ณ จวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวง
หม่าเทียน แม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงและฮูหยินหม่าซู กำลังนั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียดเรื่องการแต่งงานบุตรสาวของพวกเขา โดยมีน้องชายของนางหม่าเหว่ยนั่งฟังท่านพ่อ ท่านแม่อยู่ด้วย
“ข้าไม่อยากให้นางแต่งกับหวังฮัวโต๋เลยจริง ๆ เขาทั้งเจ้าชู้และทำงานไม่เอาไหน”
“เฮ้อ แล้วท่านพี่จะให้ทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ เราปฏิเสธเสนาบดีหวังไปก็คงไม่ทันแล้วกระมังเจ้าคะ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดงานแต่งงานแล้ว”
“หากวันนั้นข้าไม่เมา ข้าคงไม่หลงตอบรับคำขอของเสนาบดีหวังแต่แรก หากนางได้แต่งกับหวังจุนเหยาผู้เป็นน้องชาย ข้าคงจะไม่นึกเสียใจเช่นนี้”
“ท่านพ่อ ท่านแม่อย่าเพิ่งกังวลเลยนะขอรับ หวังฮัวโต๋คงไม่กล้าไม่ให้เกียรติพี่ใหญ่หรอกนะขอรับ อีกอย่างพี่ใหญ่ก็ไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม นางเพียงทำตัวอ่อนแอเพื่อให้สามารถออกเรือนได้เท่านั้นเอง ข้าคิดว่าคงไม่มีใครในจวนกล้ารังแกนาง”
“เจ้าอย่ามั่นใจไปนัก ความอิจฉาริษยาของผู้หญิงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าจวนเสนาบดีหวังนั้น หลังบ้านคอยแต่ต่อสู้กันเพื่อเรียกร้องความโปรดปรานจากเขาอยู่ตลอดเวลาน่ะ หากพี่สาวเจ้าแต่งเข้าไปแล้วหวังฮัวโต๋มีอนุมากมายเหมือนพ่อของเขาเข้า พี่สาวเจ้าจะทำอย่างไร”
“แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีเล่าท่านพี่ อีกอย่างท่านก็รู้ว่าหม่าหลันอายุเลยวัยออกเรือนมาถึงสามปีแล้ว หากยังรอให้คนอื่นมาขอต่อไป นางคงขายหน้าบุตรีจวนอื่นแย่แล้วเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นนางคงปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ด้วยตัวเองแล้ว”
“เฮ้อ เรื่องนี้ล่ะที่ข้าเองก็ลำบากใจ ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่เห็นหน้าตาอันหล่อเหลาและเจ้าชู้ของหวังฮัวโต๋ หม่าหลันก็ตอบตกลงทันที ข้าล่ะปวดหัวกับนางจริง ๆ”
“ทำอย่างไรได้เล่าขอรับท่านพ่อ ท่านก็รู้ว่าหวังฮัวโต๋คารมดีขนาดไหน ไม่แปลกที่พี่ใหญ่ซึ่งไม่เคยคบหากับบุรุษใดจะตกหลุมพลาง”
“แล้วตอนนี้พี่สาวเจ้านางไปไหนเสียเล่า หลังอาหารเช้าพ่อก็ไม่เห็นนางเลย”
“พี่ใหญ่กลับไปฝึกวรยุทธ์ที่เรือนขอรับ ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจพี่ใหญ่นัก นางมีฝีมือเก่งกาจกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ แต่กลับชอบทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นตายใจ”
“จะอะไรซะอีกเล่า นางคงกลัวว่าจะไม่มีคนมาสู่ขอน่ะสิ เจ้าไม่เห็นหรือในสมัยก่อนที่เราไปร่วมงานเลี้ยงจวนต่าง ๆ นางมักจะถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำ แต่ก็ยังไม่ยอมหลุดความเข้มแข็งออกมาจนคนล้อเลียนกันทั้งเมืองหลวงแล้วว่านางไม่สู้คน”
“ที่ท่านแม่พูดมามันก็จริงนะขอรับ เพียงแต่การแต่งงานครั้งนี้ ข้าเองก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนท่านพ่อ ท่านแม่เช่นกันขอรับ ข้ารู้สึกว่าพี่ใหญ่จะไม่ปลอดภัยนักในจวนเสนาบดีหวัง”
“หรือว่าพ่อจะส่งองครักษ์ไปคอยเฝ้าดูนางในวันแต่งงานดี?”
“นั่นจะไม่เกินไปหรือเจ้าคะ ประเดี๋ยวเสนาบดีหวังก็หาว่าเราไม่ไว้ใจคนในจวนพวกเขาเอาได้”
“นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ แล้วฮูหยินจะไม่ให้ข้าเป็นห่วงลูกได้อย่างไร นางเป็นบุตรสาวที่ข้าสอนมากับมือเชียวนะ”
“เราคงทำได้แค่อธิษฐานกับฟ้าดินให้ช่วยคุ้มครองนางเท่านั้นเจ้าค่ะ ในเมื่อนางเป็นคนตกลงแต่งงานด้วยตัวเอง เราจะทำสิ่งใดได้มากกว่านี้เล่าท่านพี่”
“ข้าว่า ท่านพ่อ ท่านแม่อาจจะคิดมากเกินไปก็เป็นได้นะขอรับ หากคนในจวนกล้าที่จะสร้างปัญหาให้พี่ใหญ่จริงล่ะก็ ข้าจะพาคนไปถล่มจวนเสนาบดีหวังให้เละเลย”
“เพ้ย! เจ้าลืมไปหรืออย่างไรว่าหวังจุนเหยาเป็นถึงผู้ตรวจการน่ะ หากเจ้าไปก่อเรื่องแล้วถูกลงโทษหนัก อนาคตเจ้าที่จะเป็นแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงต่อจากพ่อ เจ้าจะทำอย่างไรกัน”
“นั่นสิลูก เจ้าเองก็อย่าใจร้อนนักเลย เราคงได้แต่รอให้ถึงวันนั้นเสียก่อน แล้วค่อยคิดกันก็ยังไม่สายเกินไปกระมัง”
หม่าหลันที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้คนในครอบครัวนางต่างเป็นห่วงว่านางจะถูกผู้คนในจวนเสนาบดีหวังรังแก นางยังคงฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนักเหมือนตอนเด็ก ๆ เพราะท่านพ่อบอกนางว่า หากนางมีฝีมือติดตัวบ้าง นางจะไม่ถูกใครรังแกได้ง่าย ๆ หม่าหลันจึงขยันฝึกฝนมาตลอดตั้งแต่วัยห้าขวบปี เพียงแต่น่าเสียดายที่นางไม่เคยได้แสดงฝีมือเลยสักครั้ง นางต้องอดทนให้คนอื่นรังแกมาตลอดเพื่อไม่ให้ผู้คนสงสัยว่านางที่เป็นถึงบุตรีแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงมีวรยุทธ์สูงส่งเพียงใด ไม่เช่นนั้นเหล่าบุตรชายขุนนางคงไม่มีใครกล้าขอนางแต่งงาน
บ่าวไพร่ในจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงเองก็รับรู้ถึงฝีมือคุณหนูของพวกเขาเป็นอย่างดี เพียงแต่นายท่านสั่งเอาไว้ว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกลงโทษอย่างหนัก ทำให้บ่าวทุกคนต่างปิดปากเสียสนิทจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ยิ่งใกล้วันแต่งงานเข้ามามากเท่าไหร่ จวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงก็ยิ่งวุ่นวายไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องสินเดิมของคุณหนูพวกเขา พ่อบ้านตระกูลหม่ายิ่งต้องเตรียมการเรื่องรับเจ้าสาวให้ถูกต้องตามธรรมเนียม อีกทั้งเรื่องชุดแต่งงานที่สตรีบ้านอื่นต้องเย็บชุดด้วยตนเอง แต่คุณหนูพวกเขานั้นไร้ฝีมือมาแต่ไหนแต่ไร ทำให้ต้องแอบไปจ้างร้านตัดเย็บชุดแต่งงานให้นางแทน พ่อบ้านจึงต้องวิ่งวุ่นไปมาหลายแห่งในเมืองหลวงเพื่อเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย
ฮูหยินหม่าที่กลัวบุตรสาวจะลำบากหากไปอยู่จวนผู้อื่นก็เตรียมสินเดิมให้กับนางไว้ไม่น้อยเช่นกัน นางเข้าใจดีว่าในจวนที่มีผู้คนวุ่นวายเช่นนั้นจำเป็นต้องมีคนของตนเองเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่บุตรสาวนางจะแต่งออกไป นางยังต้องกำชับบุตรสาวให้รู้จักใช้คนเสียก่อน เพราะที่จวนนี้บุตรสาวของนางที่วัน ๆ เอาแต่ฝึกวรยุทธ์นั้นไม่เคยใช้งานคนอย่างบุตรีจวนอื่นให้ทำงานแทนเลย
หม่าหลันที่พอใกล้วันแต่งงานเข้ามาทุกที นางได้แต่ตื่นเต้นที่กำลังจะมีสามีหล่อเหลาและยังเป็นถึงบุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมอาญา ถึงแม้เขาจะมีข่าวว่าเจ้าชู้และทำงานไม่เอาไหน แต่นางก็ไม่เคยคิดจะรังเกียจเขา อย่างน้อยหากแต่งงานกันไปแล้ว นางเพียงหวังว่าจะได้ลิ้มรสความสุขในการแต่งงานเหมือนบุตรีจวนอื่นที่แต่งออกไปแอบคุยกันในงานเลี้ยงให้นางได้ยินบ้าง ยิ่งคิด หม่าหลันก็ยิ่งอยากให้ถึงวันเข้าหอเร็ว ๆ นางอยากรู้ว่าความรู้สึกที่ผู้หญิงเหล่านั้นพูดมันจะจริงหรือไม่ว่ามีความสุขยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก
ที่จวนเสนาบดีกรมอาญา หวังฮัวโต๋ยังคงแอบลักลอบมีสัมพันธ์กับเสิ่นหลิงที่เป็นญาติห่าง ๆ ซึ่งมารดาของเขานำมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่ยังเด็กเพื่อให้เป็นอนุของเขาในอนาคต เขาเองจึงไม่คิดเกรงใจนางเรื่องนี้มาตั้งแต่นางอยู่ในวัยปักปิ่นแล้ว น่าเสียดายที่เขายังไม่มีฮูหยิน เขาจึงยังรับนางเป็นอนุไม่ได้ รออีกไม่กี่วันที่เขาจะมีฮูหยินเป็นถึงบุตรีแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงเสียก่อน เขาจะรีบแต่งตั้งนางตามสัญญา
“ท่านพี่เจ้าคะ ข้ากลัวว่าหากท่านรีบแต่งตั้งข้าเป็นอนุหลังแต่งงานไม่นาน ฮูหยินน้อยจะก่อเรื่องหรือไม่เจ้าคะ” เสิ่นหลิงที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของหวังฮัวโต๋กล่าวพร้อมน้ำตารื้นเพื่อขอความเห็นใจจากเขา
“เสิ่นหลิง เจ้าเป็นเมียข้าก่อนนางเสียอีก หากข้าแต่งตั้งเจ้าขึ้นมาเป็นอนุจะเป็นอันใดไปได้เล่า เจ้าอย่าคิดมากเกินไป ข้าสัญญากับเจ้าแต่แรกแล้ว ข้าต้องรักษาสัญญา”
เสิ่นหลิงที่ทำตัวอ่อนแอแต่แววตากลับแข็งกร้าว ด้วยนางความจริงอยากเป็นฮูหยินน้อยมากกว่าอนุ จนถึงขนาดว่าตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ แล้วแต่นางยังไม่ยอมบอกหวังฮัวโต๋ นางจะรอให้ถึงวันที่เขาแต่งงานเสียก่อนแล้วค่อยพูด อย่างไรท่านแม่ของเขาก็รักนางตั้งแต่ยังเด็กแล้ว หากท่านแม่รู้ว่านางกำลังจะมีหลานให้ล่ะก็ ท่านแม่จะต้องให้เขาแต่งตั้งนางเป็นฮูหยินแน่ นางไม่ยอมให้ตำแหน่งนี้กับบุตรีแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงไปง่าย ๆ หรอก
หวังจุนเหยาเห็นเลือดหวังเหลียนออกเยอะก็ยิ่งกังวล เขาจูบหน้าผากเธอเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเอ่ยปลอบไปตามทาง“ที่รัก อดทนหน่อยนะครับ อีกไม่นานก็ถึง รพ. แล้ว”“อืม… ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ง่วงนอน”“คุณอย่านอนนะที่รัก อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ”หวังจุนเหยาคอยคุยกับหวังเหลียนเพื่อไม่ให้เธอหลับ เขากลัวว่าบาดแผลจะร้ายแรงจนเธอทนไม่ไหว แถมตอนนี้เธอยังกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย ความกังวลของเขาจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัวที่ รพ.S หมอกับพยาบาลเตรียมพร้อมรับคนไข้ฉุกเฉินที่คนของหวังจุนเหยาโทรบอกล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรถของหวังจุนเหยาหยุดนิ่ง เขาก็อุ้มหวังเหลียนขึ้นเตียงที่พยาบาลกับหมอรออยู่ทันทีหวังจุนเหยาวิ่งตามเตียงของหวังเหลียนไปด้านหลัง ก่อนที่จะถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้องผ่าตัด หวังเหลียนเห็นสายตาเป็นห่วงของสามีก็ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงเธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป
เมื่อไปถึงสวนสนุกขนาดใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว ทั้งห้าคนก็ซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นเพื่อความสะดวก พวกเขาต่างเล่นเครื่องเล่นไล่ไปทีละอย่างอย่างสนุกสนาน ถึงแม้หวังเหลียนจะไม่มีสามีมาด้วย แต่เพราะความแปลกใหม่ของสวนสนุกในภพชาตินี้ ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งสามีตัวเองไปเลยนักฆ่ายังคงติดตามกลุ่มของหวังเหลียนอยู่ห่าง ๆ พวกเขากระจายกำลังกันเพื่อหาจังหวะที่หวังเหลียนอยู่คนเดียว แต่น่าเสียดายที่แม้กระทั่งการไปห้องน้ำ เพื่อนทั้งสองของเธอก็ตามไปด้วยพร้อมบอดี้การ์ด ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสลงมือเสียทีทั้งห้าคนยังคงเที่ยวสวนสนุกกันจนกระทั่งถึงช่วงเย็น ก่อนที่หวังจุนเหยาที่ทนคิดถึงภรรยาไม่ไหวจะโทรไปตามเธอให้กลับบ้าน หวังเหลียนซึ่งเล่นสนุกมาตลอดทั้งวันเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เธอจึงชวนทุกคนกลับก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้เหล่านักฆ่าเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินทางกลับจึงติดตามไปห่าง ๆ หวังเหลียนที่ง่วงนอนหลังจากกินอาหารเย็นพร้อมเพื่อน ๆ หลับไประหว่างทางไปส่งจางเหยากับหลี่ซิน ทั้งสองรู้ว่าเพื่อนกำลังท้องอยู่จึงไม่อยากป
เมื่อตระกูลหวังทั้งสามเดินเข้าไปในงานเลี้ยง เหล่านักธุรกิจไม่เว้นแม้แต่สาวๆ ต่างมองที่หวังจุนเหยาผู้หล่อเหลาและร่ำรวยเป็นตาเดียวกัน ยิ่งกับไป่หลิงที่เคยเจอเขามานานมากแล้ว เธอยังคงหลงใหลในตัวของหวังจุนเหยาเช่นเดิม หญิงสาวในงานต่างอิจฉาหวังเหลียนที่เดินคล้องแขนหวังจุนเหยาเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ส่วนหนุ่ม ๆ บางคนที่เพิ่งเคยเห็นหวังเหลียนนั้นก็ตกตะลึงกับความน่ารักสดใสของเธอซึ่งแตกต่างกับคุณหนูตระกูลใหญ่พวกนั้นราวฟ้ากับเหวหวังซูหุย หวังจุนเหยาและหวังเหลียนไม่ได้สนใจสายตาของคนเหล่านั้น ทั้งสามเดินไปยังกลุ่มที่ตระกูลเกากับตระกูลโอวหยางกำลังยืนคุยกันอยู่อย่างออกรสกลุ่มของไป่หลิง ม่านถิงและซือฉีซึ่งยืนรวมกลุ่มกับคุณหนูตระกูลอื่นต่างก็พูดถึงความโชคดีของหวังเหลียนที่ได้แต่งงานกับหวังจุนเหยา“น่าอิจฉาชะมัด คุณชายหวังทั้งหล่อ ทั้งรวยแบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นคงสบายไปทั้งชาติ”“เฮอะ คนอย่างคุณชายหวังน่ะ ทั้งที่มีสิทธิเลือกคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างพวกเรากลับไม
“จริงเหรอครับหมอ?” หวังจุนเหยาแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้ลูกแฝด“จริงครับ ท่านประธาน รอเดือนหน้าเราค่อยอัลตร้าซาวด์ดูเด็ก ๆ กันครับ”หวังเหลียนก้มลงมองท้องน้อย ๆ ของตัวเอง ครั้งก่อนเจ้าอ้วนน้อยก็ตัวใหญ่จนคลอดยากแล้ว ครั้งนี้เธอถึงกับท้องลูกแฝด หวังเหลียนไม่อยากจะคิดเลยว่าวันคลอดเธอจะเป็นยังไง“ที่รัก ขอบคุณมากนะครับที่ท้องลูกของเราถึงสองคน จุ๊บ” หวังจุนเหยาจูบขมับ“อื้อ คุณคะ อายหมอบ้างเถอะน่า” หวังเหลียนเขินที่อยู่ ๆ สามีก็มาจูบ“อายทำไมล่ะครับ คนกันเองทั้งนั้น หมอไม่เห็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เห็นอะไรเลยครับ ท่านประธาน” หมอยิ้มแป้นตอบหวังเหลียนได้แต่หน้าแดงก่ำอย่างเขิน ๆ เธอทุบไหล่สามีไปหนึ่งตุ้บ ทำเอาหวังจุนเหยาถึงกับร้องซี๊ดเสียงหลง ภรรยาเขาลืมออมแรงอีกแล้วหลังจากคุยเรื่องการด
ป้าหลางสังเกตอาการของหวังเหลียนไม่นานก็ยิ้มกว้างออกมา เธอรีบไปเปลี่ยนอาหารใหม่เป็นข้าวต้มปลามาให้หวังเหลียนแทน กว่าที่หวังเหลียนจะออกมาจากห้องน้ำได้ เธอก็อ้วกจนแทบจะหมดแรง“ที่รัก คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า? ผมว่าเราไป รพ. เลยดีไหม?”“ไม่เป็นอะไรค่ะ ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว น่าจะเพราะกลิ่นอาหารเลยทำให้เป็นแบบนี้”“อ่า ถ้าอย่างนั้นคุณอยากกินอะไร? ผมจะให้ป้าหลางทำใหม่ให้”“เราไปดูที่โต๊ะกันอีกรอบก่อนเถอะนะคะ ฉันเกรงใจป้าหลางน่ะ”“ตกลงครับ ถ้าอาหารจานไหนคุณไม่ชอบก็บอกนะครับ”หวังจุนเหยาพยุงหวังเหลียนไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ก่อนที่หวังเหลียนจะก้มไปดมกลิ่นอาหารแต่ละจานอย่างตั้งใจ ครั้งนี้เธอกลั้นความพะอืดพะอมเอาไว้แล้วชี้ไปที่จานอาหารซึ่งมีแต่เมนูผัดน้ำมันทั้งนั้น“ป้าหลางครับ รบกวนเอาจานอาหารพวกนี้ออกหน่อยนะครับ&rdquo
หวังเหลียนกับคนของตระกูลหม่าที่ติดตามมา พาจ้าวหลงจาง ภรรยาและลูกเดินทางถึงชายแดนตะวันตกในเวลาเกือบครึ่งเดือน นั่นเพราะมีเด็กและผู้หญิงที่ไม่มีวรยุทธ์ติดตามมา ทำให้การเดินทางต้องพักอยู่บ่อยครั้งระหว่างการเดินทาง ภรรยาของจ้าวหลงจางคอยพูดคุยสอบถามวิธีการเลี้ยงลูกกับหวังเหลียนจนทั้งสองเริ่มสนิทสนมกัน หวังเหลียนสั่งคนให้โทรแจ้งหลินซินให้เธอเพื่อที่เขาจะได้เตรียมเอกสารและส่งครอบครัวของจ้าวหลงจางไปยังประเทศ S อย่างปลอดภัยตามที่เธอได้ให้สัญญาเอาไว้คนของหม่าเฉียงเจ๋อที่ได้รับคำสั่งให้รอรับคุณหนูต่างรอกันอยู่ที่ตีนเขาหลายวันแล้ว เมื่อเห็นขบวนของหวังเหลียนมาถึง พวกเขาต่างรีบนำน้ำและอาหารไปให้ทุกคนกินเสียก่อน ด้วยทุกคนรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ลำบากไม่น้อยหวังเหลียนไม่ปฏิเสธความหวังดีเหล่านี้ เธอปล่อยให้ทุกคนพักผ่อนและทานอาหารได้ตามสบาย คนทั้งหมดใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะออกเดินทางไปโดยรถตู้หลายคันที่หม่าเฉียงเจ๋อให้คนเตรียมเอาไว้ให้เพื่อไปยังสนามบิน ตอนนี้หลินซินส่งเครื่องบินเจ็ทและผู้ช่วยของ