“ฟางหยง” เพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นมาจิบตามหลังจากที่เหม่ยหลินพูดตอกกลับสองแม่ลูกกลับไปโดยที่เธอไม่ต้องออกแรง คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของเธอจะโตขึ้นมากขนาดนี้ หว่านเจินเหมือนกับถูกน้ำกรดสาดหน้าก็ไม่ปาน แม้แต่รุ่ยถิงก็ยังรู้สึกได้ว่าลู่เหม่ยหลินรับมือได้ยากกว่าเดิม
“ว่าแต่รุ่ยถิงเรียนบัญชีมาไม่ใช่เหรอ ดีดลูกคิดเป็นหรือยัง”
“คือว่า... ก็พอได้ค่ะ”
“แค่พอได้เหรอ แย่จังที่จริงจะอาศัยเครื่องคิดเลขสมัยใหม่มาช่วยคิดน่ะใคร ๆ ก็เรียนได้แต่ศิลปะการดีดลูกคิดลับสมองได้ดีกว่า นี่คงไม่บอกนะว่าสอบผ่านมาได้ด้วยการใช้เครื่องคิดเลขช่วยน่ะ”
“แต่ว่า… อาจารย์ก็ไม่ได้ห้ามให้เอาเข้าไปสอบนี่คะ”
“ไอหยา!! อะไรนะอาถิงนี่ยังดีดลูกคิดไม่เป็นงั้นเหรอ แต่ที่ร้านของเราใช้ดีดลูกคิดตลอด ถึงจะคิดเงินได้เร็วพ่อบอกแล้วไงว่าอย่าไปพึ่งเครื่องมือพวกนี้มากมันเชื่อถือไม่ได้ ไม่ได้เรื่องเลย รีบ ๆ เอาของไปเก็บเถอะไป”
“คุณพ่อคะ...”
“คุณพ่อคะบัญชีที่เอามาให้หนูตรวจเมื่อวันก่อนมีผิดอยู่สองหน้านะคะ พ่อจะเอาไปให้ลุงกวงตรวจก่อนก็ได้ค่ะ ดูเหมือนว่าจะมีเงินเกินอยู่สามหยวนที่หาที่มาไม่ได้ น่าจะคิดเงินลูกค้าเกินหรือไม่ก็ลุงกวงคงลืมลงรายการไว้ค่ะ”
“งั้นเหรอ ๆ ตรวจเสร็จหมดนั่นแล้วเหรออาหลินยอดไปเลย เห็นไหมอาถิง หัดเรียนรู้กับอาหลินบ้างถ้ายังดีดลูกคิดไม่เป็นจะไปทำงานอะไรได้ วันไหนไอ้เครื่องบ้านั่นมันพังชีวิตแกไม่พังไปกับมันด้วยเหรอ”
“เดี๋ยวหนูขึ้นไปเอาสมุดบัญชีมาให้นะคะพ่อ”
“รีบขึ้นไปเถอะจ้ะ เสร็จแล้วก็พักผ่อนเสียหน่อย “ดีดลูกคิดทั้งวัน” คงจะเมื่อยแย่แล้ว เดี๋ยวแม่จะให้คนเอาชากับของว่างไปให้"
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
เหม่ยหลินลุกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มของแม่และพ่อที่ชื่นชมในตัวเธอ สองแม่ลูกที่ไม่อยู่ที่บ้านเพียงสี่เดือนคิดไม่ถึงเลยว่าลู่เหม่ยหลินจากคนที่ไม่ได้เรื่องจะตอกกลับพวกเธอจนจุกพูดไม่ออกขนาดนี้ อีกทั้งพ่อลู่เองก็แทบจะไม่เห็นหัวทั้งสองคนแม่ลูกอีกเลย
“อ่าว ยังมัวนั่งอะไรอยู่เอาของไปเก็บสิจะวางเกะกะตรงนี้อีกนานไหม นี่คุณเดี๋ยวบ่ายนี้ผมจะไปร้านที่ท่าเรือหน่อยจะไปบอกให้ตากวงหาเงินที่เกินมาว่ามาจากไหน ถ้าไม่ได้อาหลินคงไม่รู้เลยนะเนี่ย”
เหม่ยหลินเดินยิ้มขึ้นไปเพื่อหยิบสมุดบัญชีลงมา สามเดือนที่ผ่านมาเธอรู้ว่าพ่อลู่เป็นพ่อค้าหัวโบราณที่ไม่ค่อยยอมรับเทคโนโลยีสมัยใหม่เท่าไหร่ เหม่ยหลินที่เคยเรียนดีดลูกคิดจากเถ้าแก่ร้านขายยาจีนมาจึงใช้จังหวะนี้ช่วยงานคุณพ่อเพื่อเอาไว้เป็นอาวุธ แต่คิดไม่ถึงว่าจะสามารถใช้มันเป็นอาวุธฟาดกลับคนได้รวดเร็วแบบนี้
วันถัดมา
วันนี้เป็นวันที่พี่ใหญ่ของเธอกลับมาที่บ้าน เมื่อพี่ใหญ่ “ลู่เย่าหยาง” กลับมา ลู่รุ่ยถิงก็รีบวิ่งเข้ามาประจบเขาทันทีเพราะแต่ไหนแต่ไรเธอก็ใช้ความเป็นน้องคนเล็กคอยประจบให้เขาเอ็นดูอยู่เสมอ ผิดกับลู่เหม่ยหลินที่เอาแต่ใจตัวเองจึงทำให้พี่ชายแท้ ๆ อย่างเย่าหยางก็ไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอ ดังนั้นเขาจึงสนิทกับรุ่ยถิงมากกว่าน้องในไส้ที่คลานตามกันมา
“กลับมาก็ดีแล้ว หลี่เซียงเป็นยังไงบ้างยังแพ้ท้องอยู่ไหม”
“ดีขึ้นมากแล้วครับ แม่หลี่ส่งคนมาช่วยดูแลที่ร้านตอนนี้ก็เลยมีคนช่วยดูหน้าร้านแทน กลางวันอาเซียงก็ได้พักผ่อน”
“อืม ดีแล้วล่ะ”
“พี่ใหญ่ครั้งนี้หนูสอบได้คะแนนดีจะให้อะไรคะ”
“ขี้อ้อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน พี่ซื้อนี่มาฝาก”
เขายกกระดานลูกคิดออกมาให้เธอพร้อมกับอุปกรณ์การเรียนชุดใหญ่ซึ่งลู่รุ่ยถิงที่พึ่งมีเรื่องเฉียด ๆ กับเหม่ยหลินเมื่อเห็นก็เกิดอาการจุกขึ้นมาทันทีจนสีหน้าของสองแม่ลูกเจื่อนไป
“ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรออาถิงเรียนบัญชีการฝึกดีดลูกคิดสำคัญมากนะควรจะหัดเอาไว้ให้คล่องจะดีกว่า”
“หึ น้องแกถนัดใช้ไอ้เครื่องกด ๆ นั่นมากกว่า วิธีโบราณแบบนี้หล่อนไม่สนหรอกซื้อมาให้ผิดคนแล้วล่ะ”
“อะไรนะครับ แต่…”
“เอ่อ อาถิงรีบขอบคุณพี่ใหญ่สิเร็ว ๆ เข้า”
หว่านเจินรีบสะกิดให้รุ่ยถิงขอบคุณพี่ใหญ่ที่เริ่มทำสีหน้าไม่ค่อยดีเพราะเห็นว่าเธอรู้สึกไม่ดีซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่นานก็ได้คำตอบเพราะน้องสาวอีกคนที่ไม่ได้พบมากว่าครึ่งปีเดินลงมาพร้อมกับสมุดบัญชีสามเล่มของร้านที่ท่าเรือ
“อาหลินเร็ว ๆ เข้าพี่ใหญ่กลับมาแล้วแม่ให้อาหงไปเรียกตั้งนานทำไมพึ่งจะลงมาล่ะ”
เหม่ยหลินที่ใบหน้าแจ่มใสกว่าเดิมเพราะเธอไม่แต่งหน้าและแต่งตัวเรียบง่ายเวลาอยู่บ้านทำให้พี่ชายอย่างเย่าหยางไม่คุ้นเคย เพราะน้องสาวคนรองของเขามักจะชอบของสวยงามอย่างเครื่องประดับและสินค้าราคาแพงแต่นี่เธอดูไม่ต่างกับนักศึกษาอย่างรุ่ยถิงเลยไม่ใช่เหรอ
“สวัสดีค่ะพี่ใหญ่มาถึงนานแล้วเหรอคะ อาหง รีบไปเอาชาพุทราจีนเก๋ากี้มาให้พี่ใหญ่ดื่มหน่อยสิ เอาขนมงาดำที่ทำไว้มาด้วยนะ”
“ค่ะคุณหนู”
เย่าหยางถึงกับถลึงตามองน้องสาวคนรองเหมือนกับไม่เคยเห็นมาก่อน เธอจัดแจงสั่งสาวใช้ด้วยเสียงที่ไม่ตะคอกและยังเป็นกันเองและกำลังยื่นสมุดบัญชีคืนให้กับพ่อของเธอต่อหน้ารุ่ยถิงกับหว่านเจิน
“พ่อคะ บัญชีที่ลงรายการผิดหนูใช้กระดาษสี ๆ กั้นเอาไว้ให้ บอกให้ลุงกวงตรวจสอบละเอียดหน่อยนะคะ เงินไม่หายแต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าลุงกวงจะลงจำนวนสลับกันค่ะ”
“เอาอีกแล้ว นี่ถ้าไม่ตรวจก็พลาดทุกทีสิน่า”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ บัญชีเยอะขนาดนั้นก็ต้องมีบ้างแหละค่ะที่พลาด”
“อาหลิน นี่น้องคิดบัญชีเป็นด้วยเหรอ”
“เป็นสิปัดโธ่!! อย่ามาดูถูกน้องแกเชียว บัญชีของพ่อตอนนี้ก็ได้อาหลินนี่แหละที่ช่วยตรวจให้ ตากวงนี่เอ่ยปากชมไม่หยุดเลยว่าอาหลินตรวจสอบละเอียดแม้แต่ส่วนเล็กส่วนน้อยก็ไม่พลาดอีกทั้งยังแจ้งให้ตากวงแก้ไขได้ถูกจุดและทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย”
“แล้วทำไมถึงลงมาช้านักละพี่ใหญ่มาตั้งนานแล้ว แม่ให้อาหงไปตามตั้งนานแล้ว”
“คือว่าลูกคิดที่คุณพ่อให้มันมีเสี้ยนหลุดออกมาก็เลยทำให้คิดช้าไปหน่อยน่ะค่ะ”
สิ่งที่ลู่เย่าหยางได้ยินแทบจะทำให้เขาหันไปมองน้องสาวตัวเองอีกครั้ง ทั้งน้ำเสียงท่าทางการพูดและสิ่งที่เธอทำครั้งนี้ทำให้เขาถึงกับแปลกใจว่านี่คือลู่เหม่ยหลิน น้องสาวของเขาจริง ๆ หรือ อีกอย่าง คนอย่างเหม่ยหลินกับลูกคิดเนี่ยนะ ฟังดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้เลยด้วยซ้ำ แต่ว่า....
“อาหลิน เธอบอกว่าดีดลูกคิดเพื่อตรวจบัญชีให้คุณพ่อเหรอ”
“ค่ะพี่ใหญ่ อาหงยกมานี่เถอะเดี๋ยวฉันทำเอง”
เธอไม่ได้พูดอะไรต่อแต่รินน้ำชาที่ลอยพุทราจีนกับเก๋ากี้ส่งให้พี่ชายดื่ม เมื่อเขาจิบคำแรกก็เริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปน้องสาวของเขาจะเติบโตจนเปลี่ยนไปขนาดนี้
“อาหลิน ชานี่…”
“พี่ใหญ่ลองบีบมะนาวลงไปหน่อยไหมคะ พึ่งลงจากเรือมากอาจจะยังเวียนหัวอยู่จะได้สดชื่นขึ้น ถ้ากลัวเปรี้ยวก็ใส่น้ำผึ้งลงไปหน่อย”
“ชานี่อร่อยมากเลย นี่ถ้าอาเซียงได้ดื่มคงจะชอบน่าดู”
“พี่สะใภ้เป็นยังไงบ้างคะท้องอ่อน ๆ แบบนั้นต้องห้ามเดินเร็ว ๆ และยกของหนัก ห้ามโดนลมและแช่น้ำอุ่นนาน ต้องพักผ่อนมาก ๆ นะคะ”
เย่าหยางถึงกับหันมามองน้องสาวคนรองด้วยความสนใจ รุ่ยถิงและหว่านเจินไม่เคยรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเท่าครั้งนี้มาก่อนเพราะอย่างน้อยเย่าหยางจะให้ความสำคัญกับรุ่ยถิงที่เป็นน้องคนเล็กมาตลอด แต่นี่เขาแทบจะไม่มองมาที่ทั้งคู่เลยแต่หันไปถามเหม่ยหลินด้วยความอยากรู้
“ยาต้มบำรุงครรภ์ที่คุณแม่ส่งไปให้ครั้งก่อน…”
“ใช่จ้ะ อาหลินเป็นคนไปซื้อมาให้บอกว่าเป็นตำรับยาโบราณแก้อาการวิงเวียนหน้ามืด ลดอาการแพ้ท้องและทำให้หลับสนิท มันดีสำหรับคนท้องแม่ก็เลยให้อาหลินไปซื้อมาและส่งไปให้ลูกน่ะ”
อ่างน้ำในห้องน้ำแทบจะไม่เหลือน้ำให้อาบเมื่อหยวนลี่พาจิ่งเหยาเข้ามาพร้อมกับจับเธอกระแทกในอ่าง สงครามบนเตียงของทั้งคู่ถือว่าดุเดือดมากเพราะแต่ละคนอายุยังน้อย“อ๊าา ดูดแรงขึ้นอีก แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา พี่ลี่!!”เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าก็พาเธอมาวางบนเตียงและยกขาเธอกางออก ลิ้นของเขาเริ่มสำรวจอีกครั้งว่าเธอยังสามารถรองรับเข้าได้อีกหรือไม่ แต่ท่าทางบิดเร่ายั่วยวนของคนตรงหน้าเขาคงไม่ต้องถามเมื่อเธอเป็นฝ่ายบุกมาเองอีกครั้ง“คุณจะใส่มาเลยหรือจะให้ฉันจัดการเองคะ”“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คุณจะไม่ให้ผมได้สำรวจสักหน่อยเหรอ”“เสียเวลาค่ะ มาเถอะไหน ๆ ก็ล้างตัวแล้วนี่”“ที่รัก คุณนี่มันเร่าร้อนถูกใจผมจริง ๆ”“อ๊าา อื้อ ลึกดีจังเลย เสียวมาก อ๊าาา”หยวนลี่แทบจะยืนค้ำเธอเมื่อค่อย ๆ สอดใส่จนสุดและขย่มเธอจากด้านบน พวงสวรรค์ของเขาสั่นจนบั้นท้ายเธอรู้สึกถึงแรงกระทบกันถี่ ๆ แต่เธอไม่ยอมให้เขาหยุดก่อนที่จะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขย่มเขาเอง“อ๊าา ที่รัก ท่าร่อนเอวของคุณนี่มัน… ชวนให้ผมแตกไวกว่าเดิม อ๊าาา”มือเรียวเอื้อมมาบดขยี้ตุ่มใตจากแผงอกกว้าง หยวนลี่ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเสียวจากหัวนมที่ถูกเธอบีบ เขารู้แล้วว่าตรงส่วน
จิ่งเหยามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเวลาในวันหยุดของเธอหมดไปกับการช่วยดูแลร้านขายผ้าให้กับเหม่ยหลินซึ่งตอนนี้เธอเรียกว่าพี่สะใภ้รอง และอีกสองเดือนเธอกับเฉินหยวนลี่เองก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้วเช่นกัน“ต้องการแบบไหนแจ้งได้เลยนะคะ ที่นี่มีผ้าหลายอย่างให้เลือกค่ะ”“ครับคนสวย ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย ผมอยากได้ผ้าไหมแบบหรูหราไปตัดชุดให้คุณแม่”แม้ว่าจะเคยได้รับคำพูดแบบนี้มาบ่อยครั้งแต่จิ่งเหยาก็ยังยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะค่อย ๆ ช่วยเขาเลือก แต่ลูกค้าคนนี้มาที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วและเริ่มจะพูดจาลามปามเธอไม่หยุด“แล้วถ้าหากว่าผมไม่รู้จักร้านตัดเสื้อ ผมให้คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับ”“เอ่อ…”“ร้านตัดเสื้อภรรยาผมอาจจะแนะนำไม่ได้ แต่ถ้าอยากถูกตัดหัวน่ะผมพอจะแนะนำให้คุณได้”เสียงของเฉินหยวนลี่ที่มาพร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีกสองนายด้วยชุดพลโทเต็มยศทำให้อีกฝ่ายรีบถอยออกไปทันที พร้อมกับหันมาบอกจิ่งเหยาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีสามีแล้วและยังเป็นนายทหารชั้นสูงระดับพลโทอีกด้วย“คะ คือว่าเอาไว้ผมค่อยพาคุณแม่มาเลือกวันหลังนะครับ”“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”ชายคนนั้นรีบเดินออกจ
ไม่ผิดไปจากที่เหม่ยหลินคาดการณ์เอาไว้ แต่ในวันนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ารอให้ต้าเว่ยผิดนัดเสียก่อนเธอก็จะประกาศถอนหมั้นอย่างไร้ความผิดได้ แต่เขากลับมาทันเวลา“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”“วันนั้นเธอไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลและรู้ข่าวว่าผมจะหมั้นในวันนั้นจากเจ้าสาม เธอจึงได้ดักรอพบผมและเริ่มฟูมฟายจนทำให้ผมเกือบมาไม่ทัน”“คุณทำยังไงถึงจะสลัดเธอหลุดได้คะ”“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ต่อให้เธอฟูมฟายร้องไห้จนเป็นลมในเวลานั้นผมก็ไม่มีเวลาสนใจเธอแล้ว ก็เลยสั่งให้พยาบาลจูพาเธอกลับไปที่ห้องพักของพ่อเธอและรีบออกมาทันที จำได้ว่าวันนั้นน้องสามเหยียบคันเร่งและขับรถเร็วมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจนไปถึงที่งานทันเวลา”“ฉันในตอนนั้นสำหรับคุณคงไม่ใช่คนที่คุณชอบสินะคะ”“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้น ผมยอมรับว่าออกจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำไป แต่วันที่บ้านของพวกเรานัดทานข้าวกันและคุณเดินชนผม คุณในวันนั้นเหมือนจะกระตุกหัวใจผมไปได้นิดหน่อยอีกอย่างในงานหมั้นวันนั้น…”“ทำไมคะ”“เมื่อผมเข้าไปและเห็นคุณนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในบ้าน แค่เห็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาของคุณ ผมก็คิดว่าคุณแทบจะอยากประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอ
“แต่ว่า… จะดีเหรอคะ”“ผมถามคุณหมอกงมาอย่างละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ที่เอาแต่เลี้ยงลูกรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือรู้สึกเศร้า เป็นหน้าที่สามีอย่างผมที่จะคอยปรนนิบัติไม่ให้คุณรู้สึกน้อยใจ”“ทำไมฉันฟังแล้วมันเหมือนข้ออ้างเจ้าเล่ห์ของหมาป่าที่กำลังจะหลอกกินกวางอีกแล้วล่ะ”“ก็ไม่ต่างกัน คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแต่วันนี้ให้ผมทำเถอะนะ มันรอไม่ไหวแล้ว”เขาจับมือเธอมาที่กางเกงชุดนอนบางเบาที่เริ่มแข็งตึงจนตุงออกมา เพียงแค่เหม่ยหลินสัมผัสอารมณ์ของเขาก็กระเจิงจนรออีกไม่ไหว ชุดนอนของภรรยาถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่โตมากกว่าเวลาปกติยิ่งทำให้ต้าเว่ยรู้สึกคอแห้งผากและกระหายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อ๊าา ต้าเว่ย…เสียว อย่าพึ่งเร่งเดี๋ยวนมจะ…อ๊าาา”น้ำนมสีขาวค่อย ๆ ไหลออกมาตามทางเพราะถูกกระตุ้น ต้าเว่ยดูดกลืนจนหมดด้วยความหลงใหล ร่างของเหม่ยหลินบิดไปมาเพราะความเสียว พ่อกับลูกเวลาดูดนมให้ความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาที่ลูกดูดนมของเธอคนละข้าง“อ๊าา ต้าเว่ยฉันต้องการคุณ”“ผมจะค่อย ๆ สำรวจไปทีละจุด ตรงนี้ตรวจไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ๆ จากนี้ก็ตรงนี้”เขาค่อย ๆ เลือนลงมาที่หน้าท้อ
รถเข็นในโรงพยาบาลถูกเข็นเข้าห้องคลอดในตอนเช้ามืดปลายฤดูใบไม้ผลิ “อาหลิน อดทนไว้นะ”“ต้าเว่ย โอ๊ย!!”เมื่อรถเข็นถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด ต้าเว่ยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการทำคลอดของหมอกงแต่เพราะเขาไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเหม่ยหลินมีอาการไม่อยากอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนและกลางดึกก็นอนกระสับกระส่ายจนใกล้จะเช้าเธอจึงเริ่มปวดท้อง เขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที“พี่ต้าเว่ย! พี่เหม่ยหลินเป็นยังไงบ้างคะ”“อาเหยา อาลี่ มากันแล้วเหรอ”“พอคุณป้าโทรบอกฉันก็รีบปลุกพี่ลี่ลุกขึ้นมาและตรงมาที่นี่เลย เข้าไปนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาเลย”“ใจเย็น ๆ นะพี่รอง พี่สะใภ้รองไม่เป็นอะไรหรอก”“อืม ขอบใจนายมาก”นายพลเฉินและคุณนายเฉินมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาวิ่งมารวมที่หน้าห้องคลอดพร้อมกับเดินวนเวียนไปมากับเสียงร้องด้านในซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเว่ยที่พยายามนิ่งจนหน้าซีดก็เริ่มกระสับกระส่ายก่อนที่ประตูห้องคลอดจะเปิดออกมาพร้อมกับหมอกงที่เดินออกมาหาต้าเว่ย“หมอกง!! ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอเฉิน คุณได้ลูกแฝดชายค่ะ”
“เอาศักดิ์ศรีของพลโทอย่างผมเป็นประกันว่าชาตินี้ผมจะรักและดูแลคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”จิ่งเหยาเดินไปพร้อมกับดึงเขาเข้ามาจูบท่ามกลางแสงดาวนอกระเบียง หยวนลี่ที่กำลังตกใจอยู่ถึงกับถลึงตาและเมื่อปรับตัวได้ก็ดึงเธอเข้ามาและจูบรับกลับไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรงกว่าจนอีกฝ่ายเกือบหายใจไม่ออก“อื้อ พอก่อนค่ะฉันหายใจไม่ทัน”“แต่คุณเริ่มก่อนนะครับ”“รู้แล้วค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนปากแข็งเก็บความรู้สึกอย่างคุณจะจูบเก่งไม่เบาเลย เคยจูบใครมาก่อนเหรอคะ”“ผม! เปล่านะ”“เงียบแล้วค่อย ๆ จูบฉันอีกทีเถอะค่ะ”ตอนนี้หยวนลี่ที่ดึงจิ่งเหยาเข้ามากอดเอาไว้ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาให้กับเธอก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ระเบียงไร้ผู้คนในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับบอกรักของทั้งคู่ อีกทั้งเสียงเพลงด้านในก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อกี้นี้คุณหนีออกมาก่อนดังนั้น เรามาเต้นรำกันให้จบเพลงดีหรือเปล่าครับ”“ด้วยความยินดีค่ะ”เสียงเพลงที่คลอมาจากห้องโถงงานเลี้ยงและฟลอร์โล่งริมระเบียงท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นบรรยากาศที่พิเศษและแสนโรแมนติกไม่ต่างไปกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังถูกส่งขึ้นห้องส่งตัวในตอนนี้ห้องส่งตัว“เมื่อย