All Chapters of ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี: Chapter 1 - Chapter 10

191 Chapters

บทที่ 1 : สวมร่างคืนชีพ

บทที่ 1 : สวมร่างคืนชีพ ณ เมืองฝู แคว้นเยี่ยน ด้านหลังอารามเต๋าแห่งหนึ่ง นักพรตเฒ่านั่งยอง ๆ ยกฝ่ามือขึ้นลูบปิดเปลือกตาของเด็กน้อยวัยสามขวบ ผู้ซึ่งถูกสัตว์ร้ายคร่าชีวิตไป นางเดินเล่นอยู่หลังอารามเหมือนเช่นทุกวัน งูพิษร้ายผ่านมาฉกเข้าที่ขาจนสิ้นใจตาย “อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ” นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน “ขอรับท่านอาจารย์” จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว “อ๊ากกก ! มีผี !” เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ “จี้คงมีอะไร” “นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์” เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น “ว่าอย่างไรนะ” นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น “นี่มัน...เป็นไปไม่ได้” รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามื
last updateLast Updated : 2025-06-29
Read more

บทที่ 2 : ข้าถูกครอบครัวเอามาทิ้ง

บทที่ 2 : ข้าถูกครอบครัวเอามาทิ้ง หลินลู่ฉีไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับบ้านเมืองยุคนี้ นางยังเด็กนักรู้เพียงว่าที่นี่คือเมืองฝู แคว้นเยี่ยน แต่นางไม่รู้ว่าสภาพความเป็นอยู่ ของผู้คนนั้นเป็นอย่างไร สองขาสั้นกับรองเท้าฟางเก่า ๆ คู่หนึ่ง จะพาเด็กสามขวบเดินไปได้ไกลแค่ไหนเชียว นางพักเหนื่อยอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง หลังเดินลงเขามาได้ราวหนึ่งลี้ เหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบยกกางเกงดูบาดแผลที่ถูกงูกัด นี่นางเดินด้วยเท้าน้อย ๆ ที่มีบวมเป่งขนาดนี้โดยไม่รู้สึกเจ็บได้อย่างไร นี่มันวิญญาณกับร่างกายไม่สัมพันธ์กันเกินไปไหม ได้แต่พิงโคนต้นไม้อย่างท้อแท้ เมืองฝูนั้นต้องเดินลงเขาไปอีกไกลพอสมควร หากเป็นผู้ใหญ่คงไม่ใช่ปัญหา แต่ขาของนางสั้นเกินไป ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าม้าวิ่งมาแต่ไกล หลินลู่ฉีตื่นตัวในทันที รีบวิ่งออกไปยืนอยู่ข้างทาง เขย่งเท้าชูมือโบกไว้บนศีรษะ เผื่อว่าจะมีคนเห็นตัวเอง ไม่กล้าลงไปยืนอยู่กลางถนน เกรงว่าจะถูกม้าเหยียบตาย “ช่วยด้วย ๆ” “มีเด็ก ๆ หยุดก่อน !” เสียงคนที่อยู่ด้านหน้าตะโกนขึ้น พร้อมดึงเชือกบังเหียนม้าเอาไว้แน่น ม้าที่เขานั่งยกข
last updateLast Updated : 2025-06-29
Read more

บทที่ 3 : ถูกลักพาตัวไปขาย

บทที่ 3 : ถูกลักพาตัวไปขาย หลินลู่ฉีรักษาอาการอยู่ในโรงหมอต่ออีกสองวัน จากนั้นมีคนของทางการมารับตัวนางไป พวกเขาสอบถามถึงที่มาที่ไปของนาง นางจึงบอกพวกเขาว่า ครอบครัวของนางเป็นคนในเมืองหลวง แต่คงพลั้งเผลอลืมนางไว้ระหว่างทาง หากจะส่งนางกลับไปหาครอบครัว ต้องส่งไปยังเมืองหลวง นั่นเพราะนางรู้ว่า ตระกูลบิดามารดาย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงกันหมด น่าแปลกยิ่งนักที่บุตรหลานของพวกเขาได้รับตำแหน่งในเมืองหลวง เลยต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นทั้งสองตระกูล แม้ว่าจะห่างกันคนละปีก็เถอะ ช่างเป็นเวรเป็นกรรม ตัดกันไม่ขาดจริง ๆ หลินลู่ฉีรู้เพราะบังเอิญได้ยินนักพรตเฒ่าพูดคุยกับหญิงชราผู้หนึ่ง ซึ่งก็คือท่านย่าในสายเลือดของนางนั่นเอง พวกเขาคงคิดว่า เด็กน้อยอายุขวบสองขวบที่เล่นเขี่ยดินอยู่ข้าง ๆ คงไม่รู้เรื่องราวอันใด แต่เพราะหลินลู่ฉีที่มาสวมร่างของหยางท่ง กลับสามารถซึมซับทุกเหตุการณ์ ที่หูและตารวมถึงความรู้สึกของเจ้าของร่าง สัมผัสผ่านมาได้อย่างชัดเจน สิ่งที่นางรับรู้เพิ่มก็คือ ท่านย่าผู้นี้เป็นคนมอบเงินให้นักพรตเฒ่าในการเลี้ยงดูนาง เดิมทีนางคิดว่าพวกเขา จะส่งนางไปอยู่สถาน
last updateLast Updated : 2025-06-29
Read more

บทที่ 4 : แบ่งให้ข้าคนละคำก็พอแล้วเจ้าค่ะ

บทที่ 4 : แบ่งให้ข้าคนละคำก็พอแล้วเจ้าค่ะ “ไม่ได้นะเจ้าคะท่านแม่ นางยังมีลมหายใจอยู่เลย ข้าไม่อาจทิ้งนางได้ ท่านแม่มองดูสิเจ้าคะ แถวนี้มีคนดี ๆ ที่ไหนกันหากปล่อยนางเอาไว้เช่นนี้ คงถูกสัตว์ร้ายทำอันตรายเอาได้” สัตว์ร้ายไม่เท่าไรหรอก เกรงแต่มนุษย์ด้วยกันนี่แหละที่จะทำร้ายกันเอง นางเคยได้ยินเรื่องผู้ลี้ภัยหิวโหย ถึงขึ้นกินเนื้อเด็กทารกแรกเกิดด้วยซ้ำ “นังคนอกตัญญู ลูกตัวเองจะอดข้าวตายอยู่แล้วยังไม่สำนึก เกิดอยากเป็นคนใจดี เหตุใดข้าถึงได้แต่งสะใภ้เบาปัญญาเช่นนี้เข้าบ้าน สวรรค์หนอสวรรค์ เหตุใดถึงได้โหดร้ายกับข้านัก” นางเจียงร่ำร้องคล้ายคนถูกกระทำอย่างโหดร้าย หากไม่ติดว่ากำลังลี้ภัยอยู่ นางคงลงไปนั่งตบตีต้นขาอยู่บนพื้นแล้ว ฉินซื่อเริ่มทำตัวไม่ถูก “ท่านแม่ข้าไม่ได้..” นางเจียงชี้นิ้วใส่นาง “เจ้าหุบปาก หากเจ้ายังไม่ทิ้งเด็กนั่นไปอีก อย่ามาเรียกข้าว่าแม่ !” ฉินซื่ออุ้มเด็กเดินไปหลบอยู่ข้างหลังของสามี ด้านข้างมีบุตรชายกับบุตรสาวยืนอยู่ พวกเขาเหมือนกำลังตกใจกับคำด่าทอของผู้เป็นย่า แต่กระนั้นฉินซื่อก็ส่งสายตาให้สามี ว่านาง
last updateLast Updated : 2025-06-29
Read more

บทที่ 5 : พี่ชายเจ็บหรือไม่

บทที่ 5 : พี่ชายเจ็บหรือไม่ กระนั้นวาจาถากถางจากนางเจียง ก็ยังลอยมาตามสายลม คำว่าตัวอัปมงคล ตัวกินล้างกินผลาญ ด่าลามไปถึงครอบครัวของหวงชางทุกคน ด่าจนหลินลู่ฉีรู้ประวัติความเป็นมาของพวกเขาไม่มากก็น้อย นางเจียงกับหวงจงนั้นแม้จะเป็นปู่ย่าคนแล้ว แต่อายุเพียงแค่สี่สิบปลาย ๆ เท่านั้น บุตรชายทั้งสามคนอายุยังไม่ถึงสามสิบสักคน บุตรสาวเพียงคนเดียวนั้นน่าจะเพิ่งผ่านวัยปักปิ่นมา หลินลู่ฉีรู้ว่าคนอื่นไม่ยินดี ที่หวงชางกับฉินซื่อให้นางร่วมเดินทางไปด้วย ระหว่างทางจึงได้ยินวาจาเย้ยหยันอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นกระทั่งหลาน ๆ ของพวกเขาเอง ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องวิ่งมากลั่นแกล้งนางอยู่เรื่อย ดีที่หวงจื่อถงอยู่ข้างกาย เขาคอยตะโกนบอกบิดามารดาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดปากเสียงกันอยู่ร่ำไป กระทั่งลงไม้ลงมือกันก็มี “นังตัวซวยพวกเจ้าเห็นหรือยัง พอมีนางเข้ามาหลาน ๆ ของข้าก็ตีกันเสียแล้ว” นางเจียงลูบหลังปลอบหลานชายสุดที่รักของตน หวงชุนฟงคือบุตรชายคนโต ที่เกิดจากหวงจื้อกับจ้าวซื่อ “ท่านแม่ฟงเอ๋อร์อายุเท่าไรแล้ว ยังมารังแกฉีฉีของพวกเรา นางก็แค่เด็กสองสามขวบเองนะเจ้า
last updateLast Updated : 2025-06-29
Read more

บทที่ 6 : ฉีฉีมองเห็นบ้างไหม

 บทที่ 6 : ฉีฉีมองเห็นบ้างไหม           เมื่อรู้ว่ามีภัยอันตรายเข้ามาใกล้ พวกเขารีบเก็บของ พากันคลำทางในความมืดไปจากตรงนี้ เพราะเป็นคืนเดือนมืดทุกคนจึงต้องจับมือเดินตามหลังกันไป           “ข้ามองไม่เห็นทางแล้วท่านพ่อท่านแม่ หากก้าวพลาดอาจได้รับบาดเจ็บได้” หวงจื้อเป็นคนนำทางเขาเกิดกลัวขึ้นมา           “เจ้าใหญ่เงียบ ๆ หน่อย ข้าได้ยินเสียงคนตามหลังพวกเรามาแล้ว พวกมันจุดคบเพลิงด้วย รีบไป ๆ” หวงจงเร่งบุตรชาย หลังจากเห็นแสงไฟอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก           ทว่าหวงจื้อกลับไม่กล้าเดินต่อ พวกเขาไม่มีคบเพลิงและข้างหน้าก็ล้วนแต่เป็นป่าเขา           “ท่านพ่อสามีข้ามองไม่เห็นทาง ให้คนอื่นมานำทางเถอะ” จ้าวซื่อรีบดึงแขนสามีมาหลบอยู่ด้านหลังนางเจียง&nbs
last updateLast Updated : 2025-06-30
Read more

บทที่ 7 : ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง

บทที่ 7 : ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง หลินลู่ฉีอยากลงเดินเพื่อให้หวงชางได้เบาหลังบ้าง แต่พอนางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ทิ้งระยะห่างจากคนตระกูลหวงเสียแล้ว โทษใครได้ขานางสั้นเกินไปจริง ๆ “เจ้าอยากเดินนักเป็นอย่างไรล่ะ” หวงจื่อถงจิ้มจมูกเล็ก ๆ ของนาง “มาขี่หลังข้า ให้ท่านพ่อได้พักบ้าง” เขาย่อตัวลงหวังให้น้องสาวตัวน้อยได้ขี่หลัง หลินลู่ฉีมองดูร่างผอมแห้งของเขาแล้วหนักอึ้งในใจ นางเงยหน้าขึ้นมองหวงชางกับฉินซื่อ “ให้พี่ชายของเจ้าลองดู ไหวหรือไม่เดี๋ยวก็รู้” หวงชางยิ้มระหว่างมองสบสายตากับเด็กน้อย เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ไม่ถึงครึ่งลี้หวงจื่อถงก็ไม่ไหวเสียแล้ว เป็นหวงชางที่ต้องแบกหลินลู่ฉีต่อไป ส่วนหวงจื่อเหยานางสามารถเดิน สลับขี่หลังฉินซื่อผู้เป็นมารดาได้ ใช้เวลาสองวันก็ออกจากป่าเขาได้ พวกเขาเห็นกำแพงอำเภอหยางอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก ครึ่งวันก็น่าจะเดินทางไปถึง หลินลู่ฉีที่ถูกจับนั่งรถม้ามาที่ชายแดน ตอนนี้กำลังจะไปอำเภอหยางที่อยู่ไม่ห่างจากชายแดนอีก เกรงว่าคงไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยเท่าใดนัก เหตุใดตระกูลหวงถึงเลือกมาที่นี่กันนะ
last updateLast Updated : 2025-07-01
Read more

บทที่ 8 : เจียงชุน

บทที่ 8 : เจียงชุน หลินลู่ฉีทนสังขารของเด็กสามขวบไม่ไหว นางหลับบนหลังของหวงชางไปตลอดเส้นทาง รู้ตัวอีกทีก็ถึงหน้าเรือนของท่านยายเจียงแล้ว แม้จะอยู่ในชนบทแต่เรือนของท่านยายเจียงกลับสร้างด้วยอิฐ ซึ่งแตกต่างจากบ้านของชาวบ้าน ที่ส่วนใหญ่สร้างด้วยดิน หมู่บ้านหยางฮัวมีคนสร้างบ้านด้วยอิฐเพียงสองหลังเท่านั้น คือของผู้ใหญ่บ้านกับท่านยายเจียง หลินลู่ฉีมองสำรวจด้วยสายตาคร่าว ๆ หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ด้านหน้าภูเขา มีราวห้าสิบหลังคาเรือนเท่านั้น คงมีชาวบ้านราว ๆ สองร้อยกว่าคน ท่านยายเจียงแลดูจะตกใจ กับจำนวนลูกหลานเหลนที่มาพึ่งพาเกือบยี่สิบคน ทว่าท่านกลับให้การต้อนรับเป็นอย่างดี “ท่านน้าข้าลี้ภัยมาพึ่งใบบุญของท่าน ไม่คิดว่าจะถูกตระกูลหม่า ขับไล่ออกมาเหมือนหมูเหมือนหมาเช่นนี้” นางเจียงร้องห่มร้องไห้ เล่าเรื่องที่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลหม่าให้ฟังอีกด้วย “ที่บ้านพวกข้าดินแห้งแล้ง เพาะปลูกไม่ได้มาสองสามปีแล้ว มาปีนี้หนักสุด เก็บเกี่ยวไม่ได้เลย ข้าจำต้องหอบลูกหลานมาหาท่านในวันนี้” นางเจียงคร่ำครวญถึงชีวิตที่ยากลำบาก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ถึงที่สุดคนตระกูลห
last updateLast Updated : 2025-07-01
Read more

บทที่ 9 : เช่าเรือนท่านยายหมี่

บทที่ 9 : เช่าเรือนท่านยายหมี่ ไม่ช้านางหูก็กลับมาพร้อมข่าวดี ท่านยายหมี่ยินดีให้เช่าเรือนส่วนหนึ่ง เรื่องค่าเช่าแล้วแต่ผู้ใหญ่บ้านจะกำหนดให้ นางไม่เรื่องมาก ขอแค่มีรายได้เข้ามาบ้างก็เป็นพอ คืนนี้สามารถเข้าไปอาศัยอยู่ที่เรือนของนางได้เลย “ท่านยายจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้ข้าตั้งหนึ่งเดือน ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านยายอย่างไรดี ขอบคุณท่านยายมากขอรับ” หวงชางคุกเข่าลง โขกศีรษะคำนับให้ท่านยายเจียง “เหลวไหลอันใด รีบลุกขึ้นได้แล้ว เจ้าเป็นหลานชายข้า เงินแค่ไม่กี่สิบอีแปะข้าจะออกให้ไม่ได้รึ” ท่านยายเจียงโบกมือใส่เขาคล้ายโมโห นางไม่ได้บอกคนตระกูลหวง ว่าตัวเองมีรายได้จากช่องทางไหน แต่แอบกำชับผู้ใหญ่บ้านก่อนออกมา ไม่ให้บอกเรื่องให้เช่าที่นาเกือบร้อยหมู่กับญาติของนาง ผู้ใหญ่บ้านแม้อายุไม่มากนัก แต่เขาผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน ในการเป็นผู้ใหญ่บ้านของเขา ปัญหาส่วนใหญ่ล้วนมาจากเครือญาติกันนี่แหละ เขาจึงรับปากท่านยายเจียง แต่หากชาวบ้านเผลอเอ่ยออกไป เช่นนั้นก็ถือว่าเขาไม่ได้ผิดคำพูดเหมือนกัน ท่านยายเจียงเองก็เข้าใจ ท่านยายเจียงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่
last updateLast Updated : 2025-07-01
Read more

บทที่ 10 : เย้ ๆ ข้ามีน้ำตาลกิน...แล้ว

บทที่ 10 : เย้ ๆ ข้ามีน้ำตาลกิน...แล้ว ด้านหลังหมู่บ้านหยางฮัว ในเรือนท่านยายหมี่ ทุกคนตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยความเกรงใจเจ้าของเรือน หวงชางหาบถังไม้ไปตักน้ำที่ลำธาร ฉินซื่อทำอาหารเช้าให้ท่านยายหมี่ หวงจื่อถงทำความสะอาดลานบ้าน มีเพียงเด็กน้อยสองคน ที่นั่งแกว่งเท้าไปมา ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน “ฉินซื่อเจ้าต้มโจ๊กน้อยไป” ท่านยายหมี่ตำหนินางหลังเดินมาด้านหลังเงียบ ๆ “ท่านยายหมี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าต้มโจ๊กให้ท่านคนเดียว ประเดี๋ยวพอพี่ชางตักน้ำเต็มถังแล้ว พวกเราจะพากันไปเก็บผักป่าบนภูเขาเจ้าค่ะ” ฉินซื่อรีบบอก ด้วยเกรงว่าท่านยายหมี่จะหาว่านางถือวิสาสะใช้เสบียงของท่าน “เจ้านี่มันยังไง ข้าบอกว่าเจ้าต้มโจ๊กน้อยไป เพิ่มข้าวขาวไปอีกให้พอกินกันทุกคน” “แต่ท่านยายหมี่เจ้าคะ พวกข้าเอ่อ” “ข้าบอกให้พวกเจ้ากินก็กินไป อย่ามาเรื่องมาก” “ขอบคุณท่านยายหมี่เจ้าค่ะ” ฉินซื่อน้ำตาคลอเบ้าอย่างไม่รู้ตัว นางรู้ว่าท่านยายหมี่สงสารครอบครัวของนาง “แต่ข้าไม่อาจเอาเปรียบท่านยายหมี่ได้” “เด็กโง่ ข้าเต็มใจให้ข้าวพวกเจ้ากิน
last updateLast Updated : 2025-07-02
Read more
PREV
123456
...
20
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status