LOGINเขาชังน้ำหน้านางหนักหนากระทั่งนางใกล้ตายยังไร้การเหลียวแล บุรุษเช่นเขาน่ะหรือที่นางยอมถวายหัวใจมอบให้ได้แม้แต่ชีวิตตัวเอง แต่ก่อนคอยไล่ตามร้องขอความรักจากเขา ต่อแต่นี้มีเพียงความเฉยชามอบกลับคืน
View Moreผ้าเช็ดหน้าสีขาวนวลยื่นมาตรงหน้านางอย่างไม่นึกรังเกียจ แม้ใบหน้าของเว่ยซูเหม่ยเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลนเพราะการหลบหนีหัวซุกหัวซุนจากฝีมือนักฆ่ามือฉกาจ
“ท่านโหว ข้าเกรงว่านักฆ่าพวกนั้นได้หนีไปแล้ว”
“หย่งเจิ้ง เจ้าแบ่งคนของเราแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งตามหาคนอีกฝ่ายตามจับนักฆ่าพวกนั้น”
“ขอรับ”
คล้อยหลังบ่าวรับใช้สืออันหลงจึงได้บอกสตรีตรงหน้า
“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจับคนที่มันคิดทำร้ายเจ้ามาลงโทษให้จงได้”
“แม่นมกับสาวใช้ของข้า ตอนนี้พวกนางจะเป็นเช่นไรบ้างก็มิรู้”
“พวกนางสองคนจะต้องปลอดภัยแน่”
แม้ชายหนุ่มตรงหน้าพูดจาปลอบโยน แต่ทว่าไม่นานนักกลับได้ยินข่าวร้ายดังเข้าหู น้ำตาของนางไหลอาบแก้มทั้งสองข้างเพราะคนของเขาพบศพหญิงชรารายหนึ่ง นางเป็นแม่นมที่เว่ยซูเหม่ยรักดั่งมารดาแท้ ๆ เหตุเพราะตั้งแต่ลืมตาดูโลกมามารดาของนางได้สิ้นชีพลงทำให้หญิงสาวถูกบิดาไล่ออกจากจวนตอนอายุห้าขวบให้มาอาศัยอยู่บ้านสวนในชนบท ซึ่งอยู่ห้างจากเมืองหลวงยี่สิบลี้ เพราะคิดว่านางเป็นตัวกาลกิณีมีเพียงแม่นมกับสาวใช้หนึ่งคนที่ติดตามด้วยความภักดี
“คุณหนู” หวนปี้วิ่งเข้ามาสวมกอดคุณหนูของตน
“แม่นมจากข้าไปแล้ว เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะข้า” หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจ
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหนู ท่านอย่าได้โทษตัวเองนักเลย หากแม่นมไห่ยังมีชีวิตอยู่นางคงรู้สึกเสียใจแน่ที่ได้ยินคุณหนูพูดเช่นนี้”
สองนายบ่าวกอดคอกันร้องไห้อยู่นานกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ถึงได้เข้าไปพูดคุยกับบุรุษที่ช่วยชีวิตตนไว้
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ หากไม่ได้ท่านข้าคงตายไปแล้ว”
“แม่นางไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”
“ท่านโหว ต้องรีบกลับจวนแล้วขอรับ”
“แม่นาง ข้าคงต้องขอตัวก่อนโปรดดูแลรักษาตัวเองให้ดี ข้าจะให้คนของข้าคอยคุ้มกันเจ้าอยู่ที่นี่จนกว่าจะจับคนพวกนั้นได้”
เว่ยซูเหม่ยยืนมองป้ายชื่อแม่นมของตนด้วยท่าทีสงบนิ่งราวกับสายน้ำ ตรงข้ามกับความรู้สึกเดือดพล่านที่อยู่ข้างในจิตใจ เรื่องนี้ดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด หากมีโอกาสได้กลับจวนเมื่อใดนางต้องหาโอกาสแก้แค้นให้แม่นมแน่ เลือดต้องล้างด้วยเลือด
แต่ก่อนถอยหลังให้อย่างจำยอม บัดนี้เติบใหญ่เป็นสาวงามบานสะพรั่งแม้ถูกกักขังให้อยู่แต่ที่นี่แต่ความงดงามกับถูกเลื่องลือไปไกล
“หวนปี้ ข้าได้ยินมาว่าฮ่องเต้มีพระราชโองการให้ตระกูลสือกับตระกูลเว่ยเกี่ยวดองกัน เรื่องนี้จริงรึไม่”
“จริงเจ้าค่ะ คนของเราที่อยู่เมืองหลวงส่งข่าวบอกมาเช่นนี้ แต่บ่าวก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเหตุใดถึงมีพระราชโองการลงมาเช่นนี้ทั้งที่ฝ่าบาทย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าทั้งสองตระกูลไม่ถูกกัน”
“เพื่อความสงบสุขอย่างไรเล่า ถึงอย่างไรเสียนี่เป็นโอกาสเดียวของข้าที่จะได้กลับเมืองหลวง”
“ที่คุณหนูเอ่ยเมื่อครู่หมายความเช่นไร”
“ท่านพ่อคงไม่ยอมให้บุตรสาวที่มีค่าดุจทองคำอย่างน้องรองแต่งเข้าตระกูลสือแน่ ยกเว้นข้าที่เป็นเพียงตัวกาลกิณี”
“คุณหนูหมายความว่า...”
“ให้คนของเราที่อยู่ข้างกายฮูหยินเว่ยยุยงนางให้ส่งข้าแต่งเข้าตระกูลสือเสีย”
“ทำเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ”
“ข้ามีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น แม่นมไห่จากไปได้สองปีแล้ว หากชาตินี้ข้ายังไม่ได้ล้างแค้นให้นางข้าคงอกตัญญูเต็มทน”
จวนตระกูลเว่ย
“ฮูหยิน นี่ก็สามวันแล้วนะเจ้าคะที่ฝ่าบาทมีพระราชโองการลงมา”
“ข้ารู้แล้ว”
“แล้วท่านคิดจะให้คุณหนูรองแต่งกับตระกูลสือจริงหรือ”
“ข้าไม่มีวันยอมให้เข่อซิงแต่งเข้าจวนนั้นเป็นอันขาด หากนางแต่งกับตระกูลสือรังแต่จะทำให้ลูกสาวของข้าทุกข์ระทม”
“เช่นนั้นให้คุณหนูใหญ่แต่งแทนดีรึไม่ เดิมทีนางไม่มีประโยชน์อันใดต่อตระกูลเว่ยของเราอยู่แล้ว ดีเสียอีกจะได้ไล่ตัวกาลกิณีเช่นนางไปให้พ้นเสียที” แม่นมจ้าวโน้มน้าว
“เจ้าอย่าได้เรียกชื่อนางให้ข้าได้ยินอีก ข้าเกลียดขี้หน้านางนัก”
“หากไม่ทำเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ”
“ข้าขอคิดดูก่อนแล้วกัน แม้ตระกูลเรากับตระกูลสือไม่ลงรอยกัน ทว่าตระกูลสือถือเป็นตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจในราชสำนักอยู่ไม่น้อย หากเข่อซิงแต่งเข้าไปย่อมไม่เสียหาย”
“ฮูหยิน ท่านคิดตื้นเขินเกินไปกระมัง แม้ตระกูลสือเป็นตระกูลใหญ่ก็จริง แต่ท่านอย่าลืมความจริงที่ว่านายท่านหักหลังเพื่อนรักตัวเองจนทำให้สองตระกูลไม่ลงรอยกัน ถ้าคุณหนูรองแต่งเข้าไปอย่างมากได้เป็นเพียงฮูหยินเอก แต่สามีชิงชังไม่เหลียวแล ท่านลองคิดอีกคราเถิด ท่านโหวคงไม่อยากแม้แต่เห็นหน้าฮูหยินที่มาจากตระกูลที่เป็นต้นเหตุให้บิดาตัวเองต้องตายหรอกนะเจ้าคะ”
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าทำเรื่องอำมหิตเช่นนี้ เสียทีที่ข้ารับเจ้าเข้าจวนมา หย่งเจิ้ง ขังนางไว้ที่เรือน” หลังจากได้อยู่ด้วยกันตามลำพังนางได้เข้าไปนั่งใกล้เขา “ดูจากที่ตาของเจ้าบวมเป่งเช่นนี้ คงเอาแต่ร้องไห้ใช่รึไม่” เขาว่าพลางยันตัวขึ้นนั่งแล้วใช้มือลูบหัวนางแผ่วเบา “ข้าคิดว่าท่านจะไม่ฟื้นขึ้นมาเสียแล้ว ท่านหมดสติไปตั้งหลายวัน” “ข้อต้องฟื้นอยู่แล้ว เพราะข้ามีคนสำคัญที่ต้องปกป้อง” “อะ แฮ่ม ท่านโหวจะให้จัดการนักฆ่าที่รอดชีวิตอย่างไรดีขอรับ” “จับเข้าคุกหลวงให้หมด ข้าจะยื่นกีฎาให้ฮ่องเต้เป็นผู้ตัดสิน” “แล้วเรื่องฮูหยินเว่ยที่สมคบคิดกับแม่นางเหลียวล่ะขอรับจะให้จัดการเช่นไร” “ข้าจะเป็นคนจัดการเอง” เว่ยซูเหม่ยมองป้ายหน้าจวนตระกูลเว่ยด้วยความรู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร ในที่สุดคนชั่วช้าอย่างเหลียงเฟยฮุ่ยถึงคราที่ต้องได้รับกรรมที่นางก่อเสียที “ฮูหยินเว่ย อยู่ที่ใด” “อยู่ข้างในเจ้าค่ะ ฮูหยิน” แม่นมจ้าวออกมาต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม “ที่เรื่องทุกอย่างจบลงเช่นนี้ได้ก็เพราะแม
สุดท้ายแล้วเว่ยซูเหม่ยก็ไม่ได้ทิ้งรองเท้าคู่นั้น ด้วยเหตุผลที่ว่ารองเท้าของนางเริ่มเก่าแล้ว หากจะทิ้งก็เสียดายจึงได้เก็บกลับมาด้วย “ฮูหยิน ท่านไปให้ช่างทำรองเท้าให้ใหม่ตั้งแต่เมื่อใดกัน ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องล่ะเจ้าคะ” “ใช่ที่ไหนกัน มีคนนำมาให้ข้าน่ะ” “หรือว่าคนผู้นั้นคือท่านโหว” “เจ้ารู้ได้อย่างไร” “เมื่อไม่กี่วันก่อนบ่าวคนสนิทของท่านโหวมาถามขนาดเท้าของท่านกับข้า จะเป็นผู้ใดได้ล่ะเจ้าคะหากไม่ใช่ท่านโหว” “หวนปี้ เจ้าช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก” “เพราะข้าได้ท่านมานั่นแหละเจ้าค่ะ” “งั้นรึ” สองนายบ่าวหัวเราะขบขัน “ฉีเยว่ เจ้าบอกพ่อบ้านต่งแล้วหรือยังว่าพรุ่งนี้ให้เตรียมรถม้าไว้ให้ข้าด้วย” “บ่าวบอกเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” “ทำไมเจ้าถึงได้ทำสีหน้าเคร่งเครียดเช่นนี้ มีเรื่องอะไรงั้นหรือ” “บ่าวแค่รู้สึกกังวลนิดหน่อยเจ้าค่ะ” “เจ้าจะกังวลไปไย พรุ่งนี้ข้ากับหวนปี้แค่ไปดูทำเลเปิดร้านใหม่เท่านั้นเอง” “แต่ฮูหยินออกไปโดยไร้คนติดตามนะเจ้าคะ จะไม่ให้เป็นห่วงได้เ
“วางใจเถิดเจ้าค่ะ แม้คนของข้าจะทำงานพลาดก็ไม่อาจสาวถึงพวกเราได้” “เช่นนั้นข้าจะลองเชื่อใจเจ้าดู” “หมดธุระแล้ว ข้าขอตัวก่อน” “ฮูหยิน ท่านเชื่อใจแม่นางเหลียวจริงหรือ หากแผนที่นางวางไว้ไม่สำเร็จล่ะเจ้าคะ” “แม่นมจ้าว เรื่องนี้ข้าคิดหาทางออกไว้อยู่แล้ว ถ้าแผนของนางล้มเหลวข้าก็แค่ปลิดชีพนางทิ้งเสีย เท่านี้เรื่องทุกอย่างก็ไม่อาจสาวมาถึงข้าได้” “ฮูหยิน ท่านช่างฉลาดนัก” “เจ้าเพิ่งรู้หรือ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” นางหัวเราะร่าราวกับเป็นผู้คุมเกม ทั้งที่ตัวเองเป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น ตั้งแต่เปิดหอเหม่ยปี้มาร้านปักเย็บของเว่ยซูเหม่ยก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะลายปักที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ช่วยดึงดูดชนชั้นสูงเข้ามาเป็นลูกค้าได้ไม่ขาดสายจนทำให้นางมีรายได้มากพอที่จะเปิดร้านปักเย็บอีกแห่งแถวชานเมือง “ขออภัยที่ข้ามาช้า” “ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ คุณชาย ที่ร้านยุ่งพอดี” “ถึงอย่างไรข้าก็มาสายจนพลาดพาแม่นางไปหาทำเลเปิดร้านอีกแห่ง” “เรื่องเล็กน้อยเท่านี้เอง ไว้โอกาสหน้าค่อยไปก็ได้เจ้าค่ะ” “แล
สืออันหลงยอมปล่อยมือจากชายหนุ่มตรงหน้า หลังข่มอารมณ์โกรธของตัวเองไว้ได้แล้ว “คุณชายหยวน เจ็บตรงไหนหรือไม่” “ข้าไม่เป็นไร” “คุณชาย ท่านกลับไปก่อนเถิด” “แล้วข้าจะมาใหม่ ส่วนภาพวาดฝากแม่นางดูแลด้วยนะขอรับ” “ข้าจะเก็บรักษาอย่างดีเจ้าค่ะ” ได้ยินดังนั้นหยวนชางเจี้ยนจึงกลับไปแต่โดยดี ผิดกับเขาที่มองมาที่นางราวกับโกรธแค้นนางนักหนา “นี่สินะ คือเหตุผลที่เจ้าอยากหย่ากับข้าใจจนจะขาด” เขากัดฟันพูด ยามอยู่ด้วยกันตามลำพังในเรือนของนาง ในหูยังได้ยินน้ำเสียงอ่อนนุ่มเป็นห่วงเป็นใยบุรุษอื่นที่ไม่ใช่เขา “ข้าไม่ยักรู้ว่าท่านโหวผู้สูงส่งอย่างท่านจะรู้จักพาลด้วย ข้าจะบอกท่านให้ว่าเรื่องนี้หาได้เกี่ยวข้องกับคุณชายหยวน” “ไหนเจ้าบอกว่ารักข้า แล้วทำไมเจ้าถึงได้เปลี่ยนใจเร็วเช่นนี้” “ท่านเข้าใจผิดแล้ว ตอนนี้ข้าไม่ได้รู้สึกกับท่านเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว ที่จริงข้าต้องขอบคุณท่านโหวที่ทำให้สตรีโง่งมเช่นข้าตาสว่าง” “อย่าพูดเช่นนี้ให้ข้าได้ยินอีก!” “ทำไมหรือเจ้าคะ ท่านจะสั่งกักขังข้างั้นรึ”











