจากแม่ยายทำเอาศรัณย์ที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากทานข้าวเสร็จถึงกับสำลักจนคนเป็นภรรยาอย่างดาริกาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องยื่นมือไปลูบหลังให้ "เป็นอะไรรึเปล่าคะ"เขาส่ายหน้าให้ภรรยาสาวแทนคำตอบเหมือนกับว่าไม่เป็นอะไรทั้งที่ลึก ๆ แอบกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดว่าเขาอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเพราะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว แต่ภรรยาสาวยังไม่ท้องสักทีทั้งที่เขาก็ทำการบ้านแทบจะทุกวันเพื่อนบางคนเริ่มแซวว่าเขาไร้น้ำยาเพราะเคยโอ้อวดเอาไว้ในงานแต่งว่าเพื่อน ๆ รออุ้มหลานได้เลย ทว่าผ่านมาหนึ่งปียังไร้แวว คำแซวเล่นจากเพื่อนกับแรงกดดันจากพ่อตาแม่ยายทำเขากลัดกลุ้มไม่น้อยจนถึงขั้นต้องแอบนัดตรวจร่างกายเงียบ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน และได้ผลตรวจมาแล้วแต่เขายังไม่กล้าเปิด"ไม่ได้คุมอะไรเลยครับ แต่น้องคงยังไม่อยากมาเกิดเลยยังไม่ท้อง" เขาแอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบพ่อตาแม่ยายไปครั้นหายจากอาการสำลัก"ใช่ค่ะ" ดาริกาเอ่ยสมทบ เธอรู้จักกับคนเป็นสามีมาเนิ่นนานมีหรือจะอ่านใจ และเดาความคิดไม่ออกว่าเขากำล

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทที่ 83 เข้าหอ (จบ)

    งานแต่งจบลงในช่วงค่ำแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันกลับจนหมดรวมถึงครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และบุตรสาวที่ถูกคุณยายพากลับไปด้วยเพราะรู้ว่าคืนนี้บ่าวสาวต้องเข้าหอกันภายในงานจึงเหลือเพียงเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายที่ยังอยู่ฉลองกันต่อจนเวลาล่วงเลยถึงสามทุ่ม"เข้าหอได้แล้วไอ้รัณย์ เผื่อได้น้องให้น้องริสาสักคน" "ใช่ ๆ น้องริสาจะได้ไม่เหงา"เสียงพ้องเพื่อนของศรัณย์เอ่ยขึ้นทำดาริกาหน้าแดงระเรื่อ หันมองสามีป้ายแดงที่นั่งโอบเอวเธออยู่ด้วยความเขินอายศรัณย์มองสบดวงตากลมอย่างกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปยืดอกตอบเพื่อน ๆ "พวกมึงรอเลี้ยงหลานคนที่สองได้เลย""ฮิ้ววว..."สิ้นคำพูดของเขาทุกคนก็พากันโห่ร้องออกมา บ้างก็พูดแซวขำ ๆ ยิ่งทำให้ดาริกาเขอะเขินจนตัวแทบลอยใช้มือตีแขนคุณสามีขี้อวดไปหนึ่งที"คนบ้า.."แทนที่ศรัณย์จะเจ็บกลับกลั้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนบอกกล่าวกับเพื่อน ๆ "เชิญตามสบายนะ กูกับเมียขอตัวก่อน"เอ่ยจบก็ช้อนร่างบอบบางขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว"ว้าย!"คนถูกอุ้มหลุดอุทานออกมา สองมือรีบตวัดคล้องลำคอแกร่งด้วยความตกใจ ขณะที่อีกคนมองหน้าแตกตื่นของเธอแล้วหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูพลางก้าวเท้าเดินออก

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทที่ 82 ตลอดไป

    หลังจากขอแต่งงานเสร็จหนึ่งอาทิตย์ต่อมางานแต่งของทั้งสองก็จัดขึ้นทันทีเสียงดนตรีคลาสสิกแผ่วเบาดังคลอไปกับเสียงคลื่นทะเลที่กระทบฝั่ง บนสนามหญ้าสีเขียวริมชายหาดสีขาวนวลถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานแต่งงานในฝันของดาริกาผืนผ้าขาวพริ้วไหวตามแรงลม ผูกเป็นซุ้มโค้งเรียบง่ายแต่สง่างามประดับด้วยดอกไม้โทนสีพีช ครีม และชมพูอ่อน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้นานาชนิดเคล้าด้วยกลิ่นอายจากทะเล แขกจำนวนไม่น้อยเริ่มทยอยกันมานั่งบนเก้าอี้ไม้ที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบท่ามกลางท้องฟ้าอันสดใสและแสงแดดนวลยามเย็นเสียงดนตรีคลาสสิกเงียบลงมีเสียงเปียโนบรรเลงเพลงรักสุดโรแมนติกขึ้นมาแทนเมื่อเจ้าสาวปรากฏกายขึ้นดาริกาในชุดเจ้าสาวลูกไม้สีขาวเปิดไหล่แขนยาวสไตล์ลักชูรี่เรียบหรูพอดีตัวโชว์ให้เห็นสวนโค้งเว้ากระโปรงยาวลากพื้นทรงผมมวยแบบแสกกลางปัดหน้าม้าไปด้านข้างเล็กน้อยแล้วเติมความหวานด้วยการใส่เทียร่า และเวลาสีขาวยาวลากพื้นใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจากช่างแต่งหน้าฝีมือดีสวยจนทุกสายตาจับจ้องเดินจูงลูกสาวตัวน้อยในชุดเจ้าหญิงกระโปรงฟูฟ่องไปตามทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเวลสีขาวบริสุทธิ์ปลิวไหวตามสายลม ด

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทที่ 81 แต่งงานกันนะ

    วันต่อมาเขาก็ไปหาพ่อแม่ของหญิงสาวตามที่ได้พูดไว้ทันที มาถึงบ้านเกียรติกมลก็เห็นหญิงสาวยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว จากที่ใบหน้าเคร่งขรึมด้วยความกังวลพอเห็นหน้าเธอพอทำให้เขายิ้มออกมาได้บ้างรีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาเธอ "คิดถึงจังเลยครับ""เพิ่งแยกกันเมื่อวานเอง มาคิดถึงอะไรกันคะ" ดาริกาแอบเบาะปากกับความเวอร์วังของชายหนุ่ม ทว่าในใจเธอก็คิดถึงเขาไม่ต่างกันเพราะจู่ ๆ ก็ต้องแยกกันทั้งที่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา"พี่พูดจริงนะครับ" เขาทำหน้าอ้อน แต่สายตากวาดมองไปทั่วเหมือนหาอะไรเธอจึงถามไถ่ "มองหาอะไรคะ""ลูกไปไหนครับ""ออกไปเที่ยวกับพี่กิจค่ะ""อ๋อ""เข้าบ้านกันเถอะค่ะ" เธอรีบชวนเขาเข้าบ้านเพราะพ่อกับแม่รออยู่ เมื่อเขาพยักหน้าจึงเดินนำเข้าไปในบ้านศรัณย์อดประหม่าไม่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับว่าที่พ่อตาแม่ยายที่นั่งหน้าเคร่งขรึมอยู่บนโซฟาในห้องโถง หญิงสาวเหมือนจะรู้จึงแอบจับมือเขาแล้วบีบเบา ๆ เชิงให้กำลังใจ ก่อนจะคลายออก แล้วแนะนำเขากับพ่อแม่"พ่อคะ แม่คะนี่คุณศรัณย์ค่ะ""สวัสดีครับ" สิ้นเสียงแนะนำเขาก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม"จ้ะ" แม่ของเธอยิ้มใหญ่เขา ต่างจากคนเป็นพ่อที่จ้องร

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทที่ 80 ความสุข

    วันต่อมา-บ้านพิทักษ์ธรานนท์-ศรัณย์กลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์เหงาหงอยเพราะต้องแยกจากลูกเมีย หากไม่คิดว่ามันดูน่าเกลียดเกินไปเขาอยากจะไปคุยกับพ่อแม่ของดาริกาตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพแล้วเขาอยากจะแต่งงานกับเธอวันนี้เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำเพราะไม่อยากจะแยกกับทั้งสองแม้นาทีเดียว"ลูกหายไปไหนมาตั้งสองเดือนศรัณย์ รู้ไหมพ่อเป็นห่วงมาก" ทันทีที่เขาโผล่หน้าเข้าบ้านผู้เป็นพ่อก็พุ่งเข้ามาถามไถ่ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเขาเหมือนจะคลายความโกรธจากท่านได้บ้างแล้ว แต่พอหันไปเห็นหน้าเกสรที่นั่งบนโซฟาในห้องโถงก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา"ไปง้อลูกกับเมียมา" เปล่งน้ำเสียงห้วนกระด้างตอบท่าน"ลูกเมีย?" เกรียงศักดิ์คิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน งงเป็นไก่ตาแตกกับคำตอบ บุตรชายไปมีลูกมีเมียตอนไหนกันก็เห็นจะเป็นจะตายกับการสูญเสียดาริกาอยู่ทุกวัน"พ่อคงยังไม่รู้ว่าน้องดายังไม่ตาย และยังกลับมาพร้อมลูกของผมด้วย" ศรัณย์จึงบอกให้ท่านหายสงสัย"ห๊ะ!"เกรียงศักดิ์หายสงสัย แต่กลายเป็นตกใจ และงุนงงแทน ไม่ต่างจากเกสรที่ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ"แต่วันนั้นทุกคนก็เห็นกับตาว่าหนูดาตายไปแล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่หนูดายังมีชีวิตอยู่" "เ

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทที่ 79 เริ่มต้นใหม่

    ตกค่ำถึงเวลาพาลูกเข้านอนศรัณย์ก็พาลูกเข้านอนปกติ พอลูกหลับก็ลุกเดินออกไปไม่คิดแหกกฏแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ของลูกจะดีขึ้นมากแล้ว"เดี๋ยวก่อน"ทว่าเดินยังไม่พ้นประตูก็ถูกเรียกไว้ เขาหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองร่างบางที่นั่งพิงหัวเตียงด้วยความสงสัย"น้องดามีอะไรรึเปล่าครับ""มานอนกับลูกสิ จะไปไหน" สิ้นคำบอกกล่าวของเธอใบหน้าคมเข้มก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเท่าไรจึงถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป"น้องดาอนุญาตให้พี่นอนกับลูกเหรอครับ" "หรือจะไม่นอนคะ""นอนครับนอน" พอเธอตอบมาแบบนั้นก็รีบเดินกลับไปขึ้นเตียงทันที เขารอเวลานี้มาตั้งนานจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไร"ขอบคุณนะครับที่ยอมให้พี่นอนกับลูก" เขามองสบดวงตากลมด้วยความรู้สึกขอบคุณ เธอสบตาเขานิ่ง ๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก่อนจะยื่นมือไปปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วล้มตัวลงนอน"พี่รักน้องดานะ ฝันดีนะครับ"เขาเอ่ยอีกครั้งพลางล้มตัวลงนอน ก่อนหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างมีความสุข เฉกเช่นเดียวกับดาริกาที่หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มวันต่อมาปกติศรัณย์จะตื่นก่อนใคร แต่วันนี้กลับกลายเป็นดาริกาที่ตื่นก่อน เธอยืนมองสอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status