พยาบาลสาวที่เก่งรอบด้านตายและข้ามภพไปเป็นคุณหนูไม่เอาไหนของตระกูลพ่อค้า คู่หมั้นของคุณชายหมอที่ผู้หญิงหลายคนหมายปอง จากคนไม่เอาไหนสู่ผู้หญิงแกร่งจนทำให้หมอหน้านิ่งคลั่งรักเธอ "เรียกพี่เว่ยสิเหม่ยหลิน"
View More“ลู่เหม่ยหลิน” กับชีวิตพยาบาลสาวที่แสนวุ่นวายในโรงพยาบาลใหญ่ ปีนี้เธออายุยี่สิบหกปีแล้ว สี่ปีกับอาชีพพยาบาลที่เธอพยายามร่ำเรียนจนสำเร็จ
จากเด็กกำพร้าพ่อแม่ที่เติบโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเล็ก ๆ ในกวางโจว มาตอนนี้เธอสามารถทำงานและมีรายได้เพื่อไปช่วยเหลือน้อง ๆ ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอี้หม่าเถินได้แล้ว
“มาเด็ก ๆ มากินขนมเร็ว ๆ เข้าวันนี้พี่ได้ขนมมาเยอะแยะเลย ไม่ต้องแย่งกันได้ทุกคน”
“พี่ใหญ่วันนี้มีคัพเค้กด้วยเหรอ”
“ใช่แล้วเป็นของโรงแรมชื่อดังเลยนะ พี่แวะไปช่วยงานเพื่อเขาเลยให้มา กินเยอะ ๆนะ”
“ลู่เหม่ยหลิน” ทำงานทุกอย่างที่จะสร้างรายได้ให้กับเธอได้ อีกทั้งเธอยังช่วยครูพี่เลี้ยงดูแลเด็กและช่วยทำบัญชีให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาตั้งแต่จบมัธยมปลาย
หลังจากเห็นน้องที่พึ่งเข้ามาใหม่ตายเพราะความหนาวเธอก็ปฏิญาณตนว่าจะเรียนพยาบาลเพื่อจะได้ดูแลทุกคนในสถานรับเลี้ยงเด็กนี้ได้เพื่อจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลง
“อาหลินกลับมาแล้วเหรอ”
“ครูซ่ง กลับมาแล้วค่ะวันนี้แวะไปที่โรงแรมไปช่วยเชฟทำอาหารมาดูสิคะ เชฟให้ขนมเด็ก ๆ มาเพียบเลยค่ะ”
“ดีจริง ๆ เก็บเอาไว้บ้างนะเธอผอมเกินไปแล้ว งานที่โรงพยาบาลก็ยุ่งมากอยู่แล้ววันหยุดยังจะไปทำงานเพิ่มอีก”
“ซ่งอี้เจิน” ครูที่ดูแลเด็ก ๆ ในสถานรับเลี้ยงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงแม้ว่าตอนนี้เธอจะอายุย่างเข้าเลขหกแล้วก็ตาม แต่ภาระที่ยังต้องดูแลเด็ก ๆ ทำให้เธอยังแข็งแรงดี
อีกทั้งได้ยาสมุนไพรที่เหม่ยหลินคอยหามาให้ เธอเป็นพยาบาลและเคยทำงานที่ร้านขายยาจีนดังนั้นสูตรยาตำรับจีนโบราณเธอก็มักจะเรียนกับเถ้าแก่ที่ยินดีสอนเธออีกด้วย
“กลับเข้าไปกันก่อนเถอะค่ะ”
ช่วงนี้กวางโจว เป็นช่วงฤดูร้อน อากาศที่อบอ้าวทำให้ลู่เหม่ยหลินที่พักผ่อนน้อยอีกทั้งยังโหมงานหนักเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย ที่จริงเธอมีอาการแบบนี้มาสักพักแล้วแต่ครั้งนี้เธอกลับล้มทั้งยืน ภาพสุดท้ายที่เห็นคือสีหน้าตกใจของครูซ่งและเสียงของเด็ก ๆ ……
บ้านตระกูลลู่
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู”
ลู่เหม่ยหลินรู้สึกหนักไปทั้งตัวแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายเจ็บปวดแต่อย่างได้เมื่อค่อย ๆ กะพริบตาตื่นขึ้นพร้อมกับเพดานที่มีโคมไฟแชนเดอเรียคริสตัลเล็ก ๆ แขวนอยู่ เตียงที่นิ่ม กลิ่นหอม ๆ จากน้ำหอมซึ่งน่าจะมีราคาแพงและสาวน้อยอีกคนที่พยายามปลุกเธอ
“เฮือก!!”
“ว้าย! คุณหนูเป็นอะไรไปคะ”
เธอหันมามองหน้าสาวใช้ที่นั่งสั่นด้วยความกลัวเพราะคิดว่าเมื่อครู่นี้เธอคงเผลอทำเสียงดังคุณหนูจึงจะเอาเรื่อง
“เธอ…”
“คะ คุณหนูคุณนายให้ ให้ฉันมาปลุกคุณหนูค่ะ วะ วันนี้ต้องไปกินข้าวกับบ้านตระกูลฉินค่ะ”
“อะไรนะ คุณหนู คุณนายใหญ่ ใครกัน”
“คุณหนูคะ”
เมื่อเธอหันไปและมองหน้าสาวใช้ให้ชัด ๆ ก็พบว่าไม่คุ้นกับใบหน้านี้เลยสักนิดอีกทั้งชุดที่เธอสวมและห้องที่เธอนอนล้วนไม่ใช่ที่ที่คุ้นเคยก่อนที่จะแตะไปตามใบหน้าและหันไปมองรอบ ๆ
“ฉันเป็นอะไรไป”
“คือว่า คือ…”
เธอรู้สึกรำคาญเด็กสาวคนนี้เล็กน้อยที่เวลาเธอถามก็เอาแต่พูดติดอ่างจนฟังไม่รู้เรื่อง ลู่เหม่ยหลินรีบเดินไปที่หน้ากระจกและเมื่อส่องเข้าไปก็ถึงกับตกใจก่อนจะกรีดร้องออกมา
“กรี๊ด!!!!”
“คุณหนูคะ เป็นอะไรไป”
"ฉะ ฉะ ฉะ….ฉัน… นั่นฉันเหรอ…"
“ลู่เหม่ยหลินอายุยี่สิบสี่ปี วันนี้เป็นวันที่ฉันจะไปพบพี่เฉินหรือคุณชายรองเฉิน คุณหมอและว่าที่คู่หมั้นที่ฉันรักมากที่สุด....”
“อะไรน่ะ เสียงนั่น!!”
“คะ?”
สาวใช้แม้ว่าจะคุ้นเคยกับเสียงกรีดร้องของคุณหนูดีแต่ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะต้องโดนอะไรโยนใส่เธอจึงได้แต่นั่งนิ่ง ๆ และห่อตัว
“ลู่เหม่ยหลิน อายุเท่าไหร่นะ ยี่สิบสี่เองเหรอมิน่าล่ะ หรือว่านี่ฉัน… ตายแล้วเหรอ”
เหม่ยหลินนั่งโง่นิ่ง ๆ อยู่หน้ากระจกและทบทวนบางอย่างเงียบ ๆ ไม่นานประตูก็เปิดออกมา ผู้หญิงสูงวัยในชุดกี่เพ้าสีน้ำเงินและมีเสื้อคลุมขนสัตว์ที่หรูหราเดินเข้ามาหาเธอ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงนี้ฉุนกว่าที่เธอได้กลิ่นในห้องนี้ อีกทั้งเครื่องประดับบนตัวของผู้หญิงคนนี้น่าจะมากกว่าเงินเดือนพยาบาลของเธอถึงสามเดือนรวมกันเสียอีก
“อาหลินเป็นอะไรไปลูกจวนจะได้เวลาไปกินข้าวกับที่บ้านตระกูลเฉินแล้วนะทำไมไม่รีบไปอาบน้ำแต่งตัวอีก ลูกนอนไปวันครึ่งเลยนะ แม่ตกใจหมดเลยคิดว่าเป็นอะไรไปเสียแล้ว”
“ลูก?… แม่?”
“อาหลิน แน่ใจนะว่าลูกไม่ได้ป่วย มาป่วยวันสำคัญแบบนี้ไม่ได้นะลูก”
“เอ่อ ค่ะ อาบค่ะ อาบน้ำ เธอน่ะช่วยพาไปทีสิ”
ลู่เหม่ยหลินอยากจะทบทวนอะไรอีกสักหน่อยจึงรีบปลีกตัวเข้าไปในห้องน้ำ สาวใช้คนเดิมนำเธอมาที่ห้องอาบน้ำและค่อย ๆ มาถอดชุดเธอจึงรีบถอยออกไปทันที
“จะทำอะไรน่ะ”
“คะ คุณหนู กะ ก็… ถอดเสื้อผ้าออก อาบน้ำไงละคะ”
“อาบน้ำ ในนี้เหรอ อ่างนี้”
“ค่ะ คุณหนูบอกว่าชอบแช่อ่างมากกว่านี่คะคุณนายก็เลย…”
“ได้ ๆ เธอ เอ่อ.. ชื่ออะไรนะ”
“คุณหนูจำอาหงไม่ได้เหรอคะ”
“อ้ออาหงสงสัยฉันจะนอนน้อยไปหน่อย เดี๋ยวฉันจัดการเองนะเธอ ออกไปก่อน”
“แต่ว่า… คุณนายบอกให้ฉันขัดตัวให้คุณหนูวันนี้เป็นวันสำคัญดังนั้น…”
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ ผู้หญิงด้วยกันไม่เห็นต้องอายเลย”
ตอนนี้เหม่ยหลินต้องพยายามทำความเข้าใจกับโลกใหม่ที่จู่ ๆ เธอต้องมาอยู่นี้ให้ได้โดยที่คนที่นี่ไม่สงสัย ด้วยความที่ชาติก่อนเธอเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายและเข้าได้กับทุกคนจนทำให้เธอสามารถคุยกับคนอื่นอย่างเปิดใจได้ง่าย นี่เป็นข้อดีที่อยู่กับเด็ก ๆ เธอจึงถามเรื่องของเจ้าของร่างเดิมกับสาวใช้อย่างอาหงที่เริ่มกลัวเธอน้อยลง
“นี่อาหง ช่วยเล่าเรื่องของฉันให้ฟังหน่อยได้ไหม คือว่าฉันเหมือนจะหลับลึกจน…สมองค่อนข้างเบลอกลัวว่าจะขายหน้าตระกูล…เอ่อ ตระกูล...”
“ตระกูลเฉินค่ะ”
สาวใช้นั่งขัดตัวให้เธอพร้อมกับเล่าเรื่องของลู่เหม่ยหลินให้ฟังซึ่งเธอเป็นลูกคนที่สองของพ่อค้าที่ร่ำรวยในกวางโจว ส่วนคุณแม่ของเธอเป็นลูกสาวอดีตนายพล หากไม่นับว่าพ่อของเธอยังมีอนุอีกคนและมีลูกสาวที่อายุน้อยกว่าเธอสองปี เรื่องนี้ทำให้เหม่ยหลินเกลียดเพราะเธอกลายเป็นน้องคนที่สองซึ่งไม่ใช่น้องคนสุดท้อง ดังนั้นเธอจึงโกรธและเกลียดอนุของพ่อเธอมากและยังเอาแต่ใจตัวเองจนเคยตัว
(เฮ้อ เกิดมารวยทั้งทีทำไมทำนิสัยเธอถึงได้แย่แบบนี้นะ)
แต่ดูเหมือนว่าสาวใช้จะไม่ได้สงสัยกับพฤติกรรมนี้เหมือนกับว่าเดิมทีเหม่ยหลินก็ชอบถามเพื่อให้ทุกคนชมเธออยู่แล้ว เพราะเธอต้องการแต่งงานกับคุณหมอเฉินซึ่งเป็นคุณชายรองของนายพลเฉิน
เขาหล่อและดูดีที่สุดในบรรดาหนุ่ม ๆ ชนชั้นสังคมในยุคนี้ เธอย้อนมาอยู่ในยุคราว ๆ ปีหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบซึ่งเป็นยุคที่สังคมจีนกำลังเปลี่ยนแปลงการปกครองและยังแบ่งชนชั้นอยู่ แต่ก็นับว่าไม่ได้ลำบากเหมือนยุคก่อน ๆ อีกทั้งที่นี่ก็มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้กันแล้ว
(นอกจากจะนิสัยเสียแล้วยังหลงตัวเองไปอีก มั่นหน้าขนาดนี้ ลำบากแล้วสิชีวิตนี้)
วีรกรรมที่สาวใช้เล่าให้เธอฟังแต่ละอย่างทำเอาลู่เหม่ยหลินไม่กล้าเดินออกไปข้างนอกเพราะความโอหังและอวดดีทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่มีความรู้ เรียนก็แค่ให้พอผ่านอีกทั้งยังใช้เส้นสายมากมายจาพ่อที่ร่ำรวยซื้อเอกสารจบการศึกษาให้ นั่นก็มากพอที่ตระกูลเฉินไม่อยากรับเธอเป็นสะใภ้ โดยเฉพาะคุณย่าของคุณชายรองเฉิน
“ลำบากแล้วสิ อุตส่าห์มาอย่างสวย ๆ พ่วงความรวยแต่ดันซวยเป็นทั้งคนโง่อวดฉลาดและยังหลงตัวเอง ฉันจะอยู่อย่างไรในสังคมแบบนี้ โอ๊ยย…แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว”
อ่างน้ำในห้องน้ำแทบจะไม่เหลือน้ำให้อาบเมื่อหยวนลี่พาจิ่งเหยาเข้ามาพร้อมกับจับเธอกระแทกในอ่าง สงครามบนเตียงของทั้งคู่ถือว่าดุเดือดมากเพราะแต่ละคนอายุยังน้อย“อ๊าา ดูดแรงขึ้นอีก แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา พี่ลี่!!”เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าก็พาเธอมาวางบนเตียงและยกขาเธอกางออก ลิ้นของเขาเริ่มสำรวจอีกครั้งว่าเธอยังสามารถรองรับเข้าได้อีกหรือไม่ แต่ท่าทางบิดเร่ายั่วยวนของคนตรงหน้าเขาคงไม่ต้องถามเมื่อเธอเป็นฝ่ายบุกมาเองอีกครั้ง“คุณจะใส่มาเลยหรือจะให้ฉันจัดการเองคะ”“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คุณจะไม่ให้ผมได้สำรวจสักหน่อยเหรอ”“เสียเวลาค่ะ มาเถอะไหน ๆ ก็ล้างตัวแล้วนี่”“ที่รัก คุณนี่มันเร่าร้อนถูกใจผมจริง ๆ”“อ๊าา อื้อ ลึกดีจังเลย เสียวมาก อ๊าาา”หยวนลี่แทบจะยืนค้ำเธอเมื่อค่อย ๆ สอดใส่จนสุดและขย่มเธอจากด้านบน พวงสวรรค์ของเขาสั่นจนบั้นท้ายเธอรู้สึกถึงแรงกระทบกันถี่ ๆ แต่เธอไม่ยอมให้เขาหยุดก่อนที่จะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขย่มเขาเอง“อ๊าา ที่รัก ท่าร่อนเอวของคุณนี่มัน… ชวนให้ผมแตกไวกว่าเดิม อ๊าาา”มือเรียวเอื้อมมาบดขยี้ตุ่มใตจากแผงอกกว้าง หยวนลี่ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเสียวจากหัวนมที่ถูกเธอบีบ เขารู้แล้วว่าตรงส่วน
จิ่งเหยามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเวลาในวันหยุดของเธอหมดไปกับการช่วยดูแลร้านขายผ้าให้กับเหม่ยหลินซึ่งตอนนี้เธอเรียกว่าพี่สะใภ้รอง และอีกสองเดือนเธอกับเฉินหยวนลี่เองก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้วเช่นกัน“ต้องการแบบไหนแจ้งได้เลยนะคะ ที่นี่มีผ้าหลายอย่างให้เลือกค่ะ”“ครับคนสวย ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย ผมอยากได้ผ้าไหมแบบหรูหราไปตัดชุดให้คุณแม่”แม้ว่าจะเคยได้รับคำพูดแบบนี้มาบ่อยครั้งแต่จิ่งเหยาก็ยังยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะค่อย ๆ ช่วยเขาเลือก แต่ลูกค้าคนนี้มาที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วและเริ่มจะพูดจาลามปามเธอไม่หยุด“แล้วถ้าหากว่าผมไม่รู้จักร้านตัดเสื้อ ผมให้คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับ”“เอ่อ…”“ร้านตัดเสื้อภรรยาผมอาจจะแนะนำไม่ได้ แต่ถ้าอยากถูกตัดหัวน่ะผมพอจะแนะนำให้คุณได้”เสียงของเฉินหยวนลี่ที่มาพร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีกสองนายด้วยชุดพลโทเต็มยศทำให้อีกฝ่ายรีบถอยออกไปทันที พร้อมกับหันมาบอกจิ่งเหยาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีสามีแล้วและยังเป็นนายทหารชั้นสูงระดับพลโทอีกด้วย“คะ คือว่าเอาไว้ผมค่อยพาคุณแม่มาเลือกวันหลังนะครับ”“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”ชายคนนั้นรีบเดินออกจ
ไม่ผิดไปจากที่เหม่ยหลินคาดการณ์เอาไว้ แต่ในวันนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ารอให้ต้าเว่ยผิดนัดเสียก่อนเธอก็จะประกาศถอนหมั้นอย่างไร้ความผิดได้ แต่เขากลับมาทันเวลา“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”“วันนั้นเธอไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลและรู้ข่าวว่าผมจะหมั้นในวันนั้นจากเจ้าสาม เธอจึงได้ดักรอพบผมและเริ่มฟูมฟายจนทำให้ผมเกือบมาไม่ทัน”“คุณทำยังไงถึงจะสลัดเธอหลุดได้คะ”“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ต่อให้เธอฟูมฟายร้องไห้จนเป็นลมในเวลานั้นผมก็ไม่มีเวลาสนใจเธอแล้ว ก็เลยสั่งให้พยาบาลจูพาเธอกลับไปที่ห้องพักของพ่อเธอและรีบออกมาทันที จำได้ว่าวันนั้นน้องสามเหยียบคันเร่งและขับรถเร็วมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจนไปถึงที่งานทันเวลา”“ฉันในตอนนั้นสำหรับคุณคงไม่ใช่คนที่คุณชอบสินะคะ”“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้น ผมยอมรับว่าออกจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำไป แต่วันที่บ้านของพวกเรานัดทานข้าวกันและคุณเดินชนผม คุณในวันนั้นเหมือนจะกระตุกหัวใจผมไปได้นิดหน่อยอีกอย่างในงานหมั้นวันนั้น…”“ทำไมคะ”“เมื่อผมเข้าไปและเห็นคุณนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในบ้าน แค่เห็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาของคุณ ผมก็คิดว่าคุณแทบจะอยากประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอ
“แต่ว่า… จะดีเหรอคะ”“ผมถามคุณหมอกงมาอย่างละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ที่เอาแต่เลี้ยงลูกรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือรู้สึกเศร้า เป็นหน้าที่สามีอย่างผมที่จะคอยปรนนิบัติไม่ให้คุณรู้สึกน้อยใจ”“ทำไมฉันฟังแล้วมันเหมือนข้ออ้างเจ้าเล่ห์ของหมาป่าที่กำลังจะหลอกกินกวางอีกแล้วล่ะ”“ก็ไม่ต่างกัน คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแต่วันนี้ให้ผมทำเถอะนะ มันรอไม่ไหวแล้ว”เขาจับมือเธอมาที่กางเกงชุดนอนบางเบาที่เริ่มแข็งตึงจนตุงออกมา เพียงแค่เหม่ยหลินสัมผัสอารมณ์ของเขาก็กระเจิงจนรออีกไม่ไหว ชุดนอนของภรรยาถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่โตมากกว่าเวลาปกติยิ่งทำให้ต้าเว่ยรู้สึกคอแห้งผากและกระหายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อ๊าา ต้าเว่ย…เสียว อย่าพึ่งเร่งเดี๋ยวนมจะ…อ๊าาา”น้ำนมสีขาวค่อย ๆ ไหลออกมาตามทางเพราะถูกกระตุ้น ต้าเว่ยดูดกลืนจนหมดด้วยความหลงใหล ร่างของเหม่ยหลินบิดไปมาเพราะความเสียว พ่อกับลูกเวลาดูดนมให้ความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาที่ลูกดูดนมของเธอคนละข้าง“อ๊าา ต้าเว่ยฉันต้องการคุณ”“ผมจะค่อย ๆ สำรวจไปทีละจุด ตรงนี้ตรวจไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ๆ จากนี้ก็ตรงนี้”เขาค่อย ๆ เลือนลงมาที่หน้าท้อ
รถเข็นในโรงพยาบาลถูกเข็นเข้าห้องคลอดในตอนเช้ามืดปลายฤดูใบไม้ผลิ “อาหลิน อดทนไว้นะ”“ต้าเว่ย โอ๊ย!!”เมื่อรถเข็นถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด ต้าเว่ยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการทำคลอดของหมอกงแต่เพราะเขาไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเหม่ยหลินมีอาการไม่อยากอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนและกลางดึกก็นอนกระสับกระส่ายจนใกล้จะเช้าเธอจึงเริ่มปวดท้อง เขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที“พี่ต้าเว่ย! พี่เหม่ยหลินเป็นยังไงบ้างคะ”“อาเหยา อาลี่ มากันแล้วเหรอ”“พอคุณป้าโทรบอกฉันก็รีบปลุกพี่ลี่ลุกขึ้นมาและตรงมาที่นี่เลย เข้าไปนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาเลย”“ใจเย็น ๆ นะพี่รอง พี่สะใภ้รองไม่เป็นอะไรหรอก”“อืม ขอบใจนายมาก”นายพลเฉินและคุณนายเฉินมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาวิ่งมารวมที่หน้าห้องคลอดพร้อมกับเดินวนเวียนไปมากับเสียงร้องด้านในซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเว่ยที่พยายามนิ่งจนหน้าซีดก็เริ่มกระสับกระส่ายก่อนที่ประตูห้องคลอดจะเปิดออกมาพร้อมกับหมอกงที่เดินออกมาหาต้าเว่ย“หมอกง!! ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอเฉิน คุณได้ลูกแฝดชายค่ะ”
“เอาศักดิ์ศรีของพลโทอย่างผมเป็นประกันว่าชาตินี้ผมจะรักและดูแลคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”จิ่งเหยาเดินไปพร้อมกับดึงเขาเข้ามาจูบท่ามกลางแสงดาวนอกระเบียง หยวนลี่ที่กำลังตกใจอยู่ถึงกับถลึงตาและเมื่อปรับตัวได้ก็ดึงเธอเข้ามาและจูบรับกลับไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรงกว่าจนอีกฝ่ายเกือบหายใจไม่ออก“อื้อ พอก่อนค่ะฉันหายใจไม่ทัน”“แต่คุณเริ่มก่อนนะครับ”“รู้แล้วค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนปากแข็งเก็บความรู้สึกอย่างคุณจะจูบเก่งไม่เบาเลย เคยจูบใครมาก่อนเหรอคะ”“ผม! เปล่านะ”“เงียบแล้วค่อย ๆ จูบฉันอีกทีเถอะค่ะ”ตอนนี้หยวนลี่ที่ดึงจิ่งเหยาเข้ามากอดเอาไว้ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาให้กับเธอก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ระเบียงไร้ผู้คนในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับบอกรักของทั้งคู่ อีกทั้งเสียงเพลงด้านในก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อกี้นี้คุณหนีออกมาก่อนดังนั้น เรามาเต้นรำกันให้จบเพลงดีหรือเปล่าครับ”“ด้วยความยินดีค่ะ”เสียงเพลงที่คลอมาจากห้องโถงงานเลี้ยงและฟลอร์โล่งริมระเบียงท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นบรรยากาศที่พิเศษและแสนโรแมนติกไม่ต่างไปกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังถูกส่งขึ้นห้องส่งตัวในตอนนี้ห้องส่งตัว“เมื่อย
งานเลี้ยงช่วงค่ำ งานเลี้ยงฉลองสมรสของทั้งคู่ถูกจัดขึ้นอีกครั้งในช่วงตอนเย็น คู่บ่าวสาวเป็นคนเปิดฟลอร์เต้นรำซึ่งครั้งนี้ต้าเว่ยรู้สึกว่าเหม่ยหลินเต้นรำเก่งขึ้นและไม่เหยียบเท้าเขาจนนึกสงสัย“ทำไมคุณเต้นเก่งกว่าตอนที่ผมเจอครั้งแรกเสียอีก หรือว่าคุณแอบไปฝึกมาเหรอ”“ฉันโตขึ้นแล้วนี่คะ จะให้เต้นพลาดและเหยียบเท้าคู่เต้นตลอดแบบนั้นแล้วใครจะอยากมาขอเต้นรำล่ะคะ”ต้าเว่ยรู้สึกฉุนเล็กน้อยเมื่อเธอพูดออกมาเช่นนี้ เธอแต่งงานกับเขาแล้วยังกล้าที่จะให้คนอื่นขอเต้นรำอีกงั้นเหรอ“คุณนายเฉิน คุณแต่งงานกับผมแล้วจากนี้คู่เต้นรำของคุณมีแค่ผมคนเดียวไม่อนุญาตให้ตอบรับคนอื่นอีกเข้าใจไหม”“ขี้หึงจนถึงตอนนี้เลยนะคะ แล้วถ้าพี่หยวนลี่ พี่ใหญ่ คุณพ่อละคะ คุณก็หึงพวกเขาด้วยเหรอ”“คุณเล่นไม้นี้อีกแล้วนะ ทำไมถึงได้หาเหตุผลมาโต้แย้งจนผมเถียงไม่ได้เก่งจริง ๆ”“ฉันไม่ได้หาข้อโต้แย้งนะคะ แค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้น”ต้าเว่ยดึงเจ้าสาวเข้ามากอดจนแน่นพร้อมกับจังหวะเพลงที่เริ่มเปลี่ยนไป เหม่ยหลินรีบดันตัวเขาออกไปนิด ๆ ก่อนจะรีบพูดออกมา“อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อเหมือนตอนเช้าอีกนะคะฉันอายคนอื่น”“อายทำไมกัน วันนี้วันสำคัญขอ
“ต้าเว่ย… คนชอบทวงสัญญา”“อย่าเสียเวลาเลยน่า อีกสามวันก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วครั้งนี้ผมจัดเตรียมแหวนแต่งงานให้คุณด้วยตัวเองรับรองว่าไม่พลาดเหมือนงานหมั้นแน่”“ก็ลองพลาดดูอีกสักครั้งสิคะ หากพลาดอีกฉันก็จะหนีงานแต่งเลย”“แน่ใจเหรอว่าจะหนีผมได้”“อ๊ะ คนบ้า…”เตียงอุ่น ๆ ที่รอทั้งคู่อยู่ในห้องเริ่มได้ใช้การอีกครั้งหลังจากที่ได้หยุดพักไปสองคืนช่วงที่เหม่ยหลินป่วยอยู่ สัมผัสรักของทั้งคู่อบอุ่นและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนว่าที่เจ้าสาวอย่างเหม่ยหลินต้องเอ่ยเตือนเพื่อไม่ให้ว่าที่เจ้าบ่าวคลั่งรักอย่างต้าเว่ยเผลอทำรอย เพราะเธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวที่มีรอยแดงตามตัวในวันแต่งงานวันถัดมา “คุณย่าครับผมกลับมาแล้ว”“อาลี่เจ้าตัวดี มานี่สิมาให้ย่าดูหน้าหน่อย”หยวนลี่วิ่งเข้ามากอดคุณย่าแน่นพร้อมกับออดอ้อนตามประสาหลานชายคนเล็ก“คิดถึงคุณย่ามาก ๆ เลยครับ”เหม่ยหลินที่เดินออกมารับซูจิ่งเหยา เมื่อเธอเห็นเหม่ยหลินก็รีบวิ่งเข้ามากอดเพราะที่นี่นอกจากเฉินหยวนลี่แล้วเธอก็ไม่รู้จักใครนอกจากเหม่ยหลินกับต้าเว่ย“จริงสิครับคุณย่าครั้งนี้ผมพาว่าที่คู่หมั้นของผมมาด้วย”“หา อะไรนะว่าที่… นี่หลาน…”เหม่ยหลินค่อย
“ทำไมคุณชอบกลายร่างอยู่เรื่อยเลยล่ะคะ แต่วันนี้ฉันคงช่วยคุณไม่ไหวจริง ๆ ค่ะฉันรู้สึกเพลียมาก ๆ เลย"“เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าจะไม่ค่อยสบายไหนมาตรวจดูหน่อยสิ”ต้าเว่ยค่อย ๆ ใช้หน้าผากอังไปที่หน้าผากของเธอ เขารู้สึกว่าเหม่ยหลินตัวรุม ๆ อยู่นิดหน่อยจึงจัดยาแก้ไข้ให้เธอกินก่อนจะพาเธอไปนอนพัก“พักผ่อนเถอะวันนี้คุณคงเหนื่อยมากเพราะคุณแม่กับพี่ใหญ่พึ่งมา ผมไม่อยากให้คุณคิดมากเรื่องที่คุยกับพี่ใหญ่ลู่ในวันนี้ ผมเป็นสามีของคุณถึงยังไงก็ไม่อยากให้คุณต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้มาคิดจนป่วยไข้”“ค่ะ ฉันรู้ค่ะ แต่ว่า… คุณว่าฉันใจร้ายเกินไปไหมคะ”ที่แท้เธอก็เครียดเรื่องนี้ แม้ว่าเหม่ยหลินจะดูเป็นคนใจแข็งและใจร้ายแต่ในใจลึก ๆ เธอก็ยังนึกเป็นห่วง แต่นั่นก็อย่างที่เธอตัดสินใจบอกพี่ใหญ่ไปว่าหากช่วยครั้งที่หนึ่งก็จะมีครั้งอื่น ๆ ตามมาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้สองคนนั้นกลัวที่จะต้องรับภาระหนี้สินของตระกูลลู่จนขอแยกทางออกไป“ไม่หรอก คุณทำถูกต้องที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณพูดในวันนี้ไม่ผิดเลยสักอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ครั้งนั้นผมจำได้ว่าผมเป็นคนถามว่าทำไมคุณถึงยอมให้เงินพวกเธอ คุณบอกว่าถึงยังไงก็เป็นลูกพ่อเดียวกัน
Comments