แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: ใบไม้
ตอนที่เก็บสร้อยประคำข้อมือขึ้นมา ฉันรู้สึกว่าพื้นผิวของลูกปประคำมันดูแปลกๆ

ฉันอาศัยแสงไฟสลัวๆ ลองมองดูดีๆ ถึงได้เห็นว่าบนลูกปัดแต่ละเม็ดมีตัวอักษรสลักอยู่

เหนียนเหนียน

ในวินาทีนั้นเอง หัวใจของฉันก็แตกสลายโดยสมบูรณ์

เช้าวันต่อมา ฉันพูดกับกู้ฉีหรานว่า “เรากลับไปบ้านตระกูลเจียงด้วยกันเถอะค่ะ”

สีหน้าของเขาแข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่ก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว แล้วพูดเรียบ ๆ ว่า “ก็ได้ งั้นเราไปถึงที่นั่นแล้วก็มอบของขวัญให้เสร็จ แล้วกลับกันเลยนะ”

ฉันรู้ว่าเขาไม่อยากให้ฉันไป เพราะกลัวว่าฉันจะไปรบกวนเจียงเหนียนเหนียน

แต่ฉันแค่อยากจะกลับไปที่บ้านตระกูลเจียงเพื่อเจอหน้าครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย

เพราะพรุ่งนี้ ฉันก็จะเตรียมตัวจากไปแล้ว

เมื่อมาถึงบ้านตระกูลเจียง แขกเหรื่อเต็มบ้านกำลังเฉลิมฉลองให้กับข่าวมงคลสองชั้นของเจียงเหนียนเหนียน ทั้งเรื่องการตั้งครรภ์และเรื่องที่เธอได้เข้าร่วมงานแสดงภาพวาดนานาชาติ

ท่ามกลางฝูงชน เจียงเหนียนเหนียนถูกห้อมล้อมราวกับเป็นดาวเด่น ทุกคนต่างชื่นชมเธอ บอกว่าภาพวาดที่เธอส่งเข้าประกวดจะต้องได้รับรางวัลใหญ่อย่างแน่นอน

แถมยังพูดถึงว่าภาพวาดนั้นยังได้รับลายเซ็นจารึกจากนักเขียนพู่กันชื่อ “เนี่ยนเหนียน” ซึ่งเป็นการผสมผสานที่ลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นงานศิลปะที่หาใดเปรียบ

เมื่อเห็นฉันเดินเข้ามา สีหน้าของเจียงเหนียนเหนียนก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

มุมปากของเธอยังคงมีรอยยิ้มที่ดูดี แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “พี่สาวก็มาด้วยเหรอคะ? ช่วงนี้ว่างขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ฉันไม่สนใจคำยั่วยุของเธอ แต่สายตากลับจับจ้องไปที่ภาพวาดซึ่งถูกจัดแสดงอยู่

มันเป็นผลงานที่ฉันคุ้นเคยจนรู้สึกเจ็บปวด

เป็นภาพที่ฉันวาดเสร็จเมื่อหลายปีก่อนและเก็บสะสมไว้อย่างดี ไม่เคยนำออกมาแสดงที่ไหน

ภาพของฉัน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ภาพนี้กลายเป็น “ผลงานเข้าประกวด” ของเธอไปได้อย่างไรกัน?

เจียงเหนียนเหนียนมองฉันด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม ทันใดนั้นเธอก็ขยับเข้ามาใกล้ น้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความท้าทาย

“พี่สาวชอบภาพนี้มากขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

ฉันมองเธออย่างเย็นชา กำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็ได้ยินเสียงเธอกรีดร้องขึ้นมาว่า

“อย่านะ...”

ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของเธอก็เอนไปข้างหลัง เซไปเล็กน้อย มือข้างหนึ่งกุมท้องไว้ พร้อมกับสีหน้าที่แสดงความเจ็บปวด

ผู้คนรอบข้างต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้น?!”

“เจียงเหนียนเหนียนกำลังท้องอยู่ ไปชนเธอได้ยังไง!”

“เร็วเข้า ตามหมอที!”

ท่ามกลางความโกลาหล ฉันได้ยินเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความกังวลว่า “เหนียนเหนียน!”

คนอื่นอาจจะจำไม่ได้ แต่ฉันจำได้ในทันที

นั่นคือเสียงของกู้ฉีหราน

แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารของเขาแทบจะปิดไม่มิด มันทำลายความหวังสุดท้ายที่ฉันมีจนหมดสิ้น

เมื่อเห็นว่าฉันสังเกตเห็นเขา กู้ฉีหรานก็รีบกลับมาทำตัวสงบนิ่ง

เขาหันมามองฉัน น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ก็แฝงไปด้วยการตำหนิ “ไม่ว่าจะยังไง ตอนนี้เหนียนเหนียนก็กำลังตั้งท้อง คุณไม่ควรผลักเธอ”

ในตอนนั้นเอง ก็มีข่าวเข้ามาว่าภาพวาดนั้นได้เข้ารอบสุดท้าย และมีโอกาสสูงที่จะได้รับรางวัลชนะเลิศ

บนใบหน้าของเขาปรากฏความยินดีที่ปิดไม่มิด ซึ่งเป็นสีหน้าที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดห้าปีที่ผ่านมา

ฉันถามเขาเบา ๆ “ภาพวาดของเจียงเหนียนเหนียน ทำไมถึงเหมือนกับของฉันเลยล่ะคะ?”

เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วพูดว่า “อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้มั้ง บางทีสไตล์การวาดของเธออาจจะคล้ายกับของคุณ...”

ฉันหัวเราะเยาะออกมา แล้วไม่พูดอะไรต่อ

ภาพนั้นเป็นผลงานที่ฉันเก็บไว้ในแกลเลอรีส่วนตัวของฉัน กุญแจมีอยู่กับคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นคือลายเซ็นที่จารึกอยู่บนภาพ

ถึงแม้จะใช้นามแฝง แต่ลายมือกลับเหมือนลายมือของกู้ฉีหรานตอนที่เขาคัดลอกพระสูตรนับหมื่นจบไม่มีผิดเพี้ยน

ภาพนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ใครเป็นคนทำ เรื่องนี้มันชัดเจนในตัวอยู่แล้ว

ภาพวาดนี้ เดิมทีฉันตั้งใจจะมอบให้เขาเป็นของขวัญครบรอบแต่งงานห้าปีของเรา

แต่พอมาคิดดูตอนนี้ แม้แต่การแต่งงานของเราเองก็เป็นของปลอม ภาพวาดนี้จึงไร้ความหมายไปด้วย

ฉันยิ้มออกมา น้ำเสียงราบเรียบจนยากจะคาดเดาอารมณ์ได้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ามพันธนาการรัก สู่ชีวิติใหม่   บทที่ 10

    ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยการอ้อนวอนและความต่ำต้อย ราวกับว่าขอเพียงได้อยู่ข้างกายฉัน เขาก็พร้อมจะยอมทุกอย่างในตอนนั้นเอง โจวหยางก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงสงบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความเฉียบคม “คุณกู้ครับ ถึงแม้ผมจะไม่ทราบเรื่องราวระหว่างพวกคุณ แต่ผมคิดว่า การที่จะอยู่ข้างกายคุณหรือไม่นั้น ก็คงต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของเธอ คุณเอาแต่พูดถึงความรู้สึกของตัวเอง แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่า จริง ๆ แล้วเธอต้องการอะไรกันแน่?”กู้ฉีหรานชะงักไป อ้าปากค้าง แต่กลับพูดอะไรไม่ออกฉันมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งแต่เด็ดเดี่ยว “กู้ฉีหราน ไม่ว่าจะอย่างไร ห้าปีนั้นมันก็ผ่านไปแล้ว ต่อให้ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็คิดว่า...คุณไม่ใช่ทางเลือกของฉันอีกต่อไปแล้ว”สีเลือดบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ จางหายไป แต่ฉันยังคงพูดต่อ “อย่าบีบให้ฉันต้องมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตของเราเป็นความผิดพลาดเลย หรือว่าคุณอยากให้ฉันตายไปจริง ๆ ถึงจะยอมปล่อยฉันไปอย่างสมบูรณ์?”“อย่า!” เขาพูดขัดฉันขึ้นมาทันที ในแววตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง น้ำเสียงเจือไปด้วยการวิงวอน“เสี่ยวจิ่น ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริง ๆ ขอแค่คุณอยู่ดีมีสุข อย่าจากผมไป

  • ข้ามพันธนาการรัก สู่ชีวิติใหม่   บทที่ 9

    แต่กู้ฉีหรานกลับไม่สนใจคำพูดของเจียงเหนียนเหนียนเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ฉันไม่ละไปไหนน้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยการอ้อนวอน “เสี่ยวจิ่น ฟังผมนะ ผมเสียใจจริง ๆ ผมผิดเองที่ไม่เคยเห็นค่าคุณ ขอร้องล่ะ ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม”“โอกาสเหรอ?” ฉันหัวเราะเยาะ สายตาเย็นชา “กู้ฉีหราน ตอนนี้คุณยังคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์มาพูดคำนี้กับฉันอีกเหรอ?”“ผมรู้ว่าผมผิด ผมไม่ควรละเลยคุณ ไม่ควรเชื่อคำพูดของคนอื่น ความผิดทั้งหมดเป็นของผมเอง ผมยินดีที่จะแก้ไข ขอร้องล่ะ ยกโทษให้ผมเถอะนะ...”น้ำเสียงของเขาค่อย ๆ แผ่วลง จนแทบจะเป็นการขอร้อง “ขอแค่คุณยอม ผมยอมทำทุกอย่าง”เมื่อเจียงเหนียนเหนียนเห็นดังนั้นก็ร้อนรนจนหน้าถอดสี เธอสะกดกลั้นความโกรธแล้วพูดแทรกขึ้น “อาหรานคะ พี่เคยบอกว่าพี่รักฉันคนเดียว พี่...”“หุบปาก!” กู้ฉีหรานพูดขัดเธอขึ้นมาอย่างเย็นชา ในแววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันพูดกับเธอชัดเจนไปนานแล้ว ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอีกต่อไป”เจียงเหนียนเหนียนราวกับถูกตบหน้าอย่างแรง สีหน้าซีดเผือดในทันที เธอตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้ “อาหรานคะ พี่จะทำกับฉันแบบนี้ไม่ไ

  • ข้ามพันธนาการรัก สู่ชีวิติใหม่   บทที่ 8

    ยังไม่ทันสิ้นเสียง เธอก็พุ่งเข้ามาทันทีฉันใช้สัญชาตญาณปกป้องเด็ก ๆ ที่อยู่ข้างหลัง ทำให้หลบไม่ทัน ถูกมือของเธอคว้าเสื้อไว้แน่น เล็บของเธอข่วนแขนฉันจนเป็นรอยเลือดหลายรอย“หยุดนะ!” ฉันตวาด แต่เธอกลับเหมือนคนบ้า อารมณ์สูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง และผลักฉันล้มลงกับพื้นอย่างแรงพวกเด็ก ๆ กรีดร้องด้วยความตกใจโจวจวิ้นน้ำตาคลอเบ้า แต่ก็ยังแอบวิ่งเข้ามาใช้กำปั้นเล็ก ๆ ต่อยเธอไปหนึ่งที “อย่ามาตีคุณครูนะ!”เจียงเหนียนเหนียนชะงักไปเมื่อถูกต่อย จากนั้นก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ไอ้เด็กเวร แม้แต่แกก็กล้าแตะต้องฉันเหรอ?”เธอเงื้อมือขึ้นจะตบโจวจวิ้น ฉันรีบลุกขึ้นพุ่งเข้าไปปกป้องเขาไว้ และรับฝ่ามือนั้นแทนเขาอย่างจังความเจ็บปวดแสบร้อนแล่นไปทั่วหัวไหล่ แต่ฉันก็ยังคงปกป้องเด็ก ๆ ไว้แน่น พร้อมกับตะคอกเสียงดัง “พอได้แล้ว! เจียงเหนียนเหนียน ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้อีก ก็รอให้กฎหมายมาจัดการเธอเถอะ!”เธอหัวเราะเยาะ ในแววตาเต็มไปด้วยการดูถูก “เจียงจิ่น เธอหนีได้ชั่วคราว แต่หนีไม่ได้ตลอดไปหรอก! วันนี้แหละฉันจะทำให้เธอต้องชดใช้!”ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากหน้าประตูโจวหยางพุ่งเข้ามาเขาไม่

  • ข้ามพันธนาการรัก สู่ชีวิติใหม่   บทที่ 7

    ”ลองดูเถอะครับ ภาพวาดของคุณมีค่าพอที่จะให้คนอื่นได้เห็นมากกว่านี้”คืนนั้น ฉันหยิบพู่กันที่ไม่ได้จับมานานออกมาบนผ้าใบ ท้องทะเลค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ บนท้องฟ้าเป็นแสงแรกของยามรุ่งอรุณ ผิวน้ำระยิบระยับสะท้อนเงาของฉันเมื่อฉันตวัดพู่กันเป็นครั้งสุดท้าย ฉันก็พลันเข้าใจในทันทีว่า ภาพวาดนี้ไม่ได้วาดเพื่อเขา ไม่ได้วาดเพื่อใคร แต่เพื่อตัวฉันเองในวันแสดงภาพวาด ผลงานของฉันได้รับการยอมรับอย่างสูงจากคณะกรรมการพรสวรรค์ที่ถูกทอดทิ้งมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้ปรากฏสู่สายตาชาวโลกอีกครั้งฉันคิดว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่กลับไม่คาดคิดว่า “การกลับมา” ครั้งนี้จะทำลายชีวิตอันสงบสุขของฉันลงโดยสิ้นเชิงวันหนึ่งขณะที่กำลังสอน ฉันกำลังอธิบายเรื่องการจับคู่สีให้กับเด็ก ๆภายในสตูดิโอ แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา เด็ก ๆ กำลังระบายสีกันอย่างเงียบเชียบ บรรยากาศทั้งหมดเต็มไปด้วยความสงบสุขที่ห่างหายไปนานทันใดนั้น ประตูสตูดิโอก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง และมีคนหนึ่งพุ่งเข้ามา“เจียงจิ่น!”ฉันเงยหน้าขึ้น และตกตะลึงในทันทีคนที่พุ่งเข้ามาคือเจียงเหนียนเหนียน เธออุ้มท้องโต ใบหน้าซ

  • ข้ามพันธนาการรัก สู่ชีวิติใหม่   บทที่ 6

    เขาเริ่มหวนรำลึกถึงความหลัง แต่ฉันกลับค่อย ๆ เดินจากไปไกล“คุณครูครับ คุณครูกำลังดูอะไรอยู่เหรอครับ?” โจวจวิ้น เด็กชายตัวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วยความสงสัยฉันรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์ แล้วพูดเสียงเบา “ไม่มีอะไรจ้ะ ภาพวาดลายเส้นของเธอยังไม่เสร็จเลยนะ รีบไปวาดต่อเถอะ”“คุณครูครับ” เขาเอียงคอถามฉัน “คุณครูไม่สบายใจหรือเปล่าครับ?”ฉันชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ เธอคิดมากไปแล้ว”โจวจวิ้นวิ่งจากไป ฉันจ้องหน้าจอโทรศัพท์ในมืออย่างเหม่อลอยใช่ ฉันไม่สบายใจแต่ไม่ใช่เพราะคนเหล่านั้น แต่เป็นเพราะข่าวพวกนี้ดึงฉันกลับไปสู่อดีตที่เต็มไปด้วยคำโกหกและการทรยศหักหลังวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังสอนเด็ก ๆ อยู่ในสตูดิโอ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาเขายืนอยู่ที่ประตู ในมือถือช่อดอกไม้ขนาดใหญ่“สวัสดีครับ ผมเป็นอาของโจวจวิ้น ผมชื่อโจวหยางครับ”“นี่สำหรับคุณครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวัง “จวิ้นจวิ้นชอบเรียนกับคุณครูมาก นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากผมครับ”ฉันเหลือบมองดอกไม้เหล่านั้น พยักหน้า แต่ไม่ได้รับมา แล้วพูดเรียบ ๆ ว่า “ฉันไม่รับของขวัญค่ะ”เขาชะงักไปเล็กน้

  • ข้ามพันธนาการรัก สู่ชีวิติใหม่   บทที่ 5

    ไม่มีใครรู้ว่าฉันซ่อนตัวอยู่ที่ไหน และก็ไม่มีใครรู้ว่า จริง ๆ แล้วฉันเตรียมใจที่จะอยู่คนเดียวไปจนแก่เฒ่าแล้วตอนที่ย้ายมาเมืองนี้แรก ๆ ฉันปฏิเสธที่จะพูดคุยกับใครไม่ว่าจะซื้อของ จ่ายค่าเช่าบ้าน หรือแม้แต่จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ฉันจะพยายามใช้คำพูดที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ผู้คนคิดว่าฉันเป็นคนเย็นชาและแปลกประหลาด นานวันเข้าก็เลยไม่มีใครสนใจฉันอีกซึ่งก็ตรงกับความต้องการของฉันพอดีฉันใช้เงินเก็บเปิดสตูดิโอสอนวาดภาพเล็ก ๆ ที่สอนเฉพาะเด็ก ๆครั้งหนึ่งฉันเคยคิดว่าพรสวรรค์ของฉันมีไว้เพื่อยืนอยู่ใต้แสงสปอตไลท์ในงานแสดงภาพวาด มีไว้เพื่อรับเสียงปรบมือและคำชื่นชมจากผู้คนนับไม่ถ้วนแต่ตอนนี้ ฉันแค่อยากจะวาดเส้นสายง่าย ๆ อย่างเงียบ ๆ และสอนเด็กไร้เดียงสาสักสองสามคนหนึ่งเดือนต่อมา คนจากบริษัทบริการแกล้งตายโทรมาบอกฉันว่า “ช่วงนี้กู้ฉีหรานกำลังตามหาคุณอยู่ครับ”“ตามหาฉันเหรอ?” ฉันหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา “ฉันตายไปแล้ว เขาจะมาตามหาฉันทำไม?”“เขาไปที่แกลเลอรีของคุณ แล้วก็พยายามติดต่อเพื่อนเก่า ๆ ของคุณด้วยครับ” พนักงานกล่าว “แต่วางใจได้เลย มาตรการป้องกันของเราแน่นหนามาก เขาไม่มีทางหาอะไรเจอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status