/ วาย / คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ / ตอนที่2.เคหาสน์พันดาว

공유

ตอนที่2.เคหาสน์พันดาว

last update 최신 업데이트: 2025-03-02 22:09:56

ที่ทำให้หนุ่มน้อยต้องตกตะลึงก็คือ เบื้องหน้าของเขามีจิ้งจอกเก้าหางหนุ่มรูปงาม สวมอาภรณ์ขาวสะอาด พวงหางสีขาวทั้งเก้าพลิ้วไหวยามก้าวเดินเชื่องช้า ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว 

ดูเหมือนจิ้งจอกหนุ่มรูปงามผู้นั้นจะยืนนิ่ง จับจ้องมองหอวั่งเซียงครู่หนึ่ง 

“อดีตที่ผ่านมาแล้ว ลืมมันไปก็ดี” ว่าแล้วจิ้งจอกหนุ่มรูปงามก็ยกถ้วยน้ำแกงขึ้นจรดปาก ดื่มน้ำแกงลืมอดีตจนหมดถ้วย ก่อนก้าวข้ามสะพานไน่เหอ เข้าสู่ประตูทรงโค้ง คล้ายกระจกบานใหญ่ไป 

ทว่าบุรุษอาภรณ์ดำกลับไม่ทำเช่นนั้น เขาเพียงยืนนิ่ง มองหอวั่งเซียงเบื้องหน้า นัยน์ตาฉายแววเจ็บปวด 

“ข้ายินดีลืมเลือนทุกสิ่ง แต่ข้าขอสาบานต่อฟ้าดิน ต่อแม่น้ำวั่งชวน สะพานไน่เหอ หอวั่งเซียงแห่งนี้ว่า ข้า...จะไม่ขอลืมเลือนเจ้า แม้ว่าข้าจะดื่มน้ำแกงลืมอดีตนี้แล้วก็ตาม” สิ้นคำสาบานนั้น เสียงฟ้าร้องครืนครั่นก็ดังมาจากที่ไกลแสนไกล เกิดสายฟ้าแลบขึ้นสายหนึ่ง คล้ายรับรู้คำสาบานนั้น ยามบุรุษอาภรณ์ดำก้าวผ่านประตูบานใหญ่นั้นไปสู่ภพภูมิเบื้องหน้า 

“เสี่ยวชวน...เสี่ยวชวน ตื่นรึยัง” เสียงตะโกนดังมาจากหน้าเรือนพัก ปลุกให้ “อู๋เหริ่นชวน” นามรอง “เสี่ยวชวน” สะดุ้งตื่นจากความฝันประหลาด ประมุขน้อยแห่งพรรคมารโลหิตผุดลุกจากที่นอน บิดกายไปมาครู่หนึ่ง แล้วลุกมาเปิดประตู

“ศิษย์พี่ นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ” คนโอดครวญว่าพลางปิดปากหาวหวอด ขณะที่สตรีร่างสคราญ ดวงหน้างดงามดุจสตรีในภาพวาด ด้วยฝีมือจิตกรชั้นเอก ดวงหน้าหมดจด เส้นคิ้วโค้งงามดุจคันศร ดวงตาคู่เรียวดุจดวงตากวางน้อย จมูกโด่ง กลีบปากสีชมพูดุจกลีบกุหลาบแรกแย้ม แต่งกายด้วยอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม ขับความงามโดดเด่น ยิ้มตอบกลับมา

“เสี่ยวชวน เราต้องเตรียมตัวเดินทางกันแล้ว”

“จะรีบไปไหน อีกตั้งห้าวันกว่าจะถึงวันงาน แต่ก็เอาเถอะ…” อู๋เหริ่นชวนยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อนึกถึงการได้ออกนอกพรรค ไปท่องโลกกว้างเบื้องนอก 

เพราะนอกจากไปเที่ยวในเมืองยวี่เทียนแล้ว ประมุขน้อยเช่นเขาก็ไม่เคยออกไปไกลเกินดินแดนเผ่ามารมาก่อน 

ฉะนั้น การไปงานเลี้ยงปักบุปผาที่สำนักเจียงอู่ เมืองเจียงหนาน ในครั้งนี้ เขาจึงวางแผนเอาไว้ในใจว่า อย่างไรจะต้องออกท่องเที่ยวให้เต็มที่ ตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน และหลังจากเสร็จสิ้นงานแล้ว 

“ข้าจะรีบไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้เลย” 

ครึ่งชั่วยามต่อมา ประมุขน้อยแห่งพรรคมารโลหิต สวมชุดตัวยาวสีเขียวอ่อน ทับด้วยเสื้อกั๊กตัวนอกสีเดียวกัน ปักลายฉลุรูปดอกจวี้ฮวา หรือดอกเบญจมาศ เรือนผมดำขลับยาวประดับปิ่นหยกลวดลายดอกไม้ชนิดเดียวกัน เสริมส่งให้เขาดูเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม ดูจ้าวสำราญ ไม่เหมือนประมุขน้อยแห่งพรรคมารโลหิตเลยสักนิด 

“เสี่ยวชวน ใยเจ้าไม่สวมอาภรณ์ดำ เหตุใดจึงสวมเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดเช่นนี้” “อู๋ลี่หมิง” ประมุขพรรคมารโลหิต ผู้แต่งกายด้วยอาภรณ์ดำ ไหล่ซ้ายและขวาปักลายดอกปี๋อั้นสีแดงเพลิงดุจโลหิต อันเป็นชุดประจำเผ่ามารตำหนิขึ้น ท่ามกลางบรรดาศิษย์พี่และศิษย์น้องมากมาย 

“ชุดสำคัญเช่นนี้ ข้าก็ต้องเก็บไว้ใส่วันงานสิขอรับท่านพ่อ ระหว่างเดินทาง ก็ต้องสวมชุดอื่นไปก่อน ท่านก็รู้ว่า ข้าไม่มีพลังวิญญาณ ไร้ซึ่งวรยุทธอย่างศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย เกิดมีใครคิดปองร้ายข้า จะทำเช่นไร” 

จะว่าไปแล้ว เหตุผลของอู๋เหริ่นชวนก็เข้าทีไม่น้อย หากกลางทางเกิดพลัดหลงกับศิษย์พี่ ศิษย์น้องขึ้นมา ใครเล่าจะปกป้องเขาได้ 

“เอาเถอะ ตำหนิเจ้าไปก็เท่านั้น เจ้ากับศิษย์พี่ศิษย์น้อง ออกเดินทางเถอะ อ้อ…” ประมุขอู๋ลี่หมิงคล้ายจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะร่ายเวทย์ส่งสาส์นล่องหนฉบับหนึ่งใส่มือบุตรชายคนเดียว

“ข้าฝากสาส์นนี่ให้ท่านหลัวเซียนด้วย”

“หลัวเซียน ใครกันขอรับ” อู๋เหริ่นชวนย่นหัวคิ้ว ไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดบิดาของเขาจึงมีสาส์นลับถึงคนผู้นี้ด้วย 

“หากเจ้าได้พบ ก็จะรู้เองล่ะว่า เขาเป็นใคร ไปได้แล้ว”

“ขอรับ ท่านพ่อ รักษาตัวด้วย” อู๋เหริ่นชวนประสานมือคารวะนอบน้อม ค้อมศีรษะและลำตัวส่วนบนลงช้าๆ พร้อมเพรียงกับศิษย์พี่และศิษย์น้องของเขา

ครู่ต่อมา ขบวนรถม้าก็เคลื่อนจากเคหาสน์พันดาว มุ่งออกจากเมืองยวี่เทียน สู่เมืองเจียงหนาน 

รถม้าแล่นมาตามเส้นทางเล็กๆ ตัดผ่านแนวป่ารกครึ้ม ขณะที่คนบนรถเลื่อนบานหน้าต่างออกมองทิวทัศน์เบื้องนอก พร้อมกับยิ้มกว้าง จนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ ดวงตาทั้งคู่ทอประกายซุกซน ยามหันมาเอ่ยกับ “อู๋หมิ่นเยี่ยน” ศิษย์พี่ผู้นับถือกันดั่งพี่สาวแท้ๆ

“ศิษย์พี่ ท่านล่วงหน้าไปที่เจียงหนานก่อนได้มั้ย ข้าขอไปเที่ยวสักสองสามวัน แล้วจะตามไปสมทบกับท่านแน่นอน”

“ไม่ได้ ท่านประมุขให้เจ้ามางานสำคัญ ไม่ใช่ให้ออกมาเถลไถล”

“น่า ศิษย์พี่ ท่านก็รู้ว่าข้า ไม่เถลไถลอยู่แล้ว อย่างไรข้าก็ต้องตามท่านไปแน่นอน ท่านอนุญาตให้ข้าออกไปเที่ยวเถอะนะ นะขอรับ” ประมุขน้อยไม่อ้อนเปล่า เขย่าแขนศิษย์พี่เบาๆ อีกต่างหาก มีหรืออู๋หมิ่นเยี่ยนผู้ทั้งรักและตามใจศิษย์น้องมาตลอด จะเอาชนะลูกอ้อนของเขาได้ ที่สุดก็ยอมพยักหน้าอนุญาต

“ขอบคุณขอรับศิษย์พี่”

“เจ้าต้องระวังตัวให้มากนะ อย่าก่อเรื่องล่ะ”

“คนไร้ฝีมือเช่นข้า จะไปก่อเรื่องอะไรได้ ท่านอย่าห่วงไปเลย แล้วพบกันนะขอรับ” ว่าแล้ว ประมุขน้อยหนุ่มก็เปิดหน้าต่างรถออกกว้าง เหินกายออกมาทางหน้าต่างบานนั้น แต่แทนที่จะตีลังกาม้วนหน้า กระโดดตุบลงบนพื้นดินอย่างสง่างามดังหมาย กลับร่วงลงจากรถม้า ก้นจ้ำเบ้า ไม่เป็นท่า

“โอ๊ย!” ประมุขน้อยหนุ่มคลำก้นป้อยๆ ความเจ็บจุกยังไม่เท่าความเจ็บใจ ในความไร้ฝีมือของตนเอง

เห็นดังนั้น บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องก็ต่างทอดถอนใจไปตามๆ กัน พร้อมกับขบวนรถหยุดลงในทันใด

ขณะที่อู๋เหยียน อู๋ฉง อู๋เฉียง สามศิษย์พรรคมารเองก็ต่างมองหน้ากัน แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ ไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกเขาจะหัวเราะเยาะศิษย์น้องผู้นี้ ด้วยรู้ดีว่า เขาเลือกเกิดไม่ได้ ไม่อาจมีพลังวิญญาณ จึงไม่อาจฝึกวรยุทธได้เช่นผู้อื่น 

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่68 เคียงคู่ใต้หมู่ดาว (จบบริบูรณ์)

    “หยุดมือได้แล้ว เจ้าไม่เหน็ดเหนื่อยบ้างหรือ”หลัวเซียนไม่เอ่ยเปล่า แกล้งหลบรัศมีกระบี่ไม่พ้น พาให้คมกระบี่ถากชายเสื้อของเขาขาดเป็นทางยาวอู๋เหริ่นชวนเบิกตากว้าง แรกทีเดียวเขาเข้าใจว่าทำร้ายอีกฝ่ายเข้าแล้ว จึงยอมหหยุดมือในทันใด“หยุดเถอะ เจ้าทำชายเสื้อข้าขาดหมดแล้ว”“ยังสู้ไม่หนำใจเลย เจ้าก็ยอมแพ้เสียแล้ว ไม่สนุกเลย” อู๋เหริ่นชวนสอดกระบี่เก็บเข้าฝัก แล้วเดินมาประจันหน้ากับคนถูกทำชายเสื้อขาด“หายโมโหแล้วใช่หรือไม่ ข้าจะได้บอกเรื่องหนึ่งกับเจ้า”“อึม” อู๋เหริ่นชวนพยักหน้ารับ แล้วก็แทบไม่อยากเชื่อหูตนเองกับสิ่งที่ได้ยิน“ข้าสละตำแหน่งประมุขเผ่าเซียนแล้ว หลังจากประชุมผู้นำเซียนยุทธจากสำนักต่างๆ ทุกคนเห็นว่า ควรมีการเลือกสรรประมุขขึ้นมาใหม่ ข้าสนับสนุนให้เจ้าสำนักเจียงเหวิน ขึ้นเป็นผู้นำเผ่าเซียนคนต่อไป”“แล้วเจ้าล่ะ”“ส่วนข้า ก็จะออกท่องโลกกว้าง ดังที่ได้ปรารถนาเอาไว้แต่แรก จากนั้นก็จะกลับไปบำเพ็ญเซียนที่ตำหนักฉางชุน”“เจ้าจะถือสันโดษงั้นหรือ”ฟังเจตนารมณ์ของอีกฝ่ายแล้ว ประมุขน้อยหนุ่มก็ใจหาย เขาจะไปขัดขวางการบรรลุเซียนของหลัวเซียนได้อย่างไรกัน“ข้าเพียงอยากใช้ชีวิตเรียบง่าย หลังเสร็จจากสอ

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่67 เคียงบ่าเคียงไหล่

    “เหตุใดจึงแค้นเล่า เขาจำเรื่องราวในภพก่อนได้อย่างนั้นหรือ” ผู้ฟังนิทานวัยสิบหกปีผู้หนึ่งเอ่ยถามขัดจังหวะขึ้น“ย่อมจำได้อยู่แล้ว ก็จอมมารอู๋เซียงอี๋ได้อธิษฐานต่อแม่น้ำวั่งชวน หอวั่งเซียง สะพานไน่เหอเอาไว้ ก่อนดื่มน้ำแกงยายเมิ่งไว้นี่นาว่า จะไม่ขอลืมเลือนหนี้แค้นที่ปรมาจารย์หรงอ้ายเสียนได้ก่อไว้ไปชั่วชีวิต”“เช่นนั้น เขาทำอย่างไร อย่าบอกนะว่า หาทางเอาชีวิตหลัวเซียนน่ะ” หนุ่มน้อยอีกคนถามขึ้นบ้าง“เจ้าหนุ่ม อย่าเพิ่งขัดจังหวะสิ เดิมทีประมุขน้อยอู๋เหริ่นชวนก็หมายเอาชีวิตหลัวเซียนอยู่หรอก ทว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตร หลัวเซียนกลับเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ระหว่างที่ประมุขน้อยอู๋เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงปักบุปผาที่เจียงหนานขณะประมุขน้อยเดินหลงอยู่ในป่า ได้ถูกปีศาจงูจงอางจับตัวไปกักขังไว้ในถ้ำ หลัวเซียนตามไปช่วย ฆ่าปีศาจงูด้วยกู่ฉินพิฆาต ทั้งยังปกป้องประมุขน้อยอู๋ จนตนเองได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้แล้ว ประมุขน้อยยังจะทวงหนี้แค้นได้อีกเรอะ...”ฟังเรื่องราวจริงบ้างเท็จบ้าง ปนเปกันไปนั่นแล้ว อู๋เหริ่นชวนก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทียกกาสุราขึ้นดื่ม แล้วก็ต้องขัดใจนัก เมื่อพบว่าไม่มีสุราเหลืออยู่เลย

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่66 โปรดเล่า

    “ข้านำกระจกหมื่นลี้จากห้องใต้หอคัมภีร์ออกมาไว้ที่ห้องข้า รู้ว่าเจ้าถูกจับตัวมายังเขาเซียนกู่ จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ข้ารู้ว่าอาจช่วยอะไรเจ้าไม่ได้มาก แต่ก็มิอาจนิ่งดูดายได้”“ช่วยอะไรไม่ได้ที่ไหนกัน เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดีเลยต่างหาก”“องค์ชาย” หลัวเซียนประสานมือคารวะนอบน้อม“โปรดเล่าให้ทุกท่าน ณ ที่นี้ฟังทีว่า ตอนข้าไปยังแคว้นไป่ลี่นั้น เป็นอย่างไรบ้าง” หลัวเซียนเอ่ยขึ้นบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายเงียบงันมาครู่ใหญ่“ทุกท่าน ข้าคือองค์ชายหนิงจิ้ง รัชทายาทแห่งแคว้นไป่ลี่ ทั้งสองท่านนี้ เป็นสหายของข้า ตอนข้าออกไปล่าสัตว์นั้น บังเอิญได้ยินเสียงฉิน ท่วงทำนองไพเราะดังแว่วมา จึงตามเสียงฉินไป จนได้พบกับหลัวเซียนและอู๋เหริ่นชวน ดวงตาของเขาพิการทั้งสองข้าง แต่ก็มีฝีมือดีดฉินล้ำเลิศนัก ข้าจึงเชิญเขาไปเป็นแขกที่วังไป่ลี่ แม้ข้าจะมิได้เป็นเซียนยุทธเช่นทุกท่าน เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่ก็ถือสัจจะเป็นที่ตั้ง มิใช่เพียงกษัตริย์ที่ตรัสแล้วไม่คืนคำ แม้แต่รัชทายาทเช่นข้า ก็เช่นกัน”ฟังคำตรัสขององค์ชายแล้ว บรรดาเซียนยุทธก็ต่างประจักษ์ถึงความจริงว่า หลัวจุ้นซินอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นจริงแท้แน่นอน“เมื

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่65 พยานความชั่วช้า

    “ประมุขอู๋ ท่านคงไม่ปกป้องตัวหายนะผู้นี้ จนไม่นึกถึงความสงบสุขของทั้งสองเผ่าหรอกนะ”“ตัวหายนะที่เจ้าอ้างถึง คือบุตรชายคนเดียวของข้า เหตุใดข้าจะปกป้องเขาไม่ได้เล่า” ประมุขอู๋ลี่หมิงประกาศกร้าว“ท่านเจ้าสำนักเกาคงยังไม่ทราบว่า ข้าได้ฝึกวิชาในคัมภีร์มหาเวทย์สำเร็จแล้ว ต่อให้ข้ากลายเป็นวิหคโลหิต ก็ยังสามารถควบคุมตนเองได้ ไม่ทำร้ายผู้อื่นอีก”“ลมปากของเจ้า ผู้ใดเชื่อก็โง่เต็มทีแล้ว” เจ้าสำนักเกาฉียังคงดื้อดึง ไม่ฟังเหตุผลอยู่นั่นเอง“เรื่องบาดหมางระหว่างสำนักของท่านกับข้า หากจะโทษ ก็ต้องโทษบรรดาศิษย์ของพวกท่าน ที่นินทาศิษย์พี่ของข้า ข้าจึงเล่นงานตอบด้วยพิษเห็ดหัวเราะ เรื่องเล็กๆ เพียงเท่านั้น ท่านยังอุตส่าห์เก็บมาใส่ใจ มองข้าด้วยอคติ จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นเรื่องของคนทั้งเผ่าเลยเรอะ แทนที่ท่านจะกล่าวโทษข้า ด้วยอคติส่วนตัวเช่นนี้ มิสู้รามือสักนิด แล้วใคร่ครวญให้ดีก่อนดีหรือไม่ขอรับ”“ไม่ต้องมาสั่งสอนข้า!” เจ้าสำนักเกาฉีตวาดลั่น ยกมือเป็นสัญญาณให้บรรดาศิษย์ของตนดาหน้าเข้าหาคนพรรคมารโลหิต ทว่าเจียงเหวินกลับมิอาจนิ่งดูดายได้ รีบร้องห้ามขึ้นเสียก่อน“ช้าก่อน!”“เจ้าสำนักเจียง ท่านเองก็เข้าข้างปร

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่64 คัมภีร์ที่ถูกคัดลอกใหม่

    เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ค่ายกลในเจดีย์ก็พลันหยุดทำงาน พร้อมๆ กับคนจากเผ่ามนุษย์คนสุดท้าย จบชีวิตลง ภายใต้คมกระบี่กรีดฟ้าเช่นกัน“เอาล่ะ ไม่มีผู้ใดรบกวนท่านแล้ว ซ้ำค่ายกลก็หยุดทำงานแล้ว เรามาคัดคัมภีร์กันเถอะ”หลัวจุ้นซินเสกกระดาษ พู่กัน และหมึกออกมาจากทั้งสองมือ ทั้งยังเสกโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้ขึ้นมาด้วยอู๋เหริ่นชวนยิ้มน้อยๆ หัวเราะเบาๆ ยามหย่อนกายลงบนเก้าอี้ ถือพู่กันไว้ในมือ จรดลงกับกระดาษนิ่งนึกอยู่ครู่ก็เขียนตัวอักษรลงไปเพียงอักษรตัวแรกปรากฏบนกระดาษ ปลายกระบี่กรีดฟ้าก็พุ่งมาพาดบนคอของประมุขน้อยหนุ่ม“ท่านจะทำอะไร”“ข้าต้องแน่ใจสิว่า เจ้าจะไม่แพร่งพรายเนื้อหาในคัมภีร์แก่ผู้อื่นอีก”“ท่านไม่ต้องห่วงหรอก หากข้าให้คัมภีร์แก่ท่านแล้ว ข้าจะฆ่าตัวตายเอง เก็บกระบี่ของท่านเสียก่อนเถิด หากข้าตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เขียนข้อความผิดขึ้นมาจะทำอย่างไร”นั่นละ หลัวจุ้นซินจึงต้องสอดกระบี่เก็็บ็บเข้าฝักประมุขน้อยหนุ่มจึงจรดพู่กันเขียนข้อความต่อไป บทแล้วบทเล่า ยื้อเวลาให้ถึงยามห้าย การคัดคัมภีร์จึงเสร็จสิ้นลง“เอาล่ะ ข้าคัดเสร็จแล้ว เชิญท่านฝึกวิชาในคัมภีร์บทนี้ได้เลย”หลัวจุ้นซินรับกระดาษมากมายม

  • คนของข้าคือจอมมารไร้ใจ   ตอนที่63 สิ้นคำประกาศก้องนั้น

    “ที่ทุกท่านมาถึงเขาเซียนกู่แห่งนี้ คงเพราะเห็นข้ากลายร่างเป็นวิหคโลหิตในวันรับตำแหน่งของท่านประมุขหลัว หลายท่านคงมาเพราะคัมภีร์มหาเวทย์ในหัวข้า ข้าคิดใคร่ครวญมาตลอดทั้งคืนแล้ว ว่าควรจะให้คัมภีร์แก่ใครดี แล้วข้าก็คิดขึ้นมาได้ว่า ในฐานะที่ประมุขหลัวจุ้นซิน เป็นประมุขเผ่าเซียน เขาสมควรได้รับคัมภีร์มหาเวทย์นี้”สิ้นคำประกาศก้องนั้น เซียนยุทธทั้งหลายดูจะไม่ประหลาดใจสักเท่าไหร่ตรงกันข้ามกับคนเผ่ามนุษย์ที่ต่างมองหน้ากัน สนทนากันเบาๆ สีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดแจ้ง“คัมภีร์มหาเวทย์เป็นของเผ่ามนุษย์ เจ้าจะให้คนเผ่าเซียนครอบครองได้อย่างไร” ชายวัยกลางคน หน้ากระดูกจากพรรคหวันซา ต่อว่าขึ้น“นั่นสิ เจ้าควรจะคืนคัมภีร์มหาเวทย์ให้เผ่ามนุษย์ แล้วฆ่าตัวตายไปซะ คัมภีร์จะได้ไม่ตกถึงมือผู้ใดอีก” ชายร่างกำยำ ดวงตาสามเหลี่ยมจากพรรคเหม่ยลี่ต่อว่าขึ้นบ้าง“ใช่ๆ” คนของแคว้นไป่ลี่เองก็เห็นด้วยกับคนเผ่าเดียวกันเช่นกัน“ข้าตัดสินใจแล้ว หากข้าไม่มอบคัมภีร์ให้ประมุขหลัว ท่านว่าจะเป็นเช่นไร ข้าเป็นคนเผ่ามาร ย่อมไม่อยากให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างเผ่ามารกับเผ่าเซียนอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน แต่คัมภีร์

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status