LOGIN"อะไรนะ! เด็กคนนั้นเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาท"
"หมายความว่ายังไงกัน" "ยังงี้ลูกสาวของฉันก็อดตำแหน่งจักรพรรดินีสินะ" "แล้วเป็นลูกตระกูลไหนกันถึงได้ครองหัวใจของรัชทายาทได้นะ" เสียงซุบซิบนินทาต่างๆ นานาถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในงานเลี้ยงภายในวันนี้ แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่ ดาบจ่อหน้า! คู่หมั้น! รัชทายาท! จักรพรรดินี! หรือว่า! "ท่านพี่เป็นลูกขององค์จักรพรรดิใช่ไหมครับ" เสียงหวานถามออกมาด้วยน้ำเสียงก่ำกึ่ง ดวงตากลมโตมีแววสับสนอย่างเห็นได้ชัด "ใช่ แต่ว่ายังไม่มีเวลาเล่าเลยก็เกิดเรื่องซะแล้วสิ" น้ำเสียงของคีย์แลดูไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับเหตุการณ์นี้มากนัก "พี่ชายของข้าถึงกับออกโรงปกป้องแบบนี้ มันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นอย่างแน่นอน" คลาสพูดพลางมองร่างของจีนด้วยความสงสัย "นั่นสิ ปกติพี่ชายของพวกข้าไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอกนะ" ครอสมีท่าทีเห็นด้วยพลางมองตามพี่ชายฝาแฝดของตนเอง "ท่าทางว่ารัชทายาทจะต้องอธิบายท่านจักรพรรดิและจักรพรรดินีภายในวันพรุ่งนี้นะ" "พรุ่งนี้เช้ารบกวนเข้าเฝ้าที่วังหลวงด้วยพะยะค่ะ" มีเทน คนสนิทของจักรพรรดิบอกตามคำสั่งที่ได้รับมา เป็นอันรู้ดีในหมู่ของคนรับใช้ว่า แม้เขาจะเป็นคนรับใช้เหมือนตระกูลอื่นๆ แต่เขามีเส้นสายและอำนาจมากพอที่จะทำให้บางตระกูลหายไปได้เลยทีเดียว "อึ๋ย! แค่ฟังเสียงก็น่ากลัวอะ / สยองขวัญชัดๆ เลย" สองแฝดพากันขนลุกซู่ในขณะที่พี่ชายคนโตทำเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นเอง นี่เขากำลังทำให้คีย์ลำบากใจหรือเปล่านะ ทั้งที่แค่จะช่วยคุณบลัฟเฟอร์แล้วทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้แบบนี้ โลกนี้มันยังไงกันแน่เนี่ย โลกนี้ถูกหล่อหลอมมาแบบไหนทำไมถึงเกิดสงครามแบบนี้ "ขอโทษนะ แต่คุณชายจีนน่าสนใจมากจริงๆ มาถึงที่นี่ก็ได้พบกับท่านจักรพรรดิแล้ว ข้าเองก็ทำงานรับใช้มานานยังไม่เคยได้รับการเรียกส่วนตัวเช่นนี้เลย" มาร์เเชลบอกด้วยสีหน้าชื่นชม ซึ่งคีย์ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจกระรอกน้อยของเขาแน่นอน "ผมว่ายังไงมันก็แปลกนะครับ" เสียงหวานเอ่ยตอบไปด้วยความสงสัย ที่นี่มีแต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจสักอย่าง แถมความทรงจำของเขามันก็ค่อนข้างที่จะเลือนลางเสียด้วย "หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะคุณชายจีน" ไม่พูดเปล่ามือหนายังเอื้อมมาจับมือขาวพลางกดจูบเบาๆ ก่อนจากไปอีกต่างหาก "เอ๋! " เขาขยับตัวหนีทันทีด้วยความตกใจแต่ปฏิกิริยาแบบนี้ยิ่งทำให้ดูน่ารักเข้าไปมากกว่าเดิมอีก กระรอกน้อยของคีย์ดูท่าว่าจะเนื้อหอมมากว่าที่คิดไว้เสียแล้ว "ข้าคิดว่ากลับกันดีกว่าครับกระรอกน้อย พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีก" "ครับ" มือหนากุมมือขาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแม้ว่าจะพาเดินออกมาจากงานเลี้ยงแล้วก็ตามที เขาตั้งใจมาประกาศว่ากระรอกน้อยเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ดูสายตาของพวกแวมไพร์กระหายเลือดเหล่านั้นสิ ดูก็รู้ว่าอยากดื่มเลือดมากแค่ไหน เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด จีนนั่งเงียบมาตลอดทางเพราะไม่รู้ว่าสีหน้าครุ่นคิดของคีย์นั้นหมายถึงอะไร ดวงตากลมโตพยายามมองหาว่าที่นี่คือที่ไหน มันคือดินแดนอะไร ทำไมทุกคนถึงมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะกินเข้าไปได้ทั้งตัวแบบนั้นด้วย ไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว แล้วทำไมคีย์ต้องโมโหขนาดนั้น มีแต่เรื่องให้งงไปหมดเลยวันนี้ "กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียก หลังจากพากันเงียบอยู่นาน "ที่นี่คือดินแดนที่แวมไพร์อาศัยอยู่ กระรอกน้อยเป็นมนุษย์เพียงคนเดียว ไม่แปลกที่จะมีแต่คนสนใจเพราะว่ากลิ่นเลือดมันหอมหวานเชิญชวนให้อยากดื่มตลอดเวลาขนาดนี้ แต่ข้ามีความอดทนมากพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น...ถ้ากระรอกน้อยไม่เต็มใจ" ที่แท้ก็มาอยู่โลกของแวมไพร์นั่นเอง เขาก็นึกว่าที่ไหน เดี๋ยวนะ! แวมไพร์! แวมไพร์! ดื่มเลือด! ร่างสูงโปร่งเขยิบหนีโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ว่าเผ่าพันธ์ของพวกเรานั้นแตกต่างกันมากแค่ไหน ส่งผลให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู เพราะถ้าหากว่าเขาต้องการจะดื่มเลือดใครขึ้นมาแล้วล่ะก็...สำหรับเลือดบริสุทธิ์อย่างเขาแล้ว มันไม่ยากเกินความสามารถหรอก แต่ที่เลือกจะไม่ทำเพราะต้องการถนอมอีกฝ่ายไว้ให้นานที่สุดมากกว่า และเลือดของอีกฝ่ายมันไม่ธรรมดาเลยทีเดียว "กระรอกน้อยเคยเห็นหน้าพ่อไหม" เสียงทุ้มต่ำถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้น "อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่เลือกคนที่ไม่เต็มใจหรอกนะ ที่นี่มีวิวัฒนาการที่ให้มนุษย์บริจาคเลือดให้แวมไพร์อย่างพวกข้าเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปปล้นกินก็มีให้ดื่มกินตามต้องการ" "ท่านพี่เหมือนบุคคลในหนังสือของคุณตา" ดวงตากลมโตกรอกไปมาเพื่อใช้ความคิด "เหมือนยังไง" เสียงทุ้มต่ำถามด้วยความใคร่อยากรู้ "มันเป็นสมุดบันทึกของคุณตา ท่านบันทึกไว้ว่าเคยไปยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยคิดว่าไม่อาจจะกลับไปได้อีกแล้ว เป็นดินแดนที่มนุษย์กับแวมไพร์อาศัยอยู่ด้วยกัน..." เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าพูดมากเกินไปเลยหยุดพูดเสียดื้อๆ "ไม่ต้องคิดมากค่ะ พูดต่อเลย ข้าอยากฟัง" "เป็นสถานที่โลกของพวกเราไม่มี เพราะพวกเรามีเพียงมนุษย์เท่านั้น และมีเพื่อนชื่อว่าคีย์ที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ เขาอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย เพราะไม่มีวิธีที่จะกลับมายังโลกเดิมของตนเองได้ แต่อยู่มาวันหนึ่งสมุดบันทึกที่เขาเคยจดก็หายไปแล้วมาอยู่ที่บ้านของผมครับ แม่บอกว่าพ่อเป็นคนเอามาให้ครับ" เขาเล่าตามที่ได้ยินมาแต่ฟังดูแล้วมันดูขัดกันไปเสียหมด ไม่เข้ากันเลยสักอย่าง "กระรอกน้อยก็รู้สึกใช่ไหมครับว่ามันไม่เข้ากันอย่างแรง" ใบหน้าหวานพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะมันไม่เข้ากันจริงๆ "ข้าคิดว่ากระรอกน้อยไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นลูกครึ่งเทพเพราะว่ากลิ่นเลือดมนุษย์มันยังอยู่ในตัว" "เอ๋!!! " "ไม่ได้สังเกตเลยเหรอคะ ปีนี้กระรอกน้อยอายุเท่าไหร่" "กำลังจะสิบแปดครับ" "อีกไม่นานเลือดในตัวของกระรอกน้อยจะเป็นคนบอกเอง ที่ข้าพูดแบบนี้เพราะว่าปู่ของกระรอกน้อยก็คือเพื่อนของข้า และมีกลิ่นเลือดแบบเดียวกัน" "อะไรนะครับ! นี่ท่านพี่อายุเท่าไหร่ครับเนี่ย! " ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ นี่มันสามรุ่นมาแล้วนะ คีย์อายุเท่าไหร่กันแน่ "เอาเป็นว่าเก็บเสื้อผ้าแล้วเตรียมตัวเข้าวังหลวงกันวันพรุ่งนี้ดีกว่านะ ท่าทางจะต้องโดนสอบสวนอีกเยอะแน่ๆ และยังต้องเจอมาร์แชลด้วยเพราะว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องขึ้น" "ครับ" ร่างสูงโปร่งถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่และยังไม่ได้กินอาหารเช้าด้วยซ้ำ โดนที่เจ้าคฤหาสน์ให้เหตุผลว่าไปกินที่วังหลวงเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา มือขาวเลยเตรียมอาหารแบบลวกๆ อย่างแซนวิชมาเพื่อพกกินระหว่างทาง เมื่อก้าวเข้ามาในรถม้าแล้วก็ไม่ลังเลที่จะหยิบขึ้นมากินในทันที ดวงตาคมมองด้วยความสงสัยและเอ่ยปากถามในทันที "กระรอกน้อย ที่กินเข้าไปคืออะไรเหรอ" เสียงทุ้มต่ำถามพลางเอียงคอมองไปมาด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้วแต่การกระทำแบบนั้นน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว "แซนวิชครับ คือการนำขนมปังมาตัดเป็นแผ่นแล้วใส่ผัก และเนื้อที่ต้องการกินแล้วใส่น้ำที่ทำขึ้นมาแล้วลงไปครับ โดยน้ำเหล่านี้แล้วแต่ว่าจะเป็นน้ำสลัดหรือว่าน้ำผักหรือจะเป็นแยมหรือเนยก็ได้ทั้งหมดครับ แต่ผมเห็นว่าในตู้เย็นมีเพียงเนยเลยทาด้วยเนยสดครับ" "วิเศษมากเลย กระรอกน้อยมีให้ข้าลองกินไหมคะ" "มีครับ ผมทำเผื่อไว้สองอัน" "แล้วทำไมถึงต้องกินระหว่างเดินทาง ในเมื่อก็ใกล้จะถึงวังหลวงแล้ว" "แซนวิชคืออาหารว่างหรืออาหารกินเล่นครับ ไม่ใช่อาหารหลักในการกิน ถือเป็นมื้อระหว่างวันครับ สำหรับโลกของผมมันเป็นแบบนี้ครับ" "สุดยอดเลย ถ้างั้นลองทำอาหารว่างให้ข้ากินแบบนี้ระหว่างวันได้ทุกวันไหม" "ได้ครับ ยังไงผมก็ชอบทำอาหารอยู่แล้วครับ" "กระรอกน้อยจะทำให้ข้าประทับใจไปถึงไหนกันนะ ข้าไม่รู้จะเริ่มชมจากตรงไหนก่อนแล้วนะ" เหมือนได้รับคำชมมากมายเริ่มทำให้ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อขึ้นมาดื้อๆ ถึงแม้ว่าอากาศจะเย็นสบายแต่เหมือนมีไฟมาสุมรวมกันอยู่ที่แก้มนวลทั้งสองข้างเลย "ขอบคุณครับ รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ท่านพี่พึงพอใจครับ" เสียงหวานเอ่ยตอบกลับไปไม่เต็มเสียงนัก เขาหลีกเลี่ยงที่จะสนทนาด้วยการมองไปที่วิวด้านนอกแทน ทุกอย่างเป็นอย่างที่ถูกเขียนไว้ในบันทึก บรรยากาศเหมือนยุโรปกลางชัดๆ ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในบางเรื่องแต่เรื่องวัฒนธรรมบางอย่างก็ไม่มีสินะ รถม้ายังคงเดินทางออกไปตามเส้นทางหลักของหัวเมืองทางตะวันออก ถ้าเทียบกับทิศทางของใจกลางจักรวรรดิแล้ว เส้นทางของตะวันออกถือว่าเดินทางได้ง่ายที่สุดแล้ว และมีของที่ค่อนข้างสะดวกสบายกว่าหัวเมืองอื่นมากนัก "ถึงแล้วพะยะค่ะ หม่อมฉันขอตัวไปเก็บรถม้าก่อน" "อืม อย่าลืมขนของเข้ามาด้วยล่ะ" "พะยะค่ะ รัชทายาท" วังหลวงถูกดีไซน์ด้วยสีโทนดำเกือบทั้งหมดตัดกับสีขาวบางส่วนคงความเก่าแก่และน่าสะพรึ่งกลัวไว้ในคราวเดียวกัน สมแล้วที่เป็นวังของแวมไพร์น่ากลัวได้ดีเลยทีเดียว เหมือนกับว่าสามารถประกาศศักดาและข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้ดีเลยทีเดียว ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปโดยไม่มีท่าทีหวั่นไหวอะไรเลยทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจไม่น้อย ที่นี่ถ้าเปรียบกับโลกมนุษย์แล้วก็เหมือนบ้านผีสิงขนาดใหญ่เท่านั้นเอง แล้วเขาไม่ได้กลัวผีจะทำท่าตื่นกลัวไปทำไมกัน เดินไปด้วยท่าทีสบายๆ มันก็ไม่มีอะไรแล้ว อีกอย่างสิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่เรื่องที่ผิด คนไม่ผิดไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว "มากันแล้วเหรอ" องค์จักรพรรดิทักทายลูกชายและคู่หมั้นที่ลูกชายไปประกาศไว้ในงานเลี้ยงของบ้านมาร์แชล ทำไมถึงทำแบบนั้น มีเหตุผลอะไรกันแน่ ลูกของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนจะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน "ครับ ท่านพ่อ" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบกลับไป "ครับ ท่านจักรพรรดิ" "ที่รัก ทำไมเจ้าทำให้เด็กคนนั้นเกร็งล่ะ" "โธ่! ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ" "ข้าคิดว่าท่านพ่อคงไม่ได้เรียกมาจากงานที่ยังค้างคาเพื่อมาดูท่านพ่อกับท่านแม่ทะเลาะกันใช่ไหม" เสียงทุ้มต่ำเริ่มขุ่นมัวตามอารมณ์เพราะว่างานของเขายังมีอยู่มากแต่ถูกลากตัวมาแบบนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยจำใจต้องมายังวังหลวงแห่งนี้ "อรุณสวัสดิ์ คุณชายจีน" มาร์แชลเอ่ยทักทายด้วยท่าทีเป็นมิตรแต่เหมือนว่าคีย์จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ก็อย่างว่า...ใครจะพอใจที่มาถูกใจคนที่ตัวเองชอบแบบนี้กันนะ "อรุณสวัสดิ์ครับ คุณบลัฟ" ประเด็นมันอยู่ตรงที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าใครหลงรักตัวเองเข้าแล้วต่างหากล่ะ "จะเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ ทำไมเจ้าถึงได้สามารถต่อสู้กับคนที่จะมาปองร้ายกับมาร์แชลได้ ทั้งจักรวรรดิเรียนรู้การต่อสู้ด้วยการใช้ดาบและอาวุธต่างๆ นานา ไม่ได้ถูกสอนมาแบบนั้น เจ้าเป็นคนที่ไหนกันแน่ เจ้าอยู่ตระกูลไหน" จักรพรรดิรัวคำถามที่อยากรู้มากมายใส่จีนโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรมากนัก มันเหมือนกับสถานการณ์เข้าห้องเย็นในห้องปกครองในโรงเรียนไม่มีผิด การแก้ไขสถานการณ์คือการบอกความจริงไปต่างหาก "การต่อสู้นี้เรียกว่าคาราเต้ครับ คือการใช้ร่างกายเตะต่อยออกไปในระยะสั้นด้วยความว่องไวและตัดกำลังคู่ต่อสู้ แม้ว่าจะไม่มีอาวุธแต่สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้ ผมถูกสอนมาแบบนั้นมากกว่าการใช้อาวุธเพราะว่าการใช้อาวุธเป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับที่บ้านผม คนที่ไม่ได้ทำงานด้านนั้นโดยตรงห้ามใช้ครับ ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นคนที่ไหนเป็นคนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าครับ ตระกูลไหนนี่ต้องมีตระกูลด้วยเหรอครับ พอดีว่าบ้านผมนับเป็นชื่อกับนามสกุลปกติ เรื่องนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ ส่วนเรื่องอาวุธแล้วล่ะก็...มีวิชากระบี่กระบองตอน ม.ต้นผมเองก็ได้เกรด 4 ซะด้วย ใช้ได้สบายแน่นอนครับไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายแบบไหนคือเฉียบขาดมาก" "มาร์แชล เจ้าออกไปก่อน" "พะยะค่ะ ท่านจักรพรรดินี" ถึงแม้ว่ามาร์แชลจะสงสัยมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจขัดกับอำนาจขององค์จักรพรรดินีได้ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายในหมู่แวมไพร์แล้วเลือดต่างหากที่เป็นตัวบ่งบอกว่าใครมีพละกำลังมากกว่าเรื่องเพศ "ตัวการไปแล้วนะลูกจีน เล่าต่อเลยลูก" "วิชากระบี่กระบองที่ลูกจีนพูดหมายถึงอะไร" จักรพรรดิถามด้วยความสงสัย "มันก็คือวิชาการใช้ดาบรูปแบบหนึ่งครับแต่มันเรียกว่ากระบี่กระบองเพราะว่าเป็นการใช้อุปกรณ์จำลองในการต่อสู้ ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ครับ" เสียงหวานอธิบายและมีท่าทางประกอบไปด้วย "ลูกจีนคือคนในคำทำนายของท่านโหราจารย์ใช่หรือไหมคีย์" จักรพรรดินีเอ่ยถามและมั่นใจมากว่าจะต้องใช่ "พะยะค่ะ ท่านแม่" "ขอประทานอภัยพะยะค่ะ ข้าพาท่านโหราจารย์มาพบแล้ว" เมล์บอกพลางผายมือไปด้วย "คุณชายหนูจีนจริงๆ ด้วย หน้าตาเหมือนปู่ของท่านมากเลยนะ" สตุฟเฟลบอกด้วยท่าทีสบายๆ ขัดกับตำแหน่งที่ได้ แต่ทำให้คนทั้งท้องพระโรงทราบกันหมดแล้วว่าจีนมาจากโลกอื่นไม่ใช่โลกนี้ เพราะคำทานายระบุไว้ว่า 'คู่ของรัชทายาทไม่ใช่แวมไพร์จากโลกนี้' 'รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาน่ารักเรียกว่าสะสวยเลยก็ว่าได้' 'เป็นคนที่จะตกลงมาจากบนฟ้าเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนที่พบเจอมนุษย์คนนั้นนั่นเอง' "มีอะไรกันหรือเปล่าครับ เงียบกันหมดแบบนี้" เขาเอ่ยถามออกด้วยความสงสัย ทำไมทุกคนมีท่าทีแปลกไปมีทั้งชื่นชมตกใจสับสน ความรู้สึกมันหลากหลายเกินไปหรือเปล่านะ แล้วแบบนี้มันถูกต้องแล้วเหรอที่จะรู้สึกแบบนั้น "กระรอกน้อย" "ครับ" "จากคำทำนายของท่านโหราจารย์ กระรอกน้อยคือมนุษย์ครึ่งเทพ พ่อเป็นเทพ แม่เป็นมนุษย์" "เอ๋! " "และที่สำคัญกว่าเลยก็คือ...กระรอกน้อยคือคนในคำทำนาย" "ครับ? " "คำทำนายสุดท้ายคือกระรอกน้อยคือเนื้อคู่ของข้า" "ว่าไงนะครับ!!! "Au Actor Eight timeภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบ“แต่ว่า... อ๊ะ!” เขาพยายามจะอธิบายแต่กลับรู้สึกเสียวซ่านมากกว่าเดิมเพราะถูกปรนเปรอด้วยมือทั้งสองข้างของคนอายุมากกว่าจนสติเลือนลาง“ไม่ได้หรอกคนดี อย่าดื้อสิคะ” การฝืนสอดใส่สำหรับคนไม่เคยเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินไป ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะทำการสวนล้างมาอย่างดีในวันก่อนแล้วก็ตาม เรื่องแบบนี้ควรให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า&
ภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบจุ๊บ!“น้องจีนไม่ต้องกลัวไปหรอกนะคะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่น้องกำลังกังวลอยู่”“จะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ พี่ให้สัญญา”“พี่จะอ่อนหวานกับผมมากเกินไปหรือเปล่า” จิรายุถามออกมาด้วยความเขินอาย ตั้งแต่ถูกอุ้มจนกระทั่งมานอนบนเตียงเหมือนจะได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษมากกว่าตอนอยู่ชั้นล่างอีก น้ำตาก็เหมือนจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่ใช่ความเสียใจแต่ตื้นตันใจจนอธิบายไม่ถูก“ไม่มีอะไรที่มากเกินไปค่ะ สำหรับคนรักของพี่”“หา
ภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบ“เหลือโฆษณาน้ำอัดลมตัวสุดท้ายแล้วที่ยังติดสัญญา จะต่อสัญญากับทางบริษัทหรือเปล่า” เฟลิกซ์ถาม“คงไม่หรอกครับ ผมคิดไว้แล้วว่าหมดสัญญารอบนี้จะกลับไปช่วยงานตาแล้วน่ะ”“เอาแบบนั้นเหรอ แล้วต่อไปพี่จะทำอะไรดีล่ะเนี่ย งานสมัยนี้ก็หายากเอาเรื่องนะเนี่ย”“ไม่เห็นจะยากเลยครับ ก็ย้ายตามผมไปที่บริษัทด้วยเลยสิ เรื่องแค่นี้เอง” เสียงทุ้มนุ่มพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ“ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”&
ภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบหลังจากการถ่ายทำรายการช่องทางของจิรายุในวันนั้นก็เกิดแฮชแทคคู่ชิปเกิดขึ้นต่อจากการทำงานร่วมกันที่มีตารางงานติดต่อกันมาสักพักแล้ว แต่มีสิ่งผิดปกติหนึ่งอย่างเกิดความสงสัยในใจของเพื่อนสนิทจึงเอ่ยถามออกไป“แกชอบน้องจีนเข้าแล้วใช่ไหม หลัง ๆ แกวางตัวไม่เหมือนเดิม เริ่มถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว คนนอกอาจจะดูไม่ออกเพราะคิดว่าทำตัวเหมือนเดิมแต่สำหรับฉัน นี่มันเกินเพื่อนสนิทไปแล้ว รู้ตัวบ้างไหมวะ” เมล์ถามตรงประเด็นเพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อนซี้หลบเลี่ยงคำถามได้เหมือนตอนตอบนักข่าว“อืม ขนา
ภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบ“เป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่เด็กคนนั้นเข้ามาในชีวิตของแก ลางร้ายลดน้อยลงบ้างไหม”“ถึงจะไม่ได้ลดน้อยลงมาก แต่ผมก็ปลอดภัยมากขึ้นครับคุณพ่อ”“เท่านี้ก็ปลอดภัยแล้วสินะ ต่อไปเรื่องแต่งงาน คิดไว้หรือยัง”“ยังเลยครับ ชีวิตทำงานที่ดี เพื่อนร่วมงานดี ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย”“แต่งงานกับจิรายุเลยไหมล่ะ ฉันได้ยินมาจากตาแก่ว่าร่างกายของเด็กคนนี้ค่อนข้างพิเศษ สามารถตั้งครรภ์ได้ เพราะฉะน
ภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบ“ขอรบกวนด้วยนะครับคุณจีน ยังไงก็ฝากไอ้เคียร์ เอ๊ย! เคียร์ด้วยนะครับ”“เรียกจิกแบบเดิมไปเลยก็ได้นะ ยังไงก็ไม่เคยจะเกรงใจกันอยู่แล้ว”“ทำไม เป็นเพื่อนกันทำไมจะพูดไม่ได้ คนที่ทำให้ฉันไม่ได้ไปทำงานเป็นเรื่องเป็นราวมันคือแกไม่ใช่หรือไงกัน”“ตอนนี้ดึกมากแล้ว แยกย้ายกันนอนตามห้องที่จัดกันแบบใหม่เถอะครับ” เฟลิกซ์เห็นทั้งคู่เถียงกันนานแล้วเลยออกปากห้าม ไม่งั้นคงจะไม่มีใครได้นอนกันพอดีแก







