LOGINหมออู๋เขียนสัญญาขายยาห้ามเลือดกับมู่หลินโดยรับซื้อมู่หลินตลับละสองตำลึงเงิน ก็แยกเดินทางไปก่อนเพราะต้องจัดการเรื่องเงินกับหอประมูล แล้วยังต้องติดต่อกับฉีอ๋องเพื่อส่งยาให้แต่ละกองทัพ ถ้าเทียบกับจำนวนทหารและกองทัพแต่ละทิศแล้ว ยาเพียงเดือนละ 2,000 ตลับถือว่าน้อยมาก
เช้าของการเดินทางวันนี้มู่หลินมีลางสังหรณ์ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น และนางมักจะเชื่อความรู้สึกของตนเองเสมอ จึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่ท่านตาและท่านลุงให้ระวังในการเดินทางไว้
แล้วก็เป็นอย่างที่มู่หลินกังวลจริง เมื่อเข้าเขตป่าทึบก็มีนักฆ่า40-50คน ล้อมรถม้ากลุ่มของนางไว้ ทุกคนที่ได้รับคำเตือนของมู่หลินก็ระวังตัวไว้อยู่แล้ว มู่หลินที่นั่งอยู่ในรถม้าเดียวกับท่านยาย ท่านแม่ ป้าสะใภ้ พี่สาวฟางซิน และแม่นมจ้าว
มู่หลินสั่งให้ เฉินฝูกับหลิวกุ้ย คุ้มครองรถม้าคันท่านแม่ ส่วนนางโดดลงจากรถม้าวิ่งไปคันพี่ชาย ก่อนจะหยิบมีดสั้นส่งให้บุรุษทั้งสามของบ้านหวัง แม้จะเคยได้รับการฝึกในช่วงสั้นๆ แต่มู่หลินยังไม่วางใจ จึงสั่งให้อยู่แต่ภายในรถม้าห้ามลงเด็ดขาดเพราะจะทำให้นางเสียสมาธิ หลังสั่งทุกอย่างเสร็จก็หันมาเผชิญหน้ากับนักฆ่า
“ฮ่า ฮ่า แม่นางน้อย สตรีเช่นเจ้าไม่เหมาะกับมีดสั้นหรอกนะ เหมาะจะเป็นของเล่นของพวกข้ามากกว่า” จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นจากพวกนักฆ่าทั้งหลาย
“หลินเออร์ หลานออกมาจากรถมาได้อย่างไร ขึ้นไปรอบนรถม้ากับยายของเจ้า ทางนี้พวกตาจะจัดการเอง” ผู้เฒ่าเซี่ยร้องเตือนอย่างร้อนใจ
“ท่านตา คอยดูหลินเออร์ให้ดีนะเจ้าค่ะ” พูดจบมู่หลินก็ยิ้มอย่างกระหายเลือด นางห่างการฆ่าคนไปนานจนคิดว่าชีวิตในโลกนี้ไม่มีอะไรสนุกเท่าไหร่ จนตอนนี้มีของเล่นมาให้เล่นถึงที่ ถ้าไม่เล่นด้วยคงจะเสียชื่อนักฆ่าระดับเพชร
สิ้นสุดเสียงพูดมู่หลินก็พุ่งตัวเข้าหานักฆ่าที่ใกล้นางที่สุด มีดสั้นทั้งสองด้ามในมือตัดเส้นเลือดใหญ่ที่คออย่างรวดเร็วและแม่นยำ กว่าจะรู้ตัวว่าเด็กน้อยที่มันยังหัวเราะอยู่เมื่อครู่จะประมาทไม่ได้ก็ตายเสียแล้ว
จากนั้นคนที่สอง ที่สามก็ล้มลงตามมา รอยยิ้มของมู่หลินตอนนี้ทำให้ทั้งครอบครัวและนักฆ่าต่างขนลุก เพราะมันคือรอยยิ้มที่มองของเล่นชิ้นโปรด
เมื่อครอบครัวเซี่ยได้สติจึงเข้าช่วยหลานสาวสู้กับนักฆ่า การละเล่นนี้จบลงภายในหนึ่งชั่วยาม มู่หลินนั้นไม่ได้ฆ่าให้ตายทั้งหมดนางยังเก็บไว้ถามถึงผู้จ้างวานด้วย หลิวกังก็รีบเข้าถอดกรามของพวกมันไม่ให้กัดยาพิษชิงตายไปเสียก่อน จากนั้นก็ถอนฟันที่ใส่ยาพิษไว้ออก
“ท่านตาข้าขอสอบสวนมันเองนะเจ้าค่ะ” มู่หลินเป็นหมอรักษาคนจึงรู้จุดอ่อนที่ทรมานคนแล้วไม่ตายอย่างดี
มู่หลินเดินเข้าไปนั่งตรงหน้านักฆ่าคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้า นางแทงมีดสั้นลงไปอย่างไวที่ขาอ่อน ไม่ต้องมีคำถามใดๆ แต่ทั้งหมดทำเพื่อให้พวกนักฆ่าที่เหลือเห็นว่านางสามารถฆ่ามันได้ง่ายๆ
ใครให้พวกมันกล้าแตะคนในครอบครัวของนางกัน เพราะชีวิตที่แล้วไม่มีครอบครัวพอชีวิตใหม่มีครอบครัวที่รักแล้วหวังดีกับนาง นางจึงไม่อยากเสียใครไป
"ข้าจะถามแค่คำถามเดียว ถ้าไม่ตอบพวกเจ้าก็แค่ตาย" น้ำเสียงเหยียบเย็นเหมือนเทพแห่งการทำลายล้างมารอเอาชีวิตพวกมัน
“…” หัวหน้านักฆ่าที่ยังหวาดกลัวกับจิตสังหารของมู่หลิน ยังไม่ได้พูดสักคำ ก็โดนมู่หลินปาดคอเรียบร้อย
“ข้าไม่ชอบรอ” เสียงเย็นชาของนางช่างขัดกับรูปลักษณ์ที่เป็นเพียงเด็กน้อยยิ่งนัก
“ข้าบอก ขะ ข้า บอก”
นักฆ่าอีกสามคนที่เห็นหัวหน้ามันยังไม่ทันอ้าบอกก็ตายทันที รีบแย่งกันพูดทันที พวกมันเป็นแค่นักฆ่าปลายแถวเพราะคนว่าจ้างบอกมีคนติดตามมาไม่กี่คนและคนที่เป็นวรยุทธ์มีเพียงหกคนเท่านั้น ถ้าพวกมันรู้ล่วงหน้าคงไม่รับงานนี้แน่นอน
“ปะ เป็น เสนาบดีเว่ย ให้ฆ่าผู้เฒ่าเซี่ย อ๊ากกก” มีดสั้นในมือของมู่หลินปักเข้าที่ไหล่ของมันทันที
“ดี ดี เตรียมรับโทสะของข้าหวังมู่หลินให้ดี”
"พวกเจ้ามาจากสำนักไหน" เป็นท่านลุงที่เอ่ยถาม ตอนนี้ท่านตาเดินเข้าไปกอดหลานสาวตัวน้อยไว้หวังว่าจะช่วยนางคลายโทสะลงบ้าง
"ขะ ข้า มาจากสำนักฟูฉวน" เมื่อไม่มีเรื่องใดอยากรู้แล้ว ท่านตาให้หลิวกังและเฉินหย่ง และลูกชายทั้งสอง เก็บกวาดที่เหลือให้เรียบร้อย
ท่านตากับท่านลุงเดินมาส่งมู่หลินที่รถม้า เพราะหลานสาวตอนนี้อารมณ์ไม่คงที่นัก พี่รองรีบเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดออกจากหน้าของมู่หลิน พี่ใหญ่จับมือน้องเล็กของเขาไว้แน่น
ความอบอุ่นที่ทุกคนมอบให้ทำให้มู่หลินดึงสติกลับมาจากความแค้นได้ แม่นมจ้าวพามู่หลินไปเปลี่ยนชุดในรถม้าทันที จากนั้นจึงเดินทางต่อ
ท่านตาที่เห็นทุกคนเหนื่อยมากเลยบอกเฉินหย่งให้หาโรงเตี๊ยมพักก่อน เมื่อถึงโรงเตี๊ยมทุกคนต่างแยกย้ายเข้าห้องพัก เหมยฮวาที่เป็นห่วงลูกสาวจึงเข้ามาคอยดูแลมู่หลินนางรู้ว่าลูกสาวนั้นมีความกังวลใจ
"หลินเออร์ลูกรักของแม่ ไม่ว่าเรื่องอันใดแม่พ่อและพี่ชายทั้งสองของเจ้าพร้อมรับฟังและอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ"
มู่หลินที่ได้ฟังคำของแม่ นางไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ของตนจะอ่อนไหวกับคำพูดปลอบใจเพียงไม่กี่คำ ความกังวลใจ ที่กลัวว่าครอบครัวที่แสนอบอุ่นนี้จะหวาดกลัวนาง จะคิดว่านางเป็นปีศาจ
"ท่านแม่ อึก..." แม้นางจะแข็งแกร่งเพียงใจในส่วนลึกของชีวิตก่อนก็อยากมีครอบครัวเคียงข้างมาตลอด
คอยห่วงหา คอยปลอบโยน พอชีวิตนี้ได้ครอบครัวที่ดีแบบนี้นางจึงมีความเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากเสียไป น้ำตาที่ชีวิตก่อนแม้จะฝึกหนักเจียนตายไม่เคยไหลแต่มาตอนนี้เพียงคำพูดและอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ทำให้มู่หลินกลายเป็นเด็กน้อยไปเลย
บิดาและพี่ชายทั้งสองที่ยืนรอหน้าห้องพักได้ยินเสียงบุตรสาว น้องเล็กของตนร้องก็รีบเข้ามากอดปลอบโยนทันที บ้านเซี่ยที่จะตามมาดูมู่หลินเห็นภาพนี้ได้แต่น้ำตาคลอไปด้วย
"หลินเออร์ยังมีตา ยายและครอบครัวของลุงเจ้าด้วย ไม่ว่าต่อไปจะเจอเรื่องใดหรือเจ้าเลือกตะทำสิ่งใดตาจะช่วยเจ้าเอง"
มู่หลินเดินไปกอดท่านตา ท่ายยาย และครอบครัวของท่านลุง นางสาบานเลยว่าคนที่คิดร้ายกับครอบครัวของนางจะต้องพบจุดจบที่ไม่ดี
หลังจากที่ปล่อยให้มู่หลินหลับไป หลิวกังแจ้งข่าวที่ได้เพิ่มจากนักฆ่ากับท่านผู้เฒ่าเซี่ย
“โรงเตี๊ยมที่นายท่านเข้าพักเมื่อคืนเป็นของตระกูลเว่ยขอรับ หลงจู๊จำนายท่านได้จึงแจ้งไปยังเสนาบดีเว่ยขอรับ”
“หึหึ ทำงานได้เร็วดี คงกลัวว่าข้าจะกลับไปแก้แค้นสินะ อีกไม่นานนักให้พวกมันใช้ชีวิตไปก่อน เห้ออ หลานสาวข้าคงรอไม่ไหวแล้ว เห็นทีข้าคงต้องรวบรวมหลักฐานที่มีส่งให้ฝ่าบาท” ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ลอบฆ่าขึ้น ผู้เฒ่าเซี่ยคงยังไม่ลงมือกับตระกูลเว่ยและพวกที่ทำผิดร่วมกัน
มู่หลินที่พักเต็มที่ก็กลับมาเป็นหลานสาว ลูกสาว น้องเล็กที่น่ารักคนเดิม พี่สาวฟางซินที่นั่งรถม้าคันเดียวกันกลัวน้องจะคิดมากเรื่องแก้แค้นตระกูลเว่ยก็พยายามชวนน้องเล็กคุย ทั้งที่ตนเองพูดไม่เก่ง แล้วยังขี้อายอีกด้วย
พี่รองที่เป็นฝาแฝดก็ยังคงรู้ใจน้องเล็กเช่นเดิม หาขนม ผลไม้แห้งให้น้องเล็กมากมาย พี่ใหญ่นั้นพอแวะพักก็เดินไม่ห่างน้องเลย เดี๋ยวก็จับมือ เดี๋ยวก็กอดปลอบไม่สนว่าชายหญิงมิควรใกล้ชิด เพราะน้องเล็กเคยบอกไว้ว่าครอบครัวเดียวกันควรแสดงความรักต่อกัน
จนมู่หลินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ดีที่พี่ชายห่าวหรานไม่ได้เป็นไปด้วย แต่พี่ชายเซี่ยบอกนางตอนที่ไม่มีใครได้ยินว่าจะพามู่หลินไปแก้แค้นเอง เพราะคำพูดนี้ทำให้มู่หลินตาเป็นประกายอารมณ์ดีอย่างมาก นางรู้ว่าพี่ชายคนนี้มีหัวเรื่องวางแผนเจ้าเล่ห์มากเพียงใด
ห้าปีผ่านไปชายแดนประจิมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ชาวเมืองแคว้นฉีเริ่มเข้ามาทำการค้ามากขึ้น ถึงกับมีตลาดชายแดนที่ทั้งสองแคว้นจะนำสินค้าของตนมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน ชีวิตชาวบ้านจึงดีขึ้นมู่หลินได้หาพืชผักที่ทนต่อสภาพอากาศหนาวเข้ามาปลูก นางยังค้นพบภูเขาที่มีดินเค็ม เมื่อถวายฎีกาถึงฮ่องเต้ให้ทราบเรื่องแล้ว พระองค์ได้ช่วยส่งเสริมให้ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงภูเขาผลิตเกลือออกมาจำหน่าย โดยหักภาษีเข้าคลังเพื่อพัฒนาพื้นที่เมืองอื่นต่อไปฮ่องเต้ฉู่เฟยหลางสละราชบัลลังก์ให้กับองค์รัชทายาทขึ้นปกครองตอนนี้เจ้าลูกเต่าทั้งสามติดตามบิดาเข้าไปฝึกวรยุทธ์ในค่ายทหาร เพราะไป๋เฟยหรงหมั่นไส้บุตรชายทั้งสามที่เกาะติดมู่หลินมากเกินไปไป๋หมิงยู่ ไป๋หรงซิ่ง ไป๋เฉินกง เวลาอยู่กับบิดาทั้งสามจะทำตัวนิ่งขึม เหมือนเช่นบิดา พอลับหลังบิดา ทหารที่เป็นพี่เลี้ยงทั้งหลายล้วนปวดหัวกันเป็นแทบ เด็กชายทั้งสามพี่ใหญ่วางแผน พี่รองดูต้นทาง น้องเล็กหลอกล่อ กลยุทธ์ที่ร่ำเรียนมาจากกงหยวนนั้นเรียกได้ว่าตอนนี้เก่งเกินอาจารย์เสียแล้วแม้แต่กงหยวนยังเจ้าเล่ห์ไม่ได้เท่าไป๋หรงซิ่งเลย หากหนีเรียนวันใดแล้วโดนจับได้ ไป๋เฉินกงจะทำหน้าที่เรียกร
ใช้เวลาเดินทางครึ่งเดือนก็มาถึงแดนประจิม จวนท่านแม่ทัพนั้นไม่มีอะไรให้มู่หลินปรับปรุงแก้ไขนอกจากห้องน้ำ นางอยากจะเอาที่นอนออกมาใช้ใจจะขาด แต่ยังไม่ได้บอกกล่าวเรื่องมิติที่มีให้กับเฟยหรงได้รู้มู่หลินที่นอนไม่สบายตัวก็ขยับไปมาจนเฟยหรงรู้สึกตัว“น้องหญิง นอนไม่หลับหรือ” เฟยหรงดึงตัวมู่หลินมา กอด“ท่านพี่ข้าจะพาท่านไปที่แห่งหนึ่ง” พูดจบมู่หลินก็พาเฟยหรงเข้าไปในมิติของตน“ที่นี่คือที่ใด” เฟยหรงมองรอบๆ อย่างโง่งม ที่นี้สวยมากจริงๆ ลำธารที่น่าลงไปแช่ ภูเขาด้านหลังก็ดูอุดมสมบูรณ์ ไหนจะแปลงสมุนไพรหลากหลายชนิด พืชผักผลไม้เต็มไปหมด ทุ่งข้าวที่เหลืองอร่ามพร้อมเก็บเกี่ยว กระท่อมหลังน้อยที่อยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้“ที่นี่คือมิติของข้าเจ้าค่ะ” มู่หลินพาเฟยหรงเข้าไปในกระท่อม ด้านในเครื่องเรือนของใช้ไม่เหมือนที่เขาเคยเห็น นางจึงเล่าเรื่องทั้งหมดของนางตั้งแต่แรกให้ฟัง ก็เหมือนสิ่งที่นางเล่าให้ครอบครัวฟังเฟยหรงกอดมู่หลินยิ่งนึกถึงว่านางเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่งใจเขาก็ยิ่งปวด“หากเจ้าไม่อยากนำที่นอนออกไปด้านนอก เจ้าจะบอกพี่เรื่องนี้หรือไม่” เฟยหรงเอ่ยอย่างน้อยใจ มู่หลินจึงจูบไปที่มุมปากเพื่อเอาใจ“ย่อมต้อง
ไป๋เฟยหรงกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ตัวแทบจะติดกับมู่หลินเลยทีเดียว ยิ่งมู่หลินออกไปข้างนอกเฟยหรงแทบจะให้นางใส่ผ้าคลุมทั้งตัวไม่ใช่ว่าไม่มีสตรีเข้าหาเฟยหรงนะ มีมากเลยทีเดียว สาวใช้ที่มาใหม่ในจวนไป๋ที่คิดจะปีนเตียงเฟยหรง โดนเฟยหรงถีบออกมาจากห้องรักษาตัวอยู่ห้าวันกว่าจะลุกขึ้น เมื่อมีตัวอย่างให้เห็นใครจะกล้าเสี่ยงขุนนางที่ใจกล้าก็อยากจะยกบุตรสาวให้เป็นอนุ ตอนเช้ามาทหารเข้ามาจับกุมโดนขุดความผิดที่ตนก่อไว้ตั้งแต่เริ่มเป็นขุนนาง แม้จะเล็กน้อยไม่โดนตัดสินโทษหนักก็ย่อมต้องโดนลดขั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ขุนนางทั้งหลายเลยเลิกยุ่งกับแม่ทัพไป๋ไปโดยปริยาย“หลินเออร์ แม่ว่าเจ้าแต่งให้ท่านแม่ทัพเสียเลยเถิด ตอนนี้เจ้าก็ 17 หนาว แล้ว พ่อกับแม่มีพี่รองของเจ้าอยู่ด้วย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” เหมยฮวาเรียกมู่หลินมานั่งพูดคุย เพราะนางก็เห็นใจว่าที่ลูกเขยเช่นกัน“ข้าแล้วแต่ท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ” มู่หลินยอมตกลงเฟยหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะวิ่งไปป่าวประกาศให้คนทั้งเมืองหลวงได้รู้กันทั่ว เฟยหรงรีบเข้าวังหลวงไปขอฤกษ์มงคลที่เร็วที่สุด แล้วก็เร็วจริงๆ งานจะจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้ามู่หลินขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างโมโห สั
แล้วก็ถึงวันสอบเตี้ยนซื่อ หน้าพระที่นั่ง โดยวันสอบจะมีฮ่องเต้เป็นผู้คุมสอบและออกข้อสอบ ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งจะได้เป็น จอหงวน อันดับที่สอง ปั๋งเหยี่ยน อันดับที่สาม ทั่นฮวาครอบครัวหวังมาส่งเจียวโจวกับเจียวจ้านหน้าสนามสอบ“ตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดพอ พ่อไม่คาดหวังว่าเจ้าทั้งสองจะติดสามอันดับ” เจียวจิ้นให้กำลังใจบุตรชาย“แต่ข้าคาดหวังว่าท่านพี่ทั้งสองจะได้จอหงวนเจ้าค่ะ”เจียวโจวดีดหน้าผากมู่หลิน เจียวจ้านตบอกให้น้องเล็กรอดูได้เลยเมื่อทั้งสองเดินเข้าสนามสอบแล้ว เจียวจิ้น เหมยฮวา มู่หลินจึงกลับไปรอที่จวนระหว่างรอผลสอบ ข่าวที่ส่งจากโยวโจวทำให้เฟยหรงถึงกับนั่งไม่ติด ต้องรีบควบม้าออกมาจากค่ายทหารนอกเมืองเพื่อขอความเห็นใจจากมู่หลินทันที่“หลินเออร์” เฟยหรงเอ่ยเสียงอ่อยเรียกมู่หลินมู่หลินเลิกคิ้วรอฟังว่าพ่อตัวดีจะพูดสิ่งใด"เยว่เออร์ตั้งครรภ์แล้ว""อืม" ใช่เรื่องนี้นางรู้แล้ว เพราะห่าวหรานส่งข่าวมาเช่นกัน"หลินเออร์ แต่งเลยมิได้หรือ" มู่หลินหรี่ตามองเฟยหรง"กลับค่ายไปเลย" นางกัดฟันพูดผลการสอบเตี้ยนซื่อ ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เจียวโจวได้เป็นปั๋งเหยี่ยน เจียวจ้านได้อันดับที่ห้า เด็กๆ
ท่านผู้เฒ่าเซี่ยมาถึงก็เมืองหลวงพักผ่อนเพียงหนึ่งวันก็พาคนทั้งตระกูลเดินทางเข้าสู่วังหลวง"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี""ลุกขึ้น ไม่ต้องมากพิธี" ฮ่องเต้มองสหายต่างวัยด้วยความคิดถึง"เซี่ยหลี่เฉียงรับราชโองการ ตระกูลเซี่ยจงรักภักดีต่อราชวงศ์ มีความดีความชอบร่วมปราบกบฏองค์ชายใหญ่ในครั้งนี้ ฮ่องเต้ทรงพระราชทานตำแหน่งกั๋วกง ขั้นหนึ่ง ประทานจวนหน่งหลัง เงินรางวัล 50,000 ตำลึงทอง ผ้าไหม 20 พับ เครื่องประดับ 5 หีบ จบราชโองการ " ขันทีประกาศราชโองการแม้ของรางวัลที่ได้จะไม่อาจเทียบเท่ากับของที่เคยโดนยึดไป แต่ตระกูลเซี่ยก็ไม่เสียดาย เพราะทรัพย์สินของตระกูลตอนนี้มีมากมายเทียบเท่าเงินในคลังหลวงได้ฮ่องเต้ยังคงต้องใช้เงินเยี่ยวยาชาวเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการก่อกบฏขององค์ชายใหญ่ในครั้งนี้อีกมากตระกูลเซี่ยเข้าพักในจวนหลังใหม่ ท่านตาท่านยายยังบ่นกับมู่หลินเรื่องที่นอนนั้นนอนไม่สบายเท่าที่หมู่บ้านชุนหง ห้องน้ำก็ไม่สะดวกสบาย หลานสาวแสนดีจึงเอาใจด้วยการเอาที่นอนของใช้ออกมาให้ทุกคน ท่านตาท่านยายเลยได้ยิ้มหน้าบานครอบครัวหวังเจียวจิ้นนั้นแยกตัวไปอยู่จวนที่ห่าวหรานซื้อไว้ หากให้นั
เซี่ยซีห่าวนำทัพพร้อมพวกกบฏเดินทางถึงเมืองหลวงหลังจากที่ไป๋เฟยหรงถึงเกือบสิบวันฮ่องเต้สังประหารขุนนางฝ่ายกบฏทั้งหมด ขุนนางคนใดที่โทษไม่หนักก็เนรเทศออกไปใช้แรงงานที่ชายแดน ส่วนองค์ชายใหญ่นั้นทดพิษบาดแผลไม่ไหวชิงตายไปเสียก่อนวันตัดสินโทษเพียงแค่สองวัน หวงกุ้ยเฟย เสนาบดีเว่ย เว่ยซูเหิง โดนตัดสินให้แล่เนื้อเถือหนังจนกว่าจะสิ้นใจตายส่วนคนในจวนตระกูลเว่ยและตำหนักขององค์ชายใหญ่ที่ตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดก็โดนเนรเทศสั่งห้ามทั้งหมดกลับเข้าเมืองหลวงและหมดสิทธิ์เข้าสอบขุนนางตลอดชีวิตเว่ยซูเม่ยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏครั้งนี้ แต่นางมีความผิดที่ส่งนักฆ่าไปลอบสังหารมู่หลินหลายครั้ง จึงโดนตัดสินให้ประหารชีวิตด้วย ถึงแม้มู่หลินจะเสียดายที่นางไม่ได้เป็นคนจัดการเอง แต่ก็ไม่ได้ติดใจเพราะโทษตายที่นางได้รับนั้นสมควรแล้วขุนนางกว่าครึ่งในท้องพระโรงที่โดยตัดสินโทษครั้งนี้ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ทรงร้อนใจเท่าใด เพียงแต่ตั้งขุนนางตงฉินเข้ามาแทนในตำแหน่งสำคัญที่หายไป ส่วนในตำแหน่งอื่นนั้น ทรงรอการสอบหน้าพระที่นั่งในอีกหกเดือนที่จะถึงนี้ คงเติมเต็มท้องพระโรงได้ครบทุกตำแหน่งเวลาที่ครอบครัวบ้านหวังรอก็มาถ







