เมื่อฮูหยินคนนั้นถูกลู่ชิงปฏิเสธ และยังพูดจาดูถูกนางเอาไว้เดินออกไป ครอบครัวสวียังคงแจกจ่ายอาหารกันต่อ เพราะยังมีคนมาต่อแถวกันเรื่อย ๆ จนกระทั่งข้าวถุงสุดท้ายมีคนมารับไปแล้ว พวกเขาจึงช่วยกันเก็บโต๊ะรวมถึงข้าวของอย่างอื่น นำไปวางไว้บนเกวียนเสียก่อน จากนั้นจึงพากันเดินขึ้นบันได เพื่อนำอาหารเจไปถวายไต้
“ขะ ขะ ข้าวิ่งหนีพวกทหารของแคว้นตงหนาน วันนี้ข้าขึ้นเขาไปล่าสัตว์ในป่าลึกกว่าทุกวัน และบังเอิญเห็นกลุ่มคนนับสิบนั่งจับกลุ่มคุยกัน พวกเขาพูดว่าตอนนี้แคว้นตงหนาน ได้จัดกองทัพเอาไว้จำนวนสี่แสนนาย จะแบ่งทหารออกจากทัพใหญ่ห้าหมื่นนายเพื่อข้ามภูเขาของตำบลหย่งฝูเข้ายึดที่นี่ก่อน จากนั้นค่อยยกกำลังทหารเข้าไ
“เช่นนั้นก็แยกย้ายกันไปจัดการเถิด หากชักช้าจะไม่ทันการณ์เอาได้” ลู่เวินจึงสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปจัดการตามที่ได้พูดคุยกันเจียวมิ่งแยกกลับไปที่บ้านเช่า รีบเขียนจดหมายผูกด้ายสีแดง ส่งให้เซียวหนิงหลงอย่างเร่งด่วน และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ก้งเยว่ได้ฟัง ก่อนจะมีความคิดว่าเชลยสามคนนี้คงไม่ต้อง
ความโกลาหลนี้ยังส่งผลให้ซื่อจื่อแห่งจวนชินอ๋อง ที่มีเวลาอีกสองวันจะออกเดินทางไปยังชายแดน ไม่อาจรีรอได้อีกต่อไปเมื่อยามเฉินที่ผ่านมามีจดหมายผูกด้ายสีแดง ซึ่งมาจากตำบลหย่งฝู เนื้อหาด้านในบอกถึงอันตราย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า กว่ากองทัพหลายแสนนายจะเดินทางไปถึงอาจไม่ทันการณ์ ในยามนี้เขาอยากจะมีปีก
“พวกเราคงช่วยอะไรในตอนนี้ไม่ได้หรอกนะชิงเอ๋อร์ ไม่ว่าแคว้นไหนยามมีสงคราม มักจะฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าทุกที่ หากเราทำอะไรเกินกว่าการเป็นผู้อพยพ อาจจะเป็นที่สงสัยเอาได้นะลูก” ลู่เวินที่เห็นสายตาบุตรสาว ที่สงสารชาวบ้านเหล่านั้น ก็ทำเพียงอธิบายและเอ่ยเตือนนางไปเท่านั้น“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ เพียงแต่รู้สึกสงส
“คืนนี้คงต้องจัดการตัวหัวหน้ามันก่อน พวกเราสองคนลงมือน่าจะเร็วกว่า และบอกท่านเจ้าเมืองสั่งให้ทหาร ไปปิดทางหนีพวกมันไว้ ใครขัดขืนต่อสู้ก็ฆ่าทิ้งเสียใครที่ยอมวางอาวุ ก็จับตัวไว้เป็นเชลยรอซื่อจื่อมาถึง ค่อยคิดหาวิธีจัดการทีหลังเจ้าเห็นด้วยกับข้าไหม” ก้งคุนคิดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยป้องกันชีวิตของทหารเอาไว้
เมื่อครอบครัวลู่ชิงกลับจากทำธุระส่วนตัวแล้ว จึงพบว่ามีแขกหน้าตาคุ้นเคยนั่งรออยู่กับลู่ชิง พวกเขาใจชื้นขึ้นมาบ้างที่เห็นว่ามีคนมาช่วยเพิ่มขึ้น“อาเซียว เจ้ามาถึงตั้งแต่เมื่อใดรึ แล้วมากับใครบ้างเล่า” ลู่เวินรีบเดินเข้ามาทักทายเซียวหนิงหลงก่อนคนอื่น“คารวะท่านน้าทั้งสองขอรับ ข้าเพิ่งเดินทางมาถึงได้เกื
“ชิงเอ๋อร์รู้ได้อย่างไรว่าพี่คือซื่อจื่อมิใช่คุณชายทั่วไป มีผู้ใดบอกกับเจ้าเกี่ยวกับเรื่องตำแหน่งของพี่เช่นนั้นหรือ” คราแรกเขาก็แอบตกใจอยู่บ้าง กลัวว่านางจะโกรธที่เขาไม่บอกว่าจริง ๆ แล้วตนเองเป็นใคร“ท่านอย่าได้ทำหน้าเหมือนจะลงโทษใครเช่นนั้นสิเจ้าคะ ไม่มีใครบอกอะไรทั้งนั้นข้าบังเอิญได้ยินเองเจ้าค่ะ
เป๊าะ!! “ยินดีต้อนรับแขกที่มาเยือนยามวิกาล ไม่ทราบว่าพวกเจ้ามีกิจธุระอันใดที่นี่หรือ ถึงได้พาคนมาเยอะแยะถึงเพียงนี้”“พวกข้าจะมีกิจธุระหรือไม่ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า หลีกไปถ้าไม่อยากเจ็บตัว พวกข้าแค่ต้องการพาคนไปจากที่นี่เท่านั้น ไม่ต้องการทำร้ายใคร”“อ้ออ คนที่เจ้าต้องการคงจะเป็นเยี่ยเกาจงนั่นกระมัง คน
“ท่านแม่ทัพข้าน้อยเสียงอวิ๋นขอรับ”“เสียงอวิ๋น เข้ามาแล้วปิดประตูซะ”“ขอรับ” แอ๊ดด กึก“มีเรื่องอันใด ยามนี้เจ้าต้องดูแลการฝึกอยู่ที่ค่ายทหารมิใช่หรือ ถ้าเกิดปัญหาแค่ส่งทหารมาแจ้งให้ข้าทราบก็พอกระมัง”“เมื่อยามเว่ยข้าน้อยได้รับจดหมายที่มาจากใต้เท้าเยี่ย จึงนำมันมาให้ท่านแม่ทัพโดยตรง เรื่องนี้ข้าน้อย
ขุนนางฉ้อฉลถูกกำจัดไปอีกหนึ่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นสูง ขุนนางบางกลุ่มที่เพิ่งจะรวมตัว และคิดจะสร้างอำนาจให้ตนเอง จำต้องหยุดความคิดนั้นเอาไว้ทันที เมื่อการประหารเจ็ดชั่วโคตรของตระกูลฉุนเกิดขึ้นต่อจากตระกูลเหลียวกลุ่มอำนาจตระกูลใหญ่ยังถูกตรวจสอบ เพื่อค้นหาหลักฐานที่ซุกซ่อนไว้ออกมาจนได้ แล้วพวกตนท
ฉุนจิ้งหานและคนในตระกูลเดินพ้นประตูมาได้ไม่เท่าไหร่ ทั้งก้อนหิน ผักเน่า ๆ ต่างลอยมากระทบตามร่างกายทันที เพราะชาวบ้านที่ได้ยินการประกาศถึงความผิดของฉุนจิ้งหาน ทำให้พวกเขารับไม่ได้กับเรื่องที่สนับสนุนให้มีการก่อกบฏโป๊ะ โป๊กก โอ๊ยยย“ขุนนางชั่วคิดจะทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนกันหมด แต่ตนเองกับครอบครัวอยู
“กระหม่อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”“อืม ไปจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเถิด ในที่สุดขุนนางชั่วในราชสำนักก็ถูกกำจัดไปอีกหนึ่ง เจ้าเองก็อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยเล่า เกิดเจ็บป่วยขึ้นมาประเดี๋ยวงานที่ยังค้างอยู่จะไม่เสร็จเอาได้”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา”ซ่งจูเก๋อที่ถูกคนสนิทปลุกขึ้นมากลางดึก ย่อมตกใจระคนแปลกใจที่ชิ
“ขอรับท่านพ่อ”“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”“ฉุนจิ้งหาน เจ้ามันร้ายเงียบจริง ๆ แม้แต่เปิ่นหวางยังมองข้ามเจ้า หลังจากนี้คงต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนมากกว่าเดิมเสียแล้ว”ชุนชานกับปาเซี่ยไม่อยู่เฝ้าเฉย ๆ พวกเขาช่วยกันแยกของมีค่า ที่เป็นของเก่าแก่ของราชวงศ์แยกไว้ต่างหากกับทองคำแท่ง เซียวหนิงหลงไปพบแม่ทัพเสวี่ยบอกเล่า
จนสะดุดตาเข้ากับกล่องไม้ใบที่วางอยู่บนชั้นข้างผนังห้อง มันมีแม่กุญแจล็อคไว้อย่างดี ชุนชานจึงถือออกมารอให้ชินอ๋องมาถึง ค่อยให้เจ้านายเปิดด้วยตนเอง จากนั้นจึงได้สำรวจดูเครื่องประดับและของตกแต่งอีกหลายอย่าง ที่ควรจะอยู่ในวังหลวงมากกว่าอยู่ที่นี่อีกหลายชิ้น ปาเซี่ยที่ใช้ความเร็วจนรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
ชุนชานกับปาเซี่ยคอยติดตามจับตาดู การกระทำในแต่ละวันของฉุนจิ้งหาน ว่าไปที่ใด นัดเจอกับผู้ใดบ้างหรือไม่ หรือแม้กระทั่งยามที่ทำงานอยู่ ได้เรียกใครเข้าไปพบเป็นการส่วนตัวไหม ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาฉุนจิ้งหานยังคงทำเช่นเดิมไม่มีสิ่งใดผิดปกติแต่ในเย็นวันหนึ่งในยามซวี ฉุนจิ้งหานได้ออกจากจวนตรงไปยังร้านขา
“ลูกพี่ท่านจะเสียงสั่นไปทำไม ก็แค่เด็กหนุ่มหน้านิ่งเพิ่งจะเริ่มฝึกวรยุทธ์กระมัง ที่แม่ทัพหลู่พูดเช่นนั้นเพราะเกรงใจ ที่เป็นบุตรชายของชินอ๋องก็เท่านั้น ถ้าอายุน้อยเท่านี้ฝีมือเก่งกว่าระดับแม่ทัพ คงสังหารคนได้มากมายแค่เพียงกระพริบตาแล้วล่ะ ลูกพี่อย่าไปเชื่อข่าวลือให้มากจะดะ ฉัวะ!! อ่ะ มะ ไม่จริง ตุบ”