หลังอาหารเที่ยง ไป๋เหลียนไม่ง่วงนอนแล้ว เธอจึงไปนั่งคุยกับหวังซูหุยและหวังจุนเหยาที่ห้องรับแขก
“ไป๋เหลียน เรื่องครอบครัว หนูจะให้ย่าช่วยอะไรไหมลูก”
“ขอบคุณคุณย่ามากค่ะ เพียงแต่พวกเขาคงไม่กล้ามาก่อกวนหนูหลังจากสามีสั่งสอนไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะมั้งคะคุณย่า”
“ไฮ้! อย่าไปมั่นใจนักเลย คนโลภไม่รู้จักพออย่างสองคนนั่น ย่าคิดว่าพวกเขาจะต้องไปก่อกวนหนูอีกแน่”
“อืม… ถ้าพวกเขามาจริง ๆ หนูก็ไม่มีเงินให้พวกเขาหรอกนะคะคุณย่า”
“โถ… ไป๋เหลียน จุนเหยา อย่าลืมให้บัตรแบล็คการ์ดหลานสะใภ้ย่าด้วยล่ะ อ้อ แล้วเรื่องจดทะเบียนสมรส พวกเธอจะไปจดกันเมื่อไหร่ อีกไม่นานหลานย่าก็จะคลอดแล้วนะ อย่ารอกันนานเกินไปนัก”
“ผมคิดจะพาน้องไปจดทะเบียนพรุ่งนี้ครับ วันนี้ผมอยากให้เธอพักผ่อนก่อน”
หม่าหลันในร่างไป๋เหลียนหันไปยิ้มให้กับส
คืนนี้เป็นอีกคืนที่ไป๋เหลียนหลับไปก่อนหวังจุนเหยา พรุ่งนี้เธอให้เขาช่วยส่งเธอไปยังหอพักเพื่อเอาหนังสือเรียนก่อน แล้วเธอจะไปเข้าเรียนพร้อมเพื่อนร่วมหอพักเอง ทำให้หวังจุนเหยาไม่สามารถเดินไปส่งเธอด้วยตัวเองได้ในวันพรุ่งนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังได้ไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย แค่นี้เขาก็พอใจแล้วหลังอาหารเช้าวันรุ่งขึ้น หวังจุนเหยาใช้รถสปอร์ตสีขาวโดยไม่ให้บอดี้การ์ดติดตามไปเหมือนปกติ เพราะเขาไปแค่มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเขา อีกอย่างเขาอยากอยู่กับภรรยาตัวน้อยสองคนบ้าง ไป๋เหลียนที่ไม่รู้ความคิดของสามีก็ไม่ได้สนใจอะไร วันนี้เธอแต่งตัวด้วยชุดใหม่สุดหรูที่ซื้อมาเมื่อวานหลังจากแม่บ้านนำไปซักรีดให้เธอก่อนแล้วภายในรถระหว่างเดินทางไปยังมหาวิทยาลัย หวังจุนเหยาชักจะหวงภรรยาตัวน้อยเข้าเสียแล้ว เขาไม่คิดว่าพอไป๋เหลียนได้แต่งตัวดี ๆ แบบนี้แล้วยิ่งทำให้เธอดูดีและน่ารักมากจนเขาไม่อยากให้เธอเจอผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำไป๋เหลียนเห็นหวังจุนเหยาทำหน้าตาเคร่งเครียดระหว่างขับรถก็ได้แต่เอียงคอมองดูสา
“เฮอะ ทำเป็นปากดีไปเถอะ ยังไงเธอก็ขายตัวให้เขาอยู่ดีไม่ใช่หรือยังไง” เจิ้งซินอี๋ถึงจะกลัวไป๋เหลียนที่เปลี่ยนไปตรงหน้า แต่เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวหาไป๋เหลียน“ใครบอกเธอว่าฉันขายตัวให้เขา ฉันกับเขาแต่งงานกันเรียบร้อยแล้วต่างหากล่ะ ถ้าเธอยังใส่ร้ายฉันอีกล่ะก็ ฉันจะให้สามีเรียกคนมาจัดการเธอกับพวกให้เข็ดเลย อยากลองสักหน่อยไหมล่ะ” ไป๋เหลียนกวาดตามองหญิงสาวทั้งสามด้วยสายตาดุร้ายเจิ้งซินอี๋ หลิวซือซือกับหวางลี่นาที่ไม่เคยเห็นไป๋เหลียนดุร้ายขนาดนี้มาก่อนได้แต่ขนลุกขนชัน พวกเธอไม่รู้ว่าไป๋เหลียนพูดจริงหรือเปล่า ถ้าสามีไป๋เหลียนพาคนมาจัดการพวกเธอเข้าจริง ๆ ทั้งสามคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง“ฮึ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะนังคนจน อย่าให้พวกเรามีหลักฐานนะว่าเธอขายตัว ไม่อย่างนั้นเราจะร้องเรียนไปที่มหาวิทยาลัยว่าเธอทำตัวไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักศึกษาที่นี่ พวกเรารีบไปจองที่นั่งกันเถอะ ฉันเหม็นกลิ่นคนจน”เจิ้งซินอี๋รีบเดินไปหาที่นั่งห่างจาก
เจิ้งซินอี๋ หลิวซือซือและหวางลี่นาที่แอบดูอยู่ต่างรีบเอามือปิดปากแทบไม่ทัน พวกเธอไม่คิดว่าอาจารย์พิเศษคนนี้จะกล้าทำเรื่องแบบนี้กับนักศึกษา ยิ่งกับไป๋เหลียนที่มีสามีแล้วด้วยไม่นานนักเจิ้งซินอี๋ก็ตั้งสติได้ เธอรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ในทันที หลังจากนี้เธอจะนำรูปความใกล้ชิดของไป๋เหลียนกับอาจารย์พิเศษไปติดให้ทุกคนในมหาวิทยาลัยรู้ไป๋เหลียนเองหลังจากหายตกใจกับการจู่โจมของสามีสุดหล่อแล้ว เธอรีบกระซิบข้างหูสามีให้รู้ว่าตอนนี้กำลังมีคนมองพวกเขาอยู่“ช่างพวกเขาสิ อยากดูก็ดูไป คุณจะกลัวทำไมภรรยา” หวังจุนเหยายังคงเกาะเอวเล็กเอาไว้ไม่ปล่อยพร้อมกับทำหน้างอคอหักไม่ต่างจากปลาทูสักเท่าไหร่“โธ่ ฉันกลัวพวกเขาถ่ายรูปเราแล้วเอาไปประจานน่ะสิคะ ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น คุณกับฉันจะไม่ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเหรอ” ไป๋เหลียนได้แต่ถอนหายใจกับสามีที่บทจะงอแงก็เป็นเสียแบบนี้“ใครจะกล้าไล่เราออก ในเมื่อนี่มัน
หลินซินที่รายงานเรื่องราวทั้งหมดให้หวังจุนเหยาฟังได้แต่เหงื่อตก เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะโกรธมากถึงขนาดนี้ ความจริงเรื่องนี้แก้ไขไม่ยากเลย หากเจ้านายประกาศไปว่าเป็นสามีของนายหญิงน้อย แต่เจ้านายเขากลับอยากทำให้เรื่องยุ่งยากโดยการสั่งพักการเรียนเด็กที่นำข่าวไปปล่อยทั้งหมด รวมถึงส่งเรื่องฟ้องศาลไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกเสียอย่างนั้น“เจ้านายแน่ใจเหรอครับว่าจะทำแบบนี้?”“ทำไม? เด็กพวกนั้นมีเบื้องหลังอย่างงั้นเหรอ”“ก็… จะว่ามีก็มีนิดหน่อยครับ พวกเธอเป็นลูกนักธุรกิจในเมืองหลวงนี่แหละครับ”“เฮอะ! ฉันไม่สนใจ ใครกล้ากล่าวหาภรรยาสุดที่รักของฉันในทางเสียหาย ฉันไม่เอาไว้แน่ ไปจัดการตามที่สั่งก็พอ ฉันจะพาเธอกลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว”“ครับ เจ้านาย”หลินซินได้แต่นึกในใจว่า ที่แท้เจ้านายโกรธแทนนายหญิงน้อยนี่เอง ตั้งแต่เจ้านายเขามีเมีย เขารู้สึกว่าเจ้านายเ
รปภ. ดวงซวยที่เพิ่งเคยเห็นท่านประธานเป็นครั้งแรกถึงกับเหงื่อแตกแทบจะล้มลงไปกับพื้นอย่างตกใจ เขาได้แต่คิดว่าตัวเองช่างโง่เง่านักที่หาเรื่องท่านประธาน งานดี ๆ แบบนี้ยิ่งหายากอยู่ด้วย ขณะที่ รปภ. กำลังจะคุกเข่าขอโทษหวังจุนเหยา ไป๋เหลียนเห็นเข้าก็รีบใช้พลังปราณยกตัว รปภ. เอาไว้แล้วโบกมือไล่เขาออกไปให้ไกลจากสายตาสามีเธอ ก่อนที่คุณสามีจะอารมณ์แปรปรวนอีกครั้งรปภ. เห็นสัญญาณมือของภรรยาท่านประธานเข้า เขาจึงรีบวิ่งไปอีกด้านของลานจอดรถแทนทันที เขาไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของภรรยาท่านประธานเด็ดขาด เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นเธอที่ช่วยเกลี้ยกล่อมไม่ให้ท่านประธานไล่เขาออก เขาจึงเชื่อฟังเธอมากกว่าผู้จัดการเหลยเสียอีกเหลยจ้านเห็นตัวปัญหาวิ่งหนีไปแล้วก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ ก่อนจะผายมือเชิญหวังจุนเหยากับไป๋เหลียนให้เดินตามเขาไปยังร้านเนื้อย่างที่เขาเพิ่งโทรบอกผู้จัดการร้านก่อนหน้านี้ทันที“ทีหลังรับคนใหม่เข้ามาก็หัดเอารูปคนสำคัญในบริษัทให้พวกเขาดูก่อน ไม่ใช่ให้มาทำงาน
ใช่ว่าจะมีเพียงไป๋เหลียนเท่านั้นที่ชื่นชมหวังจุนเหยา แต่โต๊ะของสาวไฮโซที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันนักก็ชื่นชมเขาจนอยากแย่งมาเพราะคิดว่าหวังจุนเหยาต้องชอบคนรวยอย่างเธอมากกว่า“ไป่หลิง เธอแน่ใจเหรอว่าจะเข้าไปขอเบอร์เขาจริง ๆ น่ะ เมื่อกี้เธอไม่เห็นเหรอว่าผู้จัดการร้านสั่งให้พนักงานดูแลเขาอย่างดี” ม่านถิงถามเพื่อนอย่างไม่อยากมีเรื่อง“อะไรกันม่านถิง นี่เธอไม่อยากให้ไป่หลิงมีแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ อย่างผู้ชายคนนั้นหรือยังไงกันน่ะ” ซือฉีมองเหยียดม่านถิงที่กลัวไม่เข้าท่า“นั่นสิม่านถิง ฉันว่าไป่หลิงเหมาะกับผู้ชายคนนั้นมากกว่ายัยหน้าจืดนั่นนะ” จินเหยียนสนับสนุนเพื่อนอีกแรงหนึ่ง“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่ไม่อยากให้มีเรื่องอีกเท่านั้นเอง เรายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร ถ้าเขาเป็นคนที่เราไม่ควรมีเรื่องด้วยจะทำยังไงล่ะ” ม่านถิงพูดอย่างจนใจ“เฮอะ! เธอนี่ขี้กลัวไม่เข้าท่านะม่านถิง ไป่หลิงเป็นถึงลูกสาว
หลังจากกินกันไปได้สักพักใหญ่ หวังจุนเหยาก็เห็นจ้าวเฟยพาพวกเข้ามาในร้านอีกห้าคน เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนที่จ้าวเฟยจะเดินมารายงานเขา“เจ้านาย พวกเรามารับเจ้านายกับนายหญิงน้อยกลับบ้านครับ เลขาหลินโทรบอกว่ามีคนรบกวนเจ้านาย พวกเราเลยรีบมาครับ”“อืม… พวกนายนั่งกินรอกันไปก่อน ฉันกับนายหญิงน้อยยังอยากนั่งกินต่ออีก”“ครับ เจ้านาย” จ้าวเฟยเดินไปที่โต๊ะว่างไม่ไกล ก่อนจะสั่งอาหารมาย่างกินที่โต๊ะกับพวก เขาอยู่กับเจ้านายมานาน จึงรู้ดีว่าน่าจะอีกพักใหญ่เลยกว่าที่เจ้านายจะกลับบ้านกลุ่มไป่หลิงที่ถูกลากตัวออกจากห้างท่ามกลางผู้คนที่มาเที่ยวห้างต่างอับอายไม่น้อย เธอกัดฟันสะบัดแขนออกจากการจับตัวของ รปภ. ทันทีที่ออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้า“ปล่อยฉันได้แล้ว ไอ้บ้า!!! คอยดูนะ ฉันจะให้พ่อฉันล้มห้างสรรพสินค้านี้เสีย ฉันอยากจะดูสิว่าผู้ชายคนนั้นจะคุกเข่าขอร้องให้ฉันช่วยไหม พวกเรา กลับ!!!”
หวังจุนเหยากับไป๋เหลียนใช้เวลาอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงจึงได้ลุกจากโต๊ะเพื่อที่จะได้เดินทางกลับบ้าน หลังจากไป๋เหลียนต้องเข้าห้องน้ำถึงสามรอบแล้วกลับมานั่งกินอีกจนของบนโต๊ะทั้งหมดหมดเกลี้ยงอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่พวกเขากินกันแค่สองคนเท่านั้น แต่จำนวนจานที่วางซ้อนกันนั้นไม่ต่างจากคน 4-5 คนมานั่งกินกันแม้แต่น้อยจ้าวเฟยกับพวกเองก็อิ่มกันได้สักพักแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ ในเมื่อผู้จัดการห้างและผู้จัดการร้านต่างเดินออกมาส่งเจ้านายกับนายหญิงน้อยด้วยกัน“สามี~ วันหลังเราชวนคุณย่ามากินด้วยกันนะคะ” ไป๋เหลียนเงยหน้าขึ้นขณะที่แขนยังคงเกาะเกี่ยวแขนหวังจุนเหยาเอาไว้เพื่อเดินไปขึ้นลิฟท์ผู้บริหารที่อยู่ไม่ไกล“ตกลงครับ ไว้วันหลังเรามากันอีกนะ ที่นี่ไม่ไกลจากบ้านนัก” หวังจุนเหยาก้มมองคนตัวเล็กข้าง ๆ ที่ยังอุตส่าห์นึกถึงคุณย่าของเขาพร้อมรอยยิ้มบางบอดี้การ์ดที่ได้ยินเสียงเจ้านายนุ่มละมุนอย่างที่ไม่เคยฟังมาก่อนได้แต่ทำหน้าเหวอกันเป็
ไป๋เหลียนมองดูแหวนทั้ง 10 คู่ที่วางอยู่ในถาดอย่างละเอียด เธอเห็นว่ารูปแบบของแหวนไม่เหมือนกับแบบอื่น ๆ ในถาดอีกด้านหนึ่ง ดูแล้วหรูหรามากกว่าแบบเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียวระหว่างที่กำลังดูอยู่นั้น ไป๋เหลียนสะดุดตากับแหวนคู่ที่มีเพชรสีดำประดับอยู่บนตัวเรือนสีทองอร่าม เธอคิดว่าแหวนผู้ชายเหมาะกับสามีเธอมาก ส่วนแหวนผู้หญิงก็ไม่ได้ดูใหญ่โตมากเกินไปจนไม่สามารถใส่ออกข้างนอกได้“สามี~ คุณคิดว่าแหวนคู่นั้นเป็นยังไงบ้างคะ” ไป๋เหลียนชี้ให้หวังจุนเหยาดู“หืม? คุณชอบเพชรสีดำนี่เหรอครับ” หวังจุนเหยาหันมองไป๋เหลียน“ฉันคิดว่าแหวนนี้เข้ากับคุณมากน่ะค่ะ อีกอย่างแหวนผู้หญิงก็เหมาะที่จะใส่ไปเรียนได้ด้วย ถ้าเป็นวงอื่นฉันกลัวว่าจะทำหายน่ะสิคะ”“อืม… ถ้าคุณชอบก็เอาแหวนคู่นั้นก็ได้ครับ แต่ผมว่าเพชรสีชมพูคู่นั้นก็ดูเหมาะกับมือคุณมากนะครับ” หวังจุนเหยาชี้นิ้วให้ไป๋เหลียนดู
“สามี!!! หยุด!” ไป๋เหลียนรีบเข้าไปกอดหวังจุนเหยาทางด้านหลัง ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปซ้ำพวกเจิ้งซินอี๋อีกครั้งหวังจุนเหยาพอได้รับอ้อมกอดอุ่นของภรรยา เขาก็กลับมาเป็นปกติในทันทีแล้วรีบสำรวจร่างกายไป๋เหลียนจนเธอเวียนหัวแทบแย่ หลังจากเห็นว่าภรรยาตัวน้อยของเขาไม่เป็นอะไร หวังจุนเหยาค่อยผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอกได้เสียที ตอนนี้เหล่าผู้หญิงในห้างที่คิดจะเข้าห้องน้ำเห็นสถานการณ์ด้านในก็ไม่มีใครกล้าเข้าห้องน้ำ จึงได้แต่ยืนมองกันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร“ภรรยา ผมเป็นห่วงคุณมากรู้ไหม” หวังจุนเหยากอดไป๋เหลียนเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน“ฉันรู้ค่ะ ขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วงนะคะ ฉันไม่เป็นอะไรมาก แค่พวกเธอคิดจะรังแกฉันกับลูกเท่านั้นเอง ดีที่ฉันยังไหวตัวทันตอบโต้ไปบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ”เหล่าคนที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วมองสภาพของพวกเจิ้งซินอี๋ต่างไม่อยากจะเชื่อว่านี่แค่เป็นการตอบโต้เล็ก ๆ น้อย ๆ หวังจุนเหยาที่เข้าข้างเมียรักกลับไม่สนใจ เขายังคาดโทษ
สองสามีภรรยาไม่รู้เลยว่าผู้จัดการห้างกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวกันสองคนเสียอย่างนั้น เรื่องนี้บอดี้การ์ดทุกคนต่างเริ่มคุ้นชินแล้วในเวลาที่เจ้านายอยู่กับนายหญิงน้อย พวกเขาจึงไม่รู้สึกอะไรมากนัก แตกต่างจากผู้จัดการห้างที่คอยกระซิบถามจ้าวเฟยอย่างอยากรู้อยากเห็น“ก็อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ ท่านประธานรักนายหญิงน้อยมาก”“โอ้ แบบนี้ผมต้องดูแลนายหญิงน้อยให้ดีสินะครับ ไม่อย่างนั้นท่านประธานจะต้องกลายร่างเป็นปีศาจอีกแน่”“คุณรู้ก็ดีแล้ว พวกเราเองยังต้องคอยเอาใจนายหญิงน้อยเช่นเดียวกัน เพราะนายหญิงผู้เฒ่าเองก็รักนายหญิงน้อยมากไม่แพ้ท่านประธานเลย”“ขอบคุณคุณจ้าวที่แนะนำนะครับ วันนี้ผมเป็นเจ้ามือเอง พวกคุณทานชาบูให้อร่อยนะครับ” ผู้จัดการห้างรีบบอกจ้าวเฟยเมื่อเข้าไปในร้านผู้จัดการร้านพาพนักงานต้อนรับมารออีกสองคน ก่อนที่เขาจะเดินนำทางให้กับหวังจุนเหยาและคนอื่น ๆ ไปยังโต๊ะด้าน
วันนี้ไป๋เหลียนไม่ได้ให้บอดี้การ์ดตามมาด้วย เธอไม่ชอบคนเดินตามจนไม่เป็นส่วนตัวนัก เธออยากเล่าให้เพื่อนฟังเรื่องการมีสามีว่ามันดียังไง เผื่อว่าสาวโสดอย่างเพื่อนทั้งสองของเธอจะอยากมีแฟนสักคนบ้าง พวกเธอจะได้มีเรื่องเล่าสู่กันฟังมากขึ้นนอกจากเรื่องเรียนที่น่าเบื่อ“นี่ ฉันบอกเรื่องที่พวกเธอจะไปอ่านหนังสือด้วยกันที่บ้านให้คุณย่ากับสามีฉันฟังแล้วนะ พวกเขาบอกว่ายินดีต้อนรับพวกเธอล่ะ ฮิ ฮิ”“ว้าว พวกเขาใจดีกับเธอมากเลยนะไป๋เหลียน”“นั่นน่ะสิ หายากนะที่ครอบครัวฝ่ายสามีจะใจดีแบบนี้น่ะ”“ใช่แล้ว พวกเขาดีกับฉันมากเลยล่ะ คุณย่ายังบอกว่าจะให้คนเตรียมขนมเอาไว้ให้พวกเธอกินด้วย”ทั้งสามคุยกันเสียงเจื้อยแจ้วโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองพวกเธอยังไง จนทั้งสามคนไปหาที่นั่งในห้องเสร็จก่อนเวลาเริ่มเรียน 15 นาที พวกเธอยังคงคุยกันอย่างสนุกสนาน แตกต่างจากนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่ไม่กล้าเอ่ยปากแขวะกลุ่มของไป๋เหลียน
รุ่งเช้าวันต่อมา ไป๋เหลียนตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น เธอเดินลมปราณปรับร่างกายที่เหนื่อยล้าจากกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อคืนกับสามีคนดีจึงไม่มีผลกระทบกับร่างกายที่กำลังตั้งครรภ์ของเธอ แตกต่างจากหวังจุนเหยาที่ถูกภรรยาเคี่ยวกรำมาเสียครึ่งค่อนคืน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมาจากความเหนื่อยล้าเลยไป๋เหลียนกลัวว่าคุณย่าจะรอทานอาหารเช้า เธอรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปเรียนในวันนี้ ก่อนจะออกมาปลุกสามีขี้เซาที่ไม่ยอมลุกขึ้นมาอาบน้ำเสียทีอย่างหมั่นไส้“สามี~ ตื่นได้แล้วค่ะ คุณย่ารอทานข้าวเช้าอยู่นะคะ ฉันมีเรียนตอนเช้าด้วยวันนี้”“อืม… ภรรยา ผมยังง่วงอยู่เลย ขอจูบหวาน ๆ สักทีก่อนได้ไหมครับ หืม…”เพี๊ยะ!!! โอ้ย!!“ฮือ… ภรรยาใจร้าย ปลุกกันดี ๆ ก็ได้นี่นา จุ๊บ” หวังจุนเหยายังแอบจุ๊บแก้มไป๋เหลียนก่อนจะรีบลุกจากที่นอนไปอาบน้ำตามคำสั่งภรรยาไป๋เหลียนได
หลังจากกินอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ไป๋เหลียนก็ง่วงนอนอีกแล้ว อาจเพราะเธอใช้พลังปราณมากเกินไปในวันนี้ ทำให้ง่วงเร็วกว่าปกติ หวังจุนเหยาที่ยังมีงานกองอยู่ไม่น้อยได้แต่พาไป๋เหลียนเข้าไปนอนพักในห้องด้านใน ก่อนที่เขาจะออกมานั่งทำงานจนลืมเวลา“เอ่อ… เจ้านายครับ ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วนะครับ เจ้านายไม่พานายหญิงน้อยกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนเหรอครับ เหลืองานอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้เจ้านายค่อยมาทำต่อก็ได้นะครับ” หลินซินรีบเตือนหวังจุนเหยาที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่จนลืมเวลา“ห๊ะ! สี่ทุ่มแล้วเหรอ?” หวังจุนเหยาเงยหน้าขึ้นมองหลินซินอย่างต้องการคำตอบ“ใช่ครับ เจ้านาย” หลินซินตอบอย่างระอา“เฮ้อ… ขอบใจที่เตือนฉันนะ ฉันลืมไปว่าไป๋เหลียนนอนรออยู่ในห้อง”หวังจุนเหยารีบเก็บเอกสารส่งให้หลินซินก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้เดินกลับเข้าไปในห้องด้านในเพื่อปลุกภรรยาตัวน้อย“อื้อ&h
“เย่ปิง โทรบอกหลินซินให้พาคนมาจัดการเธอซะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าเธอที่ร้านนี้อีก เรื่องอื่นฉันจะคุยกับสามีเอง”เสียงเย็นชาของไป๋เหลียนทำเอาเย่ปิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทั้งที่มือยังสั่นอยู่ด้วยความหวาดกลัว เขาพูดเสียงสั่นตามคำสั่งของไป๋เหลียนโดยไม่รู้ตัว กระทั่งไป๋เหลียนเดินผ่านเขาไปแล้วเข้าไปนั่งบนรถด้านหลังที่ตอนนี้เหอเปียวเป็นคนเดินไปปิดประตูแทนเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ กว่าที่เขาจะตั้งสติได้ ก็ตอนที่ได้ยินเสียงแตรที่เหอเปียวกดเรียกหลังจากเขาวางสายจากหลินซินแล้วนั่นเองไป๋เหลียนไม่สนใจว่าเย่ปิงตอนนี้จะรู้สึกอย่างไรกับเธอ ถ้าเธอยังเห็นยัยผู้จัดการนี่อีกครั้งที่ร้านนี้ล่ะก็ เธอจะอาละวาดจนร้านสามีพังไปเลย คอยดูสิ! คิดจะมายุ่งกับสามีเธอเหรอ? ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เถอะ!!!ด้วยรังสีอำมหิตที่ไป๋เหลียนเผลอปล่อยออกมา ทำเอาเย่ปิงกับเหอเปียวเหงื่อแตกเต็มแผ่นหลังด้วยความหวาดกลัวไปหมด กว่าที่พวกเขาจะหายหวาดกลัวก็เป็นตอนที่ขับรถเข้าไปยังตึกบริษัทแล้วนั่นแหละ เพราะไป๋เหลียนเริ่มมีรอยยิ้มบ
ผู้จัดการร้านหันไปพบกับเย่ปิงเดินมาพร้อมไป๋เหลียนพอดี เธอขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่แน่ใจว่าทำไมบอดี้การ์ดของท่านประธานถึงได้มากับผู้หญิงแปลกหน้าได้“เย่ปิง คุณพาใครมาที่ร้านน่ะ ถ้าท่านประธานรู้เข้าว่าคุณพาผู้หญิงมากินฟรี คุณก็รู้ว่าจะถูกลงโทษยังไง” เสี่ยวชิงเหอมองไป๋เหลียนอย่างไม่พอใจนัก เธอคิดว่าไป๋เหลียนเป็นแฟนของเย่ปิงและเขาอาจพาเธอมาอวดว่าสามารถเข้าร้านอาหารระดับนี้ได้ไป๋เหลียนที่ได้ยินเข้าก็เปลี่ยนสีหน้าจากอ่อนโยนเป็นเย็นชาในทันที เธอมองหญิงสาวที่เย่ปิงบอกว่าเป็นผู้จัดการร้านตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะปล่อยพลังปราณกดดันจนเสี่ยวชิงเหอเหงื่อตก“คุณพูดบ้าอะไรของคุณกัน! นี่ภรรยาท่านประธาน ผมพามาซื้ออาหารชุดไปให้ท่านประธานก่อนเข้าบริษัท คุณรีบขอโทษนายหญิงน้อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นตำแหน่งของคุณอาจถูกเปลี่ยนมือได้” เย่ปิงตวาดว่าอย่างอดไม่ได้ เขาพอจะรู้อยู่ว่าผู้หญิงคนนี้ใฝ่สูงขนาดไหน เพียงแต่ท่านประธานไม่เคยชายตามองเธอเท่านั้น พวกเขาจึงไม่ได้ลงมืออะไร
เหอเปียวจอดรถเสร็จก็รีบวิ่งตามเย่ปิงไปดูแลไป๋เหลียนอยู่ห่าง ๆ ตามคำสั่ง พวกเขาเห็นนักศึกษาหลายคนมองมาที่กลุ่มของไป๋เหลียน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้พวกเธอ พวกเขาทำเพียงซุบซิบกันเบา ๆ เท่านั้น“นี่ ไป๋เหลียน ตกลงว่าเรื่องเธอกับอาจารย์พิเศษเป็นยังไงกันแน่น่ะ”“อืม… ก็ไม่มีอะไร เขาเป็นสามีฉันเองอ่ะ พวกเธออย่าบอกใครนะ” ไป๋เหลียนกระซิบบอกเพื่อน เธอไม่อยากปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายไปมากกว่าที่เป็นอยู่“ห๊ะ!!!” จางเหยากับหลี่ซินอุทานอย่างตกใจ ก่อนทั้งสองจะรีบปิดปากแล้วพยักหน้ารับคำไป๋เหลียน พวกเธอกลัวว่าจะเผลอพูดเสียงดังจนคนอื่นได้ยินเข้าไป๋เหลียนหัวเราะเบา ๆ กับอาการตกอกตกใจของเพื่อนทั้งสอง เธอไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้พวกเธอแสดงอาการออกมาขนาดนี้“ฮึ่ย! เธอยังจะหัวเราะพวกเราอีกนะไป๋เหลียน เรื่องนี้มันน่าตกใจจริง ๆ นี่นา”