Share

ตอนที่ 3. มาร(อ่อน)

last update Last Updated: 2025-03-02 22:10:42

“เสี่ยวชวน เป็นอย่างไรบ้าง” อู๋หมิ่นเยี่ยนโผล่หน้าออกมาถามด้วยความห่วงใย

“ข้าไม่เป็นไร พวกท่านไปเถอะ แล้วเจอกัน” อู๋เหริ่นชวนโบกไม้โบกมือให้บรรดาศิษย์พี่ ศิษย์น้อง ทว่าคล้อยหลังขบวนรถม้า เขาก็กลับลดมือลงคลำก้นตนเองป้อยๆ สูดปากเสียงดัง 

“เจ้านี่จริงๆ เลย” ว่าแล้วก็หยัดกายลุกขึ้นยืน นัยน์ตา  ปราวระยับยามเดินลัดเลาะไปตามแนวปา แรกทีเดียวก็เดินไปตามเส้นทางรถม้าอยู่หรอก แต่นานเข้าก็นึกสนุก ออกนอกเส้นทางเข้ามาในป่าเสียเลย 

“อยู่ข้างนอกนี่ ช่างอิสระเสรีเหลือเกิน มีความสุขจริงๆ เลย” อู๋เหริ่นชวนตะโกนก้องผืนป่า ยิ้มน้อยๆ ให้กับเสียงสะท้อนก้องกลับไปกลับมาของตนเอง 

สองเท้าก้าวเรื่อยผ่านแนวต้นมะค่า แผ่กิ่งก้านสาขาเขียวครึ้ม สายลมพัดหมู่ไม้เอนไหว ยินเสียงนกร้องมาแต่ไกล 

แต่แล้ว ความสุขสำราญของประมุขน้อย ก็แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ เพียงแค่เหยียบกองใบไม้ใต้ต้นมะค่าต้นหนึ่ง ตาข่ายกลดักปีศาจก็ตกลงมาคลุมร่างเขาเอาไว้ ก่อนจะถูกดึงขึ้นไปแขวนอยู่บนกิ่งไม้ ยิ่งดิ้นรน ตาข่ายก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นทุกที 

“มีใครอยู่แถวนี้บ้าง ช่วยข้าด้วย” อู๋เหริ่นชวนตะโกนก้อง หน้าตาตื่น กวาดสายตาไปรอบๆ 

ขณะที่เบื้องล่างนั้น บรรดาศิษย์รุ่นหนุ่มของเผ่าเซียนต่างกรูเข้ามายืนแหงนหน้ามองตาข่ายดักปีศาจเป็นตาเดียว 

ดูจากหน้าตา ท่าทางแล้ว คงอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับเขานี่ละ แต่ละคนสวมเสื้อผ้าตัวยาวสีขาวสะอาด เรือนผมยาวผูกด้วยผ้าสีขาว แต่ท่าทีนี่สิ ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย 

“ปีศาจติดกับแล้ว รีบดึงลงมาเลย”

“ปีศาจ! ปีศาจที่ไหนกัน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” 

“ได้ ข้าจะปล่อยเจ้า มู่เฉิน ซานไป๋ ช่วยกันดึงเชือก” สิ้นคำพูดนั้น เจ้าหนุ่มหน้าละอ่อนทั้งสามก็ช่วยกันดึงตาข่ายลงมาจากต้นไม้ ทว่าออกแรงเท่าไหร่ ตาข่ายก็กลับไม่มีทีท่าว่าจะขะเยื่อนลงมาเลยแม้แต่น้อย 

“ท่าทางปีศาจตนนี้จะหนักมากเลยนะเนี่ย ลองตัดตาข่ายออกเลยดีกว่า” จิวยี่กำลังจะคว้าพัดเวทย์ออกมาตัดตาข่ายดักปีศาจ ทว่ามู่เฉินกลับรีบห้ามเอาไว้

“ไม่ได้นะ เกิดปีศาจหลุดออกมาได้ ทำร้ายเราจะทำยังไง”

“จริงด้วยสิ” มู่เฉินเห็นด้วย 

“นี่พวกเจ้า ข้าไม่ใช่ปีศาจนะ”

“ไม่ใช่ แล้วทำไมตัวเจ้าถึงหนักผิดมนุษย์แบบนี้ล่ะ เท่าที่ดู เจ้าไม่มีปานเซียน ย่อมไม่ใช่เซียนอยู่แล้ว” ซานไป๋จ้องหน้าคนติดตาข่ายอย่างคนช่างสังเกตทุกสิ่งรอบตัว 

“รีบไปตามอาจารย์มาก่อนดีกว่า เผื่อเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยก็มีอาจารย์อยู่” มู่เฉินออกความเห็น ซึ่งสหายของเขาก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วย 

ขณะที่อู๋เหริ่นชวนยังคงดิ้นรน ให้ตนเองหลุดจากพันธนาการ ปากก็ด่าทอลั่น

“เจ้าพวกตาถั่ว เจ้าลูกกระต่าย ปล่อยข้าลงไปนะ อย่าให้ข้าหลุดไปได้นะ ไม่อย่างนั้น ข้าจะกินพวกเจ้าแน่” ถูกเข้าใจว่าเป็นปีศาจเช่นนี้แล้ว ประมุขน้อยแห่งพรรคมารโลหิตก็ขู่สำทับเสียเลย แต่แทนที่เจ้าหน้าละอ่อนทั้งสามจะฟังเสียง มู่เฉินกลับยิงพลุส่งสัญญาณขึ้นฟ้า 

ครู่ต่อมา เสียงตะกายอากาศก็เคลื่อนใกล้เข้ามา อู๋เหริ่นชวนมองไปตามทิศทางของเสียงก็เห็นว่า บุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งกำลังเหินกายเข้ามาใกล้ 

น่าแปลกที่ประมุขน้อยหนุ่มกลับรู้สึกคุ้นตา คล้ายเคยพบเขาที่ใดมาก่อน ดวงตาคู่เรียวดุจตาหงส์ รับกับคิ้วมังกรคู่นั้น ดวงหน้างดงามเหมาะเจาะราวรูปสลัก ช่างชวนมองเสียจริง ยิ่งมีปานเซียนบนหน้าผากด้วยแล้ว ยิ่งเสริมส่งให้เขาดูงามสง่า สมเป็นเซียนหนุ่ม หากเป็นหญิงงาม ได้มาเห็นบุรุษแต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาวสะอาดเช่นนี้ก็คงจ้องมองไม่คลาดสายตา 

แต่สำหรับคนถูกหาว่าเป็นปีศาจเช่นเขา หรือจะอยากมองความสง่างามตรงหน้า เพียงเห็นบุรุษหนุ่มเคลื่อนใกล้เข้ามา ก็ตะโกนออกไปทันที

“นี่เจ้า รีบปล่อยข้าลงไปนะ” 

สิ้นคำพูดของเขา บุรุษเซียนก็สะบัดพัดสีฟ้าน้ำทะเล สลักลวดลายเครือเถาในมือ พุ่งเข้าตัดเชือกเหนือตาข่าย พาให้ร่างของประมุขน้อยหนุ่มร่วงลงสู่พื้นอย่างไม่ปราณีปราศรัย ดีว่าเขายังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ก็ตรงยอมเสกตาข่ายออกไปนี่ละ 

ทันทีที่อู๋เหริ่นชวนเป็นอิสระ เจ้าหน้าละอ่อนทั้งสามก็ถอยกรูดเข้าหากัน ต่างเสกพัดเวทย์ขึ้นมาถือไว้คนละอัน

เจ้ามู่เฉินถือพัดสีน้ำตาล เขียนอักษร ดิน ซานไป๋ถือพัดสีฟ้า เขียนอักษร น้ำ ส่วนเจ้าจิวยี่ถือพัดโปร่งใส สลักอักษรลม พัดแต่ละอันไร้ลวดลาย มีเพียงอักษรแสดงธาตุทั้งสามเท่านั้น คะเนด้วยสายตาแล้ว คงเป็นธาตุกำเนิดของเจ้าหน้าละอ่อนทั้งสามนั่นแหละ คงมีเพียงพัดของบุรุษหนุ่มหน้าตาคุ้นๆ ผู้นั้นละ ที่ดูแปลกตากว่าใครๆ 

จากที่เคยอ่านในตำรา คงจะเป็นพัดเวทย์เสียมากกว่าพัดหรืออาวุธพัดธรรมดา

“อาจารย์ นี่ขอรับปีศาจที่พวกเราจับได้ ตัวหนักเหลือเกิน พวกเราช่วยกันดึงลงมาจากต้นไม้เท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ”

“ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ปีศาจ”

“หากไม่ใช่ แล้วทำไมเจ้าจึงเดินมาติดตาข่ายของพวกเราได้ล่ะ” ซานไป๋ยังไม่อาจคลายความสงสัยลงไปได้

“ก็ข้าเป็นมารไง พอจะติดตาข่ายของพวกเจ้าได้มั้ยล่ะ” 

“อย่างเจ้าน่ะหรือจะเป็นมาร มีแค่ชาดแต้มหน้าผาก จะเป็นมารได้ยังไง ดูจากการแต่งกายของเจ้า ดูคล้ายปีศาจจิ้งจอกชัดๆ ข้าว่าเจ้าจะต้องเป็นปีศาจจิ้งจอกปลอมตัวมาแน่ๆเลย” จิวยี่สันนิษฐาน ซึ่งเจ้าหน้าละอ่อนอีกสองคนก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“พวกเจ้านี่ช่างเดาเก่งซะจริงนะ” อู๋เหริ่นชวนเบ้ปาก เสมองไปทางอื่น นึกไม่ถึงเลยว่า บุรุษรูปงามผู้ไม่พูดอะไรสักคำ จะวาดนิ้วมือขึ้นแตะหน้าผากตนเอง จนเกิดลำแสงสีฟ้า ก่อนวาดเข้าใส่กลางหน้าผากของเขา 

เพียงครู่ภาพตรามารก็ปรากฎขึ้นในห้วงคำนึง ตามมาด้วยภาพบุรุษหนุ่มน้อยตรงหน้าสวมอาภรณ์ดำ ปักลายดอกปี๋อั้น อันเป็นเครื่องแต่งกายของมารชั้นสูงแห่งพรรคมารโลหิต 

“เขาไม่ใช่ปีศาจ” 

“เห็นมั้ยว่า บุรุษผู้นี้สายตาแหลมคมจริงๆ”

“แล้วเขาเป็นใครขอรับอาจารย์” ซานไป๋เอ่ยถามขึ้น ทั้งยังไม่ละสายตาจากคนที่เขาคิดว่าเป็นปีศาจอยู่นั่นเอง 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่68 เคียงคู่ใต้หมู่ดาว (จบบริบูรณ์)

    “หยุดมือได้แล้ว เจ้าไม่เหน็ดเหนื่อยบ้างหรือ”หลัวเซียนไม่เอ่ยเปล่า แกล้งหลบรัศมีกระบี่ไม่พ้น พาให้คมกระบี่ถากชายเสื้อของเขาขาดเป็นทางยาวอู๋เหริ่นชวนเบิกตากว้าง แรกทีเดียวเขาเข้าใจว่าทำร้ายอีกฝ่ายเข้าแล้ว จึงยอมหหยุดมือในทันใด“หยุดเถอะ เจ้าทำชายเสื้อข้าขาดหมดแล้ว”“ยังสู้ไม่หนำใจเลย เจ้าก็ยอมแพ้เสียแล้ว ไม่สนุกเลย” อู๋เหริ่นชวนสอดกระบี่เก็บเข้าฝัก แล้วเดินมาประจันหน้ากับคนถูกทำชายเสื้อขาด“หายโมโหแล้วใช่หรือไม่ ข้าจะได้บอกเรื่องหนึ่งกับเจ้า”“อึม” อู๋เหริ่นชวนพยักหน้ารับ แล้วก็แทบไม่อยากเชื่อหูตนเองกับสิ่งที่ได้ยิน“ข้าสละตำแหน่งประมุขเผ่าเซียนแล้ว หลังจากประชุมผู้นำเซียนยุทธจากสำนักต่างๆ ทุกคนเห็นว่า ควรมีการเลือกสรรประมุขขึ้นมาใหม่ ข้าสนับสนุนให้เจ้าสำนักเจียงเหวิน ขึ้นเป็นผู้นำเผ่าเซียนคนต่อไป”“แล้วเจ้าล่ะ”“ส่วนข้า ก็จะออกท่องโลกกว้าง ดังที่ได้ปรารถนาเอาไว้แต่แรก จากนั้นก็จะกลับไปบำเพ็ญเซียนที่ตำหนักฉางชุน”“เจ้าจะถือสันโดษงั้นหรือ”ฟังเจตนารมณ์ของอีกฝ่ายแล้ว ประมุขน้อยหนุ่มก็ใจหาย เขาจะไปขัดขวางการบรรลุเซียนของหลัวเซียนได้อย่างไรกัน“ข้าเพียงอยากใช้ชีวิตเรียบง่าย หลังเสร็จจากสอ

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่67 เคียงบ่าเคียงไหล่

    “เหตุใดจึงแค้นเล่า เขาจำเรื่องราวในภพก่อนได้อย่างนั้นหรือ” ผู้ฟังนิทานวัยสิบหกปีผู้หนึ่งเอ่ยถามขัดจังหวะขึ้น“ย่อมจำได้อยู่แล้ว ก็จอมมารอู๋เซียงอี๋ได้อธิษฐานต่อแม่น้ำวั่งชวน หอวั่งเซียง สะพานไน่เหอเอาไว้ ก่อนดื่มน้ำแกงยายเมิ่งไว้นี่นาว่า จะไม่ขอลืมเลือนหนี้แค้นที่ปรมาจารย์หรงอ้ายเสียนได้ก่อไว้ไปชั่วชีวิต”“เช่นนั้น เขาทำอย่างไร อย่าบอกนะว่า หาทางเอาชีวิตหลัวเซียนน่ะ” หนุ่มน้อยอีกคนถามขึ้นบ้าง“เจ้าหนุ่ม อย่าเพิ่งขัดจังหวะสิ เดิมทีประมุขน้อยอู๋เหริ่นชวนก็หมายเอาชีวิตหลัวเซียนอยู่หรอก ทว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตร หลัวเซียนกลับเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ระหว่างที่ประมุขน้อยอู๋เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงปักบุปผาที่เจียงหนานขณะประมุขน้อยเดินหลงอยู่ในป่า ได้ถูกปีศาจงูจงอางจับตัวไปกักขังไว้ในถ้ำ หลัวเซียนตามไปช่วย ฆ่าปีศาจงูด้วยกู่ฉินพิฆาต ทั้งยังปกป้องประมุขน้อยอู๋ จนตนเองได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้แล้ว ประมุขน้อยยังจะทวงหนี้แค้นได้อีกเรอะ...”ฟังเรื่องราวจริงบ้างเท็จบ้าง ปนเปกันไปนั่นแล้ว อู๋เหริ่นชวนก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทียกกาสุราขึ้นดื่ม แล้วก็ต้องขัดใจนัก เมื่อพบว่าไม่มีสุราเหลืออยู่เลย

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่66 โปรดเล่า

    “ข้านำกระจกหมื่นลี้จากห้องใต้หอคัมภีร์ออกมาไว้ที่ห้องข้า รู้ว่าเจ้าถูกจับตัวมายังเขาเซียนกู่ จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ข้ารู้ว่าอาจช่วยอะไรเจ้าไม่ได้มาก แต่ก็มิอาจนิ่งดูดายได้”“ช่วยอะไรไม่ได้ที่ไหนกัน เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดีเลยต่างหาก”“องค์ชาย” หลัวเซียนประสานมือคารวะนอบน้อม“โปรดเล่าให้ทุกท่าน ณ ที่นี้ฟังทีว่า ตอนข้าไปยังแคว้นไป่ลี่นั้น เป็นอย่างไรบ้าง” หลัวเซียนเอ่ยขึ้นบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายเงียบงันมาครู่ใหญ่“ทุกท่าน ข้าคือองค์ชายหนิงจิ้ง รัชทายาทแห่งแคว้นไป่ลี่ ทั้งสองท่านนี้ เป็นสหายของข้า ตอนข้าออกไปล่าสัตว์นั้น บังเอิญได้ยินเสียงฉิน ท่วงทำนองไพเราะดังแว่วมา จึงตามเสียงฉินไป จนได้พบกับหลัวเซียนและอู๋เหริ่นชวน ดวงตาของเขาพิการทั้งสองข้าง แต่ก็มีฝีมือดีดฉินล้ำเลิศนัก ข้าจึงเชิญเขาไปเป็นแขกที่วังไป่ลี่ แม้ข้าจะมิได้เป็นเซียนยุทธเช่นทุกท่าน เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่ก็ถือสัจจะเป็นที่ตั้ง มิใช่เพียงกษัตริย์ที่ตรัสแล้วไม่คืนคำ แม้แต่รัชทายาทเช่นข้า ก็เช่นกัน”ฟังคำตรัสขององค์ชายแล้ว บรรดาเซียนยุทธก็ต่างประจักษ์ถึงความจริงว่า หลัวจุ้นซินอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นจริงแท้แน่นอน“เมื

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่65 พยานความชั่วช้า

    “ประมุขอู๋ ท่านคงไม่ปกป้องตัวหายนะผู้นี้ จนไม่นึกถึงความสงบสุขของทั้งสองเผ่าหรอกนะ”“ตัวหายนะที่เจ้าอ้างถึง คือบุตรชายคนเดียวของข้า เหตุใดข้าจะปกป้องเขาไม่ได้เล่า” ประมุขอู๋ลี่หมิงประกาศกร้าว“ท่านเจ้าสำนักเกาคงยังไม่ทราบว่า ข้าได้ฝึกวิชาในคัมภีร์มหาเวทย์สำเร็จแล้ว ต่อให้ข้ากลายเป็นวิหคโลหิต ก็ยังสามารถควบคุมตนเองได้ ไม่ทำร้ายผู้อื่นอีก”“ลมปากของเจ้า ผู้ใดเชื่อก็โง่เต็มทีแล้ว” เจ้าสำนักเกาฉียังคงดื้อดึง ไม่ฟังเหตุผลอยู่นั่นเอง“เรื่องบาดหมางระหว่างสำนักของท่านกับข้า หากจะโทษ ก็ต้องโทษบรรดาศิษย์ของพวกท่าน ที่นินทาศิษย์พี่ของข้า ข้าจึงเล่นงานตอบด้วยพิษเห็ดหัวเราะ เรื่องเล็กๆ เพียงเท่านั้น ท่านยังอุตส่าห์เก็บมาใส่ใจ มองข้าด้วยอคติ จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นเรื่องของคนทั้งเผ่าเลยเรอะ แทนที่ท่านจะกล่าวโทษข้า ด้วยอคติส่วนตัวเช่นนี้ มิสู้รามือสักนิด แล้วใคร่ครวญให้ดีก่อนดีหรือไม่ขอรับ”“ไม่ต้องมาสั่งสอนข้า!” เจ้าสำนักเกาฉีตวาดลั่น ยกมือเป็นสัญญาณให้บรรดาศิษย์ของตนดาหน้าเข้าหาคนพรรคมารโลหิต ทว่าเจียงเหวินกลับมิอาจนิ่งดูดายได้ รีบร้องห้ามขึ้นเสียก่อน“ช้าก่อน!”“เจ้าสำนักเจียง ท่านเองก็เข้าข้างปร

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่64 คัมภีร์ที่ถูกคัดลอกใหม่

    เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ค่ายกลในเจดีย์ก็พลันหยุดทำงาน พร้อมๆ กับคนจากเผ่ามนุษย์คนสุดท้าย จบชีวิตลง ภายใต้คมกระบี่กรีดฟ้าเช่นกัน“เอาล่ะ ไม่มีผู้ใดรบกวนท่านแล้ว ซ้ำค่ายกลก็หยุดทำงานแล้ว เรามาคัดคัมภีร์กันเถอะ”หลัวจุ้นซินเสกกระดาษ พู่กัน และหมึกออกมาจากทั้งสองมือ ทั้งยังเสกโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้ขึ้นมาด้วยอู๋เหริ่นชวนยิ้มน้อยๆ หัวเราะเบาๆ ยามหย่อนกายลงบนเก้าอี้ ถือพู่กันไว้ในมือ จรดลงกับกระดาษนิ่งนึกอยู่ครู่ก็เขียนตัวอักษรลงไปเพียงอักษรตัวแรกปรากฏบนกระดาษ ปลายกระบี่กรีดฟ้าก็พุ่งมาพาดบนคอของประมุขน้อยหนุ่ม“ท่านจะทำอะไร”“ข้าต้องแน่ใจสิว่า เจ้าจะไม่แพร่งพรายเนื้อหาในคัมภีร์แก่ผู้อื่นอีก”“ท่านไม่ต้องห่วงหรอก หากข้าให้คัมภีร์แก่ท่านแล้ว ข้าจะฆ่าตัวตายเอง เก็บกระบี่ของท่านเสียก่อนเถิด หากข้าตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เขียนข้อความผิดขึ้นมาจะทำอย่างไร”นั่นละ หลัวจุ้นซินจึงต้องสอดกระบี่เก็็บ็บเข้าฝักประมุขน้อยหนุ่มจึงจรดพู่กันเขียนข้อความต่อไป บทแล้วบทเล่า ยื้อเวลาให้ถึงยามห้าย การคัดคัมภีร์จึงเสร็จสิ้นลง“เอาล่ะ ข้าคัดเสร็จแล้ว เชิญท่านฝึกวิชาในคัมภีร์บทนี้ได้เลย”หลัวจุ้นซินรับกระดาษมากมายม

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่63 สิ้นคำประกาศก้องนั้น

    “ที่ทุกท่านมาถึงเขาเซียนกู่แห่งนี้ คงเพราะเห็นข้ากลายร่างเป็นวิหคโลหิตในวันรับตำแหน่งของท่านประมุขหลัว หลายท่านคงมาเพราะคัมภีร์มหาเวทย์ในหัวข้า ข้าคิดใคร่ครวญมาตลอดทั้งคืนแล้ว ว่าควรจะให้คัมภีร์แก่ใครดี แล้วข้าก็คิดขึ้นมาได้ว่า ในฐานะที่ประมุขหลัวจุ้นซิน เป็นประมุขเผ่าเซียน เขาสมควรได้รับคัมภีร์มหาเวทย์นี้”สิ้นคำประกาศก้องนั้น เซียนยุทธทั้งหลายดูจะไม่ประหลาดใจสักเท่าไหร่ตรงกันข้ามกับคนเผ่ามนุษย์ที่ต่างมองหน้ากัน สนทนากันเบาๆ สีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดแจ้ง“คัมภีร์มหาเวทย์เป็นของเผ่ามนุษย์ เจ้าจะให้คนเผ่าเซียนครอบครองได้อย่างไร” ชายวัยกลางคน หน้ากระดูกจากพรรคหวันซา ต่อว่าขึ้น“นั่นสิ เจ้าควรจะคืนคัมภีร์มหาเวทย์ให้เผ่ามนุษย์ แล้วฆ่าตัวตายไปซะ คัมภีร์จะได้ไม่ตกถึงมือผู้ใดอีก” ชายร่างกำยำ ดวงตาสามเหลี่ยมจากพรรคเหม่ยลี่ต่อว่าขึ้นบ้าง“ใช่ๆ” คนของแคว้นไป่ลี่เองก็เห็นด้วยกับคนเผ่าเดียวกันเช่นกัน“ข้าตัดสินใจแล้ว หากข้าไม่มอบคัมภีร์ให้ประมุขหลัว ท่านว่าจะเป็นเช่นไร ข้าเป็นคนเผ่ามาร ย่อมไม่อยากให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างเผ่ามารกับเผ่าเซียนอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน แต่คัมภีร์

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status