"ฉะนั้นพวกเรามาหารือกันเรื่องนี้จนกว่าจะได้ข้อสรุปกัน ไม่ว่ายังไงข้าจะไม่ยอมให้ลูกชายของข้าต้องไม่มีเนื้อคู่เพราะเจ้าพวกนั้นเด็ดขาด"
"พะยะค่ะ"
พระอาทิตย์สาดส่องเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ของใครหลายคน แต่มันคือเวลานอนของเหล่าแวมไพร์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถึงผมจะอยู่ที่นี่มาได้หลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่ชินกับการที่ต้องนอนกลางวันตื่นกลางคืนอยู่ดี ถึงตอนนี้จะเริ่มนอนเกือบเช้าแต่ก็ยังหลับๆ ตื่นๆ เช่นวันนี้มาตื่นตอนเที่ยงแบบนี้แล้วจะทำยังไงดี ทุกคนพากันหลับหมดแบบนี้ ถึงจะมีเวรยามอยู่ตลอดยี่สิบชั่วโมงแต่มันก็ค่อนข้างว่างเสียเหลือเกิน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"ใครครับ" เสียงหวานตะโกนถามออกไป
"ข้าเอง กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำตะโกนกลับมา ช่วงขาที่เรียวยาวถึงได้เดินไปเปิดประตู หากเป็นคนรับใช้เกรงว่าเขายังไม่อยากจะพบใครตอนนี้ อยากใช้ความคิดของตนเองมากกว่า
"เพิ่งทำงานเสร็จหรือพะยะค่ะ" ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง มือขาวเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกใบหน้าอีกฝ่ายออกให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เผลอให้เห็นรอยใต้ตาคล้ำจากการทำงานอย่างหนัก ท่าทีอ่อนล้าที่เผยให้เห็นนั้นช่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก
"ใช่แล้ว ข้าง่วงมากเลย กระรอกน้อย" คงจะจริงอย่างที่พูด สภาพเหมือนจะหลับแลมิหลับแลแบบนี้ ไม่คิดว่าการหอบงานมาทำต่างแดนจะเหนื่อยเหมือนตอนอยู่บ้านของตนเองไม่มีผิดเพี้ยน กว่าจะทำเสร็จหมดก็เที่ยงเสียแล้ว แบบนี้เวลานอนไม่พอแน่นอน
"ข้าขอนอนกอดได้หรือไม่"
"ทำไมไม่กลับที่ห้องล่ะพะยะค่ะ"
"ข้าคิดถึงเจ้าเลยอยากมาหา คงไม่มีแรงกลับห้องแล้วล่ะ"
"ห้องเจ้ากับห้องของข้าไกลกันมากนะ กระรอกน้อย"
รัชทายาทพยายามใช้ท่าทีอ่อนล้าน่าสงสารให้คนตัวเล็กกว่าเห็นใจ เพื่อที่จะได้นอนกอดอีกฝ่ายอย่างที่อยากทำ แค่อยู่ใกล้เนื้อตัวยังส่งกลิ่นหอมขนาดนี้ หากเข้าใกล้มากกว่านี้ต้องหอมเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน ดวงเจ้าเล่ห์นั้นแอบซ่อนเอาไว้จนมิด มีเพียงท่าทีน่าสงสาร ออดอ้อนขอนอนด้วยกันเท่านั้น ริคมีท่าทีอึกอักแต่ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร นับว่าเป็นปฏิกิริยาที่น่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าต่อรองไม่สำเร็จมีหวังได้หลับตรงนี้แน่นอนเลย ร่างกายของข้าก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
"ก็ได้พะยะค่ะ งั้นไปนอนที่เตียงกัน" ในที่สุดแผนหลอกล่อก็สำเร็จก่อนที่สติของเขาจะหมดลงเสียก่อน ร่างสูงโปร่งประคองร่างสูงไปนอนพัก มือขาวหยิบผ้าห่มขึ้นมาให้เท่าอกเพื่อไม่ให้หนาวจนเกินไป จัดแจงท่านอนให้อีกฝ่ายเรียบร้อย
"ท่านพี่ นอนนะพะยะค่ะ"
"ราตรีสวัสดิ์พะยะค่ะ"
หมับ!
"ทำอะไรครับ! ทำไมไม่นอนนิ่งๆ " เสียงหวานส่งเสียงดุทันทีที่คนอายุมากกว่ามากอดจากด้านหลังแบบนี้ ถึงจะไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการสวมกอดแต่มันทำให้ริคนอนไม่หลับน่ะสิ อยู่ใกล้กันขนาดนี้ก็ว่าทำใจข่มตาหลับยากแล้ว ยังจะมาทำแบบนี้อีก
"อืม....ข้าง่วงแล้วกระรอกน้อย ราตรีสวัสดิ์" เสียงทุ้มต่ำบอกพลางกระชับอ้อมกอดให้ใกล้กันกว่าเดิมแล้วผล็อยหลับไปในที่สุด แต่คนที่ยังมีสติดี หัวใจเต้นแรง นอนไม่หลับคือคุณชายริคนั่นเอง แถมเขายังไม่กล้าขยับตัวแรงมากเพราะกลัวว่าคีย์ที่ทำงานมาหนักจะไม่ได้รับการพักผ่อน ดวงตาคมแอบหรี่มองว่าคนที่เขาหลงใหลจะมีท่าทีอย่างไร เห็นท่าทีแบบนี้อยากจะฟัดให้หน่ำใจซึ่งทำได้แค่คิดแล้วหลับนอนต่อ
ตะวันลับขอบฟ้าเป็นสัญญาณวันใหม่ของแวมไพร์ คีย์ตื่นมาด้วยท่าทีแจ่มใสร่าเริง ใบหน้าสดใสไม่อิดโรยเหมือนตอนกลางวัน เมื่อหันไปมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาก็มีเสียงหายใจสม่ำเสมอ แสดงว่ากว่าจะข่มตาหลับได้น่าจะนานพอสมควร ร่างสูงไม่ได้ปลุกคนที่อายุน้อยกว่าเพราะหวังจะให้พักผ่อนต่ออีกสักหน่อย อาจจะเป็นข้อดีที่ทำให้คนข้างกายปรับตัวเหมือนแวมไพร์เร็วขึ้นก็ได้ ถึงเผ่าพันธ์จะแตกต่างกันแต่ถ้าได้เข้ามาอยู่ในวัฒนธรรมของอีกฝั่งหนึ่งแล้วก็ย่อมมีการปรับตัวเป็นของธรรมดา
"รัชทายาทพะยะค่ะ ท่านอยู่ที่ไหน" เสียงเหล่าข้ารับใช้เรียกหาตั้งแต่ตะวันตกดิน เพราะปกติแล้วองค์รัชทายาทจะพักผ่อนในห้องหนังสือแต่ทำไมวันนี้ถึงได้หายตัวไป เมล์กลัวว่าจะมีใครมาลอบทำร้ายตอนที่ไม่ทันระวังตัวอีก ถึงจะมีสัญญาณเหมือนสัตว์แต่ถ้าเหนื่อยล้ามากก็คงไม่ไหวที่จะต่อต้านเหมือนกัน
"ข้าอยู่นี่ เกิดอะไรขึ้น"
"หม่อมฉันคิดว่ารัชทายาทถูกลอบทำร้ายเหมือนเมื่อวานพะยะค่ะ เลิกสั่งให้เหล่าคนรับใช้ออกตามหาหากไม่พบจะให้ทหารในวังช่วยตามหาอีกแรง"
"ไม่ใช่หรอก ข้าไปนอนห้องกระรอกน้อยมา"
"ว่าไงนะพะยะค่ะ! "
"ชู่ว! อย่าส่งเสียงดังสิ ทำแตกตื่นไปได้" แววตาเจ้าเล่ห์ที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้บ่อยนักปรากฎขึ้นในดวงตาของคีย์ เขารู้สึกสนุกที่ทำให้คนอื่นคิดไปไกลทั้งที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยถึงแม้ว่าใจจริงอยากจะทำมากกว่านั้นก็ตาม
"รีบไปบอกให้หยุดตามหาข้าได้แล้ว ไปเตรียมน้ำอาบให้ด้วย" เมล์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับคำพูดของผู้เป็นนายแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ถึงรัชทายาทจะเป็นคนสุขุม เงียบขรึมแต่นิสัยเสียที่ชอบทำคือชอบแกล้งคนอื่นและพูดจาให้คิดไปไกล เขาอยู่มานานไม่มีทางหลงกลเด็ดขาด
"พะยะค่ะ" หลังจากคำสั่งของคีย์ถูกถ่ายทอดออกไป เหล่าข้ารับใช้ก็พากันไปทำหน้าที่ของตนเองตามเดิมรวมถึงเข้าใจว่าเจ้านายของตนตื่นก่อนเวลา ไม่ได้ถูกลอบทำร้ายอย่างที่ข้ารับใช้สูงสุดพูดถึง
ร่างสูงโปร่งบิดขี้เกียจไปมาสองสามครั้งก่อนตื่นนอน ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นคีย์อยู่ข้างกายตนเองแล้ว แปลว่าต้องออกไปทำงานตามปกติอย่างแน่นอน หลังจากใช้ชีวิตอยู่มาได้ไม่กี่วันสิ่งที่เห็นคือที่นี่แตกต่างที่คิดเอาไว้มากนัก มันสงบสุขและร่มรื่นกว่าที่คิดไว้มากนัก ถึงจะมีสงครามเย็นบ้างก็มีเพียงบางครั้งบางคราว
สิ่งที่น่าตกใจคือเหมือนเขาจะเนื้อหอมในหมู่ผู้ชายทั้งที่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน มือขาวจับหน้าของตนเองพลิกไปมาเพื่อตรวจดูความผิดปกติว่ามีส่วนไหนที่เหมือนผู้หญิงหรือไม่ ก็ไม่มีส่วนใดเหมือนผู้หญิงหากใดจึงมีแต่คนมาสนใจ มีแต่คนอยากเข้าหาขนาดนี้ หน้าตาสวยขนาดนั้นเลย คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เตรียมตัวไปอาบน้ำดีกว่า ป่านนี้น่าจะมีคนเตรียมน้ำไว้ให้อาบเหมือนเดิม
"กระรอกน้อย อยู่ที่นี่แล้วรู้สึกยังไงบ้าง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เท่าไหร่นะครับ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด"
"เจ้าคิดอย่างไรกับที่นี่งั้นรึ" รัชทายาทเกิดสงสัยในความคิดของอีกฝ่ายขึ้นมาทันที
"เหมือนการทำสงครามเย็นครับเพราะว่าไม่ได้เงียบสงบมากนัก ยังคงมีการรบราในเรื่องการสืบทอดทายาท ราชบัลลังค์ การแย่งชิงอำนาจ เพียงแค่ไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างที่ข้าคิดเอาไว้" มาอยู่ที่นี่ไม่นานก็เหมือนคนตรงหน้าจะเริ่มรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรสินะ
"ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกเจ้าและเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ข้าอนุญาต กระรอกน้อยจะฟังคำขอได้ไหม" ใบหน้าหล่อเหลาพูดพลางสบตาไปด้วยเหมือนต้องการให้รับรู้ว่านี่ไม่ใช่คำสั่งแต่อยากให้อ้อนวอนให้ทำได้ไหม ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อไปตามแก้มนวล ไม่สามารถปฏิเสธหน้าตาอันทรงเสน่ห์นั้นได้จริงๆ
"คำที่พวกมนุษย์ชอบเรียกกันเจ้าสามารถใช้กับข้าได้อย่างเปิดเผย ถึงมันจะดูขัดหูขัดตาคนอื่นแต่ไม่ว่าจะเผลอพูดหรือตั้งใจข้าไม่เคยถือสาเลย"
"ฉะนั้นโปรดช่วยพูดบ่อยๆ จะได้หรือไม่ จีน" เป็นครั้งแรกที่คีย์เรียกชื่อเล่นของอีกฝ่ายที่มาจากโลกคู่ขนานไม่ใช่ชื่อใหม่ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นในจักรวรรดิทำให้มีอิทธิพลต่อคำขอมากขึ้นไปอีก บนโต๊ะอาหารไม่มีของสิ่งใดเลยที่เป็นของร้อนแต่ใบหน้าหวานกับแดงเหมือนน้ำร้อนที่กำลังต้มจนสุก
เมื่อไม่มีคำตอบออกมาจากริมฝีปากบางนั่น ร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปถามในระยะประชิดซึ่งริคกำลังอยู่ในภวังค์ไม่ทันได้สังเกตดว่ารัชทายาทเข้ามาใกล้เพียงแค่หนึ่งนิ้วก็จะประชิดตัวได้ มือหนาลูบไล้ปากบางนุ่มนิ่มอย่างเชื่องช้าแล้วกระซิบถามอีกครั้งเพื่อรอฟังคำตอบอย่างใจเย็น ตั้งแต่เกิดมาหลายร้อยปีเขาไม่เคยแสดงกิริยาเช่นนี้กับใครเลยนอกจากคนตรงหน้า ความร้อนรุ่มที่อยู่ในจิตใจมีมากเหลือเกิน อยากจะจับกินให้ไม่เหลือกลิ่นเลือดแห่งความบริสุทธิอีกต่อไป อยากผูกมัดจิตใจให้ตกเป็นของเขาชั่วนิรันดร์
"ช่วยพูดบ่อยๆ ให้ข้าฟังหรือไม่ จิรายุ" จากชื่อเล่นเปลี่ยนมาเป็นชื่อจริง
"ได้ครับ ท่านพี่"
"เก่งมาก เด็กดี" มือหนาลูบกลุ่มผมนิ่มอย่างเอ็นดู ท่าทีขัดเขินและไม่ประสีประสาในเรื่องความรักช่างน่ารักเสียจริง ก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้กระรอกน้อยก็ได้ส่งสายตาอำมหิตไปยังเหล่าคนรับใช้ในห้องอาหารให้ออกไปให้หมด คีย์ไม่ต้องการให้ใครมาพบเห็นท่าทางน่ารักเช่นนี้ จะต้องมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะได้เห็นมัน
"ช่วงนี้ข้ายุ่งมากเลยกระรอกน้อย สนใจจะไปเดินเล่นในสวนกับข้าไหม"
"ครับ ท่านพี่"
ยามที่ทั้งสองเดินเคียงข้างในสวนดอกกุหลาบสีขาวสะอาดตาส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่นับวันเพิ่มความหอมมากขึ้นทุกวันนั่นก็คือกลิ่นเลือดในตัวของริค สำหรับคนอื่นได้กลิ่นมากน้อยแค่ไหนเขาไม่รู้หรอกแต่สำหรับคนที่เป็นเนื้อคู่กันแล้วมันช่างได้ผลอย่างร้ายกาจ ตอนเรียนในชั่วโมงเรียนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าแวมไพร์จะมีมุมที่กระหายเลือดจนไม่สามารถหักห้ามใจได้ ซึ่งคีย์ต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการอยู่ใกล้แล้วไม่แตะต้องอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว
พระราชวังส่วนตัวของรัชทายาททางด้านใต้นั้นถือเป็นวังพักร้อนในช่วงหน้าร้านที่มีการหยุดระยะยาวหลายสัปดาห์ แต่ครั้งนี้ถูกนำมาใช้ทำงานหลากหลายรูปแบบนั้นค่อนข้างเป็นข้อดีเลยทีเดียว ดีกว่าปล่อยให้รกร้างมีเพียงการทำความสะอาดแต่มันยังถูกใช้สอยอีกด้วย ตอนกลับเข้าวังหลวงไปทำเรื่องซ่อมบำรุงเสียหน่อย
ณ พระราชวังของจักรพรรดิ“จักรพรรดิพะยะค่ะ เซอร์เรเวลมาขอเข้าเฝ้า” มีเทนรายงานให้ผู้เป็นนายฟังเพราะดูเหมือนว่าจะมีสมาธิแต่การทำงานจนไม่ได้ฟังสิ่งที่คนภายนอกรายงานเข้ามาเลย“อะแฮ่ม...ข้ามัวแต่ทำงานเพลิน ให้เข้ามา”“พะยะค่ะ” มีเทนขานรับแล้วเดินไปเปิดประตู“ถวายความเคารพองค์จักรพรรดิ”“ไม่ต้องมากพิธี มีอะไรก็ว่ามา” จักรพรรดิเร่งเพราะยังมีงานค้างที่ต้องจัดการอีกมาก การมาเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วนและไม่มีการขอล่วงหน้าคงจะมีเรื่องด่วนพอสมควร แต่ถ้าไม่ด่วนขนาดนั้นจะสั่งขังสักสิบวันแล้วค่อยให้มาทำงาน เป็นทหารมานานแต่ดันไม่รู้จักระเบียบของวังบ้างเสียเลย“ข้าจะมารายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับพลังของพระคู่หมั้นองค์รัชทายาทพะยะค่ะ” เรเวลตัดสินใจบอกออกไป เพราะอยากเลิกทำงานนี้เสียที เพราะต้องตามสืบคนเดียวมาตลอดหลายเดือน อยากให้มันสิ้นสุดเ
มือขวาดีดนิ้วทำให้วงเวทย์จำกัดการใช้พลังของพวกเราให้อยู่เพียงภายในวงเท่านั้น เพื่อไม่ให้คนอื่นได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าพลังของทั้งคู่มีมากน้อยแค่ไหน เขาจึงตัดสินใจใช้พลังของมังกรปิดกั้นมันไว้ทันทีก่อนจะออกตัวต่อสู้ผัวะ!แรงปะทะกันซึ่งหน้าทำให้ต่างคนต่างกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมของมังกรได้เปิดใช้ทำงานเพื่อประเมินสถานการณ์แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้ความรู้สึกเป็นศัตรูเพื่อมาสู้กับเขา หมายความว่านี่คือการทดสอบความสามารถสินะ ถ้างั้นมาลองกันสักตั้งแล้วกัน ขอไม่เกรงใจกันแล้วผัวะ! พลั่ก! ตุ้บ!ไวท์เร่งความเร็วทั้งพละกำลังและการต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อวัดกันไปเลยว่าสารวัตรต้องการจะตรวจสอบอะไรกันแน่ มาตรวจกันให้มันจบวันนี้ไปเลย ทุกกระบวนท่าที่เคยร่ำเรียนมาทั้งหมดใส่ไปให้หมดไม่ต้องปกปิดความสามารถเอาไว้เพราะว่าบุคคลนี้จะต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่องค์จักรพรรดิอย่างแน่นอนคีย์สังเกตเห็น
“เป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ ทุกคนเหนื่อยเหรอ” ไวท์ถามพลางเอียงคอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นกันหมด“จะเหนื่อยได้ยังไงขอรับ ในเมื่อคนออกแรงคือท่านไวท์ต่างหาก” เฟลิกซ์บอกพลางมองเหล่าแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายด้วยความเบื่อหน่าย มาทำให้เจ้านายของเขาสงสัยทำไม แค่พูดออกมามันจะยากตรงไหนกัน“ตั้งแต่ไปเป็นคนของไวท์ เดี๋ยวนี้ปากกล้าขึ้นนะ เฟลิกซ์” เสียงทุ้มต่ำพูดพลางสะกดอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ให้พลังออกมา“ข้าเป็นคนของท่านไวท์นานแล้วพะยะค่ะ แต่เหมือนใครบางคนยังคงหลงลืมเพราะแก่แล้ว เลยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายก็ได้”“หยุดทั้งคู่เลยครับ เข้าใจการต่อสู้ที่สาธิตให้ดูไหมครับ” ไวท์ยกมือห้ามทั้งสองไม่ให้สู้กันโดยเปล่าประโยชน์ ยังไงพลังเวทของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ก็มีมากกว่า ถึงจะสู้กันก็รู้ผลแพ้ชนะตั้งแต่แรก“มันเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์สำหรับข้า” ลอร์ดสวิตบอกพลางพยายามทำท่าทางตาม
“หึ ยังร้ายกาจเหมือนเดิม” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางส่ายหัวให้กับความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนสนิท แต่พอเข้าใจเหตุผลแล้วจะยอมเปลี่ยนแปลงงบประมาณใหม่“ข้าเป็นเพื่อนเจ้ามานาน เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก”คีย์เดินมาหาร่างสูงโปร่งที่ยืนดูพวกเขาสู้กันอย่างตั้งใจอยู่นอกสนาม ดวงตากลมโตมองเห็นคนอายุมากกว่ากำลังมา เลยปลดโล่ป้องกันออกเพราะการต่อสู้จบลง“มีอะไรหรือเปล่าครับ”“ไปเดินเล่นกัน”หมับ!รัชทายาทบอกพลางอุ้มอีกคนแล้วเดินออกไปทันที ตอนแรกเหมือนทุกคนจะตกใจกับพฤติกรรมของผู้เป็นนายแต่พอนานวันเข้าก็เริ่มเคยชินกับเรื่องแบบนี้ เพราะแวมไพร์อย่างคีย์หากอยากจะอุ้มคนรักตนเองก็ทำโดยไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว และเขาเป็นคนเย็นชาก่อนจะมาเจอเด็กคนนี้ นิสัยเดิมก็ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง“จะพาไปไหนครับ”
“หวังว่าเรื่องนี้จะจบสักที เรื่องการพูดถึงการสืบทอดราชบัลลังค์”“มันจะจบแน่ถ้าพวกเราสองคนเขียนจดหมายส่งเข้าวังหลวง จะไม่มีใครอยากจะมาหาพวกเราเพื่อพูดเรื่องพวกนี้อีก”“ดี ถ้างั้นวันนี้มานอนด้วยกันสิ ไม่ได้นอนด้วยกันนานมากแล้ว”“เอาสิ นอนห้องเดียวกันก็ไม่เลว”ไม่กี่วันต่อมามีเอกสารของเจ้าชายฝาแฝดว่าจะไม่เข้าร่วมเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิ จะดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าชายและเป็นทายาทลำดับถัดมาเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอยากเป็นจักรพรรดิแทนพี่ชายตนเองที่มีตำแหน่งอยู่แต่เดิม ทำให้แผนของเหล่าขุนนางที่หวังจะเรืองอำนาจอีกครั้งหายไปในพริบตา“หึ คิดไว้อยู่แล้วว่าคลาสกับครอสจะต้องทำแบบนี้” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจหลังจากทราบข่าวเรื่องการสละตำแหน่งผู้สืบทอด“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ พี่คีย์”“มีจ
หลังจากลองสำรวจระหว่างที่ว่างดูแล้วทำให้รู้ว่าดินแดนที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนรักเขาก็ค่อนข้างจะไกลพอสมควร แต่จากการศึกษามาแล้วคิดว่าไม่น่าจะมีการผิดพลาดขึ้นอีก จึงออกเดินทางลงมาดินแดนมังกรทันที ปีกสีขาวโบกสะบัดไปมาก่อนจะวางเท้าลงบนพื้นดินแดนอันไกลโพ้นจากสายตาของมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน“ไม่นึกว่าเจ้าจะออกมาต้อนรับข้าด้วยตนเองแบบนี้ ซิคฟรีด” อพอลโลเอ่ยทักทายหลังจากไม่ได้ลงมาเยือนที่แห่งนี้นานมากแล้ว“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องมา อพอลโล” ซิคฟรีดเอ่ยทักทายกลับไปเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้ หมายความว่าพลังของลูกตนเองนั้นมีมากทีเดียว“เจ้าจะไปมอบของขวัญวันเกิดให้กับลูกตนเองไหม”“แน่นอนสิ ข้าเพิ่งจะรู้ด้วยว่ามีลูกกับเจ้า ทำไมถึงไม่ยอมบอกอะไรเลย”“ข้ารู้ว่าการเกิดมาเป็นลูกครึ่งใช้ชีวิตลำบาก อยู่บนสวรรค์ก็คงจะยาก ไปอยู่แดนมังกรก็จะยิ่งยาก&rdquo