ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)

ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
โดย:  ฮาจิฮาจิอัปเดตเมื่อครู่นี้
ภาษา: Thai
goodnovel12goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
21บท
40views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

ข้ามเวลามาอยู่ในยุคโบราณ พร้อมกับระบบฝึกหัด แต่เลเวลตัน ถึงจะเป็นชายาเชลยที่ถูกผู้อื่นดูแคลน แต่ขอแค่สามีรักก็พอแล้ว!

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

บทที่ 1 เมื่อฉันทะลุมิติ

บทที่ 1

เมื่อฉันทะลุมิติ

            เมืองกัวหลิน

            ชายแดนของแคว้นอู๋

            กลางฤดูร้อนที่แสนอบอ้าว

            ภายในห้องนอนใหญ่ประกอบไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นสีแดง อันเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล

            แสงอาทิตย์ยามเที่ยงลอดผ่านเข้ามาทางกรอบหน้าต่าง ซิ่วอิงค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง ก่อนจะใช้ศอกยันตัวเองลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสภาพที่มึนงง

            ในขณะที่หญิงสาวกำลังกวาดตามองสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะ จากนั้นความทรงจำของใครบางคนก็พรั่งพรูเข้ามาในหัว

            ดูเหมือนว่า ‘ซิ่วอิง’ หญิงสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางถนน วิญญาณของนางเข้ามาสวมร่างของ ‘หวังซิ่วอิง’ หญิงสาวในยุคโบราณ หรือก็คือร่างกายนี้นั่นเอง

            บิดาของหวังซิ่วอิงมีนามว่าหวังเฝิงเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเฉา

            หลังจากหวังเฝิงพ่ายแพ้สงคราม เขาก็ส่งเครื่องบรรณาการ รวมถึงบุตรสาวคนที่สามให้กับจ้าวเฟยอู๋ อ๋องปกครองแห่งแคว้นอู๋

            ครั้งแรกที่หวังซิ่วอิงพบหน้าเจ้าบ่าว นางร้องไห้คร่ำครวญว่าจะฆ่าตาย จากนั้นก็วิ่งเอาหัวชนเสา   

            “อึก...เจ็บ!”

            คิดมาถึงตรงนี้ ซิ่วอิงพลันสูดปากด้วยรู้สึกเจ็บหัวอย่างรุนแรง

            ตอนนั้นเอง นอกประตูห้องมีเสียงของหญิงวัยกลางคนตะโกนขึ้นมาอย่างดุร้าย

            “อะไรกัน หลับไปตั้งสองวันแล้ว ยังไม่ฟื้นอีกหรือ!”

            “พระชายาเสียเลือดมาก น่าจะยังไม่ได้สติเร็วๆ นี้หรอกเจ้าค่ะ”

            เจ้าของเสียงที่ตอบกลับอย่างกล้าๆ กลัวๆ เป็นหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ

            “พูดจาเห็นใจเชลยพรรค์นั้น เจ้าเป็นสาวใช้ของใครกันแน่ หลบไป!”

            “แต่…หัวหน้าเฉิน…”

            “ครั้งแรกนางเอาหัวชนเสาตายไม่สำเร็จ ตอนนี้คงกำลังวางแผนอดข้าวจนตาย เจ้าเป็นคนบ้านนอก ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนตระกูลหวังหรอก หลบไปเดี๋ยวนี้”

            “หัวหน้าเฉิน…อ๊ะ!”

            ปัง!

            เมื่อประตูถูกผลักให้เปิดอย่างรุนแรง ซิ่วอิงหันมองผู้เข้ามากะหันทัน แต่เพราะขยับตัวเร็วเกินไปจึงทำอาการเจ็บหัวกลับมาอีกครั้ง

            “อูย…”

            หญิงสาวยกมือขึ้นกุมหัว ทันใดนั้นก็พบว่ามีผ้าพันรอบหน้าผาก 

            หวังซิ่วอิงคนเก่าวิ่งเอาหัวชนเสาจนตายจริงๆ ด้วย

            เป็นสูตรสำเร็จการฆ่าตัวตายของคนยุคโบราณหรือยังไง

            นิยายกับซีรี่ย์หลายเรื่องก็มีบทแบบนี้

            ไม่คิดหรือไงว่า หากเลือดคลั่งในสมองกลายเป็นคนติดเตียงแล้วจะลำบากคนอื่นเอาน่ะ

            เฮ้อ…

            ซิ่วอิงทอดถอนหายใจในขณะที่กำลังคิด

            ตอนนั้นเอง หญิงวัยกลางคนร่างท้วมก็ก้าวมายืนเท้าสะเอวอยู่ข้างเตียงแล้ว พอเห็นซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นมอง หัวหน้าสาวใช้แซ่เฉินก็ชักสีหน้าใส่

            ซิ่วอิงเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่แยแส

            “ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ”

            หัวหน้าเฉินทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่หลังจากสูดหายใจลึกสองสามเฮือก นางก็อดกลั้นความไม่พอใจได้นิดหน่อย ฉีกยิ้มจอมปลอมขณะพูดประชด

            “ในที่สุดก็ฟื้นสักทีนะเพคะ หม่อมฉันจะได้เรียนท่านอ๋องว่าพระชายายังไม่ตาย”

            “ข้าก็คิดว่าพวกเจ้าอยากให้ข้ารีบๆ ตายเสียอีก”

            “ถึงหม่อมฉันไม่ชอบใจที่ท่านอ๋องผู้แสนดีต้องรับชายาเชลยแบบท่านเข้ามา แต่การที่ท่านมาตายในแคว้นอู๋ จะทำให้ท่านอ๋องของเราเดือดร้อนเพคะ”  

            เป็นแบบนี้เอง

            แม้ว่าผู้คนแคว้นอู๋ไม่เต็มใจต้อนรับชายาเชลยอย่างหวังซิ่วอิง แต่หากหวังซิ่วอิงมาตายในแคว้นอู๋ หวังเฝิงอาจใช้เรื่องนี้สู้รบกับแคว้นอู๋อีกครั้ง  

            อย่างไรก็ตาม ทั้งกิริยาและคำพูดของหัวหน้าเฉินคนนี้ ถ้าซิ่วอิงไม่รู้สึกโกรธก็คงไม่ใช่คนแล้ว

            ซิ่วอิงขมวดคิ้วมองฝ่ายนั้นอย่างเย็นชา 

            “ข้าจะนอนต่อ ไสหัวออกไปได้แล้ว”

            “คำพูดของพระชายาช่างโอหังเสียจริงนะเพคะ เรื่องนี้หม่อมฉันก็จะเรียนให้ท่านอ๋องทราบเหมือนกัน” เฉินเหนียงกำหมัดไม่พอใจ 

            “ตามใจสิ”

            ซิ่วอิงพูดจบ ก็ค่อยๆ เอนหลังลงนอนอย่างไม่สนใจ

            …..

            ….

            ซิ่วอิงรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งหลับไปแค่แป๊บเดียวก็ถูกสาวใช้ปลุกให้ลุกขึ้นมากินยา

            หญิงสาวลืมตามองสาวใช้อย่างสะลึมสะลือ  

            “พระชายาถึงเวลาทานยาแล้วเพคะ”

            สาวใช้บอกด้วยสีหน้าลำบากใจ

            ผู้หญิงคนนี้ ถ้าจำไม่ผิดคือคนที่เถียงกับหัวหน้าเฉินที่หน้าประตูสินะ

            ดูจากสายตาซื่อๆ แล้ว คงเป็นคนดีอยู่บ้าง

            คิดจบ ซิ่วอิงยันศอกลุกมานั่งโดยมีสาวใช้ช่วยประคอง   

            ซิ่วอิงรับถ้วยยาจากสาวใช้แล้วดื่มทีเดียวจนหมด 

            “เจ้าชื่ออะไร”

            จู่ๆ ก็ถูกถามชื่อ สาวใช้ที่กำลังหันไปวางถ้วยยาบนถาดรองพลันตัวแข็งทื่อ

            ชาติก่อน ซิ่วอิงเคยอ่านนิยายแนวย้อนเวลาทะลุมิติมาหลายเรื่อง สิ่งแรกที่นางเอกทำหลังจากฟื้นขึ้นมาในโลกที่ไม่คุ้นเคยก็คือผูกมิตร

            สาวใช้คนดูไม่มีพิษภัย จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดี

            “หม่อมฉันชื่อ ‘หงถง’ เพคะ”

            สาวใช้คนสวยตอบกลับด้วยท่าทีเกร็งๆ

            ซิ่วอิงยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร

            “ก่อนหน้านี้ข้าคงสร้างความเดือดร้อนให้ท่านอ๋องมากเลยใช่หรือไม่ เจ้าเองก็คงจำใจมาดูแลคนอย่างข้า ลึกๆ แล้วคงรู้สึกไม่ชอบใจสินะ แต่เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่สร้างเรื่องให้ท่านอ๋องต้องลำบากใจอีกแล้ว”

            “เอ๊ะ!?”

            สีหน้าของหงถงเต็มไปด้วยความแปลกใจ

            ซิ่วอิงมองสีหน้าที่งงเป็นไก่ตาแตกนั้น ก่อนจะเอ่ยถาม

            “ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังทำอะไรอยู่หรือ”

            หงถงดึงสติกลับเมื่อได้ยินคำถาม

            “เอ่อ...ท่านอ๋องทรงงานอยู่ที่ค่ายทหารเพคะ”

            “เขาจะกลับมาเมื่อไร”

            “เรื่องนั้น...เอ่อ…ท่านอ๋องทรงงานหนัก หม่อมฉันคิดว่าท่านอ๋องคงอยู่ที่ค่ายทหารหลายวันจนกว่าจะสะสางงานเสร็จเพคะ”

            “ถ้าข้าอยากพบท่านอ๋อง ข้าต้องไปที่ค่ายสินะ แล้วค่ายทหารอยู่ไกลหรือไม่”

            “อันที่จริง ที่นี่เป็นค่ายทหารเพคะ แต่ว่า ตำหนักที่พระชายาพำนักอยู่ เป็นตำหนักแยกที่อยู่ส่วนหลังของค่าย ห้องทรงงานและค่ายฝึกจะส่วนหน้าเพคะ”

            ฟังจบ ซิ่วอิงส่งเสียง “อ๋อ”

            หงถงมองซิ่วอิงด้วยสีหน้าลังเล ผ่านไปสักครู่ นางก็พูดเสียงเบาว่า “เอ่อ…พระชายา หม่อมฉันไม่คิดว่าท่านอ๋องจะอยากพบพระชายาตอนนี้นะเพคะ…เพราะว่าพระชายาขู่ท่านอ๋องว่า หากท่านอ๋องปรากฏตัวต่อหน้าอีกครั้ง พระชายาจะฆ่าตัวตายเพคะ”

            “ข้าเข้าใจ ข้าทำให้เขาต้องลำบากใจจริงๆ” ซิ่วอิงพูดด้วยรอยยิ้มที่แห้งแล้ง

            หวังซิ่วอิงคนนี้นี่...ทำตัวท็อกซิก[1]มาก!

[1] ท็อกซิก (Toxic People) คืออาการของบุคคลที่มีพฤติกรรมและนิสัยที่เป็นพิษ

แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ

ความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น
21
บทที่ 1 เมื่อฉันทะลุมิติ
บทที่ 1เมื่อฉันทะลุมิติ เมืองกัวหลิน ชายแดนของแคว้นอู๋ กลางฤดูร้อนที่แสนอบอ้าว ภายในห้องนอนใหญ่ประกอบไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นสีแดง อันเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล แสงอาทิตย์ยามเที่ยงลอดผ่านเข้ามาทางกรอบหน้าต่าง ซิ่วอิงค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง ก่อนจะใช้ศอกยันตัวเองลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสภาพที่มึนงง ในขณะที่หญิงสาวกำลังกวาดตามองสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะ จากนั้นความทรงจำของใครบางคนก็พรั่งพรูเข้ามาในหัว ดูเหมือนว่า ‘ซิ่วอิง’ หญิงสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางถนน วิญญาณของนางเข้ามาสวมร่างของ ‘หวังซิ่วอิง’ หญิงสาวในยุคโบราณ หรือก็คือร่างกายนี้นั่นเอง บิดาของหวังซิ่วอิงมีนามว่าหวังเฝิงเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเฉา หลังจากหวังเฝิงพ่ายแพ้สงคราม เขาก็ส่งเครื่องบรรณาการ รวมถึงบุตรสาวคนที่สามให้กับจ้าวเฟยอู๋ อ๋องปกครองแห่งแคว้นอู๋ ครั้งแรกที่หวังซิ่วอิงพบหน้าเจ้าบ่าว นางร้องไห้คร่ำครวญว่าจะฆ่าตาย จากนั้นก็วิ่งเอาหัวชนเ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 2 เจรจา
บทที่ 2เจรจา อาณาจักรตงอวิ๋นอันรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ ประกอบไปด้วย 5 แคว้น ได้แก่ แคว้นเฉา แคว้นอู๋ แคว้นเหลียง แคว้นฮั่วและแคว้นเว่ย ทั้ง 5 แคว้นอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรตงอวิ๋น ซึ่งมีจักรพรรดิพระองค์เดียว ผู้ปกครองแคว้นทั้ง 5 ล้วนได้รับบรรดาศักดิ์เป็นอ๋อง แม้จะไม่ได้สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ก็ตาม ตำแหน่งอ๋องจะสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น คอยสนับสนุนอาณาจักรตงอวิ๋นให้รุ่งเรือง แต่ทว่า... ราวๆ หนึ่งเดือนก่อน อาณาจักรตงอวิ๋นได้สูญสิ้นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอด ผู้ครองแคว้นทั้ง 5 ได้ถกเถียงกันว่าจะเลือกองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรองขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป เกาอ๋อง เจ้าดินแดนแคว้นเฉาใช้โอกาสที่อาณาจักรตงอวิ๋นยังไม่มีจักรพรรดิ สั่งให้แม่ทัพหวัง หวังเฝิงยกทัพมาโจมตีเมืองกัวหลินของแคว้นอู๋ หากยึดเมืองกัวหลินมาครองได้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะขยายอาณาเขต แน่นอนว่า กองทัพของหวังเฝิงยึดเมืองกัวหลินที่เป็นเมืองหน้าด่านไม่สำเร็จ ก่อนที่จะเสียกำลังรบไปมากก
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 3 จ้าวอ๋องสับสน
บทที่ 3จ้าวอ๋องสับสน เวลาผ่านไปนานพอสมควร จ้าวเฟยอู๋ยังไม่เห็นว่าซิ่วอิงจะกล่าวอะไรต่อ จึงเอ่ยถาม “มีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่” ซิ่วอิงกะพริบตาปริบๆ “ท่านอ๋องตอบแค่ว่าเข้าใจแล้ว แต่ไม่ตำหนิอะไรหม่อมฉัน ทั้งที่หม่อมฉันพูดจาดูหมิ่นท่านอ๋องขนาดนั้นแท้ๆ หม่อมฉันไม่เข้าใจเพคะ” จ้าวเฟยอู๋ถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง “เดิมทีข้ากับเจ้าเป็นคนแปลกหน้า ถูกคนแปลกหน้าพูดจาดูหมิ่นใส่ บอกตามตรง ข้าเองก็สับสน แต่ไม่ได้โกรธอะไรเจ้า หากเจ้าอยากกันแยกกันอยู่ ข้าก็ไม่มีปัญหา” ถึงการแยกกันอยู่จะสมเหตุสมผล ทว่าซิ่วอิงกลับขมวดคิ้วไม่พอใจ ทั้งที่แต่งเข้ามาในฐานะพระชายา แต่กลับต้องมาแยกกันอยู่กับสามี ชีวิตของซิ่วอิงนับจากนี้คงพบเจอแต่ความยากลำบาก อาจถึงขั้นถูกบ่าวชั้นต่ำรังแกเอาได้ง่ายๆ ไม่ได้สิ! ถึงจะไม่ได้รัก แต่ก็ไม่อยากกลายเป็นหมาหัวเน่า เรื่องนี้ต้องตกลงให้เด็ดขาด “ไม่เพคะ” ซิ่วอิงปฏิเสธเสียงแข็ง “...?” คิ้วคมเข้มของจ้าวเฟยอู๋เลิกขึ้นสูง ด้วยไม่เข้าใจคำพูดของหญิงสาว
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 4 ถึงจะเป็นระบบฝึกหัด แต่เลเวลตันนะจ๊ะ!
บทที่ 4ถึงจะเป็นระบบฝึกหัด แต่เลเวลตันนะจ๊ะ! นับตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในร่างหวังซิ่วอิง ชีวิตประจำวันของนางคือกินกับนอน แล้วก็เดินเตร่ๆ อยู่แค่รอบๆ เรือน ซิ่วอิงใช้ชีวิตซ้ำซากจำเจแบบนี้มา 3 วันแล้ว เบื่อหน่ายเอามากๆ “ยาของท่านหมอซานดีจริงๆ เพคะ แผลบนหน้าผากของพระชายาใกล้จะหายเป็นปกติแล้วเพคะ” หงถงพูดด้วยสีหน้าเบิกบาน พร้อมกับทายาให้ซิ่วอิงไปด้วย “นั่นสินะ” ซิ่วอิงตอบ ไม่เพียงแต่ไม่ต้องพันแผลรอบหน้าผาก ซิ่วอิงไม่ต้องทนดื่มรสขมแล้ว ถึงเป็นยุคที่ล้าหลัง แต่สมุนไพรนับว่าคุณภาพสูง “วันนี้จะออกไปเดินเล่นข้างนอกหรือไม่เพคะ” หงถงเอ่ยถาม ซิ่วอิงครุ่นคิด ขณะกำลังขยับปากจะตอบ จู่ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิดจากด้านนอกอย่างรุนแรง ปัง! หัวหน้าหญิงรับใช้เฉินเหนียงก้าวอาดๆ เข้ามายืนเท้าสะเอวตรงหน้า หงถงลุกขึ้นพรวด สีหน้าแตกตื่น “หัวหน้าเฉิน ทำไมถึง…” หงถงยังพูดไม่ทันจบดี ก็ถูกเฉินเหนียงผลักจนซวนเซไปด้านข้าง “ข้าจะพูดกับพระชายา เจ้าอย่ามายืนขวาง”
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 5 เพิ่มค่าความชอบ
บทที่ 5เพิ่มค่าความชอบ นับจากวันนั้น ซิ่วอิงก็ได้ยืดเส้นยืดสายในครัวต่ออีก 5 วัน จวบจนภายหลัง ชื่อเสียงของซิ่วอิงโด่งดังในหมู่ทหาร ส่วนใหญ่เป็นในด้านชื่นชม มิหนำซ้ำยังมีทหารชั้นผู้น้อยอาสามาช่วยงานในครัวเพิ่ม ในส่วนของจ้าวเฟยอู๋ แม้ไม่มีบทบาทกับเรื่องนี้ แต่ใช่ว่าจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย ยามเช้าของวันหนึ่ง หลังจากซิ่วอิงกินมื้อเช้าอิ่ม หงถงก็เข้ามาบอกว่าจ้าวเฟยอู๋ต้องการพบพระชายา ซิ่วอิงฟังแล้วพลางคาดเดาเงียบๆ มีความเป็นไปได้สูงว่า จะเป็นเรื่องที่พระชายาที่สูงศักดิ์ลงมือทำอาหารเลี้ยงเหล่านายกองด้วยตัวเอง ราวสิบนาทีต่อมา ซิ่วอิงกับหงถงก็มาถึงห้องทรงงานของจ้าวอ๋อง หญิงสาวคารวะจ้าวอ๋องตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อนั่งลงแล้ว นางกวาดสายตามองไปรอบๆ ในห้องทรงงาน จ้าวเฟยอู๋นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของโต๊ะคือแม่ทัพเจิ้งหมิง ถัดมาคือชายวัยสี่สิบร่างท้วม สวมผ้ากันเปื้อน ซิ่วอิงเดาว่าชายคนนี้คงพ่อครัวที่ล้มป่วยกะทันหันคนนั้น “ท่านอ๋องเรียกหม่อมฉันมา
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 6 ร่วมห้องกับสามีครั้งแรก
บทที่ 6ร่วมห้องกับสามีครั้งแรก ยามนี้ ซิ่วอิงกับหงถงนั่งรถม้าที่นายหูเตรียมไว้มายังแปลงผักที่อยู่หลังค่าย องครักษ์ทั้ง 5 ควบม้าประกบซ้ายขวา เมื่อมาถึงสวนปลูกผักที่นายกองหูเป็นคนรับผิดชอบ ซิ่วอิงมองด้วยสายตาตะลึง เนื่องจากที่นี่กินพื้นที่ขนาดกว้างขวาง “ไม่อยากเชื่อเลยว่านายกองหูจะปลูกทั้งหมดนี้คนเดียว” นายกองหูยิ้มด้วยความปลื้มใจ แม้ว่าพืชที่ปลูกส่วนใหญ่จะมีเพียงมันเทศกับเผือก แต่เพราะมีแปลงผักนี้ ค่ายทหารเมืองกัวหลินจึงไม่ขาดแคลนเสบียง “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ดินแบบนี้พอจะปลูกผักอย่างอื่นได้หรือไม่ กระหม่อมอยากให้เหล่าทหารได้กินอาหารหลากหลาย และอยากช่วยท่านอ๋องประหยัดต้นทุนซื้อเสบียง” ก่อนหน้านี้ นางกับนายกองหูมีโอกาสคุยกัน เลยรู้ว่ามันเทศกับเผือกเป็นผลผลิตที่ของค่ายทหาร ด้วยความสนใจ ซิ่วอิงจึงขอมาดู “ข้าเองก็มีความรู้ตื้นเขิน อาจแนะนำท่านได้ไม่มากนัก ที่แนะนำได้คงเป็นให้ท่านลองปลูกพืชตระกูลถั่วหรือไม่ก็พวกฟักทองกับข้าวโพด” “ถั่วหรือพ่ะย่ะค่ะ” “ใช่ พืชท
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 7 เพิ่มค่าความชอบ (อีกครั้ง)
บทที่ 7เพิ่มค่าความชอบ (อีกครั้ง) พอตื่นขึ้นมา ซิ่วอิงก็ไม่เห็นจ้าวเฟยอู๋อยู่ในห้องแล้ว หญิงสาวทั้งโล่งใจและเสียดาย ขณะคิดแบบนั้น หงถงก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำล้างหน้า “ยินดีด้วยเพคะพระชายา” หงถงกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย “ยินดี? ยินดีเรื่องอะไร” ซิ่วอิงกะพริบตาถามด้วยความงุนงง “ท่านอ๋องเสด็จมาที่เรือนหลักหลังจากที่ไม่ได้กลับมาตั้งนาน หนำซ้ำยังนอนร่วมห้องกับพระชายาทั้งคืน ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่หรือเพคะ” หงถงพูดพลางแก้มแดงเรื่อ เห็นชัดว่าคิดไปถึงไหนต่อไหน จะว่าไปก็จริง เมื่อคืนซิ่วอิงนอนร่วมเตียงกับจ้าวเฟยอู๋ครั้งแรก แม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากก็นับว่าเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี หากเรื่องที่จ้าวเฟยอู๋กลับมาร่วมห้องกับซิ่วอิงแพร่สะพัดออกไป คงทำให้ใครบางคนร้อนรนกังวลใจเป็นแน่ คิกๆ ซิ่วอิงแอบหัวเราะด้วยความสะใจ เนื่องจากใครบางคนที่ว่าก็คือเฉินเหนียงนั่นเอง! และด้วยเหตุนี้เอง ซิ่วอิงจึงไม่คิดจะแก้ตัว ปล่อ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 8 ชายาผู้มากความสามารถ
บทที่ 8ชายาผู้มากความสามารถ หลังจากเคาะประตูสามครั้ง ซิ่วอิงก็เอ่ยบอกคนข้างใน “ท่านอ๋อง หม่อมฉันเองเพคะ” “เข้ามาสิ” ทันทีที่ได้รับอนุญาต หงถงช่วยเปิดประตู ซิ่วอิงก้าวเข้ามาในห้องทำงาน ในนี้ไม่ได้มีแค่จ้าวเฟยอู๋กับเจิ้งหมิง ยังมีชายอีกสองคน คนหนึ่งอายุราวสามสิบกว่า อีกคนเป็ยชายเข้าวัยกลางคน “หม่อมฉันเอาของว่างมาให้ท่านอ๋อง…เอ่อ…ท่านอ๋องกำลังคุยธุระกันอยู่หรือ ให้หม่อมฉันออกไปก่อนดีหรือไม่เพคะ” ตอนพูดประโยคหลัง ซิ่วอิงแสร้งทำสีหน้าลำบากใจ ชายหนุ่มทั้งสองลุกขึ้นมาประสานมือโค้งศีรษะคารวะหญิงสาว จากนั้นจ้าวเฟยอู๋ก็แนะนำทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเป็นคนของข้า ทำหน้าที่จัดซื้อวัตถุดิบเข้าคลังเสบียง” จ้าวเฟยอู๋เว้นช่วงครู่หนึ่ง ก่อนจะย้ำว่า “คนของข้าก็คือคนของเจ้า” คำพูดนั้นแม้จะเรียบง่าย แต่แววตากลับแฝงความลึกล้ำ คนของเขาก็คือคนของนาง คำคำนี้ชวนให้หัวใจกระตุกไหวไม่น้อย หญิงสาวพยายามสงบใจลง ดึงสายตากลับมาจากใบหน้าหล
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 9 ชนะใจจ้าวอ๋อง
บทที่ 9ชนะใจจ้าวอ๋อง หลังพูดคุยกับตัวแทนจัดซื้อหยวนไห่ไปเมื่อวาน ซิ่วอิงก็ได้รับอนุญาตจากจ้าวอ๋อง เข้าถึงข้อมูลการเงินของค่ายทหารแห่งนี้ พอตรวจสอบข้อมูลการเงินและรายการสั่งซื้อจบครบทุกเล่ม พบว่ามีหลายจุดที่น่าสงสัย เช้าวันถัดมา หญิงสาวจึงนำความมาบอกจ้าวเฟยอู๋ เรื่องแรก ข้าวสารและเกลือที่ร้านตระกูลหนิงส่งมานั้นเป็นของคุณภาพต่ำ แต่กลับขายราคาสูง อยากให้เขาตรวจสอบเส้นทางการจัดซื้ออย่างจริงๆ จังๆ เพราะสินค้าเหล่านั้นอาจเป็นของที่ร้านตระกูลหนิงแอบกักตุนไว้ แล้วนำมาปล่อยขายทีหลัง เรื่องที่สอง ซิ่วอิงแนะนำให้จ้าวเฟยอู๋บุกเบิกพื้นที่รกร้างหลังค่ายทหารเพื่อทำเกษตร เรื่องสุดท้ายคือการจัดตั้งคณะพ่อค้า เดินทางข้ามพรมแดน ซื้อขายสินค้ากับแคว้นอื่นโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง ตั้งแต่ต้นจนจบ หญิงสาววางมาดเป็นนักการค้า กล่าวอย่างชาญฉลาด แต่ก็ถ่อมตัวในเวลาเดียวกัน โชคดีที่จ้าวเฟยอู๋ไม่ได้โง่ เข้าใจสิ่งที่ซิ่วอิงแนะนำทั้งหมด เมื่อส่งคนไปตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าร้านตระกูลหนิงกักตุนสินค้าแล้วขายเกินราคาจริง
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 10 แผนซ้อนแผน
บทที่ 10แผนซ้อนแผน นับวันซิ่วอิงกับจ้าวอ๋องยิ่งสนิทสนมกลมเกลียว เฉินเหนียงร้อนรนจนอยู่เฉยไม่ได้ แม้ไม่โผล่หน้ามาให้ซิ่วอิงเห็น หากก็ลอบแอบมองจากที่ไกลๆ เหมือนหมาล่าเนื้อที่หาจังหวะจู่โจม [วันนี้ก็มาแอบดูอีกแล้ว] ระบบเปรยขึ้นมา หลายวันมานี้ เฉินเหนียงแอบมองซิ่วอิงแบบนี้มาตลอด จนอดจะรู้สึกรำคาญใจไม่ได้ ที่ผ่านมาซิ่วอิงไม่อยากเสวนาด้วยเลยทำเป็นมองไม่เห็น แต่นานเข้าก็ชักจะทนไม่ไหว! ‘คราวนี้ข้าไม่อยากแกล้งทำเป็นเมิน อยากรู้ว่านางต้องการอะไรกันแน่’ [จริงๆ ข้าก็อยากรู้…งั้นก็บอกให้หงถงกับองครักษ์ออกไปสิ] ‘อืม’ พอตอบระบบ ซิ่วอิงก็บอกหัวหน้าองครักษ์ว่า “ตำหนักหลังคุ้มครองแน่นหนาอยู่แล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ข้าอยากอยู่ตามลำพังบ้าง พวกเจ้าแยกย้ายไปทำงานอย่างอื่นเถอะ” จากนั้นก็บอกให้หงถงไปยกของว่างกับน้ำชามาให้หน่อย เมื่อทุกคนออกไปกันหมดแล้ว ภายในศาลาเหลือเพียงซิ่วอิง เฉินเหนียงที่เฝ้ารอโอกาสนี้มานาน เดินเข้ามาหาหญิงสาวอย่างไม่รีรอ “คารวะพร
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-05
อ่านเพิ่มเติม
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status