LOGINหลังอาหารมื้อกลางวันหลิวกังก็กลับมาพร้อมทั้งพาครอบครัวทาสหลวงที่ให้ไปรับทั้งสามกลับมาด้วย ทั้งสามครอบครัว มีคนทั้งหมด 25 คน แซ่เฉียน 9 คน แซ่อู๋ 8 คน แซ่หลัน 8 คน
ทั้งหมดรับรู้เรื่องราวของเหมยฮวาและทั้งหมดได้กลับมาอยู่กับผู้เฒ่าเซี่ยจากปากของหลิวกังแล้ว แต่เมื่อมาถึงก็ยังร่ำไห้ ด้วยความซึ้งใจที่สามารถผ่านเรื่องที่เลวร้ายไปได้
ท่านผู้เฒ่าเซี่ยให้พ่อบ้านเฉิงจัดที่พักพร้อมทั้งดูแลเรื่องเสื้อผ้า อาหารการกิน มู่หลินสอบถามความคิดเห็นของบ้านเซี่ยเรื่องเดินทางกลับหมู่บ้านชุนหง ด้วยจำนวนคนที่มาก ท่านตาเลยให้กลุ่มคนมาใหม่เดินทางกลับก่อนเพื่อไปเตรียมที่อยู่
“บุตรเขย คนเยอะเช่นนี้ พวกเจ้าจะดูแลอย่างไร เงินที่ข้ามีนั้นไม่พอดูแลทั้งหมดได้เลย เป็นข้าที่ผิดต่อทุกคน” ผู้เฒ่าเซี่ยโทษตนเองที่ทำให้คนของตนลำบากไปด้วย
“ท่านพ่อตาอย่าได้กล่าวโทษตนเองขอรับ หลินเออร์ได้วางแผนไว้แล้วจะเริ่มทำการค้า แต่การค้าของครอบครัวเรานั้นอาจจะต้องรบกวนท่านพ่อตาและท่านพี่ภรรยาด้วยขอรับ”
“เจ้าอย่าได้พูดเช่นนี้น้องเขย อย่างไรพวกเราก็ต้องพึ่งเจ้าเช่นกัน แล้วที่เจ้าต้องรบกวนนั้นคือสิ่งใด”
ท่านพ่อเจียวจิ้นเลยให้มู่หลินเป็นคนอธิบายถึงแผนการค้าที่วางไว้ มู่หลินจึงให้พ่อบ้านเฉิงเรียกหัวหน้าครอบครัวแต่ละตระกูลเข้ามาด้วยเพื่อที่จะแบ่งงานตามความรู้ของแต่ละคน โดยมีท่านหมออู๋เข้าร่วมรับฟังด้วย
"หลานคิดว่าด้วยจำนวนคนที่มากขึ้น ครอบครัวเราต้องทำการค้าหลายอย่าง การค้าบางอย่างของบ้านเราอาจจะส่งผลต่อการค้าของตระกูลใหญ่อีกหลายตระกูลรวมถึงตระกูลเว่ยด้วย"
เมื่อทุกคนได้ยินว่าการค้าที่ทำจะส่งผลกระทบต่อตระกูลเว่ยผู้ที่ถูกกระทำหลายคนตาเป็นประกายแสดงออกถึงความกระหายที่อยากจะแก้แค้น แต่ท่านยายดูจะกังวล เพราะกลัวอำนาจของตระกูลเว่ยจะนำภัยมาสู่ทุกคนอีกครั้ง เมื่อท่านยายจะแย้ง ท่านตาจึงห้ามก่อนให้ฟังหลานสาวบอกแผนการให้เสร็จ
"ตระกูลเว่ยร่ำรวยได้จากการทำเหลาสุรา โรงเตี๊ยม มีการค้าที่พวกเราจะเริ่มทำเลยสามอย่างเจ้าค่ะ หลานจะเปิดเหลาสุราแล้วยังต้องการทำเป็นหอขายข่าวด้วยเจ้าค่ะ อย่างที่สองหลานจะทำการค้าเกี่ยวกับกระดาษ กระดาษที่หลานจะทำมีความละเอียดมากกว่ากระดาษที่ขายอยู่ตอนนี้มากนัก อย่างที่สามร้านเปิดเหลาอาหารที่เหมาะกับทานในหน้าหนาวเรียกว่าหม้อไฟ เมื่อหมดหน้าหนาวก็จะเปลี่ยนเป็นเหลาอาหารทั่วไปแต่อาหารที่หลานจะขายแน่นอนว่าไม่มีเหลาอาหารไหนมีเจ้าค่ะ เมื่อหมดหน้าหนาวหลานจะทำน้ำแข็งออกมาขายเจ้าค่ะ และยังขอรบกวนท่านปู่อู๋ให้ออกหน้าขายยากับกองทัพด้วยเจ้าค่ะ ยาที่หลานจะขายให้กองทัพนั้นเป็นยาห้ามเลือดถ้าหากท่านปู่อู๋จะทดสอบก่อนหลานมีมาด้วยนะเจ้าค่ะ “
เมื่อหมออู๋ได้ยินเช่นนั้นก็รีบให้มู่หลินเอาออกมาให้ดู มู่หลินทำแสร้งเดินไปหยิบของในห้อง แล้วนำออกมาให้หมออู๋ เมื่อดมกลิ่นแล้วหมออู๋รู้ได้ทันทีว่ายาที่เห็นนั้นมีคุณภาพดีแน่นอน
เฉียนจง เป็นคนอาสา เขาหยิบมีดสั้นออกมากรีดที่มือ หมออู๋นำยาผงห้ามเลือดโรยลงไป แค่เพียงสองลมหายใจเลือดที่ไหลมากมายในช่วงแรกก็หยุดไหลทันที
“วิเศษ วิเศษ ยาห้ามเลือดนี้จะทำให้ทหารรอดจากความตายได้มากทีเดียว หลานสาวคนดี เจ้าทำออกมาได้มากเพียงใด" ตอนนี้มู่หลินกลายเป็นหลานสาวคนดีไปเสียแล้ว
"ตอนนี้ครอบครัวเรามีคนช่วยงานมากขึ้น หลานคิดว่าในหนึ่งเดือนหลานทำออกมาได้ 1,000-2,000 ตลับเจ้าค่ะ"
ความจริงมู่หลินสามารถผลิตได้มากกว่านี้แต่มู่หลินยังไม่อยากตัดช่องทางการค้าของตระกูลถังที่ส่งยาให้กองทัพอยู่ตอนนี้ แต่จะทำเป็นการแทรกซึมเข้าไปเมื่อตระกูลถังเริ่มรู้ตัวก็เสียการค้ากับกองทัพไปแล้ว เรื่องนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในเวลาอันใกล้นี้
“เช่นนั้น อีกสามวันเดินทางกลับหมู่บ้านชุนหงได้แล้ว เรื่องอื่นค่อยหารือกันตอนนี้พวกเจ้าแยกย้ายไปพักผ่อนเสียก่อน หลินเออร์คงเหนื่อยมากแล้ว" ท่านตาสั่งให้ทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนทันทีเพราะส่งสารหลานสาวตัวน้อยที่เพิ่งอายุ12หนาว ก็รับปัญหามากมายถึงเพียงนี้แล้ว
ถึงท่านผู้เฒ่าเซี่ยจะภูมิใจที่หลานชายหลานสาวเก่งกาจ แต่ก็อดสงสารไม่ได้ที่ชีวิตในวัยเด็กต้องลำบากมากมายขนาดนี้ ยิ่งรับฟังเรื่องเก่าที่บุตรีกับหลานทั้งสามโดนนางจางซิงรังแก ใช้งานเยี่ยงบ่าวไพร่ก็อดที่จะโมโหจนอยากจะไปตัดคอเสียในตอนนี้ ถึงอยากจะดุด่าลูกเขยขนาดไหนแต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้เพราะสงสารบุตรีของตนเอง
ทางผู้เฒ่าเซี่ยให้ทางทาสหลวงทั้งสามครอบครัวเดินทางกลับไปหมู่บ้านชุนหงก่อน พร้อมทั้งพ่อบ้านเฉิงและบ่าวในบ้านเซี่ยด้วย จะเหลือแค่แม่นมเท่านั้นที่อยู่คอยแลฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ย
หลังจากนั้นอีกสองวันขบวนของครอบครัวเซี่ย บ้านหวัง และหมออู๋ก็เดินทางกลับโยวโจว คนที่หน้าบานสุดเห็นจะเป็นหมออู๋ที่ได้โชคจากการมาครั้งนี้ด้วย
ระยะเวลายังคงเดินทางห้าวันเช่นตอนมา วันที่สามของหารเข้าพักโรงเตี๊ยม ข่าวเรื่องการประมูลของหอเฟยหลงก็เข้าหูของกลุ่มมู่หลิน เห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่ จบการประมูลไปที่ 20,000 ตำลึงทอง เป็นราคาที่มู่หลินได้ยินแล้วแทบหยุดหายใจเพราะไม่คิดว่าจะได้ราคามากมายเพียงนี้
มู่หลินที่ได้ยินแล้วแทบหยุดหายใจ บุคคลบ้านหวังทั้งหมดตอนนี้วิญญาณหลุดลอยไปเรียบร้อยแล้ว พี่รองถึงกับตกเก้าอี้เลยทีเดียว คนบ้านเซี่ยยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนบ้านหวังถึงได้สติหลุดแบบนี้
ร้อนถึงหมออู๋ต้องเล่าเรื่องที่หลานทั้งสามเจอเห็ดหลินจือแล้วมาขายให้โรงหมอของเขา ดอกใหญ่ที่สุดคือดอกที่ชาวบ้านกำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้นั่นเอง ยังเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หลานทั้งสามสอบถามเรื่องตระกูลเซี่ยจากเขาอีกด้วย
“ท่านปู่อู๋ข้ายังมีเหลืออีกนิดหน่อยนะเจ้าค่ะ” มู่หลินที่เย้าหมออู๋ หมออู๋พอฟังจบก็ให้โมโหหนวดกระดิก
“ตาเฒ่า หลานเจ้านั้นน่าตีนัก บอกข้าไม่มีแล้ว พอได้ยินราคาประมูลบอกเหลืออีกนิดหน่อย”
หมออู๋แสร้งทำเป็นโกรธมู่หลิน จนนางรับปากว่าจะนำยาชามาให้หมออู๋ลองใช้ หมออู๋ถึงได้หัวเราะร่วนที่หลอกหลานคนดีได้ของเพิ่ม
ท่านลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่ พี่ชายห่าวหราน พี่สาวฟางซินที่นั่งฟังเงียบๆ ยังตกใจกับโชคของมู่หลิน
องค์ชายรองเมื่อทราบข่าวจากเซี่ยห่าวหรานก็เดินทางมารับฮ่องเต้กับฮองเฮาไปดูแลต่อที่วังหลวง เพราะตอนนี้ทหารในวังทั้งหมดเป็นคนขององค์ชายรองและแม่ทัพไป๋ กองกำลังตระกูลเซี่ยจึงได้พักรักษาตัวได้อย่างเต็มที่หลังจากที่พักฟื้นได้สามวัน องค์ชายรองส่งข่าวมาว่า รู้ที่ซ่อนตัวขององค์ชายใหญ่แล้ว มู่หลินกับเซี่ยห่าวหรานจึงเดินทางเข้าวังเพื่อปรึกษาแผนการเข้าจับกุมตัว“พี่ใหญ่ใช้ทางลับที่หวงกุ้ยเฟยสร้างไว้เพื่อหลบหนี ครั้งนี้ข้านึกไม่ถึงว่าองครักษ์เงาของเสด็จพ่อจะโดนเปลี่ยนตัว” องค์ชายรองเอ่ยกับมู่หลินอย่างรู้สึกผิดเพราะหากเขาไม่ประมาทเรื่ององครักษ์เงาของฮ่องเต้ มู่หลินกับเซี่ยห่าวหรานคงไม่บาดเจ็บ กองกำลังเซี่ยก็จะไม่มีคนล้มตาย“พระองค์อย่าได้โทษตนเองเลยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ก็รู้ที่ตั้งฐานทัพขององค์ชายใหญ่แล้ว พระองค์จะบุกเข้าไปเลยไหมพะยะค่ะ” เซี่ยห่าวหรานไม่โทษว่าเป็นความผิดขององค์ชายรอง ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นแม้จะกันทุกทางก็ต้องมีพลาดบ้าง“ตอนนี้องครักษ์ของท่านเป็นเช่นใดบ้าง” องค์ชายรองถามเซี่ยห่าวหราน“องครักษ์ของกระหม่อมฟื้นกำลังดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ “"เช่นนั้นคืนนี้ ก็เคลื่อนทัพได้"ทางด้านขององค์ช
ทางแม่ทัพไป๋ก็เริ่มลงมือกับเจ้าเมืองเหิง โจวที่อยู่ชายแดนเหนือแล้ว เจ้าเมืองเหิงโจวเป็นด่านหน้าที่คอยส่งข่าวให้กับแม่ทัพถัง เมื่อกำจัดหนอนไปได้หนึ่งตัว กองทัพพยัคฆ์ทมิฬก็เข้าประชิดกองทัพของแม่ทัพถังไปอีกก้าวแม่ทัพถังได้ตำแหน่งมาเพราะอำนาจของเสนาบดีเว่ยช่วย หากถ้าถามถึงฝีมือถ้าออกรบจริงคงตายคาสนามรบแน่ คนข้างกายก็มีแต่พวกหาผลประโยชน์ ประจบสอพลอ ทหารในปกครองก็หละหลวม ดีแต่ดื่มสุราเค้านารี ไม่ฝึกซ้อมคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่แม่ทัพถังเรียกรองแม่ทัพ นายกองร่วมฉลองที่ชนเผ่านอกบางส่วนมารวมตัวเพื่อหารือแบ่งผลประโยชน์หลังฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ในคืนนั้นเองกองทัพพยัคฆ์ทมิฬจึงเข้าล้อมทั้งหมด แล้วเข้าจับกุมคนไว้ได้ เมื่อไม่มีการเฝ้าระวังอย่างที่ควร บวกกลับอาการเมามาย กองทัพทมิฬจึงมิต้องออกกำลังมากเท่าใดทางด้านเซี่ยซีห่าวก็เข้าบุกสังหารชนเผ่านอกด่าน เนื่องจากผู้นำกับลูกน้องคนสนิทเข้าร่วมหารือกับแม่ทัพถัง ในค่ายของชนเผ่าตอนนี้มีเพียงรองหัวหน้า เมื่อเซี่ยซีห่าวสังหารรองหัวหน้าได้ มังกรเมื่อไร้หัวก็หมดทางสู้ ชาวชนเผ่าที่หวาดกลัวก็หนีตาย เหลือเพียงส่วนน้อยที่ยอมสู้จนตัวตาย เมื่ออยากตายก็จัดให้
ทางด้านเมืองหลวงตอนนี้ในจวนเสนาบดีประดับไปด้วยโคมแดง ผ้าแดง บ่งบอกถึงงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นเว่ยซูเม่ย ไม่แสดงสีหน้ายินดีใดใดทั้งนั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องในจวนครั้งนั้น นางแทบจะไม่ได้ออกนอกจวนเลย งานเลี้ยงน้ำชาก็เลือกไปเฉพาะที่จำเป็น คนส่วนใหญ่คิดว่านางเตรียมตัวออกเรือนแต่เปล่าเลยเป็นเพราะท่านปู่ของนางสั่งห้ามนางก่อเรื่องอีก ท่านพ่อของนางก็กลัวตำแหน่งผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปจะตกเป็นของท่านอารอง จึงสั่งให้นางอยู่แต่ภายในจวนเท่านั้นขบวนรับเจ้าสาวขององค์ชายใหญ่ เกี้ยวแปดคนหาม คนโบยเหรียญทองแดง สินสมรส ถึง119หีบ จัดอย่างยิ่งใหญ่ (สินสมรสก็เป็นของเสนาบดีเว่ย 99 หีบแล้ว) สินเจ้าสาวก็ไม่น้อยหน้า ทบจากสินสมรสเพิ่มไปเป็น 199 หีบ เท่ากับคืนเข้าตำหนักองค์ชายใหญ่ทั้งหมดและเพิ่มเข้ามาอีกด้วยชาวเมืองต่างยกย่องจวนเสนาบดีที่รักบุตรหลาน สินสมรสที่ได้ก็ยกให้เป็นสินเดิมของเจ้าสาวทั้งหมด ช่างใจกว้างยิ่งนัก องค์ชายใหญ่ก็ดูจะรักใคร่พระชายายิ่งนัก ทำให้สตรีทั่วเมืองหลวงอิจฉาเว่ยซูเม่ยแทบบ้า นี่คือสิ่งที่คนภายนอกเห็นแต่ตัวเสนาบดีเว่ยนั้นแทบกระอักเลือดออกมา ที่จัดใหญ่โตที่เห็นทั้งหมด ล้วนเป็นเงินในคลังจวนเว่ย
หลังจากแยกย้ายกลับเรือนของตนแล้ว เฟยหรงก็เขียนจดหมายส่งถึงมู่หลิน ครั้งนี้เขาตั้งใจเขียนให้ยาวอย่างที่กงหยวนแนะนำผ่านมาสองวันจดหมายก็ถึงมือมู่หลิน มู่หลินยังคงทำเช่นเคยตื่นนอน ฝึกวรยุทธ์ กลับมาอาบน้ำ ไปกินข้าวกับครอบครัว แล้วจึงกลับเรือนเพื่อนำจดหมายออกมาอ่าน“อืม…” ครั้งนี้เขียนเยอะขึ้นจริงๆ ด้วยเผยอิงกับเผยอวี้ ทึ่งกับการแสดงสีหน้าของคุณหนูมาก หากเป็นคุณหนูตระกูลอื่นได้จดหมายจากบุรุษจะต้องเขินอาย แต่คุณหนูของพวกนางนั้น ไม่ขมวดคิ้วก็นิ่งเฉยไปเลย‘หลินเออร์เจ้าจงรอข้าก่อนอย่าเพิ่งหมั้นหมายกับผู้ใด หากข้าจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจะเข้าไปพูดคุยกับบิดามารดาของเจ้า ‘มู่หลินอ่านจบแทบจะฆ่าเหยี่ยวทิ้ง เจ้าคนแซ่ไป๋มีสิทธิ์อันใดสั่งให้นางรอ เคยพูดคุยกันก็นับครั้งได้ แล้วนางในตอนนี้เพียง 14 หนาวเท่านั้น มู่หลินต้องสงบใจก่อนที่จะตอบจดหมายไม่เช่นนั้นนางได้ด่าฝากไปเป็นแน่ไม่ใช่นางปิดกั้นแต่มันเร็วเกินไปที่จะปักใจกับคนคนนี้ หากต้องอยู่ด้วยกันจนตายก็ต้องเรียนรู้นิสัยกันก่อน ในยุคนี้แม้บุรุษจะเป็นใหญ่แต่ไม่ใช่สำหรับนาง นางไม่จำเป็นต้องพึ่งบุรุษมู่หลินยังคงให้เผยอวี้หาอาหารให้เหยี่ยวเช่นเ
เผยอิงที่ช่วยแต่งตัวให้มู่หลินเสร็จแล้วก็เดินไปเปิดหน้าต่าง“ว้ายยย… " เผยอวี้กับมู่หลินหันไปมอง เผยอวี้เข้าไปพยุงเผยอิงให้ลุกขึ้น มู่หลินเดินไปที่เหยี่ยวแดง เพราะนางเห็นข้อขามันมีกล่องใส่สารผูกไว้อยู่"… " มู่หลินอ่านจดหมายจบหน้าก็ขมวดคิ้วทันที"คุณหนู มีเรื่องร้ายแรงหรือเจ้าคะ" เผยอวี้เห็นสีหน้ามู่หลินแล้วก็เป็นกังวลมู่หลินส่ายหน้า นางเก็บจดหมายในแขนเสื้อแต่ความจริงคือโยนเข้าไปในมิติ"เผยอวี้ เจ้าหาอาหารให้มันด้วย" นางชี้ไปที่เหยี่ยวแล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อไปทานอาหารเช้าพร้อมครอบครัวพี่ชายทั้งสองวันนี้จะเดินทางกลับสำนักศึกษา เพื่อเตรียมตัวสอบจวี่เหรินในอีกสามเดือนข้างหน้า ถึงระยะเวลาสอบจะกระชั้นชิด ทุกคนก็ไม่สร้างความกดดันให้ทั้งคู่ สอบไม่ได้ก็แค่รอสอบใหม่“แต่น้องหวังว่าพี่ใหญ่กับพี่รองจะสอบได้อันดับที่ดีเจ้าค่ะ” น้องเล็กของเขานั้นไม่กดดันจริงๆ ด้วยมู่หลินกลับมาถึงเรือนก็ตรงเข้าไปหาเจ้าเหยี่ยวแดงทันที นางอ่านจดหมายซ้ำอีกรอบ ยิ่งอ่านยิ่งไม่เข้าใจ แม้ในจดหมายจะเขียนเพียงแค่'ข้าชอบเจ้า' ลงชื่อเฟยหรงคือยังไง ต้องตอบมายังไง แล้วจะมาชอบตอนไหน เจอกันกี่ครั้ง คุยกันกี่ประโยคเอาอะไรมา
ทางด้านครอบครัวเซี่ยก็ได้รับข่าวดี ฟางซินตั้งครรภ์แล้ว มู่หลินนั้นจัดเตรียมของใช้จำเป็นและยาเพื่อดูแลครร์ส่งไปให้ ตอนนี้กิจการและกำลังคนของบ้านเซี่ยกับบ้านหวังนั้นเป็นไปด้วยดี หอข่าวสารของเซี่ยห่าวหรานก็เก็บรวมรวบข่าวการเคลื่อนไหวของชนเผ่านอกด้านได้มากมาย รวมไปถึงยาพิษที่ใช้กับฮองเฮาว่าได้มาจากใครไปถึงขายให้ใครก็ถูกส่งเรื่องไปที่วังหลวงเรียบร้อยแล้วชีวิตของมู่หลินช่วงนี้ยังปกติอย่างมาก ผลสอบของพี่ใหญ่กับพี่รองก็จะออกในไม่กี่วันนี้ นางรู้ดีว่าพี่ชายทั้งสองต้องสอบผ่านเป็นแน่ เพราะน้ำทิพย์ที่พี่ชายได้ดื่มอยู่ตลอดนั้นช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยให้ความจำพี่ชายนางดีกว่าคนทั่วไปอีกด้วยหลิวเสิน เยี่ยโยว ตงซาน กลับมาถึงแล้วก็นำจดหมายมาให้มู่หลิน“ของข้าหรือเจ้าคะ” มู่หลินรับมาอย่างไม่เข้าใจ ว่าเฟยหรงจะส่งจดหมายให้นางทำไมหรือจะโมโหที่นางตักเตือนเรื่องคู่หมั้น หรือจะข่มขู่นาง“มู่หลินเก็บจดหมายไว้ในแขนเสื้อ แล้วก็สนใจเรื่องอื่นแทน ตอนนี้ทั้งสามกลับมา มู่หลินจึงอยากทดสอบว่าที่พวกเขาไปอยู่ในกองทัพทมิฬนั้นเก่งขึ้นแค่ไหนพละกำลังของทั้งสามมีมากอยู่แล้ว กระบวนท่า ความเร็วก็เพิ่มขึ้นเมื่อได้ใช้







