ดาริการ้องไห้จนผล็อยหลับไป รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุกดังขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันใหม่
แม้วันนี้จะเป็นวันหยุดแต่เธอก็ยังตื่นเช้าเพื่อไปช่วยคนอื่น ๆ ทำงานบ้านเหมือนเช่นทุกวันถึงแม้จะได้รับสิทธิพิเศษจากคุณหญิงลดาแต่เธอก็ไม่เคยลืมกำพืดตัวเอง
และยิ่งตอนนี้ไม่มีบุญท่านแล้ว หนำซ้ำบุตรชายของท่านยังขีดเส้นชัดเจนว่าเธออยู่ในสถานะคนใช้ก็ยิ่งต้องทำงานให้เท่าเทียมกับคนอื่น
"เป็นยังไงบ้างหนูดา เมื่อคืนนอนหลับไหม" เสียงของป้าสีนวลดังขึ้นทำให้ดาริกาที่กำลังถูกพื้นหยุดชะงัก หันไปตอบด้วยน้ำเสียงสดใสพยายามกลบเกลื่อนความเศร้า
"หลับค่ะ หลับลึกซะด้วย"
"ดีแล้ว ป้านึกว่าผิดที่หนูดาจะนอนไม่หลับซะอีก"
"ค่ะ" เธอระบายยิ้มให้ป้าสีนวลบาง ๆ ก่อนรอยยิ้มจะหายไปในวินาทีต่อมาเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงที่กำลังเดินลงบันไดมา
เขาเดินมาหยุดตรงหน้าเธอแล้วเอ่ยขึ้น "ขึ้นไปจัดห้องที่น้องแป้งจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วย"
"เดี๋ยวป้าขึ้นไปจัดให้ก็ได้ค่ะ" สีนวลเสนอตัวเพราะเห็นว่าเด็กสาวยังถูพื้นไม่เสร็จ ซึ่งศรัณย์เองก็เห็นเพราะเธอถือไม้ถูพื้นค้างอยู่ แต่เขาเลือกจะไม่สนใจ
"ไม่ต้องครับ ให้ดาริกาขึ้นไปจัดห้องก่อน แล้วค่อยมาถูพื้นต่อ ส่วนป้ามีอะไรให้ทำก็ไปทำเถอะครับ" เอ่ยกับสีนวลด้วยน้ำเสียงเรียบ ทว่ากลับแฝงไปด้วยพลังบางอย่างสีนวลรับรู้ได้จึงเลือกเดินออกไปเงียบ ๆ
เหลือเพียงเขากับหญิงสาว จากที่บรรยากาศปกติก็เริ่มอึมครึมจนดาริการู้สึกอึดอัดพานทำให้หายใจไม่ทั่วท้องจนต้องหาเรื่องขอออกไปจากตรงนี้
"ฉันขอตัวขึ้นไปจัดห้องนะคะ"
"ก็ไปสิ"
สิ้นเสียงทุ้มเธอก็รีบเอาไม้ถูพื้นกับถังน้ำไปเก็บ แล้วเดินตรงขึ้นห้องที่อยู่ชั้นสองของบ้าน ห้องที่เคยเป็นห้องเธอแต่กำลังจะกลายเป็นของคนอื่น พอคิดแล้วน้ำตาพานจะไหลออกมาให้ได้
"จะยืนอีกนานไหมรีบจัดเข้าสิ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยกับน้ำเสียงห้วนกระด้างที่ดังขึ้นทางด้านหลัง รีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่คลั่งอยู่ในหน่วยตาออก
"ให้ฉันจัดตรงไหนคะ" หันไปถามร่างสูงที่ยืนพิงขอบประตูเชิงตั้งคำถามเพราะดูเหมือนว่าห้องจะถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วเขาจะให้เธอจัดอะไรอีก
"ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่มเปลี่ยนเป็นสีดำให้หมดน้องแป้งไม่ชอบสีชมพู แล้วก็ไปซื้อดอกทิวลิปสีขาวมาใส่แจกันวางบนโต๊ะหัวเตียงด้วย..น้องแป้งชอบ"
ศรัณย์จงใจเน้นคำว่าน้องแป้งชอบ คำพูดของเขาเหมือนมีดปักลงกลางอกดาริกาดังจึกรู้สึกเจ็บจนเกินบรรยาย
ไหนเขาเคยบอกว่าไม่ชอบไม่สนใจว่าที่คู่หมั้น แต่ทำไมถึงได้รู้เรื่องเธอมากขนาดนี้กัน หรือที่ผ่านมาเขาโกหก
"ค่ะ"
ทำได้แค่เก็บความสงสัยเพราะเธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรได้ เดี๋ยวก็ถูกย้อนกลับจนหน้าชาอีก
เขาพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าระหว่างเขากับเธอคือเจ้านายกับคนใช้เท่านั้น ส่วนที่ผ่านมาเป็นแค่เรื่องไร้สาระเขาก็แค่เล่นสนุกไม่ได้รักเธอจริง หนำซ้ำยังเกลียดมาก
เธอเดินออกจากห้องอีกครั้งเพื่อไปเอาชุดเครื่องนอนใหม่ และหวังว่าเมื่อขึ้นมาอีกคนจะไม่อยู่แล้ว แต่เหมือนจะไม่เป็นดั่งคิดพอกลับเข้าห้องมาก็เห็นร่างสูงนั่งเอกเขนกอยู่ที่โซฟา
เขาคงไม่ได้มานั่งคุมเธอหรอกใช่ไหมไม่ไว้ใจกันขนาดนั้นเลยเหรอได้แค่คิด แล้วเริ่มลงมือเปลี่ยนชุดเครื่องนอนทีละชิ้นแม้จะรู้สึกอึดอัดที่มีสายตาอีกคนจับจ้องตลอดเวลา
"เรียบร้อยแล้วค่ะ ฉันขอตัวไปจัดการเรื่องดอกไม้ต่อนะคะ" เธอบอกกล่าวหลังจากทำทุกอย่างเสร็จ ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาตอบสนองจากอีกคนที่เอาแต่จ้องเธอแทบจะเขมือบหัวกัน
เขาไม่ตอบถือว่าโอเคแล้วกันจึงรีบเดินออกจากห้องไปให้พ้นสายตาคนใจร้าย พ่นลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งครั้นออกมาพ้นรัศมี
จัดการล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาค้นหาร้านดอกไม้ใกล้บ้าน จากนั้นก็สั่งดอกทิวลิปสีขาวให้ทางร้านจัดส่งมาที่บ้าน
ระหว่างรอดอกไม้มาส่งก็ถูพื้นต่อเพื่อไม่ให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ผ่านไปราวสี่สิบนาทีดอกไม้ก็มาส่งพอดีกับที่เธอถูพื้นเสร็จ
เธอมองดอกไม้ในมือด้วยความเจ็บช้ำ กัดริมฝีปากจนเลือดซิบเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ยืนข่มความรู้สึกนานหลายนาทีจึงเอาดอกไม้ไปจัดใส่แจกัน แล้วพาขึ้นไปที่ห้อง
เปิดประตูเข้าไปก็พบว่าชายหนุ่มยังนั่งที่โซฟาเหมือนเดิมแต่ตาปิดอยู่ ไม่รู้ว่าแค่พักสายตาหรือหลับกันแน่
เธอเดินพาดอกไม้ไปวางบนโต๊ะหัวเตียงอย่างแผ่วเบาที่สุด ก่อนจะเดินย่องไปหาคนที่นั่งปิดตา
"คุณศรัณย์คะ" เอ่ยเรียกชื่อเบา ๆ เช็คดูว่าหลับหรือไม่ เมื่อไร้การตอบสนองจึงลองใช้นิ้วสะกิดไหล่เบา ๆ เช็คให้มั่นใจอีกทีครั้นมั่นใจว่าเขาหลับจริง ๆ จึงโน้มหน้าลงไปมองใบหน้าคมเข้มใกล้ ๆ
"ทำไมใจร้ายใส่กันจังคะพี่ศรัณย์" มือเล็กยื่นไปประคองใบหน้าคมเข้ม นิ้วโป้งลูบแก้มเกลี้ยงเกลาเบา ๆ ต่อให้เขาใจร้ายแค่ไหนแต่เธอก็ยังรักเขาอยู่ดี
เมื่อก่อนรักยังไงตอนนี้ก็ยังรักอย่างนั้น
"พี่ศรัณย์!"
ดวงตากลมที่จ้องมองใบหน้าคมเข้มพลันเบิกกว้างในวินาทีต่อมา ใบหน้าจิ้มลิ้มถอดสี หัวใจดวงน้อยสั่นไหวราวกับอาฟเตอร์ช็อคเมื่ออีกคนลืมตาโพลงขึ้นมาทำให้สบสายตากันจัง ๆ
สัญชาตญาณทำให้เธอถอยห่างอัตโนมัติ แต่ก็ช้ากว่าแขนยาว ๆ ของอีกคนที่ยื่นมาคว้ามือไว้แล้วดึงจนตัวเธอเสียหลักถลาเข้าปะทะร่างแข็งแกร่งเต็ม ๆ
"อ๊ะ!"
หัวใจของเธอสั่นไหวนักกว่าเดิมเพราะดันอยู่ในท่าล่อแหลม ชายหนุ่มนั่งเอนเขนกปกติแต่เธอนี่สิกำลังนั่งคร่อมเขาอยู่ หน้าอกอวบอิ่มแนบชิดกับอกแกร่ง ใบหน้าวางแหมะอยู่ที่ซอกคอพอดิบพอดีจนได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้ และเธอก็ชอบดมมันมาก ๆ ด้วย
เธอลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ก่อนใช้สองมือยันพนักโซฟาข้างศรีษะเขาดันตัวออกห่าง แต่ไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้นก็ถูกมือหนาโอบรอบเอวแล้วกดจนตัวเธอกับเขาแนบชิดกันอีกครั้ง ใบหน้าห่างไม่ถึงคืบจนลมหายใจเป่ารดผิวกันและกัน
สองสายตามองสบประสานกันท่ามกลางความเงียบ
ดาริกาจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกคนอยากมองให้ทะลุปุโปร่งไปถึงข้างในว่าจริง ๆ แล้วเขาคิดอะไรอยู่ ทว่านอกจากความว่างเปล่าเธอก็ไม่เห็นอะไรอยู่ในแววตาเขาเลยสักนิด
ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีความรัก ไม่มีความเอ็นดู ไม่มีแม้กระทั่งเยื่อใยเหมือนเมื่อก่อน รู้สึกเจ็บที่หัวใจนัก แต่ก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ ใช้มือยันอกแกร่งพยายามดันตัวออกจากพันธนาการของคนใจร้าย
"ปล่อยฉันค่ะคุณศรัณย์"
"เธอเป็นคนเดินเข้ามาหาฉันเองนะดาริกา" ความจริงศรัณย์ไม่ได้หลับเขาแค่พักผ่อนสายตาเท่านั้น เขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของเธอ และได้ยินที่เธอว่าเขาใจร้ายด้วย
"ฉันแค่มาดูว่าคุณหลับไหม" ดาริกาแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
"แค่มาดูว่าหลับไหม แล้วทำไมต้องว่าฉันใจร้ายดาริกา" ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างกดดันทำคนถูกกดดันทางสายตาหน้าถอดสี อ้ำอึ้งนึกหาเหตุผลไม่ออก
"ฉัน..."
"อยากเข้าใกล้ฉันก็ยอมรับมาตรง ๆ บางทีฉันอาจจะใจดีให้เธออยู่ในฐานะเมียเก็บก็ได้"
ศรัณย์เอ่ยด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยัน ทำคนฟังน้ำตาคลอทั้งผิดหวังและเสียใจไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากคนที่รัก
"ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะมีความคิดสกปรกแบบนี้ เสียแรงที่ฉันรักคุณ"
"แล้วเธอสะอาดนักเหรอดาริกา เธอเองเกิดมาจากผู้หญิงที่สกปรกเธอก็คงสกปรกไม่ต่างจากแม่"
"ใช่ฉันมันคนสกปรก งั้นก็ปล่อยสิเดี๋ยวความสกปรกจะเปรอะเปื้อนตัวคุณ" ดาริกาย้อนกลับด้วยความโกรธพลางพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของคนใจร้าย
"เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำนะดาริกา"
"ฉันพูดตามความจริง" ที่ผ่านมาเธอยอมให้ชายหนุ่มพูดจาทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ตอบโต้ แต่ครั้งนี้เขาดูถูกกันเกินไปแล้วเธอทนไม่ได้จริง ๆ
"..."
ศรัณย์จ้องริมฝีปากอิ่มที่เปล่งเสียงพูดอย่างถือดีไม่วางตา สองคิ้วพลันขมวดเล็กน้อยก่อนจะคลายออกเมื่อเห็นรอยแผลบนกลีบปากนั้น ยกมือขึ้นแตะเบา ๆ
อีกคนรีบเบี่ยงหน้าหนีราวกับรังเกียจสัมผัสจากเขาซึ่งความจริงเธอกำลังโกรธอยู่ต่างหาก ทว่าศรัณย์กลับคิดว่าเธอรังเกียจทั้งที่ความจริงควรเป็นเขามากกว่าที่ต้องรู้สึกแบบนี้
ความโกรธทำให้เขายื่นมือไปล็อคใบหน้าจิ้มลิ้มไว้ แล้วกระแทกจูบริมฝีปากอิ่มบดขยี้ขบกัดจนได้กลิ่นคาวเลือด
ดาริกาน้ำตาไหลพรากเจ็บที่ปากไม่เท่าไรเจ็บที่ใจเสียมากกว่า เธอกับเขาจูบกันก็หลายครั้งแต่ไม่ได้รุนแรงแบบนี้ เขาตั้งใจทำให้เธอเจ็บ
จูบที่มาจากความรักกับจูบที่มาจากความโกรธและความเกลียดชังรสสัมผัสของมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เธอใช้มือทุบตีผลักไสร่างแกร่งพัลวัน พยายามพาหน้าหนีจูบแสนป่าเถื่อน แต่ไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็เอาชนะแรงคนตัวโตกว่าไม่ได้
ยิ่งพยายามเขาก็ยิ่งรุนแรง มือข้างนึงของเขากอดรัดเอวคอดแน่น อีกข้างล็อคท้ายทอยไว้ ปากบดจูบสลับขบกัดริมฝีปากเธอซ้ำ ๆ ไม่มีช่องว่างแม้แต่ให้เธอหายใจ
แกร๊ก!
เสียงหมุนลูกบิดประตูดังขึ้นนั่นจึงทำให้ศรัณย์ยอมผละจูบออกปล่อยร่างบอบบางให้เป็นอิสระ
ดาริการีบลุกออกจากร่างแกร่ง แล้ววิ่งออกจากห้องไปด้วยความเร็วไม่สนใจป้าสีนวลที่ยืนอยู่หน้าประตูสักนิด ขณะที่อีกคนยังนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางสบายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นที่ห้องอาหารรุ่นพี่หนุ่มก็เปลี่ยนไป เวลาเจอกันก็ทำเหมือนไม่รู้จัก หรือเดินหนีไปเลยคงจะโกรธหรือไม่ก็เกลียดกันไปแล้ว แต่เธอก็เข้าใจได้"ช่างเถอะยังไงพี่เขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอยู่แล้ว ไปเรียนเถอะถึงเวลาแล้ว" มิ้นท์ตัดบทเมื่อก้มมองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่าถึงเวลาเรียนแล้วจากนั้นทั้งสามก็พากันเดินขึ้นห้องเรียน เรียนเสร็จก็แยกย้ายกลับบ้านตัวเอง-บ้านพิทักษ์ธรานนท์-"ที่บ้านมีงานอะไรกัน" ดาริกาพึมพำด้วยความสงสัยเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นบริเวณลานสนามหญ้าหน้าบ้านมีโต๊ะอาหารทรงกลมวางอยู่สี่ห้าโต๊ะ รอบ ๆ มีการตกแต่งด้วยดอกไม้และลูกโป่งสีสันสดใส เหล่าแม่บ้านกำลังทำงานกันให้ขวักเธอเดินเข้าไปในบ้านเมื่อเห็นแม่บ้านกำลังเดินผ่านไปจึงถามไถ่ "มีงานอะไรกันเหรอคะ""งานวันเกิดคุณแป้งค่ะ น้องดาไม่รู้เหรอ""ไม่รู้ค่ะ" เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของแป้ง ไม่เห็นมีใครพูดถึงเลยหรือไม่ก็พูดแต่เธอไม่รู้ แต่คงไม่แปลกเพราะทุกวันนี้เธอแทบจะไม่มีตัวตนในบ้านหลังนี้ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผู้เป็นแม่กับเกรียงศักดิ์ก็หมางเมินใส่เธอพูดด้วยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนศรัณย์ก็เอาแต
หนึ่งเดือนต่อมาดาริกาตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ภายในอ้อมกอดของผู้ชายใจร้ายที่เห็นเธอเป็นเพียงที่ระบายอารมณ์ระบายความใคร่เธอค่อย ๆ พลิกตัวเข้าหาคนที่นอนกอดเธออยู่ด้านหลัง จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพปั้นด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำ เกิดคำถามในใจซ้ำ ๆ ว่าเขาไม่รักเธอตั้งแต่ตอนไหนทำไมถึงใจร้ายใส่กันได้มากขนาดนี้เขารังแกเธอทุกทางไม่เคยจะปราณีกันสักครั้ง รังแกทางร่างกายเธอยังพอทนไว้ แต่รังแกจิตใจกันเธอแทบทนไม่ไหวกลางวันเธอต้องทนเห็นเขาแสดงความรักกับว่าที่คู่หมั้น แต่พอตกกลางคืนกลับย่องมาหาเธอที่ห้อง มาตักตวงความสุขจากร่างกายเธอแทบทุกคืนในสถานะเมียน้อยที่เขายัดเยียดให้น้ำสีใสค่อย ๆ รินไหลออกจากดวงตาอย่างกลั้นไม่อยู่จนต้องรีบยกมือขึ้นเช็ด แล้วค่อย ๆ ยกท่อนแขนแกร่งที่พาดบนเอวออกพาตัวลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จเธอก็ออกมาแต่งตัว แล้วเดินไปปลุกคนที่นอนหลับไหลอย่างสบายอยู่บนเตียง"คุณศรัณย์ตื่น เช้าแล้วนะ" ร้องเรียกพลางยื่นมือไปเขย่าไหล่เบา ๆ"อือ..." คนถูกปลุกฮึมฮำในลำคอแสดงสีหน้าหงุดหงิดทั้งที่เปลือกตายังปิดอยู่จนดาริกาต้องยื่นมือไปเขย่าไหล่ซ้ำ"ตื่นค่ะคุณศรัณย์""เธอจะเข
"ถ้าไม่เชื่อผมเปิดคลิปให้ดูได้นะครับ" ศรัณย์ล้วงไปหยิบมือถือในกระเป๋ากางออกมาเพื่อเปิดคลิปยืนยันเมื่อประทีปแสดงสีหน้าคลางแคลงใจ"พอได้แล้วศรัณย์ เลิกบ้าสักที" เกรียงศักดิ์ตวาดลั่นก่อนที่บุตรชายจะทำอะไรเลว ๆ "คลิปอะไรศรัณย์" ประทีปไม่สนว่าพ่อลูกจะทะเลาะกัน แต่เขาอยากรู้ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่"คลิปผมกับดาริกาตอนมีอะไรกันครับ"ประทีปกับวลีอึ้งเป็นครั้งที่สองหันมองหน้าเด็กสาวเชิงตั้งคำถาม "จริงเหรอหนูดา ที่ศรัณย์พูดเป็นความจริงเหรอบอกป้าหน่อย"คนถูกถามได้แต่ก้มหน้าเพราะอับอายเกินกว่าจะพูดออกไปได้ แต่เพียงเท่านี้ประทีปกับวดีก็รู้แล้วประทีปผุดลุกขึ้นยืนชี้หน้าเกรียงศักดิ์ด้วยความโกรธ "มึงทำแบบนี้ได้ไงไอ้ศักดิ์ ยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ไหม""ใจเย็น ๆ ไอ้ทีปฟังฉันก่อน" เกรียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนพยายามบอกให้ประทีปใจเย็น"กูไม่ฟังอะไรทั้งนั้น มึงเห็นกูกับเมียเป็นคนโง่นี่ถ้าศรัณย์ไม่พูดพวกกูคงถูกมึงหลอก นับจากนี้ไปมึงกับกูไม่ใช่เพื่อนกัน" เอ่ยกับเพื่อนทรยศจบประทีปก็หันไปออกคำสั่งกับเมียและลูก "กลับ!""ใจเย็น ๆ ก่อนครับพ่อ" โจพยายามบอกให้คนเป็นพ่อใจเย็น เขาไม่ต้องการให้งานแต่งครั้งนี้ล้มเลิก"อย่
การคุยเรื่องแต่งงานของทั้งสองฝ่ายเป็นไปได้ด้วยดีกระทั่งประตูห้องอาหารถูกเปิดออกแกร๊ก!ทุกคนภายในห้องพากันขมวดคิ้วหันมองไปที่ประตูอย่างพร้อมเพรียงกัน "ศรัณย์.."เกรียงศักดิ์กับเกสรตาเบิกกว้างหน้าถอดสีเมื่อเห็นหน้าคนที่เปิดประตูเข้ามา กลัวว่าบุตรชายจะมาทำให้เสียเรื่อง ขณะที่ดาริกากลับนิ่งเฉยเพราะไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นมันคงไม่แย่กว่าที่เป็นอยู่แล้วศรัณย์มองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างคาดโทษ ก่อนเลื่อนสายตามองหน้าผู้เป็นพ่อสลับกับเกสรพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า ทั้งสองคงคิดว่าปิดหูปิดตาเขาจากเรื่องการแต่งงานของหญิงสาวได้สินะ และคงกลัวว่าเขาจะขัดขวางถึงได้นัดกันมาคุยข้างนอก แต่เขามันคนโชคดีเมื่อวันก่อนดันบังเอิญได้ยินผู้เป็นพ่อคุยโทรศัพท์กับลุงประทีปเรื่องจะให้หญิงสาวแต่งงานกับลูกของท่านแน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ผู้เป็นพ่อ และเกสรสมหวังสักเรื่องจะคอยขัดขวางทุกทาง"แกอย่ามาสร้างเรื่องที่นี่" เกรียงศักดิ์กดเสียงเอ่ยเบา ๆ ให้พอได้ยินแค่สองคน ถามว่าศรัณย์ฟังไหมตอบเลยว่าไม่"เจอกันอีกแล้วนะโจ" หันไปจ้องโจที่กำลังมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจก่อนจะระบายยิ้มยี้ยวนให้ เขาดูไม่แปลกใจที่เจอโจเ
วันต่อมาดาริกาได้ออกจากโรงพยาบาลประมาณช่วงบ่ายโดยคนที่มารับเธอกับแม่คือเกรียงศักดิ์ เธอควรดีใจที่ได้กลับบ้าน แต่ไม่เลยความรู้สึกของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมถ้าเลือกได้เธออยากอยู่โรงพยาบาลต่อมากกว่า "ตอนเย็นผู้ใหญ่ทางฝั่งนู่นจะมาคุยเรื่องการแต่งงานนะ หนูดาเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ"คำบอกล่าวจากเกรียงศักดิ์ที่กำลังขับรถอยู่ทำให้หัวใจดวงน้อยปวดหนึบ น้ำสีใสพลันเอ่อคลอดวงตาจนเธอต้องรีบหันหน้ามองออกไปนอกกระจกรถกลัวว่าเกรียงศักดิ์กับแม่ที่นั่งคู่กันด้านหน้าเห็นนี่เธอต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก หนำซ้ำยังไม่รู้จักจริง ๆ เหรอ ทำไมทุกอย่างจึงมาถึงจุดนี้ได้มันเป็นเพราะแม่เพราะเธอหรือเพราะชายหนุ่มกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะใครสุดท้ายคนที่รับกรรมก็มีแค่เธอคนเดียว ทำไมถึงเป็นเธอที่ต้องแบกรับทุกอย่างเธอปิดตาลงพยายามกลั้นน้ำตาไว้ แต่สุดท้ายมันก็ยังรินไหลออกมาอยู่ดี หลายวันมานี้ไม่มีวันไหนเลยที่เธอไม่ร้องไห้เหมือนกับน้ำตาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วความสุขหน้าตาเป็นยังไง และให้ความรู้สึกยังไงเธอไม่ได้สัมผัสมันมาหลายเดือนแล้วจนเริ่มจำไม่ได้เปลือกตาบางปรือขึ้นเมื่อรถจอดนิ่ง เธอลอบถอนหายใจออกมาครั้นเห็
"ทำไมคุณต้องพูดจารุนแรงใส่น้องสาวตัวเองด้วย สิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิดนะครับ" เขาพยายามอธิบาย แต่กลับทำให้คนฟังยิ่งเลือดลมขึ้นหน้าเพราะหญิงสาวบอกกับคนอื่นว่าเขาเป็นพี่ชายทั้งที่ความจริงไม่ใช่ เหมือนกับเธอปกปิดสถานะของเขาเพราะแคร์ไอ้หน้าอ่อนที่ยืนอยู่ หรือไม่ก็กำลังคบกันคงกลัวมันรู้แล้วจะทิ้งไป"ดาริกาบอกมึงว่ากูเป็นพี่ชายเหรอ" กดเสียงแข็งกระด้างถาม สายตาจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับจะกินหัว"ใช่ครับ" โจตอบตามความจริง เขาเคยเห็นชายหนุ่มมาส่งรุ่นน้องสาวที่มหาวิทยาลัยเมื่อหลายเดือนก่อนจึงถามไถ่ เธอบอกว่าเป็นพี่ชายเขาก็เชื่อสนิทใจ"งั้นมึงก็รู้ไว้ด้วยว่ากูเป็น 'ผัว' ดาริกาไม่ใช่พี่ชาย" ศรัณย์เน้นคำว่าผัวใส่หน้าโจทำเอาเขางงเป็นไก่ตาแตกหันมองหน้ารุ่นน้องสาวขอคำยืนยัน "จริงเหรอครับน้องดา"มะ...""ถ้าไม่เชื่อกูพิสูจน์ให้ดูได้นะ" ดาริกาไม่ทันตอบศรัณย์ก็พูดแทรกขึ้น ไม่ว่าเปล่ายังเดินเข้าหาคนบนเตียงโน้มใบหน้าลงหมายจะจูบเธอ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะถูกอีกคนดึงคอเสื้อด้านหลังแล้วลากให้ออกห่างคนบนเตียงศรัณย์แกะมือโจออกจากคอเสื้อพร้อมกับจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง โจจ้องตอบไม่เกรงกลัว"ไม่ว่าคุณจะอย