ห้องส่วนตัว
ลู่เหม่ยหลินที่เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ในห้องมีทั้งพ่อแม่ของเธอและผู้ใหญ่อีกสองคนซึ่งเป็นผู้หญิงหน้าตายิ้มแย้มใจดีและผู้ชายที่ดุอีกคนหนึ่ง ซึ่งมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าเขาคือนายพลเฉินพ่อของคุณชายเฉินคนนั้นอย่างแน่นอน
“อ้าวอาหลินมาแล้วเหรอ มาทักทายคุณลุงคุณป้าเร็ว ๆ เข้า”
เธอค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างเรียบร้อยจนแม้แต่นายพลเฉินเองก็คิดว่าเธอแสร้งทำ เขาแสยะยิ้มนิดหน่อยเพราะไม่ได้ชอบพอเธอแต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าไม่ชอบเมื่อเธอหันมาโค้งทักทายพวกเขา
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า ลู่เหม่ยหลินค่ะขอโทษด้วยนะคะที่ให้คุณลุงกับคุณป้าต้องรอนาน”
ของนายพลเฉินถึงกับนิ่งไปเมื่อได้ยินลู่เหม่ยหลินที่ยืนทักทายและเอ่ยปากขอโทษพวกเขาเพียงแค่เดินเข้ามาช้า หรือนี่จะเป็นท่าทีใหม่ที่บ้านตระกูลลู่อบรมลูกสาวมางั้นเหรอ
“ไม่เป็นไรหรอกเราเองก็พึ่งมา นั่งก่อนสิลูกชายผมต่างหากที่เสียมารยาทจนป่านนี้ก็ยังมาไม่ถึงเลย”
“ขอบคุณค่ะ”
นายพลเฉินต้องตกใจอีกครั้งเมื่อลู่เหม่ยหลินเอ่ยขอบคุณที่เขาเชิญเธอนั่ง ไวน์ขาวในมือแกว่งไปมาพร้อมกับมองท่าทางที่เปลี่ยนไปจากคนหยิ่งจองหองไม่เห็นหัวผู้ใหญ่อย่างเธอ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วันกลับกลายเป็นคนรู้มารยาทขนาดนี้นับว่าตระกูลลู่เก่งมากจริง ๆ แม้แต่ “อวี้หลิงเฟย” ภรรยาของเขายังมองเธอด้วยสายตาที่ชื่นชม
“นึกไม่ถึงเลยว่าไม่ได้เจอหนูเหม่ยหลินไม่นานแต่กลับโตได้ขนาดนี้ วันนี้หนูสวยมากเลยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า คุณป้าเองก็สวยมาก ๆ เช่นกันค่ะ”
“ตายจริงดูเด็กคนนี้สิ เข้าใจพูดจริง ๆ”
“คุณป้ายังไม่แก่สักหน่อยค่ะ ลิปสติกสีนี้ทาแล้วทำให้คุณป้าดูเด็กลงด้วยนะคะ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นสีพีชอ่อน ๆ คาดว่าคุณลุงคงจะเหมือนได้ภรรยาใหม่ค่ะ”
“หึหึ งั้นเหรอ”
แม้แต่นายพลเฉินที่ตามปกติจะชอบให้เธอเรียกเขาว่านายพลมากกว่าก็เผลอไปกับรอยยิ้มและคำพูดเอาใจของลู่เหม่ยหลินนี้เข้าเสียแล้ว จากเดิมที่เขาไม่ชอบหน้าเด็กคนนี้แต่ตอนนี้ดูเหมือนบุคลิกและท่าทางเธอจะเหมือนดูน่ารักและรู้ความมากขึ้น อีกทั้งวิธีการพูดก็ดูเหมือนผู้ดีกับเขาขึ้นมากแล้ว
“ทำไมต้าเว่ยยังไม่มาอีก”
“เอ่อ…”
ไม่นานประตูก็เปิดออกมา ผู้ชายสองคนที่เธอเดินชนเมื่อครู่นี้แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าชัด ๆ เธอก็จำได้ว่าเป็นเขา หรือว่าเธอจะเจอตอเข้าเสียแล้ว เมื่อทั้งสองถอดเสื้อโค้ตออกและมาทักทายพ่อแม่ของเธอ เหม่ยหลินก็รู้ทันทีว่าไม่ผิดแน่ เขาก็คือ “เฉินต้าเว่ย”
“สวัสดีครับคุณน้าทั้งสอง วันนี้ก็ยังสวยเหมือนเดิมนะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณชายสามคุณก็ยังปากหวานเหมือนเดิมเลยนะคะ”
“สวัสดีครับคุณหนูลู่พบกันอีกแล้วนะครับ”
เขาเอ่ยทักทายเธอ เมื่อกี้นี้แม่เธอพูดกับเขาว่าอะไรนะ คุณชายสามงั้นเหรอ
“สวัสดีค่ะคุณชายสาม ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะที่เดินชนพวกคุณพอดีฉันรีบไปหน่อยน่ะค่ะ”
นายพลเฉินหันมามองหน้าลูกชายสองคนและภรรยา ดูเหมือนว่าทั้งสามเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ทำไมลู่เหม่ยหลินในวันนี้เปลี่ยนคำเรียกไป
“เหม่ยหลิน วันนี้ไม่สบายหรือเปล่าทำไมเรียกเสียห่างเหินแบบนี้ล่ะ ปกติเรียกว่า “พี่หยวนลี่" ไม่ใช่เหรอ"
ท่าทางยิ้มนิ่ง ๆ ของเธอทำให้คนทั้งโต๊ะเริ่มสงสัย เพราะนอกจากเธอจะเปลี่ยนมาเรียก “เฉินหยวนลี่” คุณชายสามตระกูลเฉินด้วยคำห่างเหินแล้วยังไม่สนใจที่จะทักทาย “เฉินต้าเว่ย” ที่เธอคลั่งไคล้เลยอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยกับความแปลกไปของลู่เหม่ยหลิน
“ขอโทษนะครับที่มาสาย พี่รองติดงานที่โรงพยาบาลนิดหน่อยก็เลยมาช้า”
เหม่ยหลินทำแค่หันไปดื่มน้ำแก้เขินเท่านั้นก่อนที่แม่ของเธอจะสะกิดให้เธอทักทายว่าที่คู่หมั้น
“คะ”
“ทักทายพี่ต้าเว่ยสิ”
“เอ่อ… สวัสดีค่ะคุณชายรองต้าเว่ย”
ความกระอักกระอ่วนนี้ทำให้เธอรู้ทันทีว่าเธอพลาดไปแล้วเพราะโดยปกติเหม่ยหลินคงไม่เรียกเขาแบบนี้แน่แต่เพราะแม่ของเธอเรียกเธอจึงรีบเอ่ยทักทาย
“คือว่า พี่… ต้าเว่ย คือว่าขอโทษทีค่ะพอดีวันนี้ฉันนอนมากไปหน่อยก็เลย...”
“เอ่อ คือว่าอาหลินไม่ค่อยสบายน่ะค่ะก็เลยให้นอนพักนี่พึ่งจะดีขึ้นอย่าถือสาแกเลยนะคะ”
“อ้อ แล้วเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ กินอะไรอ่อน ๆ สักหน่อยดีกว่า ให้ป้าสั่งข้าวต้มให้ดีไหมนี่ต้าเว่ยตรวจให้น้องสักหน่อยสิ”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะคุณป้าหนูก็แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยค่ะได้ดื่มอะไรเย็น ๆ ก็ดีขึ้นค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นน้องเหม่ยหลิน มาดวลไวน์กันไหมเผื่อว่าจะสดชื่นขึ้น”
“ขอโทษค่ะพี่... หยวนลี่ คือว่าฉันแพ้แอลกอฮอล์ค่ะ”
“ห๊ะ! อ้อ ได้ ๆ ถ้าอย่างนั้นเอาน้ำผลไม้ก็แล้วกันดีไหม”
“ค่ะ รบกวนขอน้ำส้มคั้นบีบมะนาวหนึ่งซีกหยดน้ำผึ้งลงไปหน่อยและโรยเกลือขอบแก้วใส่ใบสะระแหน่มาด้วยนะคะ”
“ว้าว..พี่รองดูท่าพี่คงจะต้องคิดใหม่แล้วล่ะ นี่เธอถึงกับไม่ดื่มเหล้าแต่เปลี่ยนไปดื่มน้ำผลไม้ ดูท่าพระอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตกแล้ว”
หมอเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาเองก็ทำแค่สังเกตเธอเงียบ ๆ จะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะแพ้แอลกอฮอล์ ใคร ๆ ในเมืองต่างก็รู้ว่าลู่เหม่ยหลินดื่มเก่งมากขนาดไหน วันนี้คงอยากจะแต่เพราะท่าทางที่แปลกไปทำเอาคนทั้งโต๊ะแทบจะทำตัวไม่ถูกเช่นกัน แม้ว่าจะดูเป็นการทานอาหารร่วมกันแต่เมื่อเริ่มสนทนาเข้าเรื่องงานหมั้น น้ำส้มที่เธอสั่งก็ดื่มเกือบหมดแก้วอีกทั้งอาหารก็เริ่มทยอยหมด
“คุณป้าลองกินอันนี้นะคะ เปลี่ยนจากโรสแมร์รี่ลองกินกับพาสลี่นี่ดูค่ะ รสชาติจะเข้ากันและเหมือนละลายในปากได้เลยค่ะ”
นอกจากเธอจะไม่ดื่มไวน์แล้วยังรู้เรื่องการกินอาหารแบบตะวันตกหลายอย่างซึ่งแม่ของเขาเมื่อลองดินที่เธอบอกก็รู้สึกว่าอาหารนั้นอร่อยขึ้นจริง ๆ
“ทีนี้คุณป้าลองกินมะเขือเทศตามและจิบไวน์ค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ”
“อื้ม อร่อยจริง ๆ ด้วยคุณลองดูสิคะ”
พ่อแม่ของลู่เหม่ยหลินรู้สึกได้ว่าครั้งนี้ลูกสาวไม่ทำให้ขายหน้าเหมือนทุกครั้งที่เอาแต่สนใจเฉินต้าเว่ยจนไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเพราะเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเธอคือเขา
แต่มาวันนี้เธอแทบจะไม่คุยกับเขาเลยซึ่งนั่นทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เมื่อพวกผู้ใหญ่เริ่มคุยกันเรื่องหมั้นหมายและเงื่อนไขความช่วยเหลือเธอก็แค่ฟังนิ่ง ๆ เหมือนกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
“เดือนเก้านี้มีฤกษ์ดี เราจัดงานหมั้นเอาไว้ก่อนว่ายังไงคะคุณลู่”
“ครับ ทางผมยังไงก็ได้ครับส่วนเรื่องชุดและยาที่จะส่งให้กองทัพผมจะจัดเตรียมให้อยู่แล้ว แต่เรื่องยาอาจจะต้องทยอยส่งไปบางส่วนก่อนเพราะอีกส่วนยังมาไม่ถึงท่าเรือ”
“นั่นไม่มีปัญหาครับ ต้าเว่ยลูกว่ายังไง”
“ครับ เมื่อไหร่ก็แจ้งวันผมอีกทีก็ได้ครับ แต่ว่าคุณพ่อแจ้งคุณย่าหรือยังครับ”
เมื่อต้าเว่ยพูดเรื่องนี้ขึ้นมาพ่อของเขาก็หันมามองหน้าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก่อนจะหันมามองลูกชาย
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก คุณย่าน่ะเข้าใจเหตุผลดี”
“แล้วคุณล่ะ ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยเหรอ”
เขาหันไปถามเธอที่กำลังฟังด้วยความสนใจแต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกเขาถามอีกทั้งยังมองมาด้วยสีหน้าดุ ๆ นั้นอีกด้วยซึ่งเธอไม่ชอบเลย แม้ว่าจะหล่อและหน้าตาดีไม่ต่างจากดาราหนุ่มที่เธอชอบแต่ก็ไม่ควรดุเธอแบบนี้สิ
“เรื่องนี้… ฉันพูดได้จริง ๆ เหรอคะ”
“ได้สิ เรื่องนี้เป็นงานหมั้นของคุณกับผม ถ้าคุณอยากพูดอยากถามอะไรก็ควรจะพูดออกมา สมัยนี้ชายหญิงเท่าเทียมกันแล้วไม่ต้องกลัวหรอก”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอถามได้ไหมคะ”
“อาหลินลูกอยากจะถามอะไร”
“ถ้าหมั้นหมายกันแล้วต่อไปพวกเราไปกันไม่ได้ สามารถถอนหมั้นได้ไหมคะ”
อ่างน้ำในห้องน้ำแทบจะไม่เหลือน้ำให้อาบเมื่อหยวนลี่พาจิ่งเหยาเข้ามาพร้อมกับจับเธอกระแทกในอ่าง สงครามบนเตียงของทั้งคู่ถือว่าดุเดือดมากเพราะแต่ละคนอายุยังน้อย“อ๊าา ดูดแรงขึ้นอีก แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา พี่ลี่!!”เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าก็พาเธอมาวางบนเตียงและยกขาเธอกางออก ลิ้นของเขาเริ่มสำรวจอีกครั้งว่าเธอยังสามารถรองรับเข้าได้อีกหรือไม่ แต่ท่าทางบิดเร่ายั่วยวนของคนตรงหน้าเขาคงไม่ต้องถามเมื่อเธอเป็นฝ่ายบุกมาเองอีกครั้ง“คุณจะใส่มาเลยหรือจะให้ฉันจัดการเองคะ”“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คุณจะไม่ให้ผมได้สำรวจสักหน่อยเหรอ”“เสียเวลาค่ะ มาเถอะไหน ๆ ก็ล้างตัวแล้วนี่”“ที่รัก คุณนี่มันเร่าร้อนถูกใจผมจริง ๆ”“อ๊าา อื้อ ลึกดีจังเลย เสียวมาก อ๊าาา”หยวนลี่แทบจะยืนค้ำเธอเมื่อค่อย ๆ สอดใส่จนสุดและขย่มเธอจากด้านบน พวงสวรรค์ของเขาสั่นจนบั้นท้ายเธอรู้สึกถึงแรงกระทบกันถี่ ๆ แต่เธอไม่ยอมให้เขาหยุดก่อนที่จะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขย่มเขาเอง“อ๊าา ที่รัก ท่าร่อนเอวของคุณนี่มัน… ชวนให้ผมแตกไวกว่าเดิม อ๊าาา”มือเรียวเอื้อมมาบดขยี้ตุ่มใตจากแผงอกกว้าง หยวนลี่ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเสียวจากหัวนมที่ถูกเธอบีบ เขารู้แล้วว่าตรงส่วน
จิ่งเหยามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเวลาในวันหยุดของเธอหมดไปกับการช่วยดูแลร้านขายผ้าให้กับเหม่ยหลินซึ่งตอนนี้เธอเรียกว่าพี่สะใภ้รอง และอีกสองเดือนเธอกับเฉินหยวนลี่เองก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้วเช่นกัน“ต้องการแบบไหนแจ้งได้เลยนะคะ ที่นี่มีผ้าหลายอย่างให้เลือกค่ะ”“ครับคนสวย ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย ผมอยากได้ผ้าไหมแบบหรูหราไปตัดชุดให้คุณแม่”แม้ว่าจะเคยได้รับคำพูดแบบนี้มาบ่อยครั้งแต่จิ่งเหยาก็ยังยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะค่อย ๆ ช่วยเขาเลือก แต่ลูกค้าคนนี้มาที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วและเริ่มจะพูดจาลามปามเธอไม่หยุด“แล้วถ้าหากว่าผมไม่รู้จักร้านตัดเสื้อ ผมให้คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับ”“เอ่อ…”“ร้านตัดเสื้อภรรยาผมอาจจะแนะนำไม่ได้ แต่ถ้าอยากถูกตัดหัวน่ะผมพอจะแนะนำให้คุณได้”เสียงของเฉินหยวนลี่ที่มาพร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีกสองนายด้วยชุดพลโทเต็มยศทำให้อีกฝ่ายรีบถอยออกไปทันที พร้อมกับหันมาบอกจิ่งเหยาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีสามีแล้วและยังเป็นนายทหารชั้นสูงระดับพลโทอีกด้วย“คะ คือว่าเอาไว้ผมค่อยพาคุณแม่มาเลือกวันหลังนะครับ”“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”ชายคนนั้นรีบเดินออกจ
ไม่ผิดไปจากที่เหม่ยหลินคาดการณ์เอาไว้ แต่ในวันนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ารอให้ต้าเว่ยผิดนัดเสียก่อนเธอก็จะประกาศถอนหมั้นอย่างไร้ความผิดได้ แต่เขากลับมาทันเวลา“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”“วันนั้นเธอไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลและรู้ข่าวว่าผมจะหมั้นในวันนั้นจากเจ้าสาม เธอจึงได้ดักรอพบผมและเริ่มฟูมฟายจนทำให้ผมเกือบมาไม่ทัน”“คุณทำยังไงถึงจะสลัดเธอหลุดได้คะ”“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ต่อให้เธอฟูมฟายร้องไห้จนเป็นลมในเวลานั้นผมก็ไม่มีเวลาสนใจเธอแล้ว ก็เลยสั่งให้พยาบาลจูพาเธอกลับไปที่ห้องพักของพ่อเธอและรีบออกมาทันที จำได้ว่าวันนั้นน้องสามเหยียบคันเร่งและขับรถเร็วมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจนไปถึงที่งานทันเวลา”“ฉันในตอนนั้นสำหรับคุณคงไม่ใช่คนที่คุณชอบสินะคะ”“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้น ผมยอมรับว่าออกจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำไป แต่วันที่บ้านของพวกเรานัดทานข้าวกันและคุณเดินชนผม คุณในวันนั้นเหมือนจะกระตุกหัวใจผมไปได้นิดหน่อยอีกอย่างในงานหมั้นวันนั้น…”“ทำไมคะ”“เมื่อผมเข้าไปและเห็นคุณนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในบ้าน แค่เห็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาของคุณ ผมก็คิดว่าคุณแทบจะอยากประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอ
“แต่ว่า… จะดีเหรอคะ”“ผมถามคุณหมอกงมาอย่างละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ที่เอาแต่เลี้ยงลูกรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือรู้สึกเศร้า เป็นหน้าที่สามีอย่างผมที่จะคอยปรนนิบัติไม่ให้คุณรู้สึกน้อยใจ”“ทำไมฉันฟังแล้วมันเหมือนข้ออ้างเจ้าเล่ห์ของหมาป่าที่กำลังจะหลอกกินกวางอีกแล้วล่ะ”“ก็ไม่ต่างกัน คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแต่วันนี้ให้ผมทำเถอะนะ มันรอไม่ไหวแล้ว”เขาจับมือเธอมาที่กางเกงชุดนอนบางเบาที่เริ่มแข็งตึงจนตุงออกมา เพียงแค่เหม่ยหลินสัมผัสอารมณ์ของเขาก็กระเจิงจนรออีกไม่ไหว ชุดนอนของภรรยาถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่โตมากกว่าเวลาปกติยิ่งทำให้ต้าเว่ยรู้สึกคอแห้งผากและกระหายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อ๊าา ต้าเว่ย…เสียว อย่าพึ่งเร่งเดี๋ยวนมจะ…อ๊าาา”น้ำนมสีขาวค่อย ๆ ไหลออกมาตามทางเพราะถูกกระตุ้น ต้าเว่ยดูดกลืนจนหมดด้วยความหลงใหล ร่างของเหม่ยหลินบิดไปมาเพราะความเสียว พ่อกับลูกเวลาดูดนมให้ความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาที่ลูกดูดนมของเธอคนละข้าง“อ๊าา ต้าเว่ยฉันต้องการคุณ”“ผมจะค่อย ๆ สำรวจไปทีละจุด ตรงนี้ตรวจไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ๆ จากนี้ก็ตรงนี้”เขาค่อย ๆ เลือนลงมาที่หน้าท้อ
รถเข็นในโรงพยาบาลถูกเข็นเข้าห้องคลอดในตอนเช้ามืดปลายฤดูใบไม้ผลิ “อาหลิน อดทนไว้นะ”“ต้าเว่ย โอ๊ย!!”เมื่อรถเข็นถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด ต้าเว่ยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการทำคลอดของหมอกงแต่เพราะเขาไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเหม่ยหลินมีอาการไม่อยากอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนและกลางดึกก็นอนกระสับกระส่ายจนใกล้จะเช้าเธอจึงเริ่มปวดท้อง เขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที“พี่ต้าเว่ย! พี่เหม่ยหลินเป็นยังไงบ้างคะ”“อาเหยา อาลี่ มากันแล้วเหรอ”“พอคุณป้าโทรบอกฉันก็รีบปลุกพี่ลี่ลุกขึ้นมาและตรงมาที่นี่เลย เข้าไปนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาเลย”“ใจเย็น ๆ นะพี่รอง พี่สะใภ้รองไม่เป็นอะไรหรอก”“อืม ขอบใจนายมาก”นายพลเฉินและคุณนายเฉินมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาวิ่งมารวมที่หน้าห้องคลอดพร้อมกับเดินวนเวียนไปมากับเสียงร้องด้านในซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเว่ยที่พยายามนิ่งจนหน้าซีดก็เริ่มกระสับกระส่ายก่อนที่ประตูห้องคลอดจะเปิดออกมาพร้อมกับหมอกงที่เดินออกมาหาต้าเว่ย“หมอกง!! ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอเฉิน คุณได้ลูกแฝดชายค่ะ”
“เอาศักดิ์ศรีของพลโทอย่างผมเป็นประกันว่าชาตินี้ผมจะรักและดูแลคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”จิ่งเหยาเดินไปพร้อมกับดึงเขาเข้ามาจูบท่ามกลางแสงดาวนอกระเบียง หยวนลี่ที่กำลังตกใจอยู่ถึงกับถลึงตาและเมื่อปรับตัวได้ก็ดึงเธอเข้ามาและจูบรับกลับไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรงกว่าจนอีกฝ่ายเกือบหายใจไม่ออก“อื้อ พอก่อนค่ะฉันหายใจไม่ทัน”“แต่คุณเริ่มก่อนนะครับ”“รู้แล้วค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนปากแข็งเก็บความรู้สึกอย่างคุณจะจูบเก่งไม่เบาเลย เคยจูบใครมาก่อนเหรอคะ”“ผม! เปล่านะ”“เงียบแล้วค่อย ๆ จูบฉันอีกทีเถอะค่ะ”ตอนนี้หยวนลี่ที่ดึงจิ่งเหยาเข้ามากอดเอาไว้ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาให้กับเธอก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ระเบียงไร้ผู้คนในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับบอกรักของทั้งคู่ อีกทั้งเสียงเพลงด้านในก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อกี้นี้คุณหนีออกมาก่อนดังนั้น เรามาเต้นรำกันให้จบเพลงดีหรือเปล่าครับ”“ด้วยความยินดีค่ะ”เสียงเพลงที่คลอมาจากห้องโถงงานเลี้ยงและฟลอร์โล่งริมระเบียงท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นบรรยากาศที่พิเศษและแสนโรแมนติกไม่ต่างไปกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังถูกส่งขึ้นห้องส่งตัวในตอนนี้ห้องส่งตัว“เมื่อย