หมออู๋เขียนสัญญาขายยาห้ามเลือดกับมู่หลินโดยรับซื้อมู่หลินตลับละสองตำลึงเงิน ก็แยกเดินทางไปก่อนเพราะต้องจัดการเรื่องเงินกับหอประมูล แล้วยังต้องติดต่อกับฉีอ๋องเพื่อส่งยาให้แต่ละกองทัพ ถ้าเทียบกับจำนวนทหารและกองทัพแต่ละทิศแล้ว ยาเพียงเดือนละ 2,000 ตลับถือว่าน้อยมาก
เช้าของการเดินทางวันนี้มู่หลินมีลางสังหรณ์ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น และนางมักจะเชื่อความรู้สึกของตนเองเสมอ จึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่ท่านตาและท่านลุงให้ระวังในการเดินทางไว้
แล้วก็เป็นอย่างที่มู่หลินกังวลจริง เมื่อเข้าเขตป่าทึบก็มีนักฆ่า40-50คน ล้อมรถม้ากลุ่มของนางไว้ ทุกคนที่ได้รับคำเตือนของมู่หลินก็ระวังตัวไว้อยู่แล้ว มู่หลินที่นั่งอยู่ในรถม้าเดียวกับท่านยาย ท่านแม่ ป้าสะใภ้ พี่สาวฟางซิน และแม่นมจ้าว
มู่หลินสั่งให้ เฉินฝูกับหลิวกุ้ย คุ้มครองรถม้าคันท่านแม่ ส่วนนางโดดลงจากรถม้าวิ่งไปคันพี่ชาย ก่อนจะหยิบมีดสั้นส่งให้บุรุษทั้งสามของบ้านหวัง แม้จะเคยได้รับการฝึกในช่วงสั้นๆ แต่มู่หลินยังไม่วางใจ จึงสั่งให้อยู่แต่ภายในรถม้าห้ามลงเด็ดขาดเพราะจะทำให้นางเสียสมาธิ หลังสั่งทุกอย่างเสร็จก็หันมาเผชิญหน้ากับนักฆ่า
“ฮ่า ฮ่า แม่นางน้อย สตรีเช่นเจ้าไม่เหมาะกับมีดสั้นหรอกนะ เหมาะจะเป็นของเล่นของพวกข้ามากกว่า” จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นจากพวกนักฆ่าทั้งหลาย
“หลินเออร์ หลานออกมาจากรถมาได้อย่างไร ขึ้นไปรอบนรถม้ากับยายของเจ้า ทางนี้พวกตาจะจัดการเอง” ผู้เฒ่าเซี่ยร้องเตือนอย่างร้อนใจ
“ท่านตา คอยดูหลินเออร์ให้ดีนะเจ้าค่ะ” พูดจบมู่หลินก็ยิ้มอย่างกระหายเลือด นางห่างการฆ่าคนไปนานจนคิดว่าชีวิตในโลกนี้ไม่มีอะไรสนุกเท่าไหร่ จนตอนนี้มีของเล่นมาให้เล่นถึงที่ ถ้าไม่เล่นด้วยคงจะเสียชื่อนักฆ่าระดับเพชร
สิ้นสุดเสียงพูดมู่หลินก็พุ่งตัวเข้าหานักฆ่าที่ใกล้นางที่สุด มีดสั้นทั้งสองด้ามในมือตัดเส้นเลือดใหญ่ที่คออย่างรวดเร็วและแม่นยำ กว่าจะรู้ตัวว่าเด็กน้อยที่มันยังหัวเราะอยู่เมื่อครู่จะประมาทไม่ได้ก็ตายเสียแล้ว
จากนั้นคนที่สอง ที่สามก็ล้มลงตามมา รอยยิ้มของมู่หลินตอนนี้ทำให้ทั้งครอบครัวและนักฆ่าต่างขนลุก เพราะมันคือรอยยิ้มที่มองของเล่นชิ้นโปรด
เมื่อครอบครัวเซี่ยได้สติจึงเข้าช่วยหลานสาวสู้กับนักฆ่า การละเล่นนี้จบลงภายในหนึ่งชั่วยาม มู่หลินนั้นไม่ได้ฆ่าให้ตายทั้งหมดนางยังเก็บไว้ถามถึงผู้จ้างวานด้วย หลิวกังก็รีบเข้าถอดกรามของพวกมันไม่ให้กัดยาพิษชิงตายไปเสียก่อน จากนั้นก็ถอนฟันที่ใส่ยาพิษไว้ออก
“ท่านตาข้าขอสอบสวนมันเองนะเจ้าค่ะ” มู่หลินเป็นหมอรักษาคนจึงรู้จุดอ่อนที่ทรมานคนแล้วไม่ตายอย่างดี
มู่หลินเดินเข้าไปนั่งตรงหน้านักฆ่าคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้า นางแทงมีดสั้นลงไปอย่างไวที่ขาอ่อน ไม่ต้องมีคำถามใดๆ แต่ทั้งหมดทำเพื่อให้พวกนักฆ่าที่เหลือเห็นว่านางสามารถฆ่ามันได้ง่ายๆ
ใครให้พวกมันกล้าแตะคนในครอบครัวของนางกัน เพราะชีวิตที่แล้วไม่มีครอบครัวพอชีวิตใหม่มีครอบครัวที่รักแล้วหวังดีกับนาง นางจึงไม่อยากเสียใครไป
"ข้าจะถามแค่คำถามเดียว ถ้าไม่ตอบพวกเจ้าก็แค่ตาย" น้ำเสียงเหยียบเย็นเหมือนเทพแห่งการทำลายล้างมารอเอาชีวิตพวกมัน
“…” หัวหน้านักฆ่าที่ยังหวาดกลัวกับจิตสังหารของมู่หลิน ยังไม่ได้พูดสักคำ ก็โดนมู่หลินปาดคอเรียบร้อย
“ข้าไม่ชอบรอ” เสียงเย็นชาของนางช่างขัดกับรูปลักษณ์ที่เป็นเพียงเด็กน้อยยิ่งนัก
“ข้าบอก ขะ ข้า บอก”
นักฆ่าอีกสามคนที่เห็นหัวหน้ามันยังไม่ทันอ้าบอกก็ตายทันที รีบแย่งกันพูดทันที พวกมันเป็นแค่นักฆ่าปลายแถวเพราะคนว่าจ้างบอกมีคนติดตามมาไม่กี่คนและคนที่เป็นวรยุทธ์มีเพียงหกคนเท่านั้น ถ้าพวกมันรู้ล่วงหน้าคงไม่รับงานนี้แน่นอน
“ปะ เป็น เสนาบดีเว่ย ให้ฆ่าผู้เฒ่าเซี่ย อ๊ากกก” มีดสั้นในมือของมู่หลินปักเข้าที่ไหล่ของมันทันที
“ดี ดี เตรียมรับโทสะของข้าหวังมู่หลินให้ดี”
"พวกเจ้ามาจากสำนักไหน" เป็นท่านลุงที่เอ่ยถาม ตอนนี้ท่านตาเดินเข้าไปกอดหลานสาวตัวน้อยไว้หวังว่าจะช่วยนางคลายโทสะลงบ้าง
"ขะ ข้า มาจากสำนักฟูฉวน" เมื่อไม่มีเรื่องใดอยากรู้แล้ว ท่านตาให้หลิวกังและเฉินหย่ง และลูกชายทั้งสอง เก็บกวาดที่เหลือให้เรียบร้อย
ท่านตากับท่านลุงเดินมาส่งมู่หลินที่รถม้า เพราะหลานสาวตอนนี้อารมณ์ไม่คงที่นัก พี่รองรีบเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดออกจากหน้าของมู่หลิน พี่ใหญ่จับมือน้องเล็กของเขาไว้แน่น
ความอบอุ่นที่ทุกคนมอบให้ทำให้มู่หลินดึงสติกลับมาจากความแค้นได้ แม่นมจ้าวพามู่หลินไปเปลี่ยนชุดในรถม้าทันที จากนั้นจึงเดินทางต่อ
ท่านตาที่เห็นทุกคนเหนื่อยมากเลยบอกเฉินหย่งให้หาโรงเตี๊ยมพักก่อน เมื่อถึงโรงเตี๊ยมทุกคนต่างแยกย้ายเข้าห้องพัก เหมยฮวาที่เป็นห่วงลูกสาวจึงเข้ามาคอยดูแลมู่หลินนางรู้ว่าลูกสาวนั้นมีความกังวลใจ
"หลินเออร์ลูกรักของแม่ ไม่ว่าเรื่องอันใดแม่พ่อและพี่ชายทั้งสองของเจ้าพร้อมรับฟังและอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ"
มู่หลินที่ได้ฟังคำของแม่ นางไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ของตนจะอ่อนไหวกับคำพูดปลอบใจเพียงไม่กี่คำ ความกังวลใจ ที่กลัวว่าครอบครัวที่แสนอบอุ่นนี้จะหวาดกลัวนาง จะคิดว่านางเป็นปีศาจ
"ท่านแม่ อึก..." แม้นางจะแข็งแกร่งเพียงใจในส่วนลึกของชีวิตก่อนก็อยากมีครอบครัวเคียงข้างมาตลอด
คอยห่วงหา คอยปลอบโยน พอชีวิตนี้ได้ครอบครัวที่ดีแบบนี้นางจึงมีความเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากเสียไป น้ำตาที่ชีวิตก่อนแม้จะฝึกหนักเจียนตายไม่เคยไหลแต่มาตอนนี้เพียงคำพูดและอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ทำให้มู่หลินกลายเป็นเด็กน้อยไปเลย
บิดาและพี่ชายทั้งสองที่ยืนรอหน้าห้องพักได้ยินเสียงบุตรสาว น้องเล็กของตนร้องก็รีบเข้ามากอดปลอบโยนทันที บ้านเซี่ยที่จะตามมาดูมู่หลินเห็นภาพนี้ได้แต่น้ำตาคลอไปด้วย
"หลินเออร์ยังมีตา ยายและครอบครัวของลุงเจ้าด้วย ไม่ว่าต่อไปจะเจอเรื่องใดหรือเจ้าเลือกตะทำสิ่งใดตาจะช่วยเจ้าเอง"
มู่หลินเดินไปกอดท่านตา ท่ายยาย และครอบครัวของท่านลุง นางสาบานเลยว่าคนที่คิดร้ายกับครอบครัวของนางจะต้องพบจุดจบที่ไม่ดี
หลังจากที่ปล่อยให้มู่หลินหลับไป หลิวกังแจ้งข่าวที่ได้เพิ่มจากนักฆ่ากับท่านผู้เฒ่าเซี่ย
“โรงเตี๊ยมที่นายท่านเข้าพักเมื่อคืนเป็นของตระกูลเว่ยขอรับ หลงจู๊จำนายท่านได้จึงแจ้งไปยังเสนาบดีเว่ยขอรับ”
“หึหึ ทำงานได้เร็วดี คงกลัวว่าข้าจะกลับไปแก้แค้นสินะ อีกไม่นานนักให้พวกมันใช้ชีวิตไปก่อน เห้ออ หลานสาวข้าคงรอไม่ไหวแล้ว เห็นทีข้าคงต้องรวบรวมหลักฐานที่มีส่งให้ฝ่าบาท” ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ลอบฆ่าขึ้น ผู้เฒ่าเซี่ยคงยังไม่ลงมือกับตระกูลเว่ยและพวกที่ทำผิดร่วมกัน
มู่หลินที่พักเต็มที่ก็กลับมาเป็นหลานสาว ลูกสาว น้องเล็กที่น่ารักคนเดิม พี่สาวฟางซินที่นั่งรถม้าคันเดียวกันกลัวน้องจะคิดมากเรื่องแก้แค้นตระกูลเว่ยก็พยายามชวนน้องเล็กคุย ทั้งที่ตนเองพูดไม่เก่ง แล้วยังขี้อายอีกด้วย
พี่รองที่เป็นฝาแฝดก็ยังคงรู้ใจน้องเล็กเช่นเดิม หาขนม ผลไม้แห้งให้น้องเล็กมากมาย พี่ใหญ่นั้นพอแวะพักก็เดินไม่ห่างน้องเลย เดี๋ยวก็จับมือ เดี๋ยวก็กอดปลอบไม่สนว่าชายหญิงมิควรใกล้ชิด เพราะน้องเล็กเคยบอกไว้ว่าครอบครัวเดียวกันควรแสดงความรักต่อกัน
จนมู่หลินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ดีที่พี่ชายห่าวหรานไม่ได้เป็นไปด้วย แต่พี่ชายเซี่ยบอกนางตอนที่ไม่มีใครได้ยินว่าจะพามู่หลินไปแก้แค้นเอง เพราะคำพูดนี้ทำให้มู่หลินตาเป็นประกายอารมณ์ดีอย่างมาก นางรู้ว่าพี่ชายคนนี้มีหัวเรื่องวางแผนเจ้าเล่ห์มากเพียงใด
เผยอิงที่ช่วยแต่งตัวให้มู่หลินเสร็จแล้วก็เดินไปเปิดหน้าต่าง“ว้ายยย… " เผยอวี้กับมู่หลินหันไปมอง เผยอวี้เข้าไปพยุงเผยอิงให้ลุกขึ้น มู่หลินเดินไปที่เหยี่ยวแดง เพราะนางเห็นข้อขามันมีกล่องใส่สารผูกไว้อยู่"… " มู่หลินอ่านจดหมายจบหน้าก็ขมวดคิ้วทันที"คุณหนู มีเรื่องร้ายแรงหรือเจ้าคะ" เผยอวี้เห็นสีหน้ามู่หลินแล้วก็เป็นกังวลมู่หลินส่ายหน้า นางเก็บจดหมายในแขนเสื้อแต่ความจริงคือโยนเข้าไปในมิติ"เผยอวี้ เจ้าหาอาหารให้มันด้วย" นางชี้ไปที่เหยี่ยวแล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อไปทานอาหารเช้าพร้อมครอบครัวพี่ชายทั้งสองวันนี้จะเดินทางกลับสำนักศึกษา เพื่อเตรียมตัวสอบจวี่เหรินในอีกสามเดือนข้างหน้า ถึงระยะเวลาสอบจะกระชั้นชิด ทุกคนก็ไม่สร้างความกดดันให้ทั้งคู่ สอบไม่ได้ก็แค่รอสอบใหม่“แต่น้องหวังว่าพี่ใหญ่กับพี่รองจะสอบได้อันดับที่ดีเจ้าค่ะ” น้องเล็กของเขานั้นไม่กดดันจริงๆ ด้วยมู่หลินกลับมาถึงเรือนก็ตรงเข้าไปหาเจ้าเหยี่ยวแดงทันที นางอ่านจดหมายซ้ำอีกรอบ ยิ่งอ่านยิ่งไม่เข้าใจ แม้ในจดหมายจะเขียนเพียงแค่'ข้าชอบเจ้า' ลงชื่อเฟยหรงคือยังไง ต้องตอบมายังไง แล้วจะมาชอบตอนไหน เจอกันกี่ครั้ง คุยกันกี่ประโยคเอาอะไรมา
ทางด้านครอบครัวเซี่ยก็ได้รับข่าวดี ฟางซินตั้งครรภ์แล้ว มู่หลินนั้นจัดเตรียมของใช้จำเป็นและยาเพื่อดูแลครร์ส่งไปให้ ตอนนี้กิจการและกำลังคนของบ้านเซี่ยกับบ้านหวังนั้นเป็นไปด้วยดี หอข่าวสารของเซี่ยห่าวหรานก็เก็บรวมรวบข่าวการเคลื่อนไหวของชนเผ่านอกด้านได้มากมาย รวมไปถึงยาพิษที่ใช้กับฮองเฮาว่าได้มาจากใครไปถึงขายให้ใครก็ถูกส่งเรื่องไปที่วังหลวงเรียบร้อยแล้วชีวิตของมู่หลินช่วงนี้ยังปกติอย่างมาก ผลสอบของพี่ใหญ่กับพี่รองก็จะออกในไม่กี่วันนี้ นางรู้ดีว่าพี่ชายทั้งสองต้องสอบผ่านเป็นแน่ เพราะน้ำทิพย์ที่พี่ชายได้ดื่มอยู่ตลอดนั้นช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยให้ความจำพี่ชายนางดีกว่าคนทั่วไปอีกด้วยหลิวเสิน เยี่ยโยว ตงซาน กลับมาถึงแล้วก็นำจดหมายมาให้มู่หลิน“ของข้าหรือเจ้าคะ” มู่หลินรับมาอย่างไม่เข้าใจ ว่าเฟยหรงจะส่งจดหมายให้นางทำไมหรือจะโมโหที่นางตักเตือนเรื่องคู่หมั้น หรือจะข่มขู่นาง“มู่หลินเก็บจดหมายไว้ในแขนเสื้อ แล้วก็สนใจเรื่องอื่นแทน ตอนนี้ทั้งสามกลับมา มู่หลินจึงอยากทดสอบว่าที่พวกเขาไปอยู่ในกองทัพทมิฬนั้นเก่งขึ้นแค่ไหนพละกำลังของทั้งสามมีมากอยู่แล้ว กระบวนท่า ความเร็วก็เพิ่มขึ้นเมื่อได้ใช้
งานเลี้ยงในวังหลวงนั้น นายกองทั้งสามก็ได้เข้าร่วมด้วย คุณหนูคุณชายทั้งหลายในเมืองหลวง แต่งตัวกันอย่างเต็มที คุณหนูที่ถึงวัยออกเรือนก็อยากจะงามให้เข้าตาท่านแม่ทัพ รองแม่ทัพทั้งสอง และกุนซือกงคุณหนูที่ใจกล้าก็ถึงกลับเข้ามาพูดคุยกับทั้งสี่คน บางคนก็เพียงลอบมองแล้วคิดหาวิธีที่จะดึงความสนใจของท่านแม่ทัพมาที่ตนแม้แต่องค์ชายทั้งหลายก็ล้วนได้รับความสนใจ เหมือนงานนี้จัดขึ้นเพื่อหาคู่ยังไงยังงั้นก่อนที่เฟยหรงและทหารทั้งหลายจะหมดความอดทน (ทหารของกองทัพพยัคฆ์เหมือนกันอยู่อย่าง ให้อยู่ในสนามรบดีกว่าอยู่ในงานเลี้ยงที่ต้องปั้นหน้าแบบนี้)"ฝ่าบาทเสด็จ" ฝ่าบาทเสด็จครั้งนี้ไร้เงาฮองเฮาข้างกาย มีเพียงหวงกุ้ยเฟย กุ้ยเฟยและเฟยเท่านั้น"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี""ลุกขึ้น ไม่ต้องมากพิธี งานวันนี้เจิ้นฉลองให้กับกองทัพทมิฬ""แม่ทัพไป๋ความชอบของเจ้าครั้งนี้ เจ้าอยากจะให้เจิ้นประทานสิ่งใดให้ หรือเจ้าอยากให้เจิ้นมองหาคุณหนูที่เพียบพร้อมให้เจ้าดี" แม้จะรู้ถึงความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีให้กับท่านแม่ทัพ แต่ไม่นึกว่าจะเมตตาถึงกับให้เลือกของรางวัลเองแม่ทัพไป๋ก้าวออกมาคุกเข่าหน้าพระพักตร์"ก
ในขณะที่ทุกคนไม่นึกว่าจะเข้าถิ่นตนเองแล้วจะพบโจรหรือนักฆ่า สวรรค์ก็ส่งบททดสอบให้ทุกคนได้ฝึกฝน โจรกลุ่มนี้ไม่แม้แต่จะเข้าช่วงสินของมีค่าในรถม้าที่มีของพระราชทานเต็มคัน แต่หมายจะเอาชีวิตเด็กสาวในรถม้ามากกว่า“รนหาที่ตาย!!!” มู่หลินเพียงแค่นั่งชมในรถม้าเท่านั้นไม่ได้เข้าร่วม โจรแอบแฝงกลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าถึงรถม้าได้เลย“นายท่านหวัง ระวังขอรับ” สิ้นเสียงองครักษ์ มู่หลินพุ่งตัวออกจากรถม้าไปแล้ว เผยอิงกับเผยอวี้รู้ดีว่าตนไม่สามารถช่วยคุณหนูได้เลยจำต้องรอในรถม้าจะได้ไม่เป็นตัวถ่วงมู่หลินปามีดสั้นที่เอาออกมาจากมิติเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างของคนร้ายที่ฟันดาบลงมาที่แขนบิดาของตน“เก็บมันไว้ ที่เหลือฆ่าให้หมด” มู่หลินเดินเข้าไปเตะซ้ำ แล้วเหยียบไปที่ด้ามมีดจนกดลึกเข้าไปถึงกระดูก"คนจ้างวานเป็นใคร""ไม่มีผู้ใดจ้างวาน พวกข้าเป็นโจรป่า อ๊ากกก" มู่หลินใช้มือควงมีดที่ปักอยู่ที่หัวไหล่"ดะ ได้โปรด ฆ่าข้าเลย อย่าทรมานเช่นนี้""หึหึ ข้าจะถามครั้งสุดท้ายผู้ใดให้พวกเจ้ามาลอบสังหารข้า" เพราะเจตนาที่เจาะจงเป็นรถม้านางเท่านั้น"คะ คุณ หนู เว่ย" มู่หลินขมวดคิ้ว นางไม่เคยพบเจอคุณหนูเว่ย แล้วจะส่งนักฆ่ามาเอาชีวิตนา
ยามไฮ่ของอีกวัน องค์ชายรองมารับมู่หลินเพื่อพานางไปที่ตำหนักคุนหนิงเช่นเดิมมู่หลินให้มามาช่วยเตรียมอ่างอาบน้ำเพราะต้องให้ฮองเฮาแช่สมุนไพร มู่หลินให้นางกำนัลเตรียมหม้อต้มยาให้ โดยนางเป็นคนทำเองทุกขั้นตอน ตอนนี้มีนางกำนัลช่วยเพียงสองคน มามาและขันทีคนสนิทเท่านั้นหลังจากที่ต้มยาเสร็จแล้วมู่หลินได้หยดน้ำทิพย์ลงไปด้วยห้าหยดเท่านั้น มู่หลินส่งถ้วยยาให้มามาเป็นคนป้อน ตัวนางเข้าไปเตรียมน้ำยาสมุนไพรเพื่อให้ฮองเฮาแช่ตัว ยาสมุนไพรและน้ำทิพย์ที่ใช้มู่หลินเตรียมบรรจุทั้งหมดลงในหีบที่นำมา จึงไม่ต้องห่วงว่าคนอื่นจะจะว่าสิ่งใดหลังจากที่ฮองดื่มยาเรียบร้อยก็เริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้น มามากับขันทีสนิทถึงกับน้ำตาคลอ เพราะช่วงเกือบสิบวันที่องค์ชายรองไปตามหาหมอนั้น ทุกคนในตำหนักแทบจะกินนอนไม่ได้ พอเห็นสีหน้าของนายเหนือหัวดีขึ้นจึงทำให้มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งมู่หลินให้นางกำนัลพาฮองเฮาลงไปแช่ในน้ำเป็นเวลา 1 ชั่วยาม แม้น้ำทิพย์จะสามารถรักษาได้ทันที แต่ปริมาณที่มู่หลินใส่ให้ฮองเฮานั้นเพียงเล็กน้อย นางอยากจะใช้เวลาในการรักษาระยะหนึ่ง จะได้ดูไม่ผิดปกติเกินไปหากจะหายภายใน1-2วันหลังจากที่ฮองเฮาแช่น้ำสมุพรไพรครบหนึ
หลังจากที่มู่หลินรักษาคนเจ็บที่โรงหมอถัง หมิงก็ผ่านมาห้าวันแล้ว หลังทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยพ่อบ้านเฉิงเข้ามาแจ้งครอบครัวหวังว่าท่านผู้เฒ่าเซี่ยต้องการพบก่อนจะเข้าไปในห้องโถง มู่หลินขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนป่วยที่นางเพิ่งจะรักษาไปนั่งอยู่ในนั้น เมื่อทุกคนทำความเคารพท่านตาและแขกเรียบร้อยก็เข้านั่งประจำที่ ท่านตาจึงแนะนำแขกให้ทุกคนได้รู้จัก“พวกเจ้าทุกคน ท่านนี้คือ องค์ชายรอง ฉู่หนิงเทียน” ผู้เฒ่าเซี่ยกล่าวจบทุกคนคุกเข่าลง“คารวะองค์ชายรอง ขอพระองค์ทรงพระเจริญ อายุยืนพันปี พันพันปี ““ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด”“ขอบพระทัยองค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”“วันนี้ที่เปิ่นหวางมาก็เพื่อมาขอบน้ำใจคุณหนูหวังที่ช่วยชีวิตเปิ่นหวาง และยังมีเรื่องมารบกวนด้วย”*เปิ่นหวางใช้สำหรับองค์ชายหรือรัชทายาท“มิบังอาจเพคะ การรักษาให้พระองค์ถือเป็นสิ่งที่หม่อมฉันสมควรทำเพคะ “ใครจะไปรู้ว่าเป็นถึงองค์ชายมู่หลินได้แต่คิดในใจ“กระหม่อมขอถามได้หรือไม่ ที่องค์ชายมาเยือนตระกูลเซี่ยครั้งนี้มีประสงค์สิ่งใด” ผู้เฒ่าเซี่ยเอ่ยถาม"เปิ่นหวางตั้งใจมาเยือนตระกูลเซี่ยจริง เนื่องด้วยเสด็จแม่ของเปิ่นนั้นประชวร หมอหลวงทั้งหลายก็สิ้นหนท