“ฉีฉีเจ้าแน่ใจนะว่าทำเองได้” หวงชางยังเป็นห่วงนาง
“ท่านลุงนี่คือกิจการแรกของข้า ข้าอยากลงมือทำด้วยตัวเอง หากไปไม่รอดข้าจะมาขอให้พวกท่านช่วยนะเจ้าคะ”
“เจ้าเด็กคนนี้ปีกกล้าขาแข็ง ไม่ง้อพวกเราแล้ว” ฉินซื่อแสร้งเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่
“ท่านแม่ท่านหลอกนางไม่ได้หรอก น้ำตาสักหยดก็ไม่มี” หวงจื่อเหยากระเซ้ามารดา
ฉินซื่อถูกเปิดโปงก็โมโหใส่บุตรสาว “เจ้าลูกอกตัญญู !”
“ท่านลุงท่านป้าข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นห่วง แต่ว่าตรอกอิ
บทที่ 191 : ยังไม่ถึงเนื้อหัวใจสามารถดึงออกได้เลย เมื่อนางเจียงรู้เรื่องปลาต้มผักกาดดอง นางก็มาบอกให้บ้านรองแบ่งปันสูตรให้บ้านใหญ่ นำออกไปค้าขายด้วยกัน หวงเต๋อไม่ใช่คนโง่ เขายืนกรานว่าสูตรนี้ได้มาจากผู้มีพระคุณ ห้ามมอบให้คนอื่นเด็ดขาด ในเมื่อแยกเรือนกันแล้วก็ไม่สามารถแบ่งปันได้ อีกอย่างบ้านใหญ่มีบุตรชายเป็นซิ่วไฉถึงสองคน ล้วนแต่มีความสามารถทั้งนั้น ไม่ควรมาเบียดเบียนการค้าขายบ้านรอง หวงจื้อได้ยินก็พาลโกรธและเสียหน้า กำชับมารดาไม่ให้ไปขอสูตรที่บ้านรองอีก ตอนนี้เขาสามารถหางานทำในเมืองหลวงได้แล้ว เป็นผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเก่า ๆ แห่งหนึ่ง หวงหลินอี้ได้งานเป็นผู้ดูแลร้านขายอุปกรณ์การเรียนแห่งหนึ่ง ตอนนี้ได้งานอะไรก็ทำไปก่อน จากนั้นค่อยขยับขยายไปทางอื่น หวงชุนฟงถูกบ้านเดิมภรรยาบังคับให้หย่าขาด ลูกสาวคนเดียวก็เอาไปด้วย ตอนนี้เขายังหางานทำไม่ได้ กลายเป็นภาระของบ้านใหญ่ไป เมื่อหว
บทที่ 190 : ชางพวกเรากลับไปขอให้ฉีฉีทำให้กินดีกว่า สองพี่น้องหันไปมองหน้ากัน ราวกับต้องการหารือกันทางสายตา เป็นหวงหลันฮวาที่เอ่ยขึ้นว่า “ข้าดูแล้วนางไม่ได้คิดร้ายกับพวกเราเจ้าค่ะ นางกินอาหารที่สั่งไปแค่คำเดียวก็วาง นางบอกว่าอย่าโกรธที่นางวิจารณ์ ซุปปลาคาว ซาลาเปาแป้งแข็งไส้น้อย หมั่นโถวแป้งสากลิ้น อาหารเหล่านี้ไม่ถูกปากคนเมืองหลวงแน่นอน” หวงเต๋อหลับตาลงแน่น ๆ ก่อนลืมขึ้นใหม่ “เห็นหรือยังนั่นคือสิ่งที่ข้ากังวลมาก่อน เพียงแต่ข้าไม่กล้าบอกพวกเจ้าตรง ๆ กลัวว่าจะเสียกำลังใจในการค้าขาย” ฉินซื่อคิดคล้อยตามสามีไป “ว่าไปก็จริงหากนางคิดร้าย จะมอบเงินหนึ่งร้อยตำลึงนี่ให้ได้อย่างไร ไม่รู้ว่านางอยู่เมืองหลวงทำการค้าขายอะไร คนบ้านสามไม่เอ่ยถึงนางอีกเลย”&nb
บทที่ 189 : ข้าก็จะวิจารณ์ตรง ๆ ห้ามโกรธห้ามโมโหเด็ดขาด หลินลู่ฉีไม่เคยสบายใจเท่านี้มาก่อน เรื่องราวค้างคาใจถูกสลายไปได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน หลายเดือนมานี้ทางนางเจียงกับคนตระกูลหวงก็ก่อเรื่องอยู่เป็นครั้งคราว แต่ถูกหวงจื่อถงขู่ว่าหากไม่อยู่อย่างสงบ ออกไปก่อเรื่องสร้างความเสื่อมเสียให้เขา เขาจะยื่นเรื่องแก่ผู้เป็นนาย ให้เป็นพยานในการตัดขาดกับพวกเขา นางเจียงกลัวไม่ได้เบี้ยเลี้ยงรายเดือนอีกต่อไป จึงเข้มงวดกับบุตรหลานในเรือนให้มากขึ้น การจัดการเด็ดขาดของหวงจื่อถง ทำให้หลินลู่ฉีรู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก ทางด้านหยางฮูหยินโหย่วลู่เสียนนำข่าวมาบอกตลอด ว่านางมีอาการดีขึ้น หลังจากหลินลู่ฉีแนะนำให้นางเริ่มจัดสวนในเรือน ปลูกต้นไม้ดอกไม้อยู่กับธรรมชาติภายในเรือน ว่าง ๆ ให้พานางออกไปนั่งกินข้าวที่นอกเรือนบ้าง คำแนะนำเหล่านี้ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อนางทั้งสิ้น ‘ฉีฉีเจ้ารู้ไหมว่าเมื่อก่อ
บทที่ 188 : ข้าให้เครื่องเทศห้าอย่างแก่ท่านด้วย “เอาล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนฝากจดหมายไปให้เขา แต่อย่างที่รู้นายท่านซุนที่อยู่ไม่แน่นอน ข้าทำได้เพียงฝากจดหมายไว้ที่ภัตตาคารหวงหลาน ส่วนเขาจะมาหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง” ไม่มีใครรู้ว่าเรือนของซุนอี้หานอยู่ที่ไหนกันแน่ แม้แต่ที่อยู่ของมารดาเขา ก็เก็บซ่อนเป็นความลับไปเสียหมด คนเราเมื่อโดนลอบทำร้ายได้ครั้งหนึ่ง ก็ต้องมีการป้องกันให้หนาแน่นขึ้นเป็นเท่าตัว น่าเจ็บใจก็คือเขามาหานางได้ตลอดเวลา แต่นางกลับไม่สามารถหาที่อยู่ของเขาได้เลย หากซุนอี้หานได้ยินความคิดของนางคงบอกว่า เพียงเจ้าเอ่ยมาคำเดียว แม้แต่ห้องนอนข้าก็พร้อมจะบอกเจ้า แต่หลัวเทียนเหิงไม่ได้รอนานถึงเพียงนั้น เพียงวันเดียวซุนอี้หานก็มาปรากฏตัวที่เรือนของหลินลู่ฉี ในจดหมายเอ่ยสั้น ๆ ว่าต้องการนัดให้เขา มาพูดคุยเรื่องการค้ากับหลัวเทียนเหิง ซุนอี้หานไม่ได้สนใจหลัว
บทที่ 187 : ข้าดูแล้วที่นี่คงมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้น “เสียนเอ๋อร์เจ้าไม่เห็น ตอนที่พวกเขาได้ยินว่าเจ้าวางยาพิษฮูหยินใหญ่ พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ถามถึงความจริง กลับยื่นหนังสือตัดสัมพันธ์ และให้ข้าหย่าขาดจากบิดาเจ้าในทันที” “ท่านแม่ !” โหย่วลู่เสียนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน นางคิดเพียงแค่ว่ามารดาขัดใจตระกูลโหย่ว จึงไม่อยากกลับไปเท่านั้นเอง “ข้าไม่รู้เลยว่าท่านต้องลำบากเพียงนี้” กระนั้นมารดาของนางก็ยังไปอยู่ข้างนางยามถูกลงโทษ “เป็นข้าที่ทำร้ายท่านแม่” “ท่านแม่ยายตระกูลโหย่วช่างโหดร้ายกับท่านยิ่งหนัก” หลัวเทียนเหิงเองก็รู้สึกผิด เป็นเพราะเขาดูแลภรรยาได้ไม่ดี จึงทำให้แม่ยายต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย “เด็กโง่เจ้า
บทที่ 186 : ฉีฉีเจ้ากับนายท่านซุนสนิทกันหรือ ตอนเช้านอกจากยาสงบจิตใจ ที่ถูกไปให้ที่เรือนรับรองแขกแล้ว ยังมีเครื่องรางคุ้มกันภัย ที่หลินลู่ฉีเคยไปขอมาจากอารามหลวง และอธิษฐานตั้งมั่นให้มีความเป็นมงคล คุ้มครองผู้เป็นเจ้าของอีกด้วย “พ่อบ้านหูนายหญิงของเจ้าให้นำมาให้พวกข้าจริง ๆ รึ” หยางฮูหยินรู้สึกแปลกใจกับยาสงบจิตใจที่นางได้รับ “ขอรับหยางฮูหยิน นายหญิงเป็นคนมีความรู้เรื่องการแพทย์ เห็นว่าท่านเพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มา จึงได้มอบยาสงบจิตใจไว้ให้ ส่วนเครื่องรางคุ้มกันภัยนั้นเป็นนายหญิง ไปขอที่อารามหลวงมาก่อนหน้า มอบให้พวกท่านได้พกติดกายเอาไว้ เพื่อความเป็นมงคลขอรับ” พ่อบ้านหู่กล่าวตามที่ผู้เป็นนายแนะนำมา “ดีจริง ๆ พวกข้ามาอาศัยเรือนของนางอยู่ นางยังมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาให้”