ดีกว่า มันถูกสร้างมานานมากจนน่าจะมีการดูแลรักษาเสียที ต่อให้มีพลังที่กล้าแกร่งแค่ไหนก็มีวันที่จะได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน
"อยากมาช่วยงานข้าไหม กระรอกน้อย" เขาหวังว่าจะได้รับคำตอบในทางที่ดี ไม่เช่นนั้นคงผิดหวังแย่
"ข้าช่วยอะไรท่านพี่ด้วยหรือพะยะค่ะ"
"หรือเจ้าอยากเรียนหนังสือล่ะ"
"แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าสงสัยมาตลอด และต้องการรู้จากปากของเจ้า"
"อะไรหรือพะยะค่ะ"
"เจ้าอ่านภาษาของแวมไพร์ออกได้อย่างไร เจ้าไม่เคยได้เรียนภาษาของพวกข้า"
"ไม่รู้เหมือนครับ จู่ๆ ก็อ่านได้เอง"
"ไม่มีใครสอนแน่นะ"
"ครับ ไม่มี" หมายความว่ามันถูกถ่ายทอดผ่านสายเลือดงั้นรึ ของแบบนี้สามารถทำได้ด้วยเหรอ หรืออาจะเคยได้ยินผ่านๆ
"งั้นสนใจมาช่วยงานของข้าไหม"
"ข้าทำได้หรือขอรับ" ใบหน้าหวานส่ายหัวไปมาด้วยความสงสัย
"ในตอนนี้ข้าก็มีเพียงเมล์ที่เป็นผู้ช่วย หากได้เจ้ามาคอยช่วยงานอีกน่าจะเบามือได้ไม่น้อย"
"ได้ครับ ผมจะช่วย"
"ถ้างั้นกลับเข้าวังกันเถอะ"
ตามปกติแล้วองค์รัชทายาทสามารถเลือกข้ารับใช้คนสนิทไว้ข้างกายได้มากมาย แต่คีย์เลือกเพียงเมล์เท่านั้นเลยทำให้เป็นภาระทางตนเองอย่างหนัก เขาไม่สามารถไว้ใจใครได้ทั้งนั้น การจะเลือกใครมาข้างกายต้องไว้ใจได้และทำได้จริง ทุกคนให้ความเคารพและความสำคัญมากพอที่จะไม่มาทำอะไรลับหลังระหว่างที่เขาไม่อยู่หรือสามารถดูแลตนเองได้ยามที่เขาป่วย
ผมไม่เคยช่วยงานอะไรใหญ่โตขนาดนี้แล้วตอบตกลงไปแบบนี้จะช่วยอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ยังไม่สามารถให้คำตอบได้เลยสักนิดเดียว ลองดูสักตั้ง! มาถึงที่นี่แล้วมีแต่ต้องสู้เท่านั้น เดินหน้าแล้วไม่ถอยหลัง
"เชิญรับประทานอาหารช่วงหัวค่ำ ให้หม่อมฉันนำเลือดมาให้ตอนนี้หรือว่ารอเข้าห้องทำงานพะยะค่ะ" เมล์ถามเหมือนเป็นปกติแต่ลืมไปว่ามีอีกคนอยู่ด้วย
"เมล์ เจ้านี่มัน....." เสียงทุ้มต่ำพูดน้ำเสียงลอดไรฟัน บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปทันทีหลังจบคำถามไม่พึงประสงค์ รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากตัวของคีย์อย่างชัดเจนว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ยังมีกฎอีกหลายข้อที่กระรอกน้อยยังไม่รู้แล้วเขาต้องการอธิบายให้ฟังด้วยตนเอง ไม่ใช่มาทำแบบนี้! มันใช้ได้ที่ไหนกัน ช่างน่าลงโทษให้หลาบจำนัก
"ไม่เป็นไรพะยะค่ะ หม่อมฉันเองก็อ่านหนังสือแฟนตาซีมามากมาย"
"ผมไม่มีปัญหาครับ อย่าดุคุณเมลเลยครับ พี่คีย์" ใบหน้าหวานทำท่าทางออดอ้อนน่ารักหวังให้รัชทายาทใจอ่อนและมันก็ได้ผลเกินคาด บรรยากาศรอบตัวกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง น่าแปลกใจมากที่มนุษย์จากโลกอื่นเคยชินกับเรื่องแบบนี้ สถานที่กระรอกน้อยจากมาต้องมีสภาพแวดล้อมแบบไหนกันแน่
"ขอบคุณคุณชายริคมากขอรับ ช่วยข้าไว้ได้เยอะเลย" เมล์หันไปสบตากับผู้เป็นนายอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า คีย์ไม่เคยอยากจะทำร้ายเพื่อนสนิทคนนี้มาก่อนสักครั้งจนกระทั่งวันนี้ เห็นทีจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เสียแล้ว
รัชทายาทเริ่มแนะนำสิ่งที่จำเป็นต่างๆ ที่ผู้ช่วยคนใหม่จะต้องเรียนรู้และศึกษาเพิ่มเติม โดยเริ่มจากการเช็คระดับภาษาของคนที่ตนเองชอบก่อนว่าอยู่ในระดับไหน สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้บ้าง แนวข้อสอบนั้นถูกจัดทำจากสถาบันศึกษาของทางจักรวรรดิซึ่งขึ้นชื่อเรื่องว่ายากและมหาโหด ไม่รู้เลยว่ากระรอกน้อยนั้นจะทำได้มากน้อยแค่ไหน
"รัชทายาทคิดว่าคุณชายริคจะทำได้ไหมพะยะค่ะ" เมล์แอบกระซิบถามด้วยความอยากรู้
"ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันเอง"
"แต่หม่อมฉันอยากให้ท่านเดามาสักทางก็ได้"
"การมาแอบถามแบบนี้มันไม่ถูก เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ" ถึงในใจเขาอยากจะลองเดาดูบ้างก็ตาม
"เสร็จแล้วครับ ตรวจกันได้เลย" ในระหว่างที่ริคกำลังตั้งใจทำข้อสอบสองคนนี้มัวแต่กระซิบกระซาบอะไรก็ไม่รู้ สิ่งที่น่าจะเดาได้ก็คือจะต้องเกี่ยวข้องกับตัวเขาอย่างแน่นอน
สายตาคมตรวจทานข้อสอบอย่างตั้งใจมากกว่าครั้งไหนๆ ถึงเขาจะเคยตรวจทานนักเรียนมากมาย คัดคนเข้าพระราชวังมาก็เยอะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้ เหมือนว่าถ้ามันผิดเยอะแล้วจะกลัวอีกฝ่ายเสียใจ ทั้งที่ปกติเขาแทบจะไม่แคร์เลยว่าใครจะรู้สึกยังไง ผ่านก็ผ่านตกก็คือตก กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าน้ำหมึกได้จรดลงตรวจคำตอบอย่างว่องไวจนมาถึงแผ่นสุดท้าย ในที่สุดมือหนาก็วางปากกาลงเพื่อประกาศผลสอบในครั้งนี้ที่เหมือนคนตรวจจะตื่นเต้นกว่าคนทำ
"ว่าไงพะยะค่ะ หม่อมฉันรอฟังคำตอบ" มือขาวทั้งสองกุมมือของตนเองไว้ราวกับว่าอยากให้ผ่านมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ภาษาของมนุษย์ได้คะแนนเยอะมากขอรับ ส่วนของทางจักรวรรดิไม่ได้คะแนนเยอะแต่ก็ไม่ได้น้อยนัก" เมล์ตัดสินใจบอกแทนเจ้านายของตนเองที่มัวแต่ลีลาจนคุณชายริคแทบจะหัวใจวายตายอยู่ร่อมร่อ
"หม่อมฉันมีเพียงคำถามเดียว"
"ว่ามาสิ กระรอกน้อยของข้า"
"เมื่อกี้ท่านพี่พูดว่าอะไรนะ ไหนลองพูดอีกทีสิพะยะค่ะ" เหมือนเขาจะหูฝาดไปนะ ของลองฟังให้ชัดๆ อีกสักครั้ง
"ข้าพูดอะไรผิดรึ กระรอกน้อยของข้า" รอบนี้ไม่น่าฟังผิดล่ะ ทำไมถึงได้พูดแบบนั้นออกมาเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยนะ เขาเป็นผู้ชายนะรู้หรือเปล่า
"หม่อมฉันเป็นผู้ชายพะยะค่ะ"
"ข้ารู้ ว่าเจ้าเป็นผู้ชาย"
"หม่อมฉันไม่สามารถมีลูกให้ท่านได้ รัชทายาทไม่เข้าใจหรือพะยะค่ะ" ความมั่นคงทางราชบัลลังค์มันจะสั่นคลอนถ้าไม่มีทายาทแบบนี้
"ไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหน พ่อแม่ข้ายังไม่ว่าอะไรเลย" เสียงทุ้มต่ำไม่ได้รู้สึกอะไรถึงความเดือดร้อนในครั้งนี้
“หมายความว่ายังไงพะยะค่ะ หม่อมฉันไม่เข้าใจเลย” เสียงหวานยังคงโต้เถียงด้วยความสงสัยใคร่รู้
“พวกเรามีอายุที่ยาวมากนัก เรื่องทายาทยังไม่จำเป็นต้องคิดก็ได้”
“เพราะว่าร่างกายของกระรอกน้อยเองต่างหากที่จะเปลี่ยนไป”
“เปลี่ยนไป” เขาพยายามพูดทวนอีกครั้งแต่ก็ยังไม่เข้าใจ
“ทุกอย่างจะพิสูจน์เองนะ ตอนนี้ข้าเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” มาพูดให้อยากรู้แล้วก็เบี่ยงประเด็นแบบนี้ก็ได้เหรอ ทำแบบนี้ก็เป็นด้วยหรือไงนะ รัชทายาทบทจะมีสาระก็เยอะมาก บทจะไร้สาระก็อะไรของเขาไม่รู้ ผมล่ะตามไม่ทันจริงๆ
“ต่อจากนี้ไปเจ้าคือผู้ช่วยส่วนตัวของข้า ขึ้นตรงกับคำสั่งของข้าเท่านั้น”
“จะไม่มีใครหน้าไหนมาสั่งให้เจ้าไปทำอะไรแปลกๆ ได้เป็นอันขาด” คนที่จะสั่งแปลก ประหลาดมันน่าจะเป็นพระองค์เสียมากกว่า ริคยังไม่เห็นว่าจะมีใครแปลกตรงไหนนอกจากคนตรงหน้านี่แหละ!
“หม่อมฉันว่าคุณชายไวท์สามารถช่วยงานเฉพาะภาษาของมนุษย์ในจักรวรรดิเท่านั้น นอกนั้นภาษาอื่นๆ พวกเรายังต้องทำกันเองเหมือนเดิมพะยะค่ะ รัชทายาท” เมล์รีบห้ามเจ้านายของตนก่อนที่จะสั่งให้ทำอะไรที่มันเกินความสามารถ สรุปแล้วจะมาช่วยหรือจะมาป่วนกันแน่ เริ่มไม่เข้าใจ
“สรุปแล้วใครเป็นเจ้านายกันแน่ระหว่างเจ้ากับข้า” คีย์เองก็เริ่มไม่พอใจเหมือนกัน ขัดไปเสียทุกเรื่องแบบนี้ รู้นะว่าถูกสอนมาให้ขัดเกล้าเจ้านายเป็นแวมไพร์ที่ดีแต่บางทีก็ให้มันน้อยๆ ลงบ้างก็ได้ อีกที่จะเป็นครูสอนหนังสือส่วนตัวไปแล้ว
“ข้ารู้ว่าทั้งสองคนสนิทกันมาก แต่ถ้ามัวแต่เถียงกันแบบนี้งานกองนั้นจะเสร็จไหม” นิ้วชี้เรียวยาวชี้ไปทางเอกสารกองโตเท่าโต๊ะหนึ่งตัวเลยก็ว่าได้และไม่รีบทำเกรงว่าจะไม่เสร็จอย่างแน่นอน
“ยังไงรบกวนช่วยจัดแจงงานก่อนเถอะ พรุ่งนี้พวกเราต้องออกเดินทางแต่เช้าไม่ใช่รึ” คำพูดไม่กี่ประโยคของกระรอกน้อยเหมือนดึงสติของแวมไพร์หนุ่มทั้งสองให้มาทำงานอีกครั้ง เมล์แบ่งงานส่วนภาษามนุษย์ให้ไวท์ทำทั้งหมด ส่วนพวกเขาก็จัดการภาษาทางจักรวรรดิกันต่อไป ท่ามกลางความเงียบนั้นมีเพียงเสียงกระดาษพลิกไปมาและการจรดน้ำหมึกของทั้งสามที่ช่วยกันทำงานอย่างดี
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา”“ท่านพี่ พวกเราจะกลับเขตปกครองของพวกเราสองคนแล้ว เลิกจะมาลาพะยะค่ะ” คลาสบอกพลางทำความเคารพ“ใช่พะยะค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัว” ครอสบอกแล้วทำความเคารพเช่นกัน“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้คำตอบของหัวใจจากคนที่ตนเองรักแล้วจะไปเริ่มต้นใหม่หรอกหรือ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองฝาแฝดด้วยสายตาเรียบนิ่ง“พะยะค่ะ ข้าได้คำตอบจากคนที่ข้ารักแล้ว / พะยะค่ะ ข้าได้สิ่งนั้นมาแล้ว” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เจ้าชายทั้งสามต่างพยักหน้าให้กันแล้วต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนหลังวังเขาจะไม่รับรู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ไวท์จะต้องพูดและตัดสินใจด้วยตนเองจากนี้ไปทั้งคลาส ครอส น่าจะเริ่มเข้าใจและตัดใจได้ในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ไวท์พูดค่อนข้างเด็ดขาดและชัดเจน ไม่มีช่องว่างให้คนอื่นแทรกเข้าไปได้เลยตอนที่ได้ยินคำพูดออกจา
“เป็นการตรวจสอบภายในก็จริงแต่ต้องส่งเข้าวังหลวงภายในสิบสี่วันขอรับ”“เข้าใจแล้ว ผมจะทำตามที่บอกและเขียนรายละเอียดไว้ให้ด้วยครับบนโต๊ะทำงานของผม” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางออกกำลังกายด้วยตนเองต่อไป สายตาของเมล์มองด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเหมือนตาแก่มากขนาดนี้“มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองนานแล้ว ผมยังออกกำลังกายไม่เสร็จ”“ไม่ขอรับ ข้าขอตัวก่อน”“ครับ”ณ ห้องทำงาน“จะทำยังไงกันต่อขอรับ รัชทายาทยังนอนอยู่ที่โซฟาอยู่เลย” เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยเพราะว่าเจ้านายของตนเรียกทุกคนมารวมกันที่นี่หมดเลย แต่ว่าถ้าพูดคุยกันที่นี่จะไม่ทำให้รัชทายาทตื่นขึ้นมาเหรอ“ผมเชื่อว่าคนไม่ได้นอนมาหลายวันไม่ตื่นง่ายหรอกครับ มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า”“กองงานทั้งหมดส่วนนี้คือการช่วยกันตรวจดูเอกสารงบประมาณภายในวังว่าครบถ้วนหรือไม่ มีอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน และจะต้องเส
“พี่คีย์ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะครับ เคี้ยวอาหารแบบนี้เหมือนเด็กเลยครับ” เสียงทุ้มนุ่มพูดพลางหัวเราะเบา ๆ เพิ่งเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของคนอายุมากกว่าหลายร้อยปี เป็นภาพที่น่ามองไปอีกแบบเหมือนกัน“ข้าว่าเหมือนคนไม่สำรวมมากกว่าขอรับ ท่านไวท์” เมล์บอกพลางถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะกินแบบนั้นจนลืมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร จะกินเร็วเกินไปแล้ว“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเรา งดสำรวมหนึ่งวันแล้วจะรีบกินให้หมดจะได้มานั่งทำงานต่อสักที”หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาก็เห็นรัชทายาทหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน จากการมาหาสภาพไม่ต่างจากคนทำงานหามรุ่งหามค่ำและไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ถ้าทำเครื่องดื่มที่ทำให้รู้สึกสดชื่นน่าจะช่วยได้พอสมควร มาลองคิดเรื่องเครื่องดื่มที่จะทำให้รู้สดชื่นกันก่อนดีกว่ามือขาวหยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมาเพื่อเริ่มไล่รายการเครื่องดื่มที่ทำให้สดชื่นและสามารถทำงานต่อไปได้ในระยะยาวโดยไม่ได้สนใจว่ามีสายตาของแวมไพร์ทั้งสองคู่กำลังมองอยู่ว่าทำอะไร ทำไมดูเคร่งเครียดขนาดนั้น จะเข้าไปช่วยก
“มองอะไรกันครับ ไม่กินข้าวล่ะครับ” ไวท์ถามด้วยความสงสัย“ตอนที่เจ้ากินแบบนี้ดูน่ารักดี เลยเผลอมองนานไปหน่อย ขอโทษด้วย” คีย์ตอบพลางกินอาหารต่อแต่คนที่เหมือนจะกินช้าลงกลายเป็นใบหน้าหวานแทนเพราะทำตัวไม่ถูกกับคำชมของอีกฝ่ายที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ“พูดอะไรครับพี่..” เสียงของไวท์ขาดหายไปแล้วเริ่มก้มหน้าก้มตากินเหมือนเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่มีเด็กคนนี้เข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ตอนนั้นจนวันนี้ สายตาของแต่ละคนก็ยังมีความให้อ่อนโยนให้เหมือนเดิมซึ่งการที่แต่ละคนต่างมีใจให้กับไวท์ก็เป็นสิ่งที่คีย์รู้มานานแล้ว แต่ว่าหลังจากการหมั้นทุกคนก็มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมา“ไวท์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า” คลาสบอกพลางเดินออกไปทางสวนหลังวัง“ครับ” เขาขานรับสั้น ๆ และเดินตามไปแต่โดยดีณ สวนหลังวัง“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ผมยังมีอะไรที่
อพอลโลตัดสินใจที่จะเดินทางมาโลกมนุษย์หลายเดือน จึงคิดเตรียมการหลายอย่างเพื่อให้ตนเองมีเวลาว่างมากพอที่จะสืบเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมด ระยะเวลาที่นานขนาดนี้ในโลกมนุษย์จะสามารถตามหาอะไรได้อีกหรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรับรู้อะไรได้บ้างณ ดินแดนมังกร“มีอะไรหรือท่านจักรพรรดินี”“เหมือนจะถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปหาไข่มังกรแล้วสินะ” เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบพลางใช้พลังมองดูบุตรของตนที่กำลังจะเติบโตขึ้นอีกขั้น“ฝากตาแก่ไว้นานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปรับกลับมาเสียที”“ท่านจะไปที่ใดกัน”“โลกมนุษย์”“ท่านว่ายังไงนะ!”“วางใจเถอะ ไม่ใช่ในตอนนี้หรอก” คนรับใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอก“แต่อีกไม่นานจะต้องเตรียมตัวเพื่อไปพบบุตรของข้า”“แต่ท่านมีบุตรอยู่ที่นี่แล้วถึงสี่พระองค์พะยะค่ะ จะมีบุตรที่ใดกันอีก
“ท่านไวท์เดินตัวตรงหน่อยขอรับ จะล้มแล้ว” คัสซัสร้องทักเพราะเข้ามาชงชายามเช้าให้รับประทานแต่เห็นผู้เป็นนายยังไม่ลืมตาเลยแม้ว่ากำลังจะหยิบถ้วยชาก็ตาม“ช่วงนี้สงสัยข้าเรียนหนักเกินไปถึงได้เหนื่อยล้าแบบนี้ น่าจะลดบทเรียนลงบ้างสักเล็กน้อย” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางลืมตาขึ้นมาดั่งเดิมพลังเริ่มทั้งสองสีภายในร่างสูงโปร่งกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้มือขาวปล่อยมือออกจากถ้วยชา หลับตาลงแล้วร่างลอยขึ้นมาเหนือเตียงและมีรังสีของพลังวนอยู่รอบ ๆ คัสซัสไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนจึงรีบวิ่งมารายงานให้องค์รัชทายาททราบทันที“รัชทายาทพะยะค่ะ พลังของท่านไวท์มาโอบล้อมไว้ทั้งร่างจนตอนนี้เหมือนไม่ได้สติเลยพะยะค่ะ” คัสซัสรีบวิ่งมาบอกหน้าตาตื่นเพราะไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน“เจ้าว่ายังไงนะ!” รัชทายาทอุทานด้วยความตกใจ“ท่านไวท์ไม่ได้สติเลยพะยะค่ะ”“เมล์เจ้ารีบไปแจ้งข่าวแก่วังหลวง คัสซัสเจ้าไปบอกเฟลิกซ์ให้ส่งจดหมายไปหาหน่วยพลังเวทย์มนตร์ของจักรวรรดิ&rdq