ชิงชิงเพ่งสมาธิกับรอยแดงแถบนั้นจนรู้สึกตัวอีกทีเธอก็มาอยู่หน้าสุสานบรรพชนตระกูลจินที่เธอเก็บแหวนหยกวงนั้นได้ แต่บรรยากาศกลับไม่เหมือนวันเช็งเม้งที่ผ่านมารอบๆ สุสานแม้จะดูออกว่าเป็นเวลากลางคืนแต่กลับไม่มืดมิดเท่าใดนัก แม้ว่าไม่มีใครเลยสักคนแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ควรจะเป็น
‘ลูกหลานจินเสี่ยวชิงคารวะบรรพบุรุษ หากพวกท่านมีอันใดต้องการให้ลูกหลานช่วยเหลือ ได้โปรดชี้แนะลูกหลานด้วยเจ้าค่ะ’ ชิงชิงที่คิดว่าตนเองหลับฝันไปเลยถือโอกาสสื่อสารกับท่านบรรพบุรุษซะเลยเพราะเธอสังหรณ์ว่าแหวนวงนี้จะมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา
“ฉลาดมากเสี่ยวชิง หลานฉลาดกว่าจินง่วนป้อพ่อของเจ้ามาก” เสียงหญิงชราดังขึ้นพร้อมร่างโปร่งแสง ร่างนั้นมีเค้าอาม่าของชิงชิงตอนยังสาว
“อะ อา อาม่าเหรอคะ”
“อั๊วเอง ฮะฮะฮ่า” เสียงตะกุกตะกักจากหลานสาวที่ไม่เคยพบหน้าทำเอาอาม่าอดขำไม่ได้ ก็นะ หลานสาวของเธอไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา เพราะเรียนโรงเรียนคริสต์มาตั้งแต่สมัยเด็ก แถมอาม่าเองก็จากไปตั้งแต่ชิงชิงยังไม่เกิด ดีที่สามีเธอเก็บภาพสมัยสาวๆ ของเธอไว้อย่างดีและคอยบอกเล่าเรื่องราวของเธอให้หลานสาวฟังเสมอมา
“อาม่าส่งแหวนหยกวงนั้นให้ชิงชิงเหรอคะ” ชิงชิงรีบถามสิ่งที่ตนเองสงสัยทันที หากอาม่ารู้ว่าที่เธอไม่กลัวอาม่าเพราะคิดว่านี่คือความฝันคงผิดหวังไม่น้อย
“ก็ไม่ได้เจตนาจะให้ลื้อโดยตรงหรอก เพียงแต่ภารกิจนี้มันต้องอาศัยลูกหลานตระกูลจินที่เป็นหญิงสาวบริสุทธิ์และมีอายุอยู่ในช่วงสิบแปดถึงยี่สิบห้าปีซึ่งมาถึงตอนนี้ลื้อคงรู้แล้วว่ามีเหลือแค่ลื้อคนเดียว” อาม่ากล่าวจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“อ้าว ทำไมล่ะคะอาม่า เจ๊ๆ หมวยๆ ลูกพี่ลูกน้องก็ตั้งหลายคน อุ๊บส์” พูดยังไม่จบชิงก็ก็ต้องรีบปิดปากตัวเองทันทีเพราะเพิ่งมาคิดได้ว่าลูกพี่ลูกน้องสาวโสดพวกนั้นของเธอคงจะใช้ชีวิตแบบสาวสมัยใหม่ไม่ได้ยึดติดการรักษาความบริสุทธิ์กันแล้ว ดีที่เองนึกถึงแต่จะทำมาหากินแบ่งเบาภาระอาป๊าจนไม่ได้สนใจเพื่อนต่างเพศเลยมาเข้าเงื่อนไขข้อนี้เพียงคนเดียว
“แล้วภารกิจที่ว่ามันคืออะไรเหรอคะ ต้องใช้เงินลงทุนมั้ย แล้วเป็นความลับมั้ยคะ” เมื่อใจคิดว่าเป็นเพียงความฝันชิงชิงจึงไม่ลังเลที่จะตอบรับคำขอจากอาม่า เพราะหากเธอไม่ช่วยแล้วก็ไม่มีลูกสาวหลานสาวตระกูลชิงคนอื่นช่วยได้อีก
“ต่อให้ลื้อไปเล่าให้ใครเค้าฟังเค้าก็ไม่เชื่อลื้อหรอก ขนาดตัวลื้อลื้อยังคิดว่าฝันไปเลย จริงมั้ยอาเสี่ยวชิง” อาม่ายังไม่เฉลยภารกิจแต่กลับพูดให้ชิงชิงได้ฉุกใจคิดถึงสภาวะของเธอตอนนี้ก่อน เพราะหากสาวน้อยคนนี้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงความฝันอาจจะไม่ตั้งใจทำภารกิจที่เธอถูกท่านผู้ก่อตั้งตระกูลมอบหมายให้ส่งต่อก็เป็นได้
“โอ๊ย อาม่าหยิกหนูทำไม ไหนอากงบอกว่าอาม่าใจดีไม่เคยอาป๊าสักแปะงัย” ชิงชิงโวยวายหลังจากที่โดนอาม่าหยิกแขนเจ็บจนสะดุ้ง
“ลื้อเจ็บมั้ย”
“เจ็บสิ อาม่าถามได้ หมดกันภาพอาม่านางฟ้าใจดีของหนู”
“เจ็บแล้วลื้อคิดยังงัย”
“ก็น้อยใจน่ะสิคะ อุตส่าห์มาเข้าฝันทั้งทีแทนที่จะมาให้เลขให้หวยดันมาหยิกหนูได้ เอ๊ะ หนูเจ็บ หนูเจ็บได้แปลว่าหนูไม่ได้ฝันเหรอคะอาม่า”
“ก็ใช่น่ะสิ ลื้อไม่ได้ฝันไป ลื้อแค่อยู่ในภวังค์แบบก้ำกึ่งระหว่างหลับกับตื่น ทำให้มีช่องว่างของความมั่นคงของจิตอั๊วถึงจะสื่อสารกับลื้อได้ ถ้าจะเป็นคนอื่นเค้าก็คงเรียกว่า ผีหลอก นั่นแหล่ะ ส่วนอั๊วไม่ได้มาหลอกหลอนลื้อแต่มาส่งมอบภารกิจลื้อเข้าใจรึยัง” อาม่าอธิบายยืดยาวเพื่อปรับความเข้าใจของหลานสาวที่เพิ่งได้พบหน้า
“หลานเข้าใจแล้วค่ะ อาม่าบอกภารกิจมาได้เลยค่า เสี่ยวชิงจะตั้งใจทำไม่ให้อาม่าผิดหวัง” หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองชิงชิงก็ยิ่งตั้งใจว่าจะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จให้จงได้ เพื่อความสบายใจของอาม่า
“ภารกิจนี้ใหญ่หลวงนักแม้ว่าจะไม่ต้องใช้เงินลงทุนแต่มันก็ต้องใช้ความกล้าหาญและความฉลาด หากมันสำเร็จลุล่วงตระกูลจินของเราก็จะเจริญก้าวหน้าต่อไปแต่ถ้าไม่ ตระกูลจินของเราก็จะล่มสลายในรุ่นของเจ้าแล้วนะเสี่ยวชิง” แม้ว่าน้ำเสียงจะราบเรียบแต่สีหน้าของอาม่าแสดงออกชัดเจนถึงความไม่สบายใจจนเห็นได้ชัด
“มันหนักหนาขนาดนั้นเลยเหรอคะอาม่า แล้วเสี่ยวชิงจะต้องทำอะไรบ้างคะ” เมื่อรับรู้ความรู้สึกท้อแท้ของอาม่าชิงชิงก็ยิ่งอยากช่วยให้ภารกิจนี้สำเร็จเร็วๆ
“ใช่แล้วล่ะเสี่ยวชิงเอ้ย มันหนักหนาถึงขนาดอากงของเจ้าที่สะสมความดีจนสามารถจะบรรลุเป็นเซียนได้ยอมเสียสละกลับไปเวียนว่ายตายเกิดเพื่อเอาผลบุญทั้งหมดมาแลกแหวนหยกวงนั้น เพื่อให้ใครสักคนได้กลับไปทำภารกิจช่วยเหลือท่านผู้ก่อตั้งตระกูลของเราและทายาทของท่านให้มีชีวิตรอดจากการอดอยาก ส่วนจะต้องทำอะไรบ้างนั้นอาม่าเองก็ให้คำตอบเจ้าไม่ได้ เจ้าต้องใช้ไหวพริบของเจ้าแก้ปัญหาเอาเอง” หลังจบประโยคยาวเหยียดอาม่าก็ยกน้ำชาขึ้นมาจิบแก้คอแห้งก่อนจะมองหน้าชิงชิงเพื่อเปิดโอกาสให้หลานสาวได้ซักถามได้เต็มที่เพราะนางเองมีโอกาสมาพบหน้าหลานสาวเพียงครั้งเดียว
“แล้วหนูจะไปพบท่านผู้ก่อตั้งตระกูลและทายาทได้ยังงัยคะ”
“เมื่อใดที่เจ้าหยดเลือดของเจ้าลงบนรอยประทับของแหวนหยกนั่นมันก็จะกลายเป็นสื่อกลางนำเจ้าไปสถานที่แห่งนั้นได้ หลังจากนั้นทุกสามคืนยามที่เจ้าเข้านอนเจ้าก็มีอีกตัวตนในสถานที่แห่งนั้นและใช้เวลาที่นั่นได้สามราตรี เมื่อราตรีที่สามมาเยือนยามเจ้าเข้านอนตัวตนของเจ้าก็จะตื่นนอนในยามเช้าในเวลาของภพนี้ตามปกติ”
“หมายความว่าทุกสามคืนที่หลานหลับอยู่บนเตียงนอนในห้องนี้ อีกตัวตนของหลานก็จะใช้ชีวิตได้สามวันในที่นั้น แล้วพอหลานเข้านอนในคืนที่สาม หลานจะตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตปกติที่นี่ วนอยู่อย่างนี้จนกว่าจะรู้ผลของภารกิจใช่มั้ยคะ” ชิงชิงเอ่ยทวนความเข้าใจกับอาม่าว่าถูกต้องหรือไม่
“ตามที่เจ้าเข้าใจนั่นล่ะ”
“แล้วหลานสามารถนำสิ่งของจากที่นี่ติดตัวไปด้วยได้มั้ยคะอาม่า”
“อาไรที่เจ้าสวมใส่ไว้กับตัวสามารถนำไปหรือกลับได้ แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาคนอื่นจะเห็นมันมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับสิ่งที่มี ณ สถานที่แห่งนั้น”
“แปลว่าหนูสามารถนำสิ่งของจากที่นั่นกลับมาได้ด้วย”
“เจ้าเข้าใจถูกแล้วล่ะ ใกล้จะหมดเวลาของอาม่าแล้วเจ้าอยากถามอะไรอีกก็รีบถามมาเถิด”
“สถานที่คือที่ไหนเหรอคะ แล้วหนูจะได้เจออาม่าอีกมั้ยคะ” ชิงชิงรีบถามคำถามสำคัญสองคำถามติดกันเพราะร่างโปร่งแสงของอาม่าในสายตาของชิงชิงเริ่มเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด
“บ้านเกิดของท่านผู้ก่อตั้งตระกูล ยุค 70’ ครั้งหน้าที่เราเจอกันคือเวลาที่หลานหมดอายุขัยไม่ต้องกังวลอาม่าจะเอาใจช่วยเสี่ยวชิงของอาม่า อาม่ารู้ว่าลื้อต้องทำได้” ประโยคสุดท้ายที่แผ่วเบาจบลงพร้อมร่างโปร่งของอาม่าที่จางหายไป
“เสี่ยวชิง พี่กลับมาแล้วดูนี่สิหนังสือรับรองการตั้งตระกูลจินสายปักกิ่งกับเอกสารยืนยันตัวตนของพี่ นายจินหมิงเต๋อ ฟังดูดีมั้ยล่ะ” หลังจากกลับมาจากสำนักงานกิจการพลเรือนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ยินดีด้วยพี่จินหมิงเต๋อแล้วเรื่องทางบ้านพี่จะทำยังงัยต่อคะ”“เมื่อวานพี่ได้แอบไปไปพบลุงใหญ่หวงแล้วบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกไปรอบหนึ่งเขาก็ยินดีลบชื่อพี่ออกจากผังตระกูลแถมยังยินดีเป็นคนตัวแทนนำเงินกตัญญูก้อนสุดท้ายของพี่ไปให้แม่แล้วยังช่วยพูดให้แม่ยอมรับการตัดสินใจของพี่อีกด้วย เห็นแกบอกว่าแม่ไม่พูดอะไรเลยคว้าเงินมัดนั้นได้ก็หันหลังเข้าบ้านแม่คงเสียใจมากเลยหล่ะ” จินหมิงเต๋อท่าทีหงอยเหงาลงกว่าเมื่อสักครู่ในยามที่เอ่ยถึงมารดา แม้ว่าจะอยากไปดูอาการของแม่สักหน่อยแต่ลุงใหญ่หวงก็บอกให้เขาให้แม่ได้มีเวลาทำใจสักหน่อย ไว้ต่อไม่เขาค่อยกลับไปเยี่ยมแม่บ้างเป็นครั้งคราวก็ยังได้ใช้ว่าความสัมพันธ์แม่ลูกจะถูกลบเลือนได้ง่ายเหมือนชื่อในผังตระกูลเสียที่ไหน เขาจึงได้ยอมจากมา“ในเมื่อเรื่องมันล่วงเลยมาถึงตอนนี้แล้วพี่ก็เผื่อใจไว้บ้างเถอะค่ะ ถ้ามีโอกาสก็กลับไปเยี่ยมเธอบ้างหรือจะส่งเงินกลับไปบ้างหนูก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่อย่าให
“นี่แม่พูดอะไรออกมา ตระกูลจินเป็นผู้มีพระคุณของผม ผมจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังงัย”“แล้วแม่ไม่ใช่ผู้มีพระคุณของแกรึงัย แม่ให้เวลาแกหนึ่งเดือนรีบจัดการให้เรียบร้อย ถ้าแกเห็นแก่ตระกูลจินอะไรนั่นมากกว่าตระกูลหวงก็เลิกใช้นามสกุลหวงไปซะ แล้วอย่ามาเรียกชั้นว่าแม่อีกต่อไป” หลังจากพูดจบนางหวงก็ลุกขึ้นสะบัดตัวจากไปโดยลืมที่จะมาซื้อเป็ดปักกิ่งกลับไปฝากหลานชายหัวแก้วหัวแหวนเสียสนิทเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้สิ่งที่หวงหมิงเต๋อและชิงชิงวางแผนไว้ว่าจะแยกย้ายกันไปทำในช่วงบ่ายก็พลอยถูกยกเลิกไปโดยปริยายทั้งสองคนพากันปั่นจักรยานกลับโรงแรมโดยเข้าทางประตูหลังที่ใกล้ส่วนที่พักส่วนตัวมากที่สุด“พี่หมิงเต๋ออย่ากลับห้องไปอยู่คนเดียวเลยค่ะ หาอะไรมากินเล่นแล้วนั่งคุยกับหนูที่ห้องกินข้าวนี้แหล่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้” เสี่ยวชิงเอ่ยกับหวงหมิงเต๋อที่เดินคอตกเหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจทั้งท่าจะกลับเข้าห้องนอนส่วนตัวไปคิดมากอยู่คนเดียวจึงเสนอให้เขามานั่งพูดคุยกับเธอเสียยังจะดีกว่า เพราะการที่เธอลุกไปเข้าห้องน้ำน่าจะทำให้เธอพลาดเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้พี่หมิงเต๋อมีสภาพแบบนี้ไปได้หลังจากเห็นเขานั่งลงที่โต๊ะกินข้าวแล้วชิงชิงก็ยกหูโ
หลังจากได้ข้อตกลงร่วมกันในวันนั้นเสี่ยวชิงก็เดินหน้าสร้างรากฐานธุรกิจอย่างเต็มที่โดยได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการเป็นอย่างดี โอยมีพี่หมิงเต๋อเป็นคนประสานงาน เรื่องสี่ประสานถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมที่พักอันทันสมัยแต่ก็รักษากลิ่นอายดั้งเดิมของเรือนสี่ประสานในยุคโบราณ แขกที่มากพักส่วนมากเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติและเศรษฐีใหม่ในกรุงปักกิ่งที่อยากสัมผัสบรรยากาศดั้งเดิมที่ห่างหายไปนาน คนงานในโรงแรมล้วนเป็นพี่จงหัวช่วยคัดสรรคนที่ฉลาดเฉลียวและซื่อสัตย์มาให้เสี่ยวชิงหาครูชาวต่างชาติมาช่วยภาษาให้ทุกทำให้หมดปัญหาเรื่องแกแพงภาษา มู่กิมฮัวที่คลอดลูกชายได้ไม่นานก็เข้าร่วมการสอบครั้งแรกที่กลับมาเปิดรับนักศึกษาอีกครั้ง โชคดีที่ปีแรกนี้ยังไม่มีการสอบภาษาอังกฤษเธอเลยสอบผ่านมาอย่างง่ายได้ แม้ว่าจะมีสามีที่มีตำแหน่งใหญ่โตและสามารถทำเรื่องขอพักนอกมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่ปีการศึกษาที่หนึ่งแต่เสี่ยวชิงแนะนำว่ามู่กิมฮัวควรได้ใช้เวลาทำความรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาและได้ลองใช้ชีวิตวันรุ่นให้สมวัย หวงหมิงเหอจึงได้ทำตามคำแนะนำของเธอและยอมให้ภรรยาไปพักในหอพักของมหาวิทยาลัยได้ ในระหว่างนั้นเด็กน้อยหวงหงเ
นอกจากหนังสือแยกบ้านและหนังสือตัดขาด ด้วยความช่วยเหลือจากลุงใหญ่หวงผู้นำหมู่บ้าน หวงหมิงเต๋อก็ยังได้ส่วนแบ่งธัญพืชมาอีกสิบจิน เมื่อมาส่งลุงใหญ่หวงที่หน้าบ้านอาเต๋อพยายามมอบธัญพืชห้าจินให้ลุงใหญ่หวงเพื่อแสดงการขอบคุณ แต่ลุงใหญ่หวงไม่กล้าเอาเปรียบชายหนุ่มที่น่าสงสารตรงหน้าจึงไม่ยินดีที่จะรับไว้ แถมยังเข้าบ้านไปเอาไข่ไก่มามอบให้เขาเอาไปบำรุงร่างกายอีกสิบใบ หวงหมิงเต๋อได้แต่จดจำน้ำใจนี้ไว้ยังมีเวลาอีกนานที่จะตอบแทนเขาจึงได้แต่กล่าวขอบคุณแล้วจากมา เมื่อหวงหมิงเต๋อกลับมาถึงในตอนบ่ายแก่โดยที่ไม่ได้ดื่มน้ำสักอึกหรือกินข้าวจากบ้านเดิมมาสักคำ ดีที่ชิงชิงให้ป้าหม่าช่วยเตรียมซาลาเปาไส้หมูใส่กล่องอาหารและกระติกน้ำซุกไปในห่อผ้าเก่าๆ นั่นเมื่อออกมาจากหมู่บ้านเสี่ยวเกาจึงรีบเอาออกมาแบ่งกันกินรองท้องกับเจ้านายและคนขับเกวียน หลังจากเห็นเขากลับมาถึงแล้วจึงถูกภรรยาและเสี่ยวชิงไล่ให้ไปอาบน้ำและมานั่งกินข้าวจนอิ่มหนำแล้วเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านจนท้ายที่สุดชิงชิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “พี่ไม่เป็นอะไรใช้มั้ยคะ” “ไม่เป็นไรหรอกเสี่ยวชิงพี่ทำใจไว้ตั้งแต่คุยกับเธอเมื่
“เธอพูดมาเถอะ ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่มีทางออก” เมื่อมั่นใจแล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีเรื่องลำบากใจลุงใหญ่หวงจึงเอ่ยสำทับออกมาอีกหนึ่งประโยค “ในการปฏิบัติภารกิจครั้งล่าสุดผมได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง ส่งผลให้ขยับร่างกายส่วนร่างไม่ได้ชั่วคราวตอนนี้ทางหน่วยงานเลยสั่งพักงานผมชั่วคราวเพื่อให้ผมมารักษาตัวแต่ว่าในช่วงนี้ผมก็จะไม่ได้รับเงินเดือนเช่นกัน” “ได้ยังงัยกันแล้วแกจะเอาเงินที่ไหนใช้ แล้วส่วนที่จะต้องส่งให้แม่อีกล่ะ” แม่หวงรีบเอ่ยขัดลูกชายขึ้นกลางคันเมื่อได้ยินว่าลูกชายถูกระงับการจ่ายเงินเดือน “ใจเย็นๆ ครับแม่ ผมยังมีเงินรางวัลจากภารกิจอยู่หนึ่งร้อยหยวน แต่ว่าหากผมจะรักษาตัวให้หายก็ต้องใช้เงินหนึ่งร้อยหยวนนี้ในการผ่าตัดแต่หมอก็ไม่ได้รับประกันว่าจะหายแน่นอน” “งั้นแกก็ไม่ต้องผ้าต่งผ่าตัดอะไรนั่นแล้ว เอาเงินหนึ่งร้อยหยวนนั่นมาแล้วกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านเรานี่แหล่ะ หมอเท้าเปล่าในหมู่บ้านเราก็มีให้เค้ามาจัดยาให้แกไม่กี่เทียบก็ใช้ได้แล้ว” แม่หวงที่ตอนนี้ในสมองมีแต่เงินหนึ่งร้อยหยวนรีบเอ่ยตัดบทลูกชายทันที “เดิมทีผมก็คิดแบบนั้น แต่ก่อน
“พี่หมิงเต๋อครับเกวียนที่พี่ให้ไปเรียกมาแล้วครับ” เสี่ยวเกาที่ถูกใช้ให้ไปตามเกวียนวัวโดยสารเข้ามาบอกกับเจ้านาย แล้วรีบไปขนฟูกนอนหลังเก่าผ้าห่มผืนบางที่เมื่อวานออกไปหาซื้อมาจากคนงานแบกหามในเขตท่าเรือขึ้นไปปูไว้บนพื้นเกวียนตามที่ได้รับคำสั่งซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านายเท่าไรนัก “เสี่ยวชิงฝากดูแลกิมฮัวด้วยนะ พี่น่าจะกลับมาไม่เกินตะวันตกดิน ถ้ามาช้าตอนเย็นไม่ต้องรอกินข้าว แค่ตักแบ่งส่วนของพี่กับเสี่ยวเกาไว้ก็พอ” หวงหมิงเต๋อในเสื้อผ้าเก่าที่เสี่ยวเก่าไปหาซื้อมาพร้อมฟูกและผ้าห่มเมื่อวาน แถมยังมีห่อเสื้อผ้าเก่าๆ ห่อใหญ่อยู่ในมือ “พี่หมิงเต๋อไม่ต้องห่วงทางนี้ค่ะ ขอให้ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะคะ รีบเดินทางเถอะค่ะเดี๋ยวสายแล้วจะร้อนเอาได้” ชิงชิงตอบชายหนุ่มก่อนจะโบกมือให้สองหนุ่มรีบออกเดินทางก่อนที่พี่กิมฮัวจะกลับมาจากตลาดสด เธออุตส่าห์ออกอุบายให้ป้าหม่าชวนเธอไปเดินจ่ายตลาดเป็นเพื่อนเพราะไม่อยากให้พี่สาวเห็นสภาพของสามีตอนออกจากบ้าน หลายวันก่อนพี่หมิงเต๋อเรียกเธอเข้าไปปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์กับทางบ้าน หลังจากเขาไปรายงานตัวกับตันสังกัดทั้งยังเข้าพบท่าน