คุณหนูหลี่จือหยา ตั้งใจหนีออกไปเที่ยวเทศกาลโคมไฟ
หลังจากทานมื้อเย็นเรียบร้อย หลี่จือหยาก็บอกแม่นมหลูว่าตัวเองจะพักผ่อนแล้ว แม่นมเห็นว่าวันนี้คุณหนูฝึกพลังลมปราณทั้งวันแต่ยังไม่คืบหน้า ท่าทางดูอ่อนเพลียและคงจะเสียใจไม่น้อย พักผ่อนแต่หัวค่ำหน่อยย่อมเป็นเรื่องดี
เมื่อเห็นว่าคุณหนูเข้านอนเรียบร้อยจึงวางใจออกมากำชับ เหมยหลิงกับเหมยรุ๋ยให้ดูแลคุณหนูให้ดี
“แม่นมไปแล้วใช่หรือไม่”
พอแม่นมหลูเดินออกจากเรือนไป คุณหนูที่ควรจะนอนหลับพักผ่อนก็ตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่มีท่าทีงัวเงียหรืออ่อนเพลียเช่นก่อนหน้านี้
เมื่อได้รับการยืนยันว่าแม่นมหลูไปแล้ว หลี่จือหยารีบเป็นเปลี่ยนชุดเป็นสาวใช้ และเดินออกนอกประตูด้านข้างไปกับเหมยหลิงและเหมยรุ๋ย
ด้วยฐานะสาวใช้ขั้นหนึ่งคนสนิทของคุณหนูใหญ่
คนเฝ้าประตูจึงไม่ถามให้มากความก็เปิดประตูให้ 3 สาวใช้ออกไปนอกเรือนโดยง่าย
เทศกาลโคมไฟ
เป็นเทศกาลที่มนุษย์ในเมืองฟูฟงที่จะออกมาล่ะเล่นทายปริศนาโคมไฟกัน โดยปกติสำหรับตระกูลใหญ่ไม่ได้ถือเทศกาลนี้เป็นสำคัญแต่จะอนุญาตให้สาวใช้และบ่าวไพร่ ออกมาเลี้ยงฉลองในเทศกาลได้
เที่ยวเล่นสักพักหลี่จือหยาเริ่มเหนื่อย จึงชวนสาวใช้ไปนั่งชมเรือไฟที่หอชิงหยวน
เหมยหลิงตกใจตัวเย็นวาบ ถึงจุดนี้แล้วเนื้อหาในนิยาย เมื่อหลี่จือหยาไปนั่งชมเรือไฟที่หอชิงหยวน
จะได้พบเจอกับตงซิงหยวนหนุ่มเจ้าสำราญของเมืองฟูฟง ซึ่งได้เข้ามาเกี้ยวพาคุณหนู
ด้วยความเป็นหนุ่มเจ้าสำราญลูกเล่นแพรวพราวและกับคุณหนูที่ไร้เดียงสา
ทำให้ภาพที่คนมองเห็นคิดไปต่างๆ นาๆ และเมื่อเสนาบดีหลี่จงหยางผู้เป็นบิดารู้เรื่องบุตรสาวออกมาพบบุรุษนอกจวน
คุณหนูจึงเสื่อมเสียเกียรติจนกระทั่งถูกถอดหมั้นและแต่งงานเข้าตระกูลตงทันที
ส่วนเหมยหลิงกับเหมยรุ๋ยก็ถูกโบยตายก่อนที่จะสืบเรื่องราวเสียอีก
ไม่ได้การ
เมื่อคิดว่าจะถูกโบยจนตาย เหมยหลิงก็รีบเสนอคุณหนูทันที
“คุณหนูเจ้าคะ ให้บ่าววิ่งไปจองที่ ที่หอชิงหยวนก่อนดีไหม เจ้าคะ”
เหมยหลิงรีบเสนอตัวไปดูสถานการณ์ก่อนเพื่อคุณหนูจะไม่ได้รีบเดิน โอกาสที่จะคลาดกับคุณชายตงย่อมมีมาก
“ดีเหมือนกัน เราจะได้ไม่ต้องรีบ รบกวนพี่เหมยหลิงแล้ว”
“บ่าวยินดีรับใช้คุณหนูเจ้าคะ”
พอได้รับคำอนุญาตจากคุณหนู เหมยหลิงก็รีบวิ่งไปที่หอชิงหยวนทันที
ตงซิงหยวนวันนี้ออกมาดื่มสังสรรค์กับคุณชายต่างๆ เหมือนเคย
เขามองเห็นสาวงามคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามา เพียงภาพเหงื่อไหลออกตามซอกคอเล็กน้อยผสมกับกลิ่นตัวของจิ้งจอกสาว ก็ทำให้บุรุษเกิดความร้อนรุ่มตรงท้องน้อย เห็นๆ อยู่ว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่ทำไมมีท่าทางยั่วยวนขนาดนี้
ตงซิงหยวนขยับเดินเข้าไปใกล้เหมยหลิง เมื่อเห็นใบหน้าบุรุษกำลังเดินเข้ามา
ในนิยายที่บรรยายบุรุษที่ได้ชื่อว่ามีความงาม รูปร่างหน้าตาที่ช่างสมบูรณ์แบบ ย่อมเป็นใครไม่ได้
เหมยหลิงมั่นใจว่าบุรุษคนนี้คือ ตงซิงหยวน
ถ้าสามารถหลอกให้คุณชายไปที่อื่นได้ ย่อมเป็นเรื่องดี
เหมยหลิงเริ่มคิดแผนในใจ“แม่นางไม่ทราบว่า จะให้เกียรติข้าชมเรือไฟด้วยกันได้หรือไม่”
แม้จะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญตงซิงหยวนก็ไม่ผู้ชายหยาบกระด้างฉุดคราวหญิงสาวที่ไม่เต็มใจ
เมื่อได้ยินคำกล่าวนั้นประจวบกับเหมยหลิงมีแผนการในใจ
ไม่ได้คิดให้มากความเหมยหลิงรีบตอบรับทันที
“เจ้าค่ะ” ตงซิงหยวนยิ้มหวานพอใจ ยืนมือเชื้อเชิญเหมยหลิงไปที่ห้องพักรับรองทันที
ตงซิงยิ้มพรายพอใจ ในเมื่อหญิงสาวตามเขามาย่อมยินยอมพร้อมใจเป็นแน่
ส่วนเรือนเขาย่อมพร้อมรับอนุเพิ่มทุกวันอยู่แล้ว
เขาก็เอือมมือกุมมือของเหมยหลิงทันที
เหมยหลิงกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธและห้ามไม้ห้ามมือของคุณชายตง
แต่ในใจก็คิดถ้าคุณหนูมาเจอกับคุณชายตงซิงหยวนตอนนี้จะแย่กว่าเดิมมาก เลยได้แต่ปล่อยไปก่อน
เมื่อประตูห้องปิดลง ตงหยวนเลยรวบตัวเหมยหลิงเข้าสู่อ้อมกอดทันที เขาอดทนแทบจะไม่ไหวแล้ว กลิ่นกายของหญิงสาวรัณจวณเหลือเกิน
เหมยหลิงรู้สึกร่างกายแข็งค้างไปชั่วขณะ เธอไม่คิดว่าคุณชายตงจะรุกรวดเร็วขนาดนี้ ในชีวิตจริงนางยังไม่เคยมีประสบการณ์เลย
ตงซิงหยวนซุกไซร์ เขาใช้ปากเลียเหงื่อที่ไหลตามซอกคอเรียวหงส์ของหญิงสาว
ลมหายใจรดที่ต้นคอของนาง ผสมกลิ่นสุราของตงซิงหยวนทำให้เหมยหลิงที่กำลังตกตะลึงที่เริ่มมึนงง
ร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน พอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปก็ทำให้จิตใจเริ่มหวาดกลัว หัวใจเต้นระรัว
ไม่ทันได้คิดเรื่องราว คุณชายตงใช้มือสอดลูบไล่เนินทรวงอกบีบเค้นเบาๆ พลางละเลียดลิ้มรสปากของเหมยหลิง เหมยหลิงร่างกายเริ่มอ่อนระทวย
รสจูบของคุณชายตงมีหรือหญิงบริสุทธิ์อย่างเหมยหลิงจะต้านได้
ตอนนี้นางไร้เรียวแรงต่อสู้แล้ว ได้แต่ปล่อยตามใจและร่างกายของตัวเอง
เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกจนหมดสิ้น ภาพดอกบัวคู่งาม เรือนร่าง ยั่วยวนทำให้ตงซิงหยวนแทบคลั่ง
ข้างกายเขาไม่เคยขาดหญิงสาว
แต่หญิงสาวที่มีกลิ่นกายมีเสน่ห์ที่หอมรันจวนทำให้ตื่นเต้นแบบนี้เขาพึ่งเคยเจอ
งดงามหยาดเยิ้ม รูปร่างเอิบอิ่ม สมส่วน จุดโค้ง จุดนูนเด่นชัดเจน เขาค่อยๆ แยกขาหญิงสาวออก
เขามองเห็นจุดนั้นชัดเจน นูนพร้อมกลีบกุหลาบเนื้ออ่อนนุ่มมีน้ำไหลหยาดเยิ้ม
ตงซิงหยวนค่อยๆ สอดมือเข้าไปในร่างกายหญิงสาว
ไม่น่าเชื่อนางจะยังบริสุทธิ์รอดพ้นผู้มีอำนาจมาได้
ความรู้สึกภูมิใจเกิดขึ้นมาและเริ่มมีความอยากเป็นเจ้าของ
พอมีความคิดเช่นนั้น ตงซิงหยวนก็อ่อนโยนกับเหมยหลิงมากขึ้นไม่เร่งรีบเกินไป เขาใช้นิ้วถอดเข้าถอดออกจนมือของเขาแฉะไปหมด กลิ่นกายสาวแรกแย้มเร่งเปลวไฟในกายบุรุษให้ลุกโชติ
ตงซิงหยวนอดทนไม่ไหวแล้ว จึงค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปในช่องที่ชุมฉ่ำ เหมยหลิงกระตุกรับทันที ไม่ได้มีความรู้สึกเจ็บมากมายแต่กลับเสียวซ่านหยุบหนับเกินจะทน
“อา……”
เหมยหลิงเปล่งเสียงครางเกร็งส่ายบิดตัวไปมาทำให้ ยิ่งทำให้จุดนั้นยิ่งบีบรัดตัวแน่น ตงซิงหยวนสั่นสะท้าน มันทั้งชื้นทั้งนุ่มแน่นเหลือเกิน
เขาแช่กายอยู่สักพักเพื่อรอคอยหญิงสาวปรับตัว เขาค่อยๆ แทรกความเป็นชายเข้าไปจนส่วนปลายของเขาเข้าสู่ส่วนลึกที่สุด
“อ่า…ซี๊ด …แม่นางเจ้าช่างทำให้ข้าแทบคลั่ง”
ความแน่นหนึบแต่การตอดรัดของช่องรัก ทำให้ตงซิงหยวนเอ่ยเสียงครางๆ
น้ำรักเปียกชื้นรู้สึกถึงความนุ่มลื่น ตงซิงหยวนจึงค่อยขยับร่างกายเนิบๆ ช้าๆ แม้จังหวะไม่ต้องเร่งเร้าตงซิงหยวนก็เสียวซ่านไปทั้งตัว
ตงซิงหยวนละเมียดลิ้นไปทั่วกายของเหมยหลิง ร่างกายเริ่มประสานประสาท ชายหนุ่มก็เร่งจังหวะขยับเอวกระแทกเข้าออกเร็วรัวๆ นับไม่ถ้วน เมื่อเริ่มเห็นแสงสว่างร่ำไร ความเร็วยิ่งระรัวโหมดั่งพายุบ้าคลั่ง
เหมยหลิงจิตใจล่องลอยสุขสม นางจึงกระดกสะโพกตอบรับแรงกระแทกสอดคล้องกับตงซิงหยวนเป็นจังหวะ และเปล่งเสียงคราณพึงพอใจกับการปรนนิบัติของตงซิงหยวน
“อา...”
ตาของตงซิงหยวนมองดูเรือนร่างของนางเหมยหลิงเขยื้อนไปตามจังหวะของเขา ช่างเป็นภาพที่ดูยั่วยวนเป็นอย่างมาก
ด้วยเหมยหลิงไม่ใช่หญิงสาวยุคโบราณด้วยแล้ว ร่างกายของจิ้งจอกสาวจึงตอบรับทุกท่วงท่าของตงซิงหยวน สำหรับเหมยหลิงคล้ายว่านางกำลังโบยบินอย่างไรอย่างนั้น ทั้งคู่โหมรันกันไม่หยุด ไม่รู้ว่าสงครามเริ่มและหยุดไปกี่ครั้ง
องค์รักษ์ของตงซิงหยวนใช้กำลังภายในกักเก็บเสียงข้างในซึ่งเป็นหน้าที่ปกติที่ทำประจำอยู่แล้ว
แม้เสียงข้างในห้องจะกังวานไปด้วยเสียงครางของทั้งคู่
แต่ข้างนอกกลับเงียบสงบยิ่งนัก
เมื่อเสียงข้างในสงบลง องค์รักษ์จึงได้ส่งเสียงผ่านกำลังภายในให้เพียงคุณชายที่ได้ยิน
“คุณชายมีเรื่องด่วนขอรับ” ตงซิงหยวนตื่นตัวทันที
“ว่ามา”
พอองค์รักษ์รายงานเรื่องราวก็ทำให้
ตงซิงหยวนรีบแต่งตัว เขียนจดหมายทิ้งไว้ให้หญิงสาวสั้นๆ ก่อนจากไปทันที
รอข้ากลับมา
เขามั่นใจอย่างยิ่ง หญิงสาวผู้นี้เมื่อเป็นคนของเขาแล้วย่อมไม่หนีหายไปไหนแน่นอน
ณ จวนตระกูลหลี่—งานวันคล้ายวันเกิด เสนาบดีฝ่ายซ้าย หลี่จงหยาง อายุครบ 35 ปีตระกูลน้อยใหญ่แห่งฟูฟงต่างมาร่วมงาน รถม้านับสิบเรียงต่อหน้าคฤหาสน์ การต้อนรับพิถีพิถันสมฐานะผู้มีเกียรติหน้าประตูใหญ่ ฮูหยินหลี่, คุณหนูใหญ่ หลี่จือหยา และ คุณหนูรอง หลี่เจินเจิน ยืนรับแขกหลายตระกูลคุ้นหน้าหลี่เจินเจิน เพราะได้ออกงานกับฮูหยินหลี่บ่อย ต่างจากหลี่จือหยา ที่มักปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าไม่สบาย—จนคนในเมืองเชื่อกันว่าหล่อนอับอายที่ ฝึกพลังปราณไม่ได้ จึงหลีกเลี่ยงผู้คนทว่าครั้งนี้เมื่อได้ประจักษ์—ผู้คนกลับตะลึง คุณหนูใหญ่รูปโฉม งามแพรวพราว สูงส่ง ยืนเคียงหลี่เจินเจินแล้วยิ่งโดดเด่น หลี่จือหยาวัยเพียงสิบสี่รูปร่างอรชร นัยน์ตาใสระยับดุจดาว คิ้วโก่งเรียว ยิ้มละมุนให้ความรู้สึกน่าคบหา ตรงกันข้ามกับความงามเย็นชาของหลี่เจินเจิน ทำให้สายตาผู้คนเทไปทางคุณหนูใหญ่แทบทั้งสิ้นแม้แต่ ฮูหยินหลี่ กับ หลี่เจินเจิน เองก็ชะงัก—จากเด็กสาวเมื่อไม่กี่วันก่อน เหตุใดจึง เปล่งประกาย ถึงเพียงนี้ นางอดสงสัยไม่ได้ว่าต้องมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับหลี่จือหยาแน่นอนขณะพินิจอยู่นั้น รถม้าตระกูลกู้—เสนาบดีฝ่ายขวา—ก็มาถึง ผู้มอบของขวัญคือ ฮู
หลังจากหลี่จือหยาได้ดื่มเลือดของจิ้งจอกเก้าหาง พลังลมปราณของนางไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็วถึง ระดับเงิน ความเร็วเช่นนี้ทั้งเมืองฟูฟงยังไม่มีผู้ใดเทียบ ในใจหลี่จือหยาตื่นเต้นยินดียิ่งนัก แต่ยังมิได้บอกกล่าวผู้ใด ตั้งใจจะเปิดเผยในวันเกิดของบิดานอกจากพลังลมปราณที่สูงขึ้น รูปลักษณ์ของหลี่จือหยาซึ่งเดิมน่ารักสดใส ก็เหมือนได้รับการขัดเงาให้แพรวพราวยิ่งขึ้น เลือดจิ้งจอกช่วยขับความงามตามแบบสตรีให้โดดเด่น สมฐานะคุณหนูตระกูลใหญ่ ผู้คนมองก็เห็นความสูงส่งเริ่มเปล่งประกายช่วงนี้ เหมยหลิง มีน้ำหนักในใจของหลี่จือหยาเพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในเรือน ล้วนมอบให้เหมยหลิงเป็นผู้ตัดสินใจ“พี่เหมยหลิง ช่วยข้าคิดหน่อยเถิด ข้าควรมอบสิ่งใดให้ท่านพ่อในวันเกิดปีนี้ดี”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในงานวันเกิดของ เสนาบดีหลี่จงหยาง หลี่จือหยามักมิได้เข้าร่วม อ้างว่าป่วยอยู่เสมอ เพราะอับอายที่ตนไม่อาจฝึกปราณได้ ยิ่งออกไปเจอผู้คน ก็ยิ่งตอกย้ำให้บิดาไม่ชอบหน้าตน ทว่าบัดนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป นางอยากทำให้ท่านพ่อประทับใจหลายวันมานี้นางครุ่นคิด ใคร่ครวญ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้“บ่าวเห็นว่า…ทำยาอายุวัฒนะ ดีหรือไม่เจ้าคะ
เหมยหลิงหลับยาวถึงยามเช้า เมื่อลืมตาขึ้นแล้วไม่เห็นเงาคุณชายตงซิงหยวน—ความขุ่นเคืองก็ผุดขึ้นทันที“บุรุษไร้คุณธรรมนัก” นางบ่นพึมพำ แต่พอเห็นแผ่นกระดาษสั้น ๆ บนโต๊ะ—รอข้ากลับมา—ริมฝีปากงามก็ยกยิ้มเย็น “คิดว่าข้าจะรออยู่กับที่กระนั้นหรือ…ก็ดี จะได้ลดความยุ่งยาก”นางกวาดสายตารอบเรือนรับรอง ตรวจดูว่ามิทิ้งร่องรอยใดไว้ก่อนจัดชายเสื้อให้เรียบ แล้วรีบย้อนกลับจวนหลี่—ในใจโล่งขึ้นที่อย่างน้อย คุณหนูหลี่จือหยา คงกลับเรือนเรียบร้อย และ “ฉากเคราะห์ร้าย” เมื่อคืนก็ถูกนางสับเปลี่ยนจนผ่านพ้นไปแล้วชีวิตแลกความบริสุทธิ์หรือ? สำหรับสาวยุคปัจจุบันอย่างเหมยหลิง—ชีวิตสำคัญกว่า นางตัดสินใจแล้วก็พร้อมยอมรับผลที่ตามมา โชคยังเข้าข้าง เพราะเผ่าจิ้งจอกสามารถ คุมการตั้งครรภ์ ได้ และยัง ปรับสภาพกายให้คืนความบริสุทธิ์ ได้ตามตำนานเผ่าตน—ข้อหลังนี่ทำเอานางพึงใจไม่น้อยเมื่อแทรกตัวกลับถึงเรือนคุณหนู—เสียงเหมยรุ๋ยก็มาก่อนตัว“คุณหนูเจ้าคะ พี่เหมยหลิงกลับมาแล้วค่ะ!”เหมยหลิงคุกเข่ายอบตัว “บ่าวคาราวะคุณหนูเจ้าค่ะ”“เมื่อคืนพี่หายไปที่ใดเล่า ข้ากับเหมยรุ๋ยตกใจแทบแย่” หลี่จือหยาน้ำเสียงเต็มไปด้วยห่วงใย มากกว่าความตำหนิ—ค
ตอนที่ 1 ทำหน้าที่แทนคุณหนูหลี่จือหยา ตั้งใจหนีออกไปเที่ยวเทศกาลโคมไฟหลังจากทานมื้อเย็นเรียบร้อย หลี่จือหยาก็บอกแม่นมหลูว่าตัวเองจะพักผ่อนแล้ว แม่นมเห็นว่าวันนี้คุณหนูฝึกพลังลมปราณทั้งวันแต่ยังไม่คืบหน้า ท่าทางดูอ่อนเพลียและคงจะเสียใจไม่น้อย พักผ่อนแต่หัวค่ำหน่อยย่อมเป็นเรื่องดีเมื่อเห็นว่าคุณหนูเข้านอนเรียบร้อยจึงวางใจออกมากำชับ เหมยหลิงกับเหมยรุ๋ยให้ดูแลคุณหนูให้ดี“แม่นมไปแล้วใช่หรือไม่”พอแม่นมหลูเดินออกจากเรือนไป คุณหนูที่ควรจะนอนหลับพักผ่อนก็ตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่มีท่าทีงัวเงียหรืออ่อนเพลียเช่นก่อนหน้านี้เมื่อได้รับการยืนยันว่าแม่นมหลูไปแล้ว หลี่จือหยารีบเป็นเปลี่ยนชุดเป็นสาวใช้ และเดินออกนอกประตูด้านข้างไปกับเหมยหลิงและเหมยรุ๋ยด้วยฐานะสาวใช้ขั้นหนึ่งคนสนิทของคุณหนูใหญ่คนเฝ้าประตูจึงไม่ถามให้มากความก็เปิดประตูให้ 3 สาวใช้ออกไปนอกเรือนโดยง่ายเทศกาลโคมไฟ เป็นเทศกาลที่มนุษย์ในเมืองฟูฟงที่จะออกมาล่ะเล่นทายปริศนาโคมไฟกัน โดยปกติสำหรับตระกูลใหญ่ไม่ได้ถือเทศกาลนี้เป็นสำคัญแต่จะอนุญาตให้สาวใช้และบ่าวไพร่ ออกมาเลี้ยงฉลองในเทศกาลได้เที่ยวเล่นสักพักหลี่จือหยาเริ่มเหนื่อย จึงชวนสาวใช้
“หลี่จงหยาง... เสนาบดีฝ่ายซ้ายแห่งราชสำนัก บิดาของคุณหนูหลี่จือหยา”เหมยหลิงพึมพำกับตัวเอง พลางนั่งคุกเข่าอยู่ตรงมุมห้องเล็ก ๆ ที่เป็นที่พักของสาวใช้ในจวนหลี่เธอจำได้ชัด—ชายผู้นี้เป็นคนมีคุณธรรมสูงส่ง ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลตั้งแต่อายุสามสิบ เพราะบรรลุพลังปราณถึงระดับทอง ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างให้ความเคารพส่วน คุณหนูหลี่จือหยา ที่เธอรับใช้...บุตรสาวเพียงคนเดียวของจ้าวฮูหยินผู้ล่วงลับ สืบเชื้อสายเผ่าหงส์ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อ่อนโยนราวแสงแดดยามเช้า เป็นคู่หมั้นของ เซียวหลีหยวน คุณชายใหญ่ตระกูลเซียว เผ่ากิเลนผู้มีพลังเข้มข้นที่สุดในรุ่น“คุณหนูหลี่จือหยา... ผู้หญิงแสนดีที่ต้องตายเพราะถูกใส่ร้าย... และบ่าวคนสนิทของนาง—ก็คือข้า—จะถูกโบยตายตาม...”เหมยหลิงกัดริมฝีปากแน่น ความทรงจำจากนิยายผุดขึ้นทีละบรรทัดหลี่เจินเจิน – คุณหนูรองผู้สูงศักดิ์ น้องสาวร่วมบิดาต่างมารดา เย่อหยิ่ง เย็นชา และไม่เคยเห็นหัวพี่สาวหลี่เจิ้น – พี่ชายร่วมสายเลือดที่รักและปกป้องหลี่จือหยาที่สุด เป็นสหายสนิทกับเซียวหลีหยวนส่วน ตงซิงหยวน – คุณชายรองแห่งตระกูลตง เผ่านกฟีนิกซ์ ผู้ได้ชื่อว่างามที่สุดในแผ่นดินฟูฟง รักสน