ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ที่ดาริกาต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจของผู้ชายที่รักกับผู้หญิงคนอื่น แต่ก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนแม้จะเจ็บช้ำเพียงใดก็ตาม
ตอนนี้เธอก็กำลังยืนมองชายหนุ่มนั่งทานข้าวกับว่าที่คู่หมั้น คอยตักนู่นตักนี่ใส่จานให้กันตลอด บ้างก็พูดคุยยิ้มแย้มหัวเราะกันอย่างมีความสุข
ขณะที่เธอเจ็บเสียเต็มประดาไม่ชินสักทีแม้จะเห็นภาพเหล่านี้ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ความเจ็บยังคงตอกย้ำซ้ำ ๆ ทุกครั้งไป
"คืนนี้น้องแป้งไปงานประมูลกับพี่นะครับ พี่จะเปิดตัวน้องแป้งกับทุกคนในฐานะว่าที่คู่หมั้น" ศรัณย์ปรายตามองร่างบางที่ยืนอยู่ไม่ห่างเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นหลังจากทานข้าวเสร็จ
"แต่แป้งไม่มีชุดเลยนะคะ ถ้าพี่ศรัณย์บอกล่วงหน้าก่อนแป้งจะได้เตรียมชุดไว้" แป้งทำหน้าคว่ำใส่คนที่ชวนเธอออกงานกะทันหัน
"ไม่ต้องห่วงเรื่องชุดครับ พี่เตรียมไว้ให้แล้ว"
"ฮืม.." แป้งมองหน้าชายหนุ่มอย่างฉงนไม่คิดว่าเขาจะเตรียมการพร้อมขนาดนี้ หรือไม่ก็บอกล่วงหน้ากันก่อนสักหน่อยยังดี
ศรัณย์ไหวไหล่พลางหัวเราะอย่างชอบใจกับปฏิกิริยาของหญิงสาว ก่อนจะลุกเดินออกจากโต๊ะอาหารโดยมีแป้งเดินตามหลังไปติด ๆ
ทิ้งให้ดาริกายืนน้ำตาคลอหน่วยอยู่ลำพังกระทั่งเห็นป้าสีนวลเดินมาจึงรีบกระพริบตาไล่น้ำตาออก จากนั้นก็เก็บจานไปล้าง
ครืด ครืด~
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นทำให้ดาริกาที่กำลังเดินออกจากตึกใหญ่หลังจากทำหน้าที่ตัวเองเสร็จชะงัก มือล้วงไปหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเห็นเบอร์แยมจึงกดรับสาย
"ว่าไงแยม"
(คืนนี้เรากับมิ้นท์จะไปเที่ยวผับ ดาไปด้วยกันไหม)
"อืม..ไปก็ได้" ดาริกาชั่งใจชั่วครู่ก่อนตอบตกลง
(วันนี้ฝนคงตก แกยอมไปเที่ยวผับง่าย ๆ ปกติคะยั้นคะยอกันเอ็นแทบขึ้นคอ)
แยมอดแซวดาริกาไม่ได้เพราะปกติดาริกาจะไม่ค่อยชอบเที่ยวผับเท่าไร จะไปก็ต่อเมื่อขัดไม่ได้ หรือมีงานเลี้ยงเท่านั้น
"แกก็เวอร์เกิน"
(ไม่เวอร์สักหน่อย ยังไงหนึ่งทุ่มเราไปรับนะ)
"เค.."
หลังจากวางสายแยมดาริกาก็เดินตรงกลับห้องจัดการอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปผับ เธอเลือกใส่กระโปรงยีนส์ความสั้นอยู่กลางขาอ่อนกับสายเดี่ยวผ้าเช็ดหน้าสีดำเป็นชุดที่เพื่อนซื้อให้เป็นของขวัญเพราะปกติเธอไม่ใช่คนที่ชอบใส่เสื้อผ้าโชว์เนื้อหนังขนาดนี้จึงไม่ได้ซื้อผ้าพวกนี้เลย
อีกทั้งชายหนุ่มยังสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้แต่งตัวโป๊ ไม่ให้แต่งหน้าเดี๋ยวสวยแล้วหนุ่ม ๆ จะมาต่อแถวจีบ แค่นั้นไม่พอยังไม่ให้เธอเที่ยวผับเที่ยวบาร์ด้วยเพราะหวง
ทว่าตอนนี้คนสั่งห้ามคงไม่สนใจว่าเธอจะทำอะไร จะไปไหนหรือแต่งตัวยังไง หนำซ้ำยังทำร้ายจิตใจกันซ้ำ ๆ คืนนี้เธอจะปลดปล่อยให้ลืมผู้ชายใจร้ายอย่างเขาไปเลย
เลือกชุดเสร็จก็มานั่งแต่งหน้าต่อ ตามด้วยม้วนลอนผม จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มาเล่นฆ่าเวลาระหว่างรอเพื่อนสาวมารับ
ครืดดด~
ผ่านไปราวยี่สิบนาทีเสียงจากเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังขึ้นพร้อมด้วยข้อความจากแยมที่เด้งบนหน้าจอบอกว่า 'กำลังไปรับนะ'
เธอกดปิดหน้าจอมือถือลุกจากเตียงเดินไปเช็คความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจก จากนั้นก็คว้ากระเป๋ามาสะพายไหล่เดินออกจากห้อง
"หยุดเดี๋ยวนี้ดาริกา"
ขณะกำลังเดินไปยังประตูรั้วเธอก็ต้องชะงักกึกกับน้ำเสียงแข็งกร้าวที่ดังตามหลังมา ซึ่งมันบ่งบอกถึงอารมณ์คนเรียกได้เป็นอย่างดี
ดาริกาอดหัวใจสั่นไหวไม่ได้แต่ยังคงเก็บอาการได้ดีหันกลับไปมอง ก่อนเธอจะต้องผงะเพราะเจ้าของเสียงยืนจังก้าอยู่ด้านหลังในระยะเผาขน
สองเท้าเล็กขยับถอยหลังรักษาระยะห่างอัตโนมัติ คิ้วขมวดมุ่น เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงเขาไกล ๆ อยู่เลยไม่รู้ว่าเดินมาข้างหลังเธอตอนไหนกัน
ใบหน้าคมเข้มขมวดจนคิ้วแทบจะผูกกัน แววตาเกรี้ยวกราดจ้องเขม็งมายังเธอราวกับจะฆ่ากันยังไงยังงั้นจนเธอรู้สึกตัวชา หายใจไม่ทั่วท้อง
มือเผลอขยำชายกระโปรงยีนส์ตัวสั้นอัตโนมัติในตอนที่อีกคนไล่สายตาเกรี้ยวกราดมองตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้าแล้วไล่สายตาขึ้นมาจับจ้องหน้ากันอีกครั้ง
บรรยากาศรอบตัวเย็นเยือกและอึมครึมชวนให้อึดอัดเอามาก ๆ
"เสื้อผ้าดี ๆ ไม่มีใส่เหรอถึงได้เอาเศษผ้ามาใส่แบบนี้" น้ำเสียงห้วนกระด้างเปล่งขึ้นหลังจากจ้องร่างบางในชุดขัดหูขัดตามาสักพัก "เสื้อผ้าแบบนี้เหมาะจะเอาให้หมาใส่มากกว่า"
คำพูดจากร่างสูงทำดาริกานึกโมโหไม่น้อย ความหวั่นใจมลายหายไปหมดสิ้น เธอเชิดหน้าขึ้นสวนกลับอย่างเหลืออด
"นี่มันร่างกายของฉัน ฉันจะใส่อะไรมันก็คงไม่เกี่ยวกับคุณศรัณย์ใช่ไหมคะ"
"ไม่เกี่ยวได้ยังไงในเมื่อเธอเป็นคนในบ้านพิทักษ์ธรานนท์"
"ก็แค่คนใช้ค่ะ ฉะนั้นฉันจะแต่งตัวยังไง หรือจะแก้ผ้าเดินคงไม่ทำให้ตระกูลพิทักษ์ธรานนท์เสียหายเพราะคงไม่มีใครให้ค่าคนใช้อย่างฉัน"
"อย่าอวดดีดาริกา อย่าลืมสิว่าที่เธอมีกินมีใช้ มีที่ซุกหัวนอน และได้เรียนมหาลัยดี ๆ เพราะเงินของพิทักษ์ธรานนท์ทั้งนั้น ฉะนั้นถือว่าเธออยู่ในการปกครองของพิทักษ์ธรานนท์ห้ามทำอะไรที่ส่งผลไม่ดีต่อภาพลักษณ์พิทุกษ์ธรานนท์เด็ดขาด"
"ฉันก็แค่แต่งตัวเหมือนที่วัยรุ่นทั่วไปแต่งกัน มันไม่ดีตรงไหนคะ"
"เหมือนวัยรุ่นเหรอ ฉันว่าแต่งตัวแบบนี้ออกจากบ้านมืด ๆ ค่ำ ๆ เหมือนกระหรี่มากกว่า"
"คุณศรัณย์" ดาริกาโมโหมากกว่าเดิมกับคำพูดหยาบคายจากอีกคน ขณะที่หัวใจเจ็บช้ำยิ่งกว่าไม่นึกว่าเขาจะมีความคิดกับเธอแบบนี้ทำราวกับว่าไม่รู้จักนิสัยใจคอกันเลย
"ก็แล้วแต่คุณจะคิดค่ะ อยากคิดอะไรก็ตามสบายเลย" เธอมองสบแววตาเกรี้ยวกราดอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะเอ่ยตัดบทแล้วหันหลังเดินต่อไม่อยากจะโต้ตอบกับคนใจร้ายให้เจ็บช้ำใจอีก
"ว้าย!"
เดินได้เพียงก้าวเดียวก็ต้องร้องอุทานตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะถูกอีกคนเดินมาขวางหน้า แล้วจับเธอขึ้นอุ้มพาดบ่าจนหัวห้อยโตงเตง
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัวสักนิด
"คุณศรัณย์ปล่อยฉันนะ" พอหายตกใจก็พยายามดีดดิ้นสุดแรงทั้งรัวกำปั้นทุบตีแผ่นหลังกว้างหวังให้เขาปล่อยตัวลง "คุณจะมายุ่งกับฉันทำไมในเมื่อเกลียดกัน เอาเวลาไปสนใจคุณแป้งว่าที่คู่หมั้นคุณดีกว่า"
"..."
"ปล่อยฉันนะคุณศรัณย์"
"..."
ไม่มีคำพูดและปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนองจากร่างสูง เขาเอาแต่ก้าวฉับ ๆ ตามทางเดินที่ไปยังห้องพักคนใช้
ดาริกานึกหวั่นใจเธอเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าชายหนุ่มคิดจะทำอะไร พยายามส่งเสียงทักท้วงก็แล้ว ดิ้นก็แล้ว ตีก็แล้วแต่ไม่ส่งผลอะไรต่อเขาสักนิด
เธอถูกเขาอุ้มมาหยุดหน้าห้องพัก ก่อนเขาจะใช้มือข้างซ้ายประตู อีกมือยังกอดรัดรอบต้นขาแน่น แล้วก้าวเข้าไปในห้องใช้เท้าถีบประตูให้ปิด
จากนั้นก็อุ้มเธอไปวางกลางห้อง
ทันทีที่เท้าแตะถึงพื้นและทรงตัวได้เธอก็ถอยหลังด้วยความเร็วไม่อยากจะอยู่ใกล้คนใจร้ายเกินไป ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกันแน่ถึงได้อุ้มเธอเข้ามาในห้องแบบนี้
"ถอดชุดนี้ทิ้งไปซะ อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอใส่อีก" เสียงห้วนกระด้างออกคำสั่งอย่างดุดันทำดาริกาหวั่นใจเล็กน้อย แต่ความโมโหยังมีมากกว่าจึงยืนนิ่งไม่ยอมทำตามพลางเสหน้าหนีไปทางอื่น
ท่าทางต่อต้านและเมินเฉยของเธอทำคนที่อารมณ์คุกรุ่นอยู่แล้วยิ่งโกรธไปใหญ่
"ดาริกา!"
หนึ่งปีต่อมา"แม่กับพ่อรออุ้มหลานคนที่สองอยู่นะเมื่อไรจะมาสักทีฮึ หรือแอบคุมกำเนิดกันลูกถึงยังไม่มา" "แค่ก ๆ"คำถามจากแม่ยายทำเอาศรัณย์ที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากทานข้าวเสร็จถึงกับสำลักจนคนเป็นภรรยาอย่างดาริกาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องยื่นมือไปลูบหลังให้ "เป็นอะไรรึเปล่าคะ"เขาส่ายหน้าให้ภรรยาสาวแทนคำตอบเหมือนกับว่าไม่เป็นอะไรทั้งที่ลึก ๆ แอบกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดว่าเขาอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเพราะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว แต่ภรรยาสาวยังไม่ท้องสักทีทั้งที่เขาก็ทำการบ้านแทบจะทุกวันเพื่อนบางคนเริ่มแซวว่าเขาไร้น้ำยาเพราะเคยโอ้อวดเอาไว้ในงานแต่งว่าเพื่อน ๆ รออุ้มหลานได้เลย ทว่าผ่านมาหนึ่งปียังไร้แวว คำแซวเล่นจากเพื่อนกับแรงกดดันจากพ่อตาแม่ยายทำเขากลัดกลุ้มไม่น้อยจนถึงขั้นต้องแอบนัดตรวจร่างกายเงียบ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน และได้ผลตรวจมาแล้วแต่เขายังไม่กล้าเปิด"ไม่ได้คุมอะไรเลยครับ แต่น้องคงยังไม่อยากมาเกิดเลยยังไม่ท้อง" เขาแอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบพ่อตาแม่ยายไปครั้นหายจากอาการสำลัก"ใช่ค่ะ" ดาริกาเอ่ยสมทบ เธอรู้จักกับคนเป็นสามีมาเนิ่นนานมีหรือจะอ่านใจ และเดาความคิดไม่ออกว่าเขากำล
งานแต่งจบลงในช่วงค่ำแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันกลับจนหมดรวมถึงครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และบุตรสาวที่ถูกคุณยายพากลับไปด้วยเพราะรู้ว่าคืนนี้บ่าวสาวต้องเข้าหอกันภายในงานจึงเหลือเพียงเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายที่ยังอยู่ฉลองกันต่อจนเวลาล่วงเลยถึงสามทุ่ม"เข้าหอได้แล้วไอ้รัณย์ เผื่อได้น้องให้น้องริสาสักคน" "ใช่ ๆ น้องริสาจะได้ไม่เหงา"เสียงพ้องเพื่อนของศรัณย์เอ่ยขึ้นทำดาริกาหน้าแดงระเรื่อ หันมองสามีป้ายแดงที่นั่งโอบเอวเธออยู่ด้วยความเขินอายศรัณย์มองสบดวงตากลมอย่างกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปยืดอกตอบเพื่อน ๆ "พวกมึงรอเลี้ยงหลานคนที่สองได้เลย""ฮิ้ววว..."สิ้นคำพูดของเขาทุกคนก็พากันโห่ร้องออกมา บ้างก็พูดแซวขำ ๆ ยิ่งทำให้ดาริกาเขอะเขินจนตัวแทบลอยใช้มือตีแขนคุณสามีขี้อวดไปหนึ่งที"คนบ้า.."แทนที่ศรัณย์จะเจ็บกลับกลั้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนบอกกล่าวกับเพื่อน ๆ "เชิญตามสบายนะ กูกับเมียขอตัวก่อน"เอ่ยจบก็ช้อนร่างบอบบางขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว"ว้าย!"คนถูกอุ้มหลุดอุทานออกมา สองมือรีบตวัดคล้องลำคอแกร่งด้วยความตกใจ ขณะที่อีกคนมองหน้าแตกตื่นของเธอแล้วหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูพลางก้าวเท้าเดินออก
หลังจากขอแต่งงานเสร็จหนึ่งอาทิตย์ต่อมางานแต่งของทั้งสองก็จัดขึ้นทันทีเสียงดนตรีคลาสสิกแผ่วเบาดังคลอไปกับเสียงคลื่นทะเลที่กระทบฝั่ง บนสนามหญ้าสีเขียวริมชายหาดสีขาวนวลถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานแต่งงานในฝันของดาริกาผืนผ้าขาวพริ้วไหวตามแรงลม ผูกเป็นซุ้มโค้งเรียบง่ายแต่สง่างามประดับด้วยดอกไม้โทนสีพีช ครีม และชมพูอ่อน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้นานาชนิดเคล้าด้วยกลิ่นอายจากทะเล แขกจำนวนไม่น้อยเริ่มทยอยกันมานั่งบนเก้าอี้ไม้ที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบท่ามกลางท้องฟ้าอันสดใสและแสงแดดนวลยามเย็นเสียงดนตรีคลาสสิกเงียบลงมีเสียงเปียโนบรรเลงเพลงรักสุดโรแมนติกขึ้นมาแทนเมื่อเจ้าสาวปรากฏกายขึ้นดาริกาในชุดเจ้าสาวลูกไม้สีขาวเปิดไหล่แขนยาวสไตล์ลักชูรี่เรียบหรูพอดีตัวโชว์ให้เห็นสวนโค้งเว้ากระโปรงยาวลากพื้นทรงผมมวยแบบแสกกลางปัดหน้าม้าไปด้านข้างเล็กน้อยแล้วเติมความหวานด้วยการใส่เทียร่า และเวลาสีขาวยาวลากพื้นใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจากช่างแต่งหน้าฝีมือดีสวยจนทุกสายตาจับจ้องเดินจูงลูกสาวตัวน้อยในชุดเจ้าหญิงกระโปรงฟูฟ่องไปตามทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเวลสีขาวบริสุทธิ์ปลิวไหวตามสายลม ด
วันต่อมาเขาก็ไปหาพ่อแม่ของหญิงสาวตามที่ได้พูดไว้ทันที มาถึงบ้านเกียรติกมลก็เห็นหญิงสาวยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว จากที่ใบหน้าเคร่งขรึมด้วยความกังวลพอเห็นหน้าเธอพอทำให้เขายิ้มออกมาได้บ้างรีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาเธอ "คิดถึงจังเลยครับ""เพิ่งแยกกันเมื่อวานเอง มาคิดถึงอะไรกันคะ" ดาริกาแอบเบาะปากกับความเวอร์วังของชายหนุ่ม ทว่าในใจเธอก็คิดถึงเขาไม่ต่างกันเพราะจู่ ๆ ก็ต้องแยกกันทั้งที่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา"พี่พูดจริงนะครับ" เขาทำหน้าอ้อน แต่สายตากวาดมองไปทั่วเหมือนหาอะไรเธอจึงถามไถ่ "มองหาอะไรคะ""ลูกไปไหนครับ""ออกไปเที่ยวกับพี่กิจค่ะ""อ๋อ""เข้าบ้านกันเถอะค่ะ" เธอรีบชวนเขาเข้าบ้านเพราะพ่อกับแม่รออยู่ เมื่อเขาพยักหน้าจึงเดินนำเข้าไปในบ้านศรัณย์อดประหม่าไม่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับว่าที่พ่อตาแม่ยายที่นั่งหน้าเคร่งขรึมอยู่บนโซฟาในห้องโถง หญิงสาวเหมือนจะรู้จึงแอบจับมือเขาแล้วบีบเบา ๆ เชิงให้กำลังใจ ก่อนจะคลายออก แล้วแนะนำเขากับพ่อแม่"พ่อคะ แม่คะนี่คุณศรัณย์ค่ะ""สวัสดีครับ" สิ้นเสียงแนะนำเขาก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม"จ้ะ" แม่ของเธอยิ้มใหญ่เขา ต่างจากคนเป็นพ่อที่จ้องร
วันต่อมา-บ้านพิทักษ์ธรานนท์-ศรัณย์กลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์เหงาหงอยเพราะต้องแยกจากลูกเมีย หากไม่คิดว่ามันดูน่าเกลียดเกินไปเขาอยากจะไปคุยกับพ่อแม่ของดาริกาตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพแล้วเขาอยากจะแต่งงานกับเธอวันนี้เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำเพราะไม่อยากจะแยกกับทั้งสองแม้นาทีเดียว"ลูกหายไปไหนมาตั้งสองเดือนศรัณย์ รู้ไหมพ่อเป็นห่วงมาก" ทันทีที่เขาโผล่หน้าเข้าบ้านผู้เป็นพ่อก็พุ่งเข้ามาถามไถ่ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเขาเหมือนจะคลายความโกรธจากท่านได้บ้างแล้ว แต่พอหันไปเห็นหน้าเกสรที่นั่งบนโซฟาในห้องโถงก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา"ไปง้อลูกกับเมียมา" เปล่งน้ำเสียงห้วนกระด้างตอบท่าน"ลูกเมีย?" เกรียงศักดิ์คิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน งงเป็นไก่ตาแตกกับคำตอบ บุตรชายไปมีลูกมีเมียตอนไหนกันก็เห็นจะเป็นจะตายกับการสูญเสียดาริกาอยู่ทุกวัน"พ่อคงยังไม่รู้ว่าน้องดายังไม่ตาย และยังกลับมาพร้อมลูกของผมด้วย" ศรัณย์จึงบอกให้ท่านหายสงสัย"ห๊ะ!"เกรียงศักดิ์หายสงสัย แต่กลายเป็นตกใจ และงุนงงแทน ไม่ต่างจากเกสรที่ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ"แต่วันนั้นทุกคนก็เห็นกับตาว่าหนูดาตายไปแล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่หนูดายังมีชีวิตอยู่" "เ
ตกค่ำถึงเวลาพาลูกเข้านอนศรัณย์ก็พาลูกเข้านอนปกติ พอลูกหลับก็ลุกเดินออกไปไม่คิดแหกกฏแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ของลูกจะดีขึ้นมากแล้ว"เดี๋ยวก่อน"ทว่าเดินยังไม่พ้นประตูก็ถูกเรียกไว้ เขาหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองร่างบางที่นั่งพิงหัวเตียงด้วยความสงสัย"น้องดามีอะไรรึเปล่าครับ""มานอนกับลูกสิ จะไปไหน" สิ้นคำบอกกล่าวของเธอใบหน้าคมเข้มก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเท่าไรจึงถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป"น้องดาอนุญาตให้พี่นอนกับลูกเหรอครับ" "หรือจะไม่นอนคะ""นอนครับนอน" พอเธอตอบมาแบบนั้นก็รีบเดินกลับไปขึ้นเตียงทันที เขารอเวลานี้มาตั้งนานจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไร"ขอบคุณนะครับที่ยอมให้พี่นอนกับลูก" เขามองสบดวงตากลมด้วยความรู้สึกขอบคุณ เธอสบตาเขานิ่ง ๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก่อนจะยื่นมือไปปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วล้มตัวลงนอน"พี่รักน้องดานะ ฝันดีนะครับ"เขาเอ่ยอีกครั้งพลางล้มตัวลงนอน ก่อนหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างมีความสุข เฉกเช่นเดียวกับดาริกาที่หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มวันต่อมาปกติศรัณย์จะตื่นก่อนใคร แต่วันนี้กลับกลายเป็นดาริกาที่ตื่นก่อน เธอยืนมองสอ