การตามใจใครสักคนแล้วยอมลำบากขนาดนี้ หวังว่าจะมีอะไรตอบแทนไม่มากก็น้อยกับความอดทนของข้าในครั้งนี้
ณ พระราชวังสวิต (ที่พักอาศัยของคุณชายคนโตของตระกูล)
"ขอต้อนรับท่านจักรพรรดินี ไม่ทราบว่าเดินทางมาถึงที่นี่มีเรื่องอันใดกัน" ชาร์ทีออกมาต้อนรับทันทีที่เห็นขบวนเสด็จขององค์จักรพรรดินีเดินทางมาแบบไม่เป็นทางการเช่นนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้นที่ถูกจับตัวมาเมื่อก่อนหน้านี้แน่นอน
"ข้าว่าเชิญท่านจักรพรรดินีเข้าไปด้านใน แล้วค่อยหารือกันดีหรือไม่ ชาร์ที" นีน่าบอกเสียงเรียบแต่ท่าทางไม่ได้เรียบตามไปด้วย ลางสังหรณ์ของเขามันร้องเตือนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีที่มีการเดินทางนอกกำหนดการแบบนี้
ตระกูลสวิตถือเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ทั้งสี่ สัญลักษณ์ของตระกูลคือลักษณะแห่งไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องตระกูลของกษัตริย์ให้มั่นคงสืบต่อไป การจะล้มล้างกษัตริยได้จำเป็นต้องเข้าถึงตัวเชื้อพระวงศ์ให้ได้เสียก่อน หากเจ้าแห่งการปกครองสูงสุดของวังหลังออกเดินทางนอกกำหนดการ หมายความมีการทำงานที่ไม่ปกติเกิดขึน อำนาจสูงสุดตกเป็นของจักรพรรดินีและจักรพรรดิไม่มีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว
"อรุณสวัสดิ์ยามดึกพะยะค่ะ ท่านจักรพรรดินี" การแสดงความเคารพอย่างถูกต้องคือสิ่งที่เทรเลอร์ควรทำ
"ไม่ทราบว่าจะรับชาอะไรดีพะยะค่ะ"
"ไม่ต้องมากพิธี นีนาเจ้าจัดการให้ทุกคนออกไปได้แล้ว"
"เพคะ ทุกคนออกจากห้องมาเดี๋ยวนี้"
"ท่านจักรพรรดินีต้องการพูดคุยกับคุณชายตระกูลสวิตเป็นการส่วนตัว" เหล่าคนรับใช้ของทั้งสองพากันทยอยออกจากห้องรับแขกไป คงไม่มีใครอยากจะมีปัญหากับแวมไพร์เลือดบริสุทธิที่มีอายุจนไม่สามารถนับได้ว่าตอนนี้อายุเท่าไหร่
ท่าทางสง่างาม องอาจ ดวงตาสวยดุของเผ่าพันธ์ยังแผ่รังสีออกมาให้เห็น รูปร่างสูงเพรียว ทรวดทรงองค์เอวนั้นงดงามจนไม่อาจละสายตาได้ ช่างเป็นหุ่นที่เชิญชวนให้มนุษย์ลุ่มหลงเข้าหายิ่งนัก หลายคนในจักรวรรดิอยากพลีกายให้ดื่มเลือดกันทั้งนั้นแต่จักรพรรดิหึงหวงมากจนไม่มีใครกล้าที่จะทำเช่นนั้นอีก แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเลือดบริสุทธิ์ไม่สามารถดื่มเลือดมนุษย์ได้ สามารถดื่มได้แต่แวมไพร์ด้วยกันเองเท่านั้นและจะต้องเป็นเลือดของเชื้อพระวงศ์อีกด้วย
หรือถ้าจะให้ทำความเข้าใจตามลำดับขั้นในการดื่มเลือดและบริจาคเลือด มนุษย์บริจาคเลือดให้แวมไพร์ทั่วไป (สามัญชน) ดื่มกิน แวมไพร์ทั่วไปบริจาคเลือดให้เหล่าขุนนาง เหล่าขุนนางบริจาคเลือดให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ และเหล่าเชื้อพระวงศ์บริจาคเลือดให้กับกษัตริย์ หากใครแต่งงานข้ามชนชั้นกันนั้นทั้งสองสามารถให้เลือกกันเองได้โดยตรงเนื่องจากเป็นเนื้อคู่กันตามสัญชาติญาณของเผ่าพันธ์ ทำให้ไม่เกิดอาการเลือดติดพิษเหมือนบุคคลทั่วไป
"ท่านจักรพรรดินีเดินทางมาถึงที่นี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือพะยะค่ะ" เทรเลอร์ถามหยั่งเชิงทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร
"เจ้าส่งคนไปลอบสังหารลูกของข้ากับว่าที่ลูกสะใภ้ข้า อีกทั้งยังตามสืบประวัติของว่าที่ลูกสะใภ้ของข้าอีก"
"เจ้าต้องการอะไรไม่ทราบ ไม่เห็นว่าจะได้ประโยชน์อะไรในครั้งนี้"
"ศึกการจัดอันดับราชวงศ์หมดไปนานร้อยปีแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับผู้เป็นสามีหรือภรรยาของกษัตริย์แล้ว"
สมกับเป็นจักรพรรดินีเส้นสายในจักรวรรดิช่างมากมายเสียจริง ว่าแล้วทำไมถึงสืบหาต้อตอไม่เจอ...ที่แท้ก็เจอตอนี่เอง เท่านี้ก็ไขข้อสงสัยทั้งหมดกระจ่างแล้วว่าที่มาของมนุษย์ผู้นั้นต้องไม่ธรรมดา ถึงได้มีการปกปิดที่มาแล้วสวมรอยให้เป็นคุณชายของเชื้อพระวงศ์แบบนี้ เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนก็มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น รู้สึกจะเป็นเพื่อนสหายของรัชทายาท มันจะต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
"เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถอ่านความคิดได้งั้นรึ ถึงกล้าคิดต่อหน้าข้าเช่นนี้" จักรพรรดินีถามด้วยน้ำเสียงทรงพลัง ช่างถือดียิ่งนักที่มีความคิดแบบนี้ต่อหน้าเลือดบริสุทธิ์ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางโกหกได้แต่ยังกล้าทำอีก ท่าทางแวมไพร์รุ่นใหม่อยากจะลองรับโทษตามกฎของจักรวรรดิเสียแล้ว
"การที่ท่านมาปรากฎตัวต่อหน้าข้าเช่นนี้ ก็สามารถทำให้คิดได้แล้วว่าคุณชายริคมีที่มาไม่ธรรมดาถึงขั้นต้องปกปิดด้วยสกุลของเชื้อพระวงศ์"
"ข้าพูดถูกหรือไม่พะยะค่ะ" สีหน้าขององค์จักรพรรดินีเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากฟังถ้อยคำของคุณชายตระกูลสวิต มันก็ถูกแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพียงเพราะว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่คนของโลกใบนี้มันอันตรายเกินไปที่จะให้ไปอยู่ในมือของคนอื่น วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้คือต้องอยู่ข้างกายพวกเราเท่านั้น
"ท่านเงียบแบบนี้ แปลว่าสิ่งที่ข้าสงสัยนั้นถูกต้อง" ยิ่งผู้อำนาจมากกว่าหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถาม ผู้มีอำนาจน้อยกว่ายิ่งได้ใจ
"ไม่ใช่ทั้งหมด เด็กคนนั้นจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของพวกข้า"
"แต่ข้าจะถูกใจเด็กคนนั้นเสียแล้วสิ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีข่าวลือแปลกๆ " ออกจะน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้เป็นธรรมดาที่จะต้องเนื้อหอม
"ข่าวลืออะไรรึ" มีเรื่องอะไรที่ลูกชายของข้ายังไม่ได้เขียนมาในรายงานหรอกรึ ในบอกว่าจะช่วยกันปกป้องไม่ให้มาทำร้ายได้ แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน
"ก่อนหน้านี้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่แล้วเป็นปัญหามานานหลายศตวรรษ แต่คุณชายริคสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้หลังจากเดินทางไปถึง มีคำชื่นชมมากมายต่อคุณชาย เขาสามารถเข้าถึงใจของประชาชนได้อย่างง่ายดายกว่าพวกเราที่ต้องสร้างความเชื่อใจกันหลายต่อหลายปี" สิ่งที่เทรเลอร์พูดไม่ได้ชื่นชมออกนอกหน้านักเพราะเขาส่งคนไปสืบมาหมดแล้ว ทุกอย่างเป็นความจริงจากปากของชาวบ้านในละแวกนั้น
"มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยรึ ทำไมข้ายังไม่ได้รับรายงาน"
"ท่านลองสืบหาข้อมูลดีๆ แล้วจะรู้ว่าว่าที่ลูกสะใภ้อย่างคุณชายริคมีผู้หมายปองหลายคนมาก คนแรกคือรัชทายาท คนต่อมาคือคุณชายมาร์แชล และคนสุดท้ายก็คือข้าพะยะค่ะ"
"หึๆๆ " กำลังจะเริ่มแล้วสินะ! ตามที่คำนายได้กล่าวเอาไว้เลย งานนี้ต้องตบรางวัลให้กับโหราจารย์เสียแล้ว
ท่าทีไม่สะทกสะท้านของอีกฝ่ายทำให้เขารู้ว่านี่คือสิ่งที่ได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงได้บอกว่าไม่อยากจะเล่นกับจักรพรรดินี นอกจากจะไม่ได้อะไรกับไปแล้วยังเสียผลประโยชน์อีกต่างหาก ยิ่งสีหน้าชอบอกชอบใจแบบนั้นต้องหาอะไรมาปั่นหัวแวมไพร์วัยหนุ่มอย่างพวกเราแน่ รู้สึกสยองยังไงก็ไม่รู้สิ
"ท่านจะพักที่นี่ก่อนหรือไม่พะยะค่ะ" ถึงใจจริงจะไม่อยากให้พักก็เถอะ
"ไม่หรอก ข้าจะเดินทางกลับเลย"
"มีเรื่องให้น่ายินดีขนาดนี้ คงต้องกลับไปเตรียมการต้อนรับให้ยิ่งใหญ่เสียหน่อย" เฮือก! พูดไม่ทันขาดคำ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีอะไรรออยู่
"ขอให้ท่านจักรพรรดินีอายุยืนนาน มั่นคง และอยู่คู่ประชาชนชาวจักรวรรดิตลอดไป" รอดตายแล้ว นึกว่าจะถูกฆ่าทิ้งในวังของตนเองเสียแล้ว ไม่น่าเข้าไปยุ่งเรื่องอันตรายเลย แบบนี้คือการขู่กันชัดๆ เลย
ปึง!
"คุณชายขอรับ เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนไหมขอรับ" ชาร์ทีรีบเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง กลัวเจ้านายของตนเองจะเป็นอะไรไป ยังไงเลือดบริสุทธิ์ก็น่ากลัวกันทุกคน
"ข้าไม่เป็นไร แค่นึกว่าจะตายแล้วเมื่อกี้" รังสีอำมหิตออกมาขนาดนั้นใครบ้างที่จะไม่กลัว
"เจ้ารีบไปเตรียมมือเย็นให้ข้าเถอะ"
"ขอรับ คุณชายเทรเลอร์"
พระราชวังชั้นใน (วังจักรพรรดินี)
"นำเอกสารรายงานเรื่องน้ำท่วมของเขตที่เกิดเรื่องเมื่อไม่นานมานี้มาสิ ขอแบบทั้งหมดด้วย"
"เพคะ ท่านจักรพรรดินี"
เธอใช้เวลาตรวจสอบนานหลายชั่วโมงก็ได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่าเรื่องที่คุณชายตระกูลสวิตพูดถึงเป็นเรื่องจริง ข่าวเมื่อหลายสิบปีก่อนจะถูกขุดคุ้ยอีกครั้งเพราะอดีตสหายรักของรัชทายาทเองก็เคยเป็นมนุษย์มาก่อน แถมยังมาจากอีกโลกนึงเหมือนกันเสียด้วย จะปกปิดเรื่องเหล่านี้ได้อีกนานแค่ไหนก็ยังไม่รู้เลย ท้ายที่สุดแล้วก็คงต้องพึ่งโหราจารย์มาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่จะยืนยันเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"เข้ามาได้"
"ขอให้ท่านจักรพรรดินีอายุยืนนาน มั่นคง และอยู่คู่ประชาชนชาวจักรวรรดิตลอดไป"
"ไม่ต้องมากความหรอก เจ้าจะต้องช่วยข้าหากเกิดเหตุคับขันเกี่ยวกับเด็กคนนั้น" เป็นดังที่เขาคิดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน เหตุผลเดียวที่เรียกออกมากลางดึกแบบนี้จะต้องเป็นเรื่องนี้อย่างแน่นอน
"ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นเหตุจากดวงใช่ไหมพะยะค่ะ หลายสิบปีก่อนก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง"
"แต่ว่าเจ้าชายแฝดยังไม่เกิดเลยไม่รู้เรื่องพวกนี้ หากรู้เรื่องพวกนี้เข้าล่ะก็...."
"ได้เกิดเรื่องแน่ / เป็นเรื่องแน่"
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา”“ท่านพี่ พวกเราจะกลับเขตปกครองของพวกเราสองคนแล้ว เลิกจะมาลาพะยะค่ะ” คลาสบอกพลางทำความเคารพ“ใช่พะยะค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัว” ครอสบอกแล้วทำความเคารพเช่นกัน“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้คำตอบของหัวใจจากคนที่ตนเองรักแล้วจะไปเริ่มต้นใหม่หรอกหรือ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองฝาแฝดด้วยสายตาเรียบนิ่ง“พะยะค่ะ ข้าได้คำตอบจากคนที่ข้ารักแล้ว / พะยะค่ะ ข้าได้สิ่งนั้นมาแล้ว” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เจ้าชายทั้งสามต่างพยักหน้าให้กันแล้วต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนหลังวังเขาจะไม่รับรู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ไวท์จะต้องพูดและตัดสินใจด้วยตนเองจากนี้ไปทั้งคลาส ครอส น่าจะเริ่มเข้าใจและตัดใจได้ในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ไวท์พูดค่อนข้างเด็ดขาดและชัดเจน ไม่มีช่องว่างให้คนอื่นแทรกเข้าไปได้เลยตอนที่ได้ยินคำพูดออกจา
“เป็นการตรวจสอบภายในก็จริงแต่ต้องส่งเข้าวังหลวงภายในสิบสี่วันขอรับ”“เข้าใจแล้ว ผมจะทำตามที่บอกและเขียนรายละเอียดไว้ให้ด้วยครับบนโต๊ะทำงานของผม” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางออกกำลังกายด้วยตนเองต่อไป สายตาของเมล์มองด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเหมือนตาแก่มากขนาดนี้“มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองนานแล้ว ผมยังออกกำลังกายไม่เสร็จ”“ไม่ขอรับ ข้าขอตัวก่อน”“ครับ”ณ ห้องทำงาน“จะทำยังไงกันต่อขอรับ รัชทายาทยังนอนอยู่ที่โซฟาอยู่เลย” เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยเพราะว่าเจ้านายของตนเรียกทุกคนมารวมกันที่นี่หมดเลย แต่ว่าถ้าพูดคุยกันที่นี่จะไม่ทำให้รัชทายาทตื่นขึ้นมาเหรอ“ผมเชื่อว่าคนไม่ได้นอนมาหลายวันไม่ตื่นง่ายหรอกครับ มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า”“กองงานทั้งหมดส่วนนี้คือการช่วยกันตรวจดูเอกสารงบประมาณภายในวังว่าครบถ้วนหรือไม่ มีอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน และจะต้องเส
“พี่คีย์ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะครับ เคี้ยวอาหารแบบนี้เหมือนเด็กเลยครับ” เสียงทุ้มนุ่มพูดพลางหัวเราะเบา ๆ เพิ่งเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของคนอายุมากกว่าหลายร้อยปี เป็นภาพที่น่ามองไปอีกแบบเหมือนกัน“ข้าว่าเหมือนคนไม่สำรวมมากกว่าขอรับ ท่านไวท์” เมล์บอกพลางถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะกินแบบนั้นจนลืมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร จะกินเร็วเกินไปแล้ว“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเรา งดสำรวมหนึ่งวันแล้วจะรีบกินให้หมดจะได้มานั่งทำงานต่อสักที”หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาก็เห็นรัชทายาทหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน จากการมาหาสภาพไม่ต่างจากคนทำงานหามรุ่งหามค่ำและไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ถ้าทำเครื่องดื่มที่ทำให้รู้สึกสดชื่นน่าจะช่วยได้พอสมควร มาลองคิดเรื่องเครื่องดื่มที่จะทำให้รู้สดชื่นกันก่อนดีกว่ามือขาวหยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมาเพื่อเริ่มไล่รายการเครื่องดื่มที่ทำให้สดชื่นและสามารถทำงานต่อไปได้ในระยะยาวโดยไม่ได้สนใจว่ามีสายตาของแวมไพร์ทั้งสองคู่กำลังมองอยู่ว่าทำอะไร ทำไมดูเคร่งเครียดขนาดนั้น จะเข้าไปช่วยก
“มองอะไรกันครับ ไม่กินข้าวล่ะครับ” ไวท์ถามด้วยความสงสัย“ตอนที่เจ้ากินแบบนี้ดูน่ารักดี เลยเผลอมองนานไปหน่อย ขอโทษด้วย” คีย์ตอบพลางกินอาหารต่อแต่คนที่เหมือนจะกินช้าลงกลายเป็นใบหน้าหวานแทนเพราะทำตัวไม่ถูกกับคำชมของอีกฝ่ายที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ“พูดอะไรครับพี่..” เสียงของไวท์ขาดหายไปแล้วเริ่มก้มหน้าก้มตากินเหมือนเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่มีเด็กคนนี้เข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ตอนนั้นจนวันนี้ สายตาของแต่ละคนก็ยังมีความให้อ่อนโยนให้เหมือนเดิมซึ่งการที่แต่ละคนต่างมีใจให้กับไวท์ก็เป็นสิ่งที่คีย์รู้มานานแล้ว แต่ว่าหลังจากการหมั้นทุกคนก็มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมา“ไวท์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า” คลาสบอกพลางเดินออกไปทางสวนหลังวัง“ครับ” เขาขานรับสั้น ๆ และเดินตามไปแต่โดยดีณ สวนหลังวัง“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ผมยังมีอะไรที่
อพอลโลตัดสินใจที่จะเดินทางมาโลกมนุษย์หลายเดือน จึงคิดเตรียมการหลายอย่างเพื่อให้ตนเองมีเวลาว่างมากพอที่จะสืบเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมด ระยะเวลาที่นานขนาดนี้ในโลกมนุษย์จะสามารถตามหาอะไรได้อีกหรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรับรู้อะไรได้บ้างณ ดินแดนมังกร“มีอะไรหรือท่านจักรพรรดินี”“เหมือนจะถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปหาไข่มังกรแล้วสินะ” เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบพลางใช้พลังมองดูบุตรของตนที่กำลังจะเติบโตขึ้นอีกขั้น“ฝากตาแก่ไว้นานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปรับกลับมาเสียที”“ท่านจะไปที่ใดกัน”“โลกมนุษย์”“ท่านว่ายังไงนะ!”“วางใจเถอะ ไม่ใช่ในตอนนี้หรอก” คนรับใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอก“แต่อีกไม่นานจะต้องเตรียมตัวเพื่อไปพบบุตรของข้า”“แต่ท่านมีบุตรอยู่ที่นี่แล้วถึงสี่พระองค์พะยะค่ะ จะมีบุตรที่ใดกันอีก
“ท่านไวท์เดินตัวตรงหน่อยขอรับ จะล้มแล้ว” คัสซัสร้องทักเพราะเข้ามาชงชายามเช้าให้รับประทานแต่เห็นผู้เป็นนายยังไม่ลืมตาเลยแม้ว่ากำลังจะหยิบถ้วยชาก็ตาม“ช่วงนี้สงสัยข้าเรียนหนักเกินไปถึงได้เหนื่อยล้าแบบนี้ น่าจะลดบทเรียนลงบ้างสักเล็กน้อย” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางลืมตาขึ้นมาดั่งเดิมพลังเริ่มทั้งสองสีภายในร่างสูงโปร่งกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้มือขาวปล่อยมือออกจากถ้วยชา หลับตาลงแล้วร่างลอยขึ้นมาเหนือเตียงและมีรังสีของพลังวนอยู่รอบ ๆ คัสซัสไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนจึงรีบวิ่งมารายงานให้องค์รัชทายาททราบทันที“รัชทายาทพะยะค่ะ พลังของท่านไวท์มาโอบล้อมไว้ทั้งร่างจนตอนนี้เหมือนไม่ได้สติเลยพะยะค่ะ” คัสซัสรีบวิ่งมาบอกหน้าตาตื่นเพราะไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน“เจ้าว่ายังไงนะ!” รัชทายาทอุทานด้วยความตกใจ“ท่านไวท์ไม่ได้สติเลยพะยะค่ะ”“เมล์เจ้ารีบไปแจ้งข่าวแก่วังหลวง คัสซัสเจ้าไปบอกเฟลิกซ์ให้ส่งจดหมายไปหาหน่วยพลังเวทย์มนตร์ของจักรวรรดิ&rdq